ลู่ซีปรบมือให้หนีเจียเอ๋อร์ “ศิษย์พี่หญิงช่างเก่งกาจยิ่งนัก สมแล้วที่เป็ศิษย์ของท่านอาจารย์ หากเป็ข้า คงตายเพราะพิษนั่นไปแล้ว!”
“ใช่ๆ ศิษย์พี่หญิงมิได้ทำให้ท่านอาจารย์ต้องอับอายขายหน้าเลย!”
บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ต่างปรบมือ และกล่าวชื่นชมหญิงสาวไม่ขาดปาก แม้จะตกเป็รองเหอมู่หลิง แต่ในสายตาของทุกคน ก็มองว่านางเหนือกว่า
หนีเจียเอ๋อร์ยกแขนเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อ พลางยิ้มเจื่อนๆ ก่อนหันไปทางที่นั่งของควงเยวี่ยโหลวอีกครั้ง
ส่วนผู้เป็อาจารย์ ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดวงตาคมมองศิษย์หญิงคนสนิทพลางยกยิ้มบางๆ
หลังพักยกไปครู่หนึ่ง การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครานี้ควงเยวี่ยโหลวเป็ผู้กำหนดกติกา โดยให้ประลองการปรุงยา เพื่อรักษาศิษย์ในสำนักที่เจ็บป่วย
ระหว่างที่รอให้คนไปรับตัวศิษย์เ่าั้ หนีเจียเอ๋อร์ก็ขอให้ลู่ซีพานางไปนั่งพักจิบน้ำชา
พอเหอมู่หลิงเห็นเช่นนั้น ก็เดินตามไป และอาศัยจังหวะที่พวกนางเผลอ ลอบจิ้มเข็มไปบนร่างของหนีเจียเอ๋อร์ ซึ่งนี่จะทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความสามารถในการรับกลิ่นไปชั่วคราวทันที
หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมาทิ่มแขนของตน แต่คิดว่าอาจจะเป็ยุงหรือแมลง จึงมิได้ใส่ใจ
“เริ่มการแข่งขันได้!”
คู่แข่งขันทั้งสองเดินเข้าไปหาศิษย์ที่เจ็บป่วย สอบถามอาการเบื้องต้นเพื่อทำการวินิจฉัย แล้วจึงเริ่มทำการปรุงยาขึ้นมา
หนีเจียเอ๋อร์เดินตรงไปทางโต๊ะปรุงยา แต่กลับไม่ได้กลิ่นสมุนไพรเหมือนทุกครั้ง นางจึงมุ่นคิ้วด้วยความกังขา “ลู่ซี ตรงหน้าข้ามีสมุนไพรอยู่หรือไม่?”
ลู่ซีกะพริบตาปริบๆ “ศิษย์พี่หญิง สมุนไพรหนึ่งร้อยแปดชนิดวางอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว”
หนีเจียเอ๋อร์ลองหยิบขึ้นมาดม แต่กลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลย...
นี่นางสูญเสียประสาทรับกลิ่นไปแล้วหรือ?!
ควงเยวี่ยโหลวที่สังเกตสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ เริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางผิดปกติ “ควงเจีย เหตุใดเ้าถึงยังไม่ปรุงยาอีก?”
หนีเจียเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปาก เสียงของเหอมู่หลิงก็ดังขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้าปรุงยาเสร็จแล้วเ้าค่ะ”
ทุกคนจับจ้องถ้วยยาบนถาดในมือของนางเป็ตาเดียว
ระหว่างเหอมู่หลิงที่ปรุงยาเสร็จแล้ว กับหนีเจียเอ๋อร์ซึ่งยังไม่แม้แต่จะหยิบสมุนไพร ผลจะเป็อย่างไร ถึงไม่บอกก็คงจะรู้...
เสียงของผู้ตัดสินพลันดังขึ้น “การแข่งขันในรอบที่สาม เหอมู่หลิงเป็ฝ่ายชนะ รวมผลการแข่งขันก่อนหน้านี้ที่เสมอทั้งสองรอบ ก็เท่ากับว่าการประลองปรุงยาในวันนี้ เหอมู่หลิงเป็ผู้ชนะ!”
หนีเจียเอ๋อร์กำหมัดแน่น แต่ในเมื่อพ่ายแพ้แล้วก็ต้องยอมรับ นางเดินไปตรงหน้าควงเยวี่ยโหลว ก่อนคุกเข่าลง “ท่านอาจารย์ ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ท่านขายหน้า ศิษย์จะออกจากสำนักทันทีตามที่ได้ตกลงกันไว้”
เอ่ยจบ ก็เงยหน้าขึ้น
ลู่ซีเอ่ยเสียงสั่น “ศิษย์พี่หญิง...”
เหอมู่หลิงปรายตามองอย่างเย้ยหยัน
ทว่าตอนนั้นเอง ควงเยวี่ยโหลวก็ลุกขึ้น พลางกล่าวเสียงเ็า “ควงเจีย เ้าลืมไปแล้วหรือ? ว่าผู้ใดจะอยู่หรือไป ข้า เ้าสำนักอิ้นเสวี่ย จะเป็ผู้ตัดสินเอง!”
หนีเจียเอ๋อร์หยุดชะงัก และหันมาเอ่ยทั้งน้ำตา “แต่ท่านอาจารย์… ข้าแพ้แล้ว!”
ในเมื่อไร้ความสามารถจนไม่อาจเอาชนะได้ ก็ต้องยอมรับ แม้ในใจจะเ็ปมากก็ตาม
อีกทั้ง นางเองก็เป็คนท้าให้อีกฝ่ายมาแข่งขัน แล้วจะกลับคำได้หรือ?
