“เมืองที่ดอกไม้ล้อมรอบเมืองอย่างนั้นหรือ? น่าสนใจดีนะ” จื่อต้าหลงกล่าวขณะที่มือจับคางครุ่นคิด
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ตัวข้าเคยไปมาแล้วหนึ่งรอบ ช่างงดงามไร้ที่ติมากเ้าค่ะ” นางคณิกากล่าว
“อืมมม ไปชมดอกไม้ก็ไม่เลวนัก” เฉิงไฉเซียวกล่าว บุรุษสมชาติชายเช่นเขาเองก็อยากลองชมดอกไม้ดูบ้าง นี่นับว่าเป็เื่แปลกดีแท้
“ไม่คิดเลยว่าท่านเองก็มีมุมนี้ด้วย พี่ไฉเซียว?” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ฮ่าๆๆ คนเรามันมีกันหลายด้านแหละน่า” เฉิงไฉเซียวตอบยิ้มๆ
“เมืองดอกไม้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองปลาทอง ควรใช้เวลาเดินทางราว 6-7 วัน” ลวี่เหรินกล่าว
“6-7 วันงั้นรึ? ก็ไกลใช่ย่อยเหมือนกันนะ แต่ยังไงข้าก็จะไป” จื่อต้าหลงกล่าว
“พวกเราไปกันวันไหนดี?” ลวี่เหรินกล่าวเสียงนุ่ม
“พรุ่งนี้เลยเป็อย่างไร?” จื่อต้าหลงกล่าว เฉิงไฉเซียวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
“ย่อมได้ ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เจอกันที่ประตูทิศตะวันออกยามเที่ยง” ลวี่เหรินกล่าวนัดเวลา
ตกลงตามนี้ หลังจากทั้งสามหนุ่มตกลงกันเรียบร้อย ก็ได้ดื่มกันอยู่ครู่ใหญ่จึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเพื่อรอวันพรุ่งนี้
จื่อต้าหลงนั้นหอบน้ำเต้าสุราเดินกระดกอย่างต่อเนื่อง ยามขากลับ เด็กหนุ่มชอบที่จะเดินเล่นเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเช่นนี้ เขาเดินใจลอยไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดที่ศาลาชมจันทร์เสียแล้ว เมื่อไปถึงศาลา เด็กหนุ่มเงยหน้าชมจันทร์อย่างเดียวดาย…. เขายกสุราขึ้นมาดื่มเรื่อยๆ ลมหนาวพัดผ่าน เส้นผมปลิวไสวไปตามสายลม ภายในใจสงบนิ่ง เด็กหนุ่มยืนเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นราวครึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นเขาก็ทะยานร่างผ่านหลังคาบ้านเรือนกลับที่ไปจวนตระกูลจื่อ
วันถัดมา
จื่อต้าหลงมีนัดกับสองหนุ่มว่าวันนี้จะออกเดินทางไปเที่ยวชมเมืองดอกไม้ เมื่อเขาบอกจื่อเทียนหลาง ท่านพ่อเขาจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าให้ ทั้งยังกำชับว่า… ‘ออกไปท่องยุทธก็จงระวังตัวเสียให้ดี ดาบไม่มีหูกระบี่ไม่มีตา จะทำอะไรต้องมีสติตลอดเวลา’
หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว จื่อต้าหลงก็ให้สารถีไปจอดรถม้ารอสหายทั้งสองที่ประตูเมืองทางทิศตะวันออก หลังจากรออยู่ได้ครู่หนึ่ง… จื่อต้าหลงก็เห็นสองหนุ่มกำลังเดินมาด้วยกันพอดี
“เฮ้!! ขึ้นรถม้าเถอะ ข้าเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวกับสหาย
สองหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบขึ้นรถม้าทันที ในตอนแรกทั้งลวี่เหรินและเฉิงไฉเซียวต่างคิดว่าต้องเดินทางด้วยเท้าเสียแล้ว
“เป็นายน้อยตระกูลใหญ่นี่ช่างดีเสียนี่กระไร! มีรถม้ามาจอดรับถึงที่ ฮ่าๆๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างชอบใจ
