ข่งย่วนพยักหน้า ก่อนจะช่วยมู่เฟิงใส่เสื้อคลุม การกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมอย่างการช่วยใส่ยาทาแผลและช่วยแต่งตัวเช่นนี้ ยิ่งทำให้ใครหลายคนรู้สึกริษยามากขึ้น
หรือว่าแม้แต่สาวงามผู้เ็าอันดับหนึ่งกับศิษย์พี่คนงามของสำนักศึกษาล้วนถูกมู่เฟิงพิชิตใจได้แล้ว? ์ช่างไม่มีตายิ่งนัก
บัณฑิตหลายคนต่างก็ร่ำร้องอยู่ในใจ
จากประโยคนั้นของมู่เฟิง ‘อย่าร้องไห้ไม่อย่างนั้นคนชั่วจะหัวเราะเอาได้’ แม้เขาจะไม่ได้เจาะจงระบุชื่อของใคร แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่าอีกฝ่ายกำลังเหน็บแนมใครอยู่ นับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความเด็ดเดี่ยวและไม่กลัวตายโดยแท้
สีหน้าของจ้าวเหิงมืดครึ้มลง ภายในใจของเขารู้สึกอึกอัดเป็อย่างยิ่ง แม้ว่ามู่เฟิงจะถูกทรมานด้วยการโบยเป็ร้อยครั้ง แต่เขากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากมู่เฟิงยังไม่ตาย อีกฝ่ายก็ยังเป็หนามคอยทิ่มแทงหัวใจเขาอยู่ดี
“เอาละ ตอนนี้กลับเข้าเื่กันเถอะ”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวอย่างเฉยเมย
“มู่เฟิง เ้าจะอธิบายการตายของซือถูคงว่าอย่างไร?”
ผู้าุโเจิ้งเอ่ยถาม
“เรียนผู้าุโเจิ้ง เมื่อออกมาวังโบราณจิ่วซานหลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วนั้น ข้าก็ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังของตระกูลอินที่เป็กองกำลังประจำถิ่น ต่อหน้าคนพวกนั้นซือถูคงพูดจาให้ร้ายศิษย์ว่าศิษย์ได้รับสมบัติจากวังโบราณจิ่วซานมา ทำให้กองกำลังของตระกูลอินปิดล้อมเพื่อสังหารข้าและหมายจะแย่งชิงสมบัติ เื่นี้ศิษย์พี่ข่งย่วน ข่งเซวียนเอ๋อร์ รวมถึงพวกเขาทั้งหมดสามารถเป็พยานได้”
มู่เฟิงประสานหมัด กล่าวตอบผู้าุโไปตามจริง จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปทางเว่ยอี้อวิ๋นและบัณฑิตคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมภารกิจด้วย
“ข่งย่วน เป็เช่นนั้นจริงหรือไม่?”
ผู้าุโเจิ้งเอ่ยถาม
“เรียนผู้าุโ เื่ที่ซือถูคงจงใจทำร้ายมู่เฟิงเป็เื่จริงเ้าค่ะ”
ข่งย่วนกล่าวตอบ
“ศิษย์ได้รับหุ่นเชิดิญญามาจากวังโบราณจิ่วซาน แต่ในเวลานั้นหุ่นเชิดิญญาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า มันลงมือสังหารผู้าุโสองคนของตระกูลอินและซือถูคงโดยที่ข้าไม่อาจควบคุมได้ จากนั้นพวกเราจึงฉวยโอกาสที่สถานการณ์กำลังวุ่นวายหลบหนีออกมา”
มู่เฟิงกล่าวอีกครั้ง
“หุ่นเชิดิญญา! เ้ากำลังพูดถึงหุ่นเชิดขั้นสี่รึ?”
หลังจากได้ยินดังนั้น ผู้าุโคนหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้วขอรับ”
มู่เฟิงพยักหน้า
“หุ่นเชิดิญญาที่หลุดจากการควบคุมสังหารซือถูคงโดยไม่ได้ตั้งใจ...”
ผู้าุโเจิ้งขมวดคิ้ว
“เหลวไหล เห็นได้ชัดว่าหุ่นเชิดตนนั้นถูกเ้าควบคุมอยู่”
เว่ยอี้อวิ๋นหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเ็า
“ท่านผู้าุโ เป็ความจริงที่ซือถูคงจงใจทำร้ายมู่เฟิง แต่เื่ที่มู่เฟิงกล่าวว่าหุ่นเชิดิญญาสังหารซือถูคงโดยไม่ได้อยู่ในการควบคุมนั้นเป็เท็จ”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่เว่ย ท่านกล่าวเช่นนี้มีหลักฐานใด ต่อให้ข้าควบคุมหุ่นเชิดตนนั้นจริง แต่ด้วยระดับวรยุทธ์ของข้าแล้ว ข้าจะสามารถควบคุมหุ่นเชิดให้สังหารซือถูคงที่มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าได้อย่างไร?”
