“กลับกันได้แล้ว เสี่ยวเฮย ไม่มีเวลาแล้ว อีกเดี๋ยวยังต้องทำเป็เกี่ยวหญ้ากลับไปนิดหน่อยด้วย” เอื้อมมือออกไปเรียกเสี่ยวเฮย ให้มันนำทาง
แต่เสี่ยวเฮยกลับไม่ค่อยเต็มใจ ปกติมันเล่นสนุกอยู่บนูเาตามที่ใจมัน้า นี่เพิ่งออกมานานเท่าไรเองจะกลับไปแล้ว?
เสี่ยวเฮยนำทางกลับไปอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย ทว่าก็ยังเดินอ้อมหน้าผาสูงชันอย่างเชื่อฟัง กลับไปทางอีกเส้นหนึ่งต่างจากตอนขามา
ทางลงเขาสูงและชันอยู่บ้าง รวมกับมีพุ่มไม้เตี้ยมีหนามแหลมขึ้นติดต่อกัน ความเร็วของเจินจูเลยช้าลงเล็กน้อย ผ่านไปหนึ่งเค่อ นางจึงเดินมาถึงกลางป่ากว้างใหญ่มีพื้นที่ราบเรียบแห่งหนึ่ง
เพิ่งจะยืนตัวตรงนิ่งได้ก็มองเห็นบนพื้นราบที่ไม่ไกลออกไป เสี่ยวเฮยกำลังหยอกล้อหนูขนเทาหนึ่งตัวที่ร่างสั่นเทาอยู่
อุ้งเท้าซ้ายตบไป อุ้งเท้าขวากลิ้งกลับมา หนูขนเทาตัวสั่นจนเกือบจะตายแล้ว แต่ยังคงปล่อยให้ตัวมันถูกตบกลิ้งไปมาแต่โดยดี
“…”
นี่เป็กิจกรรมสนุกสนานประจำวันของแมวว่างตัวนี้หรือ?
มิน่าเล่า ครั้งก่อนหวังซื่อยังกล่าวด้วยความงงงวยอยู่เลย ว่าเมื่อก่อนหนูในหมู่บ้านมักจะออกมาสร้างความเสียหายให้ข้าวเปลือกของที่บ้านเป็ประจำ ่นี้กลับไม่เห็นเงาของหนูเลยสักตัว
หนูละแวกนี้คาดว่าล้วนถูกาาแมวผู้ยิ่งใหญ่นี่ทำให้ใหนีไปแล้วกระมัง ฮ่าๆ
“เสี่ยวเฮย หยุดเล่นหนูได้แล้ว รีบปล่อยมัน ไปกันเถอะ” เจินจูะโเรียก
เสี่ยวเฮยได้ยินดังนั้นเลยตบหนูขนเทาออกไปหนึ่งที เหยียดกายยืนขึ้นอย่างเย่อหยิ่งแล้วเดินส่ายสะโพกไป
หนูขนเทาตัวนั้นกลิ้งอยู่บนพื้นสองสามตลบ แล้วพลิกตัวหนึ่งทีกลับยืนขึ้นมา วิ่งเข้าไปในพงหญ้าด้วยความฉับไว
“…”
หนูเป็สัตว์ชนิดหนึ่งที่พลังชีวิตเข้มแข็งที่สุดจริงๆ
เจินจูเงียบไม่พูดไม่จา
ก้าวตามเสี่ยวเฮยไปให้ทัน แต่กลับพบว่าเสี่ยวเฮยนั่งอยู่เฉยๆ ตรงเนินลาดที่มีวัชพืชมากมายขึ้นอยู่รวมกันหย่อมหนึ่ง และไม่ขยับเขยื้อนทำอะไร
“เสี่ยวเฮย เ้าไปทำอะไรตรงนั้น?”
“เหมียว”
ให้นางเข้าไปหรือ? แม้ฟังภาษาแมวไม่เข้าใจ แต่นางสามารถเข้าใจความหมายออกได้สองสามส่วน
เขี่ยวัชพืชรกที่อยู่เต็มพื้นออก พอคิดจะก้าวเข้าไปกลับได้ยินเสียงกรอบแกรบพักหนึ่ง งูสีน้ำตาลเข้มหนึ่งตัวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วบนเนินลาดข้างหลังเสี่ยวเฮย พร้อมกับอ้าปากมุ่งไปกัดมัน
“ระวัง!”
