จ้าวเวยเวยหลังจากคุยกับคุณย่าเสร็จ เธอก็ไม่ได้อยู่นิ่งให้เสียเวลา เธอขับรถออกจากบ้านไปที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง ซื้อของที่จำเป็กลับมาที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็ขนม ลูกอม นมกล่อง นมผง ของใช้ต่าง ๆ อีกมากมาย และยังไปซื้อของที่ตลาดค้าส่ง ทั้งผัก เนื้อ ปลา อาหารทะเลสด อาหารทะเลแห้ง และของแห้งต่าง ๆ รวมถึงอาหารกระป๋องที่สามารถเก็บไว้ได้นาน และยังแวะซื้อยาจากร้านยาหลายแห่งด้วย
หลังจากกลับมาจากการซื้อของไม่นาน รถขนส่งก็มาถึงบ้าน เธอรีบเก็บของทุกอย่างเข้ามิติ ก่อนจะเข้าครัวทำอาหารสำเร็จรูปเอาไว้กินอีกมากมาย ทั้งซาลาเปาไส้เนื้อ ไส้ผักกาด ไส้หวาน ขนมปังอบต่าง ๆ เธอเลือกที่จะทำเองทั้งหมด เพราะเชื่อมั่นในความสะอาดและรสชาติ
จ้าวเวยเวยใช้เวลาสามวันในการสั่งซื้อของ ทำอาหาร ผัด ทอด ต้ม และทำขนมปังกับซาลาเปาไส้ต่าง ๆ ที่เธอสามารถทำได้
หลังจากทำอาหารและขนมเสร็จ ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับไปเซี่ยงไฮ้ เธอไปที่ห้องเก็บของสะสมของคุณพ่อ ก่อนจะหยิบอาวุธปืนและกล่องะุจำนวนสองกล่อง มีสั้นทหาร หนึ่งเล่น และหน้าไม้ s7 ออกมาเก็บเข้ามิติ
คุณพ่อของเธอเป็พวกชอบสะสมอาวุธต่าง ๆ เธอเหลือหยิบมาเพียงไม่กี่อย่าง เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเวลาเดินทางย้อนเวลา
ก่อนออกเดินทาง จ้าวเวยเวยไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปหาพ่อที่ยังคงนอนไม่ได้สติ
“คุณพ่อค่ะ วันนี้หนูมาลา หนูต้องกลับเซี่ยงไฮ้แล้ว และไม่รู้ว่าเราจะได้มีโอกาสได้เจอกันอีกไหม หนูอยากให้คุณพ่อหายป่วยเร็ว ๆ แม่กับน้องเป็ทุกข์มาก พวกเขาเหนื่อยมากแล้ว รีบตื่นมาช่วยอยู่เป็เพื่อนพวกเขานะคะ” จ้าวเวยเวยกล่าวลาคุณพ่อของเธอ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า เธอจูบลงบนใบหน้าของพ่อเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
โดยที่เธอไม่ทันได้เห็นว่าหลังจากที่เธอเดินออกไป บนใบหน้าของผู้เป็พ่อกลับมีน้ำตาไหลออกมาหนึ่งหยด ราวกับท่านรับรู้ถึงคำบอกลาของลูกสาว
เขมิกาและจ้าวเจินเจิน ทั้งสองรอจ้าวเวยเวยอยู่ที่รถ โดยไม่ได้ขึ้นไปด้วย ทั้งสองอยากให้ลูกสาว พี่สาวได้คุยกับพ่อตามลำพังก่อนที่จะต้องลากัน
จ้าวเวยเวยออกมาจากโรงพยาบาล ขึ้นรถไปสนามบิน
ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง แม่และน้องสาวทั้งสองคน มีสีหน้าเป็กังวลและไม่สบายใจกับการเดินทางครั้งนี้ของจ้าวเวยวเย
“พี่เวยเวยแน่ใจนะว่าจะกลับไปจริง ๆ” จ้าวเจินเจินถามขึ้นอีกครั้ง
“แน่ใจสิ” จ้าวเวยเวยตอบพร้อมรอยยิ้มที่พยายามทำให้ดูเข้มแข็ง “ที่นี่แม่กับน้องก็ดูแลพ่อได้นี่นา”
เขมิกาเดินเข้ามาจับมือลูกสาว “แม่เป็ห่วงลูกนะเวยเวย เื่คำสาปอะไรนั่น...มันจะเป็ไปได้จริงหรือ”