“นั่นสิ เป็นายน้อยนี่ดีจริงๆ ฮ่าๆๆ” จื่อต้าหลงตอบยิ้มๆ
“พวกเ้าจะไปพักกันสักกี่วัน?” ลวี่เหรินถาม
“ก็ยังไม่แน่ใจไว้เห็นเมืองที่ว่าก่อนละกัน ข้าได้ข่าวมาจากนางโลมในหอจันทราว่าที่นั่นมีสุราขึ้นชื่ออยู่ด้วยนะ เรียกว่าสุราดอกไม้ ข้าล่ะอยากลองริ้มรสดูว่าจะดีเท่าสุราเมฆแดงของเมืองเราหรือไม่?” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างคาดหวัง เด็กหนุ่มอยากลองริ้มรสสุราแบบอื่นดูบ้าง
“ฮ่าๆๆ ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างเห็นด้วย
“เอาล่ะออกเดินทางกันเถอะท่านลุงฉี” จื่อต้าหลงกล่าวให้คนขับรถออกเดินทาง
เมื่อออกเดินทางพวกเขาต้องผ่านสองเมืองก่อนจะถึงเมืองดอกไม้…. สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาแวะพักที่เมืองระหว่างทาง 1 คืน
“เอาล่ะไปหาโรงเตี๊ยมพักกินข้าวกันเถอะ” จื่อต้าหลงกล่าวหลังจากมาถึงเมืองระหว่างทาง
“ลุงฉีพาพวกข้าไปที่โรงเตี๊ยมไหนก็ได้สักที่หน่อย” จื่อต้าหลงออกคำสั่ง
“ขอรับนายน้อย” ลุงฉีคนขับรถตอบรับอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นไม่นานลุงฉีก็พาจื่อต้าหลงมาที่โรงเตี๊ยมแห่งนึงซึ่งดูใหญ่โตโอ่อ่า
พวกเขาลงมาพักกินข้าวจับจองที่พักกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
ณ ชั้นสองของโรงเตี๊ยม
“เสี่ยวเอ้อ ข้าขอหูฉลาม ผัดบุ้งไฟแดง ไก่ทะยานฟ้า ขาหมูตุ๋นฟัก และก็สุราสี่ป้าน” จื่อต้าหลงสั่งสุราและอาหารมากมาย
เมื่ออาหารมาถึงพวกเขาก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ภายในใจคิดว่า อาหารเมืองนี้ก็รสชาติไม่เลวจริงๆ หลังจากกินดื่มกันเรียบร้อย พวกเขาก็แยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเองเพื่อพักผ่อนรอออกเดินทางในวันถัดไป
ยามเช้ามาถึงลุงฉีก็ได้พาทั้งสาม ขึ้นรถและขับรถไปต่อยังเมืองดอกไม้…. ผ่านไปอีกสามวัน…. ในที่สุดก็มาถึงบริเวณเขตเมืองดอกไม้
“นายน้อยขอรับ ใกล้จะถึงเมืองดอกไม้แล้วขอรับ” ลุงฉีกล่าวขึ้น
จื่อต้าหลงได้ยินดังนั้นจึงเลิกม่านออกมาดู ระหว่างทางเขาพบกับ ต้นไม้นานาชนิด เรียงร้อยกันหลากหลายสีสัน ซึ่งสวยสดงดงามตาเป็อย่างมาก
“ว้าววว พวกเ้าดูนั้นสิ!” จื่อต้าหลงเรียกให้เฉิงไฉเซียวกับลวี่เหรินดู
ทั้งสองหนุ่มชะโงกหน้าไปที่หน้าต่างรถม้า “บ๊ะ! ต้นไม้เรียงตัวกันเป็แถวๆอย่างที่เค้าลือกันจริงๆด้วย นี่ขนาดแค่ทางเข้ายังสวยขนาดนี้เลย” เฉิงไฉเซียวกล่าวเมื่อได้เห็นทิวทัศน์นอกรถม้า ส่วนลวี่เหรินเพียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเท่านั้นไม่ได้กล่าวอะไร
หลังจากรถม้าเคลื่อนตัวไปได้ไม่นานนัก ก็พบเจอเข้ากับประตูเมือง… ประตูเมืองนั้นล้อมรอบด้วยไม้ยืนต้นสองข้างทางสีเหลือง ทอดยาวมายังตัวรถม้า ลุงฉีขับรถม้าเข้าไปเรื่อยๆ มีทหารยามรักษาการณ์ยืนตรวจคนเข้าเมืองอยู่นับสิบคน… เมื่อทหารเห็นรถม้าของจื่อต้าหลงพวกเขาก็ตรวจสอบเล็กน้อย… ก่อนที่จะปล่อยเข้าไปในเมือง
ภายในเมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ตั้งเรียงรายอยู่ทุกถนน บรรยากาศร่มรื่น ให้ความรู้สึกราวกับกำลังอยู่ในสรวง์ก็มิปาน
“ขนาดในเมืองยังมีต้นไม้ยาวไปถึงฟากนู้นเลย สุดยอดสวยจริงๆ” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างตื่นเต้น เมื่อได้เห็นเหล่าพืชพรรณทอดยาวไปจนสุดหูลูกตา
“เราหาโรงเตี๊ยมพักกันเถอะ” จื่อต้าหลงกล่าวให้ลุงฉีหาโรงเตี๊ยมเข้าที่พัก หลังจากได้โรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาก็ลงมาเดินเล่นในเมืองกันอย่างตื่นตาตื่นใจ
ในเมืองดอกไม้นั้น มีอาคารบ้านเรือนราว 7 ส่วน และมีต้นไม้ในเมืองอีกราว 3 ส่วน แต่งประดับไว้อย่างสวยงาม มีทั้งสวนต้นไม้ สวนดอกไม้ นานาชนิด สมแล้วที่ขึ้นชื่อว่าเมืองดอกไม้
“เอาล่ะ พวกเราจะไปไหนกันก่อนดี?” ลวี่เหรินถามขึ้นมา
“อันดับแรก ข้าหิวแล้ว แวะไปดูตลาดข้างทางกันเถอะ” จื่อหลงกล่าวพร้อมกับลากสหายไปด้วย เขาทั้งซื้อซาลาเปาข้างทางมากินซื้อทั้งเนื้อเสียบไม้ ข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนจำนวนมาก พวกเขาเดินไปกินไปอย่างสบายอารมณ์
“นั่นๆ! นั่นร้านบะหมี่เนื้อ ไป!! ไปกินกันเถอะ” จื่อต้าหลงลากสหายไปกินบะหมี่เนื้อที่ร้านข้างทาง เด็กหนุ่มชื่นชอบการกินบะหมี่แบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็บะหมี่ชนิดใดจื่อต้าหลงสามารถกินได้ทั้งหมด
ร้านบะหมี่เนื้อเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย… โต๊ะที่นั่งเกือบจะเต็มยังดี ที่ยังพอมีที่ว่างเหลือให้พวกเขาอยู่
“เอาล่ะนั่งลงๆ เสี่ยวเอ้อ! ขอบะหมี่สิบถ้วย!!” จื่อต้าหลงสั่งทันที
หลังจากนั่งลง พวกเขาก็ได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆพูดคุยกันว่า มีสวนดอกไม้สีชมพูในเมืองซึ่งงดงามมาก จื่อต้าหลงเองไม่เคยเห็นต้นไม้สีชมพู จึงอยากไปมาก เขาบอกกับเฉิงไฉเซียวและลวี่เหรินว่า จะไปชมสวนดอกไม้สีชมพู ทั้งสองก็ไม่ได้ขัดอะไรสหายตนนัก
เมื่อบะหมี่มาถึง จื่อต้าหลงก็กินบะหมี่ไปคนเดียวถึงแปดถ้วย! เถ้าแก่หญิงถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มกินบะหมี่อย่างมีความสุข หลังจากกินเสร็จ จื่อต้าหลงก็ถามเถ้าแก่หญิงว่าต้องไปทางไหนถึงจะเจอสวนต้นไม้สีชมพู เถ้าแก่นางก็บอกทางคร่าวๆให้เด็กหนุ่มฟัง จื่อต้าหลงยืนฟังเถ้าแก่บอกทิศทางพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ หลังจากนั้นจื่อต้าหลงเดินก็เดินนำทางไปอย่างคนรู้เส้นทาง จนในที่สุด… ทั้งสามก็เจอเข้ากับสวนต้นไม้สีชมพู มีผู้คนมากมายมาชื่นชมสวนนี้จนคนเต็มไปหมด บรรยากาศช่างน่าหลงไหล เต็มไปด้วยคู่รักหลายคู่มาอิงแอบกัน
“ชิ! มาจีบอะไรกันแถวนี้เยอะแยะไปหมด เดี๋ยวปั๊ด! พ่อฆ่าทิ้งซะหรอก!” เฉิงไฉเซียวกล่าวเมื่อได้พบเจอเหล่าหนุ่มสาวคู่รักมากมาย… ที่สวนต้นไม้สีชมพูนั้นมีทั้งบรรดาคู่รัก และบรรดาสาวงามที่ต่างมาชื่นชมความงามของสวนแห่งนี้มากมายเต็มไปหมด
“หยุดนะ!! ปล่อยข้า!!”
ในขณะที่ทั้งสามกำลังเพลิดเพลินก็ได้ยินเสียงคนดังขึ้นมา!