คุณพระช่วย งูชูคอขึ้นและแผ่แม่เบี้ย เห็นได้ชัดว่าเป็าาแห่งงู... งูจงอางหรือนี่
เสี่ยวเฮยหลบทันที หลบหลีกชั่วพริบตาเดียว ดวงตาสีเขียวเข้มเป็ประกายระยิบระยับ พุ่งไปข้างหน้าด้วยกรงเล็บดำมันวาว
งูจงอางขยับว่องไว หมุนลำตัวถอยหลังเกือบจะหลบหลีกไม่พ้น
เสี่ยวเฮยะโลงไปอยู่บนพื้น ทันทีหลังจากนั้นได้ะโขึ้นตะปบอีกทีหนึ่ง ครั้งนี้งูจงอางหลบไม่ทันหลังคอถูกข่วนเป็รอย ทันใดนั้นเืก็ซึมออกมา งูจงอางเจ็บจนหมุนอยู่หลายรอบ มันโกรธมากขึ้นทันที จึงชูลำตัวขึ้นแล้วโผไปทางเสี่ยวเฮย
“หลบเร็ว!”
เจินจูร้องใ หยิบไม้ตะบองในมือขึ้นแล้วมุ่งไปทางพวกมัน
เสี่ยวเฮยรวดเร็วขยับดั่งฟ้าแลบ เงาดำปรากฏอยู่ข้างหลังงูจงอาง ถีบใต้เท้าหนึ่งทีแล้วตะปบเข้าที่หัวงู “ฟ่อๆ” งูจงอางได้รับความเ็ป สะบัดหางออกไปรัดร่างของเสี่ยวเฮยไว้ หมุนตัวกลับแล้วแยกคมเขี้ยวเค้นพิษออกมา มุ่งไปกัดทางเสี่ยวเฮยด้วยความรวดเร็ว
“เสี่ยวเฮย! หลบเร็ว!” พวกมันขยับเร็วเกินไป เวลาไม่กี่เฮือกก็รัดเข้าด้วยกันแล้ว บนพื้นมีวัชพืชกิ่งก้านที่ตายแล้วเต็มไปหมด เจินจูเดินเข้ามาไม่ทัน ทำได้เพียงะโด้วยความกังวลใจ
เสี่ยวเฮยถูกงูรัดแน่นครึ่งตัวจะขยับตัวได้อย่างไร แต่มันกลับไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา ข่วนเข้าปากงูที่โผเข้ามาอย่างแน่วแน่ กรงเล็บนี้ทำให้ปากของงูจงอางถูกข่วนไปครึ่งหนึ่งจนเืกระเซ็น เจ็บจนมันเกลือกกลิ้งไปทั่วพื้น แต่ลำตัวที่เกี่ยวพันเสี่ยวเฮยไว้กลับยิ่งแน่นขึ้นไปอีก
“หง่าว” เสี่ยวเฮยถูกพันจนทนแทบไม่ไหว ยกอุ้งเท้าขึ้นข่วนร่างของงูฉับพลัน ผิวงูเย็นเลื่อมและเกร็ดแข็งถูกข่วนจนเืกระเซ็นอยู่ภายใต้กรงเล็บแหลมคมของมัน
เจินจูวิ่งเข้ามาบริเวณใกล้เคียง มองซ้ายขวาแวบหนึ่ง แล้วยกหินก้อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ขึ้นมา เล็งเป้าให้ตรงหัวงูที่ขยับร่างรัดไม่หยุด แล้วทุบลงไป
งูจงอางเจ็บจนตาพร่ามัว รอจนมันสังเกตเห็นได้ ก็พบว่าถูกก้อนหินกดทับหลังคอไว้แล้ว
ร่างของงูขยับตะเกียกตะกายอย่างรุนแรง หางที่รัดเสี่ยวเฮยไว้ค่อยๆ ผ่อนแรงลง ผ่านไปครู่หนึ่งมันจึงแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“เสี่ยวเฮย เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?” เจินจูเดินไปข้างหน้าอุ้มเสี่ยวเฮยขึ้นมา สำรวจขึ้นลงอย่างละเอียดหนึ่งรอบ