“ไม่ว่าจะเป็จริงหรือไม่ หนูจะกลับไปพิสูจน์! คุณแม่ไม่ต้องเป็ห่วงหนูนะคะ อยู่ทางนี้ให้สบายใจ” จ้าวเวยเวยตอบแม่ด้วยความมั่นใจ “หนูอยากให้พ่อกลับมาเป็เหมือนเดิมเร็ว ๆ”
จ้าวเจินเจินกอดพี่สาวแน่น “พี่ต้องรีบกลับบ้านของเราเร็ว ๆ นะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว บ้านของพี่อยู่ที่นี่ พี่จะไปที่ไหนได้ล่ะ เจินเจินพี่ไม่อยู่เธอต้องช่วยคุณแม่ดูแลคุณพ่อนะ” จ้าวเวยเวยกอดน้องสาวตอบ โดยไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้ เธอไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้ว
“หนูเข้าใจแล้ว พี่ไม่ต้องเป็ห่วง พี่...เดินทางปลอดภัยนะคะ” จ้าวเจินเจินกล่าวและร้องไห้
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว พี่ต้องไปแล้วเอาไว้เจอกันใหม่นะ แม่...เจินเจิน ฉันไปแล้วนะ” เธอกล่าวและลากกระเป๋าเดินทางผ่านประตูเข้าไป ทิ้งให้แม่และน้องสาวมองตามหลังไปจนลับตา
...
จ้าวเวยเวยเดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ในเวลาต่อมา ทันทีที่ออกจากสนามบิน เธอก็เห็นรถสีดำคันหรูที่คุ้นตาจอดรออยู่พร้อมคนขับในชุดสูทเรียบร้อย เธอเดินตรงเข้าไปขึ้นรถที่ทางบ้านคุณย่าส่งมารับ
ภายในรถเงียบสงบ จ้าวเวยเวยนั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์ ส่งข้อความกลับไปหาน้องสาวอย่างรวดเร็วว่าเธอมาถึงเซี่ยงไฮ้อย่างปลอดภัย แม่และน้องสาวจะได้ไม่เป็ห่วง
ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า จู่ ๆ ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวในตอนบ่ายก็พลันมืดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนถูกปิดด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่ ทำให้คนขับต้องเปิดไฟหน้ารถทันทีเพื่อความปลอดภัย
จ้าวเวยเวยที่กำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เธอทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแต่ความมืดมิดที่เข้าปกคลุมทั่วเมือง เสียงแตรดังออกมาจากรถทุกคันที่กำลังวิ่งอยู่ จ้าวเวยเวยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ก็มืดได้ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลย
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น จู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกคันใหญ่ที่ขับส่ายไปมา เหมือนคนขับมองไม่เห็นถนน พุ่งเข้ามาชนรถที่เธอนั่งอยู่เสียงดังสนั่น!
รถทั้งสองคันหมุนคว้างกลางถนนอย่างรุนแรง เศษกระจกแตกกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง...
...
จ้าวเจินเจินที่ออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าพี่สาวส่งข้อความมาหา เธอเปิดอ่านข้อความ ก่อนจะรีบออกจากห้องนอนไปหาแม่ที่อยู่ชั้นล่าง “แม่! พี่ส่งข้อความมาแล้ว เธอไปถึงเซี่ยงไฮ้แล้วค่ะ กำลังนั่งรถกลับไปที่บ้านคุณย่า”
เพล้ง!
