ที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็เอ่ยปากเสียที “ไฉ่เอ๋อร์ ไม่บ่อยนักที่เ้าจะใจดีเช่นนี้ถูกคนข่มเหงจนเหยียบขึ้นมาบนหัวแล้ว เ้ายังใจดีช่วยพูดให้นางอีกแต่เ้าก็พูดถูกเื่หนึ่ง มิใช่เพราะพวกเราสงสารนางหากแต่ทุกเื่ล้วนต้องคำนึงว่าจะปกป้องหลานของข้าให้ดีเป็สำคัญ เอาล่ะในเมื่อตัวเ้าเองยังไม่ถือสา ทางอี้เอ๋อร์ก็กำลังอยู่ใน่หลงของใหม่อีกทั้งคืนวานเ้าก็ยังฝันเช่นนั้นด้วย เอาเป็ว่าทำตามความคิดเ้า ปล่อยตัวองค์หญิงออกมาเถิดเพียงแต่เ้าต้องไปบอกกับนางว่าไม่มีเื่ใดก็ให้อยู่ห่างจากเ้าสักหน่อยยิ่งไม่ต้องมาพบเ้าได้เป็ดีที่สุด”
ได้ยินเช่นนี้ แม้นางจ้าวจะเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างไม่ยอมใจนักแต่ก็ถือว่ารับปากที่สุดนางก็ต้องแอบถอนใจยาวด้วยความโล่งอก หากฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ยอมเอ่ยสิ่งใด นางก็คงตื่นตระหนกจนขวัญแทบกระเจิงเพียงเท่านี้ก็รู้สึกว่ามือเท้าอ่อนแรงไปหมดแล้ว
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ ลูกของข้าได้ฮูหยินผู้เฒ่าดูแล จะต้องปลอดภัยแข็งแรงไร้อุปสรรค์ใดเป็แน่เ้าค่ะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินใหญ่เ้าคะอย่าเอาแต่สนทนากันเื่คุณชายน้อยอยู่เลยเ้าค่ะคุณชายน้อยมีทั้ง์และฮูหยินผู้เฒ่าคอยคุ้มครอง จะต้องไม่เป็ไรแน่นอนเ้าค่ะกลับเป็ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่ต่างหากที่ต้องรีบดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยวดับกระหายสักหน่อยเสียอีกอากาศเช่นนี้น่าอึดอัดนัก”
ป้าจ้าวผ่านโลกมามากแม้จะไม่ได้ฟังชัดเจนว่าฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่หารือกันเื่ใดแต่นางก็รู้ว่ายามนี้ควรพูดอะไร
ฮูหยินใหญ่ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรก่อนรอจนฮูหยินผู้เฒ่ายกน้ำบ๊วยเปรี้ยวขึ้นดื่ม นางจึงกล้ายกจอกตรงหน้าขึ้นจิบอย่างระมัดระวังคำหนึ่ง
“เอาล่ะ เ้าก็ไม่ต้องคอยระวังสำรวมไปเสียทุกเื่ภายหน้าจวนแห่งนี้ยังต้องหวังพึ่งให้เ้าคอยดูแล มีเื่ใดอีกหรือไม่หากไม่มีก็กลับไปพักผ่อนเสีย นั่งนานๆ ก็ไม่ดีต่อครรภ์”
ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่เห็นความกระสับกระส่ายของนางจ้าวได้อย่างไรหากเป็ก่อนนี้นางคงไม่ไปสนใจอันใด เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางจ้าวมีความสำคัญอย่าให้ไม่สบายใจจนกระทบต่อเด็กในครรภ์จะดีกว่า นี่นับว่าฮูหยินผู้เฒ่าเกรงใจอีกฝ่ายมากแล้ว
แววตาของนางจ้าวพลันมืดมนไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่าที่นางมาวันนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามิค่อยพอใจนัก แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วมิอาจเอากลับมาได้ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็อยากลองเดิมพันดูสักครา หวังว่าตนจะจัดการเื่ที่ท่านแม่ทัพไหว้วานได้สำเร็จวันหน้าเมื่อท่านแม่ทัพสามารถยอมรับน้ำใจของนาง และรอจนนางคลอดบุตรชายคนแรกแล้วท่านแม่ทัพก็จะได้แต่งงานกับนาง เมื่อเป็เช่นนั้นก็นับว่าไม่เสียแรงที่นางทุ่มเทพยายามในครานี้แล้ว