“เหมียว” เสี่ยวเฮยขยับบิดตัวเล็กน้อย กำลังรัดของหางงูมีมากนัก รัดจนกระดูกของมันเ็ปไปทั้งตัว
เจินจูมองเสี่ยวเฮยบนใบหน้าเปื้อนเืงูที่กระเซ็นมาโดนด้วยความปวดใจ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ต้องถูกรัดเจ็บแน่ๆ นางหยิบก้านผักกวางตุ้งเขียวเป็มันขลับหนึ่งก้านออกมาจากมิติช่องว่างยื่นไปให้มัน สองตาเสี่ยวเฮยเป็ประกาย จิตใจฮึกเหิมขึ้นทันทีทันใด เคี้ยวดัง “กรวบๆ” ด้วยใบหน้ามีความสุข
“จริงๆ เลย งูจงอางผุดออกมาจากไหนกัน หัวใจของเจ้เกือบจะวายตายแล้วเนี่ย นี่เป็าาแห่งงู พิษร้ายแรงมากเลยนะ ถูกกัดหนึ่งทีหากไม่ได้แก้พิษให้ทันแล้วล่ะก็ ภายในชั่วยามหรือสองชั่วยามคนจะตายได้” เจินจูวางเสี่ยวเฮยลง ตบหน้าอกที่ยังหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่ในใจเบาๆ
งูในป่าเขานี่มากเกินไปจริงๆ สัตว์ป่าระหว่างทางพบเพียงไม่กี่ตัว แต่งูใหญ่เล็กเจอตั้งสิบตัวยี่สิบตัว ในนั้นมีงูพิษอยู่ครึ่งหนึ่ง มารดามันเถอะ มิน่าเล่าที่คนกล้าเดินเข้าป่าลึกมีเพียงไม่กี่คน
เสี่ยวเฮยกำลังขยับปากเคี้ยวผัก ได้ยินดังนั้นเลยมองนางแวบหนึ่งด้วยใบหน้าเมินเฉย หยัดตัวขึ้นและสะบัดขนบนร่าง แล้วจึงเดินไปถึงเนินลาดต่ำ นั่งลงข้างพืชหนึ่งต้นแล้วหันมาร้องเรียกนาง “เหมียวๆ”
“เ้าให้ข้ามาตรงนี้ทำไม?” เจินจูเดินเข้ามาใกล้ด้วยความงงงวย “นี่คืออะไร?”
ข้างกายเสี่ยวเฮยมีพืชใบเขียวต้นเตี้ยหนึ่งต้น เพิ่งแตกใบอ่อนไม่กี่ใบ
“เหมียว” เสี่ยวเฮยขุดพื้นดินอย่างรำคาญเต็มที
“…เ้าให้ข้าขุดมันขึ้นมาหรือ” เจินจูเลิกคิ้ว นี่คืออะไร? เอาเถอะ เสี่ยวเฮยให้ขุดก็ขุดแล้วกัน
หยิบจอบเล็กออกมา ขุดรอบๆ พืชต้นนั้นด้วยความระมัดระวัง นางมีความรู้สึกบางอย่าง พืชชนิดนี้น่าจะค่อนข้างล้ำค่า ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเฮยคงไม่สนใจมัน
แต่รายละเอียดคืออะไรเล่า? เอ่อ... ขออภัยที่นางขาดแคลนความรู้เื่พืชแล้วกัน
แม้นางจะระมัดระวังอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ยังขุดรากมันขาดไปกิ่งสองกิ่ง หยิบรากขึ้นมาดมใกล้ๆ มีกลิ่นหอมสดชื่นบางๆ ทันใดนั้นเจินจูก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เป็ไปไม่ได้กระมัง? พืชต้นอ่อนเล็กๆ นี่จะเป็โสมคนหรือ?