“เอ่อ…”
หลังจากได้ยินคำแย้งของอีกฝ่าย เว่ยอี้อวิ๋นถึงกับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แน่นอนว่ามู่เฟิงกล่าวได้ถูกต้อง ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดในเวลานั้นน่าพรั่นพรึงเกินไป ไม่ว่าจะเป็ทักษะกระบี่หรือทักษะร่างกาย ทั้งหมดล้วนน่าตื่นตะลึงเป็อย่างยิ่ง
“มู่เฟิง หุ่นเชิดิญญาที่เ้าได้รับมานั้น จงนำมันออกมาให้พวกเราดู”
ผู้าุโเจิ้งกล่าว
มู่เฟิงพยักหน้า แหวนเฉียนคุนบนมือของเขาพลันส่องแสงสว่างขึ้น ก่อนที่โลงศพซึ่งทำจากไม้ลั่นทมทองคำจะปรากฏขึ้นกลางห้องโถง
ผู้าุโทั้งสี่คนเดินออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็เปิดฝาโลงออก ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าด้านในมีร่างของเด็กสาวอายุราวสิบขวบกำลังนอนอยู่โดยมีแผ่นยันต์แปะเอาไว้
“นี่คือหุ่นเชิดิญญา”
เหล่าผู้าุโต่างก็มองด้วยความประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง
ในบรรดาพวกเขา ผู้าุโที่มีใบหน้าอ้วนกลมผู้หนึ่งเหมือนจะรู้เื่การฝึกวิถีภูตผีมากที่สุด เขาวางฝ่ามือลงบนศีรษะของซู่เหลียน จากนั้นก็ส่งพลังชีวิตของตนเข้าไปตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดึงมือกลับมา พร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ถูกต้องแล้ว นี่เป็หุ่นเชิดิญญาจริง และยังเป็หุ่นเชิดขั้นสี่ระดับสูงอีกด้วย หากมันอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่ง หุ่นเชิดตนนี้จะสามารถะเิพลังระดับหลิงไห่ขั้นเก้าออกมาได้ แต่หากอยู่ในมือของมู่เฟิง อย่างมากก็เป็เพียงระดับหนิงกังขั้นต้นเท่านั้น”
จากคำพูดนี้ของผู้าุโเป็การปฏิเสธว่ามู่เฟิงไม่สามารถควบคุมหุ่นเชิดตนนี้ให้สังหารซือถูคงได้
“แต่มันก็มีเื่ประหลาดอย่างหนึ่ง หากไม่ใช่มู่เฟิงที่ควบคุมให้มันสังหารซือถูคง แล้วหุ่นเชิดิญญาตนนี้จะลงมือสังหารซือถูคงเองได้อย่างไร?”
ผู้าุโอีกคนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“หึ ข้าว่าอย่างไรเื่นี้เ้าเด็กนั่นก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบออกไปให้พ้นจากตัวเองได้”
จ้าวเหิงกล่าวอย่างเ็า
“ของสิ่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยผู้แข็งแกร่งระดับหลิงไห่ ไม่แน่ว่าในเวลานั้นพลังของคนผู้นั้นอาจจะยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายของนาง ดังนั้นเพียงมู่เฟิงปล่อยนางออกมา นางก็สามารถสังหารคนได้ไม่เลือกหน้าแล้ว
“หุ่นเชิดิญญานั้นแตกต่างจากหุ่นเชิดทั่วไป พวกมันยังหลงเหลือร่องรอยของจิตสำนึกอยู่บ้าง หากว่าไม่แปะแผ่นยันต์เอาไว้ เมื่อมันตกอยู่ในอันตราย จิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่อาจจะเป็ตัวกระตุ้นให้มันต่อสู้ด้วยตัวเอง เื่นี้ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้”
ผู้าุโที่มีใบหน้ากลมวิเคราะห์ออกมาอีกครั้ง เขาไม่ได้เข้าข้างมู่เฟิง เพียงแต่เขาไม่เชื่อว่าด้วยวรยุทธ์ของมู่เฟิงจะสามารถควบคุมหุ่นเชิดิญญาให้สังหารซือถูคงที่มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าได้
“ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ ก็หมายความว่าการกระทำของหุ่นเชิดในเวลานั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมู่เฟิงอย่างนั้นหรือ”
อู๋อี้กล่าวขึ้น
“ในเมื่อหุ่นเชิดิญญาตนนี้ถูกปล่อยออกมาโดยเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องถูกลงโทษ”
จ้าวเหิงกล่าวแย้งอย่างไม่เต็มใจ
ผู้าุโเจิ้งมองไปทางมู่เฟิงและกล่าวว่า “หุ่นเชิดิญญาตนนี้ล้ำค่ามาก ในเมื่อเ้าเป็คนได้รับมันมา ฉะนั้นก็ถือว่าเป็โชคชะตาของเ้าแล้ว เ้าจงเก็บรักษามันให้ดีเถอะ”
หุ่นเชิดิญญาเป็สิ่งที่ล้ำค่าเหนือคำบรรยาย ทว่าในบรรดาพวกเขาไม่มีใครฝึกเคล็ดวิชาการควบคุมหุ่นเชิด ต่อให้มีหุ่นเชิดในมือก็คงจะไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดจะแย่งชิงมันมาจากมู่เฟิง
หลังจากนั้นมู่เฟิงจึงเก็บโลงศพของซู่เหลียนกลับเข้าไปในแหวนเฉียนคุน
“แม้ว่าการตายของซือถูจะไม่อาจโทษเ้าได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจตัดความเกี่ยวข้องของเ้าออกไปจากเื่นี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเ้าจะถูกตัดคะแนนห้าพันคะแนน เ้ายอมรับหรือไม่?”