“คุณแม่! เป็อะไรหรือเปล่าคะ” จ้าวเจินเจินรีบวิ่งเข้าไปหาแม่ของเธอ ที่ยังยืนนิ่งมองกรอบรูปที่ตกแตก และกรอบรูปที่แตกก็เป็กรอบรูปที่มีรูปภาพของพี่สาวอยู่
เธอยืนมองไปยังเศษแก้วที่แตกเป็เสี่ยง ๆ ของกรอบรูป ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจของเธอยังคงเต้นระรัวราวกับมีลางบอกเหตุร้ายบางอย่าง
จ้าวเจินเจินเห็นว่าแม่ของเธอยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม เธอเรียกอีกรอบ “คุณแม่คะ คุณแม่าเ็ตรงไหนหรือเปล่า”
“เจินเจิน แม่รู้สึกใจคอไม่ดีเลย ลูกโทรศัพท์กลับไปหาพี่สาวของลูกหน่อยสิ ดูว่าเธอไปถึงบ้านคุณย่าแล้วหรือยัง” เขมิกาหันไปบอกลูกสาว
“แต่พี่สาวเพิ่งส่งข้อความมาเองนะคะ” จ้าวเจินเจินกล่าว
“แม่บอกให้โทรศัพท์หาพี่ ลูกก็โทรเถอะ” เขมิกาหันไปดุลูกสาวคนเล็ก ก่อนเธอจะก้มลงนั่งเก็บเศษแก้วและรูปภาพของลูกสาวด้วยมือสั่นๆ
จ้าวเจินเจินเห็นว่าแม่เป็ห่วงพี่สาวมาก เธอกดโทรศัพท์ไปหาพี่สาว สายติดแต่ไม่มีคนรับสาย จ้าวเจินเจินโทรไปอีกสองสามสาย ก็ไม่มีคนรับสาย ทำให้เธอร้อนใจเป็ห่วงพี่สาวเช่นกัน
“เป็ยังไง พี่สาวลูกรับสายหรือยัง” เขมิกาถามลูกสาว
จ้าวเจินเจินส่ายหน้าและกล่าวว่า “พี่ไม่รับสายเลยค่ะ หรือเราจะโทรไปถามคุณย่าว่าพี่ไปถึงหรือยัง”
“ลูกโทรศัพท์ไปถามคุณย่าก็ได้ ดูสิว่าพี่ลูกทำอะไรอยู่ถึงไม่รับสาย” เขมิกากล่าว จ้าวเจินเจินรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณย่าที่เซี่ยงไฮ้ แต่ก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน
...
ณ เซี่ยงไฮ้ บรรยากาศภายในบ้านใหญ่ของตระกูลจ้าว เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คุณย่าทวดจ้าวม่านฉี ที่ป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็สิ้นลมหายใจอย่างสงบแล้ว
จ้าวม่านเค่อทรุดตัวอยู่ข้างเตียงของคุณป้า มือเหี่ยวย่นของเธอยังคงกุมมืออันเย็นเฉียบของท่านเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำด้วยหยาดน้ำตา
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เสียใจกับการจากไปของผู้เป็ป้านานนัก สาวใช้ในบ้านก็เข้ามาพร้อมโทรศัพท์ บอกว่ามีคน้าคุยกับท่าน
จ้าวม่านเค่อรับสายด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่เพียงได้ยินคำพูดจากปลายสาย ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความใและไม่เชื่อหู
เสียงจากเ้าหน้าที่กู้ภัยบอกว่า หลานสาวคนโตของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นใน่เกิดสุริยุปราคา เพราะอยู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดลงทำให้รถของคู่กรณีมองไม่เห็นทางกะทันหัน ทำให้เกิดการชนกัน
จ้าวม่านเค่อไม่ได้ฟังคำพูดอื่นอีกแล้ว พอเธอได้ยินคำว่า "สุริยุปราคา" จากเ้าหน้าที่ จ้าวม่านเค่อก็รับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
น้ำตาที่เคยไหลรินด้วยความเศร้าจากการสูญเสียป้า บัดนี้กลับพรั่งพรูออกมาด้วยความเ็ปจากการสูญเสียหลานสาวไปอีกคน
เธอหันกลับมามองร่างของคุณป้าที่นอนสงบนิ่ง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และผ่อนคลาย ไม่เหมือนคนตาย หากแต่เหมือนคนกำลังนอนหลับมากกว่า
จ้าวม่านเค่อเอ่ยถามผู้เป็ป้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณป้าค่ะ...คุณป้ากำลังพาหลานสาวของเราไปแก้ไขคำสาปใช่ไหมคะ”
น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบแก้ม เธอรู้แล้วว่าเธอได้สูญเสียหลานสาวคนนี้ไปจริง ๆ ไม่ใช่แค่การย้อนเวลา แต่เป็การเสียสละชีวิตของหลานสาว เพื่อการเดินทางข้ามกาลเวลา เพื่อทำภารกิจแก้ไขคำสาปให้กับวงศ์ตระกูล