นางตะลึง ทันทีหลังจากนั้นจึงขุดขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง ไม่นาน โสมคนหนึ่งต้นขนาดสองนิ้วมือก็วางอยู่บนพื้น
เป็โสมคนจริงด้วย! เจินจูตกตะลึง นางไม่เคยเห็นโสมคนเลยจริงๆ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยทานด้วย อย่างไรเสียโสมคนในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดก็มีน้อยและล้ำค่า นางเป็ชาวบ้านตัวเล็กคนหนึ่งจะได้อุปโภคบริโภคได้อย่างไร แม้เคยเห็นบนโทรทัศน์ แต่ไม่ได้ตั้งใจดูเป็พิเศษว่าใบโสมคนจะมีหน้าตาเช่นนี้ นางดูไม่ออกก็ไม่แปลกเลยสักนิด
มองพิจารณาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่นาน จึงวางเข้าไปในตะกร้าไผ่สานด้วยความพอใจ โสมคนนี่เก็บไว้ให้หูฉางกุ้ยนำไปขาย ในบ้านใช้จ่ายเงินสร้างห้องไปจำนวนมาก ขายโสมคนเพิ่มรายได้ขึ้นนิดหน่อยพอดี
ตบหัวของเสี่ยวเฮยเบาๆ ชมเชยมันอยู่สองสามประโยคแล้วลุกขึ้น “ไปเถอะ นี่ก็เสียเวลาไปหน่อยแล้ว เวลานี้ต้องเย็นแล้วแน่ๆ พวกเราต้องเร่งความเร็วแล้วล่ะ”
“เหมียว” เสี่ยวเฮยร้องหนึ่งทีแล้วพุ่งออกไปไกล เจินจูตามอยู่ด้านหลังไปติดๆ ทันที
ส่วนงูที่ตายตัวนั้น นางไม่ได้นำกลับมาด้วย เพราะนั่นเป็งูพิษ หากให้หลี่ซื่อรู้ว่านางตีงูจงอางตัวหนึ่งตายคงใเป็ลมไปแน่
พวกนางเดินไปไม่นาน หนูขนเทาหนึ่งตัวก็วิ่งไปที่งูจงอาง หลังวนรอบงูหนึ่งที จึงหมุนกายเข้าไปในพุ่มไม้ป่า ผ่านไปไม่นานก็วิ่งออกมาอีกครั้ง ข้างหลังยังมีฝูงหนูเล็กใหญ่ไม่เท่ากันอีกหนึ่งขบวน
เห็นเพียงหนูขนเทาตัวเล็กบัญชาการหนูฝูงนี้ แบ่งงานกันกัดร่างของงูเป็สามท่อนอย่างเป็ระเบียบ ยกเว้นส่วนหัวที่ถูกทับอยู่ใต้ก้อนหิน ส่วนเนื้องูที่เหลือฝูงหนูกัดแล้วลากออกไปทั้งหมด
เห็นเนื้องูถูกลากกลับไปรูหนูหมดแล้ว หนูขนเทาตัวน้อยก็ร้อง “จี๊ดๆ” สองทีแล้ววิ่งออกไปยังทิศทางที่เจินจูวิ่งจากไป
เร่งรีบมาตลอดทางจนถึงเชิงเขาก็เลยเวลาเที่ยงมาแล้ว
ให้เสี่ยวเฮยเฝ้าดูต้นทางอยู่ละแวกใกล้เคียง เจินจูหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นแล้วแอบเข้าไปในมิติช่องว่าง รีบขุดต้นพุทราสองต้น ทันทีหลังจากนั้นได้แบกต้นพุทราไว้บนบ่าออกมาจากมิติช่องว่าง
เพิ่งออกมากลับเห็นเงาร่างสีดำกระโจนเข้ามาต้อนรับตรงหน้า “เหมียว” เสี่ยวเฮยวิ่งขึ้นบนบ่าของนาง กล่าวจริงๆ คือวิ่งขึ้นบนต้นไม้
“เฮ้อ เสี่ยวเฮย เ้าทำข้าใแทบตาย เ้าวิ่งขึ้นไปข้างบนทำไม? ลงมา!” เจินจูตั้งต้นไม้ขึ้น พูดอะไรไม่ออกอย่างมากที่เสี่ยวเฮยกอดต้นพุทราแน่น
“เหมียว” เสี่ยวเฮยกลับกัดใบไม้ที่เป็มันขลับหนึ่งคำ หลังจากนั้นซ่อนอยู่บนลำต้นด้วยใบหน้าพึงพอใจ
“…นั่นเป็ใบไม้นะ แม้แต่ใบไม้เ้าก็กินหรือ?” เจินจูใบหน้าเหนื่อยหน่าย แม้ต้นพุทราจะปลูกไว้ในมิติช่องว่างนานที่สุด แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่ผลิดอกออกผล ใบไม้? ก็ทานได้หรือ?