ผู้าุโเจิ้งขมวดคิ้ว
“ศิษย์ทราบความผิดแล้ว”
มู่เฟิงกำหมัดคำนับอีกฝ่ายด้วยความเคารพ
คะแนนห้าพันคะแนนนั้นไม่ถือว่ามากเกินไป เป็เพียงการลงโทษให้เป็ประจักษ์ต่อสาธารณชนเท่านั้น ดูเหมือนว่าผู้าุโเจิ้งจะจงใจเข้าข้างมู่เฟิงเป็พิเศษ
แน่นอนว่าหากมองในแง่ของศักยภาพและความแข็งแกร่งของมู่เฟิงแล้ว เขาคู่ควรให้เข้าข้าง แม้ว่าซือถูคงจะเป็อัจฉริยะเช่นกัน แต่ใครจะสนใจอัจฉริยะที่ตายไปแล้วกันเล่า?
หนทางของการฝึกฝนนั้นเป็อะไรที่โหดร้ายมาก แม้ในยามที่ยังมีชีวิตจะยิ่งใหญ่เป็ดาวที่จรัสแสงมากเพียงใด แต่เมื่อตายไปแล้วก็ถูกดินกลบฝังร่างเหมือนกันทั้งนั้น
ผู้คนล้วนสนใจเพียงอนาคตของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ส่วนคนที่ตายไปแล้วไม่นานก็จะถูกหลงลืมในที่สุด
“เอาละ เ้าไปยังวิหารรับภารกิจเพื่อหักคะแนนของเ้าเองเถอะ แยกย้ายได้”
ผู้าุโเจิ้งโบกมือ ทุกคนจึงทยอยแยกย้ายกันไปทีละคน ส่วนข่งย่วนและข่งเซวียนเอ๋อร์ต่างก็รีบเข้าไปช่วยประคองมู่เฟิง
ทุกครั้งที่มู่เฟิงก้าวเดิน อาการปวดแสบปวดร้อนบนแผ่นหลังของเขาก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมา
“เจ็บหรือไม่?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“แล้ววันนั้นเ้าเจ็บหรือไม่”
มู่เฟิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“วันนั้น?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์งุนงงไปชั่วขณะ แต่ไม่นานนางก็พลันเข้าใจว่ามู่เฟิงกำลังพูดถึงเื่อะไร มู่เฟิงกำลังหมายถึงวันที่เขาตีนาง
“เ้ายังจะมาล้อเล่นอีก”
หญิงสาวกลอกตามองมู่เฟิง พร้อมกับเอื้อมมือไปบิดเอวของเขา ทำให้เด็กหนุ่มต้องกัดฟันแน่นด้วยความเ็ป
“เอาละ เซวียนเอ๋อร์ มู่เฟิงาเ็ขนาดนี้ เ้ายังจะรังแกเขาอีก”
ข่งย่วนหมดคำจะพูด
“พี่หญิง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรังแกข้า เหตุใดท่านยังพูดแทนเขาอีก”
หญิงสาวทั้งสองช่วยพยุงมู่เฟิงกลับไปยังเรือนพักอย่างเชื่องช้า ข่งย่วนขมวดคิ้วด้วยความเป็กังวลก่อนจะกล่าวว่า “วันนี้เ้าทำให้จ้าวเหิงขุ่นเคืองอย่างมาก ข้าเกรงว่าต่อไปเขาอาจจะยิ่งลงมือกับเ้ารุนแรงขึ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ดวงตาของมู่เฟิงก็พลันเปลี่ยนเป็เ็า ก่อนจะกล่าวด้วยคำพูดที่โหดร้ายว่า “ตราบใดที่เ้าสุนัขเฒ่านั่นไม่สังหารข้าให้ตาย สักวันหนึ่งข้ามู่เฟิงก็จะสังหารมันเองอยู่ดี”
“วรยุทธ์ของเ้าในตอนนี้ถึงระดับจื่อฝู่ขั้นเก้าแล้ว เ้าสามารถลองกลั่นพลังกังชี่ในร่างของเ้าได้ หากเ้าบรรลุระดับหนิงกังและกลายเป็ศิษย์สายใน ถึงเวลานั้นเขาคงไม่กล้าลงมือกับเ้าอย่างโจ่งแจ้งแน่”
ข่งย่วนเอ่ยชี้แนะ มู่เฟิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น บรรลุระดับหนิงกัง? ถูกต้องแล้ว ถึงเวลาที่เขาควรจะทบทวนเื่นี้เสียที