เหอมู่หลิงคุกเข่าลง “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงพ่ายแพ้การประลอง ออกจากสำนักไปย่อมเป็เื่ที่สมควรแล้ว หากท่านยังออกตัวปกป้องนางโดยการเพิกเฉยต่อกติกาการแข่งขัน ข้าเกรงว่าในอนาคต ผู้คนคงยากที่จะเชื่อมั่นต่อสำนักของเรา!”
ศิษย์ทุกคนมองไปยังควงเยวี่ยโหลว
ผู้เป็อาจารย์ค่อยๆ เดินมาตรงหน้าหนีเจียเอ๋อร์ แล้วยื่นมือไปดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมายืนเคียงข้าง ก่อนปรายตามองเหอมู่หลิงด้วยแววตาเยียบเย็น
เหล่าศิษย์ต่างมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
แม้ตอนนี้หนีเจียเอ๋อร์จะมองไม่เห็น แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีสายตานับร้อยคู่กำลังจับจ้องมาที่ตน จึงพยายามขืนตัว ดึงมือออกจากการเกาะกุม
เหอมู่หลิงมองมือของคนทั้งสอง พลางกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ “อาจารย์ ท่านปกป้องนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ควงเยวี่ยโหลวเมินอีกฝ่าย แล้วประกาศเสียงดังลั่น “การแข่งขันในวันนี้ ควงเจียเป็ฝ่ายชนะ!”
ขาดคำ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที!
เหอมู่หลิงขุ่นเคืองจนพูดไม่ออก
ส่วนหนีเจียเอ๋อร์พลันหันขวับ “ท่านอาจารย์!”
ควงเยวี่ยโหลวปล่อยมือ ก่อนอธิบายเหตุผลให้ทุกคนฟัง “การแข่งขันในรอบแรก สูตรยาของควงเจียนั้นมีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่ในทางกลับกัน สูตรยาของเหอมู่หลิงอาจจะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยรับมันไม่ไหว ดังนั้น ควงเจียจึงเป็ฝ่ายชนะ”
“ส่วนการแข่งขันในรอบที่สอง พิษซึ่งควงเจียมอบให้เหอมู่หลิงนั้นมีฤทธิ์อ่อนกว่ามาก ต่างกับเหอมู่หลิงที่ใช้พิษซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง การที่ควงเจียสามารถถอนพิษได้ ก็ย่อมต้องมีความสามารถที่เหนือกว่า”
“สำหรับการแข่งขันในรอบที่สาม เหอมู่หลิงใช้กลโกง ด้วยการใช้เข็มระงับประสาทรับกลิ่นของควงเจีย ทำให้นางไม่อาจรับรู้กลิ่นของสมุนไพรได้”
เอ่ยจบ ควงเยวี่ยโหลวก็คว้าข้อมือของเหอมู่หลิง แล้วหยิบเข็มเงินที่นางซ่อนเอาไว้ออกมา โยนลงบนพื้น
เมื่อหนีเจียเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บใจ “มิน่า… ตอนที่ข้าดื่มชาจึงรู้สึกเจ็บจี๊ดราวกับถูกยุงหรือแมลงกัด ที่แท้เป็เ้านี่เอง!”
ลู่ซีก็หันไปตำหนินางเช่นกัน “เหอมู่หลิง เ้ามันขี้โกง!”
ศิษย์คนอื่นๆ เริ่มซุบซิบกัน แล้วหันไปบริภาษเหอมู่หลิง
พอแผนแตกเพราะถูกจับได้ เหอมู่หลิงก็รีบเข้าไปกอดขาของผู้เป็อาจารย์ พร้อมทั้งร้องไห้วิงวอน มิให้เขาไล่ตนออกจากสำนัก
ควงเยวี่ยโหลวขมวดคิ้วแน่น ก่อนกล่าวเสียงเคร่ง “ศิษย์ระดับต่ำ เหอมู่หลิง เ้าถูกขับไล่ออกจากสำนักอิ้นเสวี่ยแล้ว ต่อแต่นี้ เ้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าหรือสำนักอิ้นเสวี่ยอีก หลังลงจากเขาไป เ้าไม่มีสิทธิ์พูดถึงสำนักอิ้นเสวี่ย ไม่ว่าจะเป็กรณีใดๆ ก็ตาม!”
เมื่อเหอมู่หลิงถูกนำตัวออกไปแล้ว ควงเยวี่ยโหลวก็หันมาพูดกับศิษย์ทุกคน “นับจากนี้ การดูิ่ควงเจีย ก็เท่ากับดูิ่ข้า มีโทษให้ไล่ออกจากสำนักทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็กรณีใดๆ ก็ตาม”
เอ่ยจบ ก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไป
ที่เื้ั ศิษย์ทุกคนล้วนคุกเข่าลงรับคำ “น้อมรับคำสั่งท่านเ้าสำนัก”
พอควงเยวี่ยโหลวเดินฉับๆ จากไปโดยไม่ใส่ใจตน ทำให้หนีเจียเอ๋อร์ตระหนักได้ในทันใด ว่าผู้เป็อาจารย์กำลังโกรธจนถึงขีดสุด
นางจึงตั้งใจจะตามเขาไป แต่ก็ถูกศิษย์คนอื่นๆ เข้ามารุมล้อมเอาไว้เสียก่อน
“ศิษย์พี่หญิง พวกเราผิดไปแล้ว ไม่น่าหลงกลวาจายั่วยุของเหอมู่หลิงเลย...”