เช่นนี้จัดการไม่ง่ายแล้ว เดิมทีนางคิดว่าต้นพุทรายังไม่มีผล น่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของพวกมัน แต่ความเป็จริงเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น หากพวกเพื่อนตัวน้อยแม้แต่ใบไม้ก็กิน เช่นนั้นไม่ต้องรอให้ต้นพุทราผลิดอกออกผลก็คงถูกแทะจนเกลี้ยงแล้ว
“…” นี่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? หรือต้องเอากลับไปปลูกในมิติช่องว่างอีกหรือ? พอคิดถึงพื้นที่คับแคบนั่น เจินจูปฏิเสธทันที
เช่นนั้นก็ให้พวกมันกินแบบนี้หรือ? แล้วลูกพุทรานั่นของนางจะทำอย่างไรล่ะ?
ขณะที่นางกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้น ในพงหญ้าด้านข้าง หนูขนเทาหนึ่งตัวกลับมองต้นพุทราสองต้นในมือนางด้วยดวงตาเป็ประกาย กลิ่นอายที่ไหลล้นจากทั่วต้นไม้นั้นแผ่ขยายยั่วยวนพวกมันไม่หยุด ชั่วพริบตาเดียว สมองของมันก็ฮึกเหิมขึ้นมาแล้วพุ่งออกไป ไม่แม้กระทั่งสนใจว่าบนต้นไม้จะมีาาแมวตัวโตตัวหนึ่งที่ทำให้มันกลัวจนใจเต้นรัวนั่งอยู่
“หง่าว” เสี่ยวเฮยพบเจอหนูขนเทาบนพื้นทันใด เลยพองขนขึ้นเดี๋ยวนั้น แยกเขี้ยวไปทางมันอย่างโเี้
“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่หนูขนเทาเมื่อครู่หรอกหรือ? ทำไมตามลงเขามาล่ะ?” เจินจูมองหนูขนเทาบนพื้นด้วยความประหลาดใจ
หนูขนเทาหยุดชะงักลงบนพื้นด้วยความวิตกกังวล คิดจะปีนขึ้นไปจากโคนต้นไม้ แต่ก็หวาดกลัวเสี่ยวเฮยที่อยู่บนต้นไม้เช่นกัน เลยทำได้เพียงเดินย่องวนรอบข้างต้นไม้ไม่หยุด
“…”
ในที่สุดเจินจูก็มองออก เ้าเพื่อนตัวน้อยนี่ก็ถูกพืชผลจากมิติช่องว่างดึงดูดเข้าแล้วเช่นกัน
โอ้ย จะทำอย่างไรดีนี่? ต้นไม้นี่ยังไม่ได้ปลูกเลยก็มีผู้อยากได้แล้ว นางตัดสินใจไม่ได้อยู่พักหนึ่ง
“หง่าว” หนูขนเทาไม่กล้าขึ้นต้นไม้ เสี่ยวเฮยจึงอาศัยอยู่บนต้นไม้อย่างเฉยเมย ถือโอกาสแทะใบไม้ที่มันขลับอีกหนึ่งใบไปด้วย
“เสี่ยวเฮย เ้าพอได้แล้วนะ หากเ้าแทะใบไม้หมดแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงจะไปหาผลพุทราที่ไหนกิน” เจินจูถลึงตาใส่มันหนึ่งที ขมวดคิ้วครุ่นคิด
แรงดึงดูดของต้นพุทราสองต้นน่าจะอยู่ในขอบเขตที่ไม่ไกล ปลูกบนพื้นที่ลาดเอียงหลังบ้านแล้วล้อมกำแพงสูงขึ้น สามารถกั้นสัตว์ส่วนใหญ่ได้ แต่พวกนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าล่ะจะป้องกันอย่างไร?
ตอนค่ำปกติเสี่ยวเฮยจะอยู่บ้านตลอดก็ไม่ต้องกังวลใจ นกพวกที่เคลื่อนไหวตอนกลางคืนก็ไม่มาก แต่ตอนกลางวันล่ะ?
หรือนางต้องไปจับนกมาช่วย?