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า ข้าจะกลับเรือนเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”นางจ้าวพูดพลางหันไปคำนับฮูหยินผู้เฒ่า ค่อยออกจากประตูไป
เมื่อเหมยเซียงที่รออยู่ข้างนอกเห็นนางจ้าวออกมาก็รีบเข้าไปประคองก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนเฉินจื่อพร้อมกับนางจ้าว
เพราะวานนี้ฮูหยินจ้าวเพิ่งจะเป็ลม เหมยเซียงจึงไม่กล้าเร่งฝีเท้าจนเกินไปทั้งยังคอยบอกให้ฮูหยินใหญ่เดินระวังอยู่ตลอดเวลา เมื่อพวกนางกลับไปถึงเรือนเฉินจื่อแล้วท้องฟ้าก็ยิ่งมืดลงกว่าเดิมเมฆดำปกคลุมอยู่ทั่วฟ้า ทว่ากลับมีเพียงสายฟ้าแลบแปลบปลาบแต่ไม่เห็นมีฝนอากาศเช่นนี้กดดันใจคนและทำให้รู้สึกไม่เป็สุขขึ้นมา
เหมยเซียงประคองฮูหยินใหญ่ เพิ่งก้าวเท้าเข้าไปในเรือนเฉินจื่อพลันมีเสียงอ่อนเสียงหวานของอาหนูเอ่ยถามมาจากข้างหลัง “โอ๊ะ เช้าตรู่ขนาดนี้ฮูหยินใหญ่ก็ออกมาเดินเล่นแล้วหรือวันนี้อากาศอึมครึมเหลือเกิน ฮูหยินใหญ่ต้องระวังสักหน่อยจึงจะดีนะเ้าคะ”
อาหนูที่มีจื่อเซียวตามมาด้วยว่าพลางก้าวเท้าเข้ามาข้างใน
นางจ้าวหยุดเดินก่อนค่อยๆ หันหน้ามามองวันนี้อาหนูแต่งตัวสีสันฉูดฉาดไปทั้งกาย นางจ้าวทั้งอิจฉาและริษยาอยู่ในใจ
ตลอดมาท่านแม่ทัพเป็ชายเ้าสำราญ ข้างกายมิเคยขาดสตรี ลำพังแค่รับกลับมาที่จวนก็มีนับไม่ถ้วนแล้วกลับไม่มีผู้ใดที่ติดตามท่านแม่ทัพมาหกเจ็ดปีแต่ไม่เคยถูกส่งตัวออกไปเช่นอาหนูสตรีเ่าั้ล้วนอยู่ในจวนได้ไม่ถึงปีเมื่อท่านแม่ทัพเบื่อหน่ายแล้วก็จะกำนัลให้แก่เหล่าทหารในค่ายไปเสีย
เห็นได้ว่าอาหนูผู้นี้ก็มีชั้นเชิงมิเบา
นางจ้าวมองฟ้าที่ยิ่งมืดลงเรื่อยๆ ก่อนแย้มยิ้มเป็การทักทายอาหนูแม้นางจะเป็ฮูหยินใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพกลับรักใคร่อาหนูยิ่งกว่านางด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าพวกนางทั้งคู่เริ่มอยู่กันคนละฝั่งั้แ่เมื่อใด
“ใช่แล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายพายุฝนกำลังจะมาเช่นนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายยิ่งนักข้าจึงออกไปเดินเล่นสักหน่อย แล้วนี่อาหนูมาด้วยเหตุใดเล่า ระวังเถิดยามกลับไปแล้วฝนเกิดตกทางลื่นจะเดินลำบาก เห็นหรือไม่ข้ายังมิกล้าอยู่ข้างนอกนานนัก หากลื่นล้มกระเทือนถึงลูกก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี”
นางจ้าวรู้วิธีแสดงออกอย่างเกรงใจเพียงภายนอกเป็อย่างดีแต่คำพูดที่ฟังดูคล้ายเป็ห่วงนี้ ไม่ว่าอาหนูจะฟังหรือคิดอย่างไรก็ล้วนเป็ความหมายอื่น
แม้จะบอกว่าอาหนูกำลังเป็ที่รักใคร่ทว่าอย่างไรลำดับของนางจ้าวก็อยู่เหนือกว่าด้วยเหตุนี้อาหนูจึงไม่กล้าโอหังจนเกินไปเมื่อครู่ความสนใจของนางจ้าวล้วนไปอยู่ที่ตัวอาหนู จึงไม่ทันสังเกตเห็นกระถางดอกไม้เล็กๆในมือของจื่อเซียว
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะนี่เป็ของที่ญาติของนายบ้านข้าส่งมาให้ไว้ชมเล่น แม้ดูไปแล้วดอกไม้นี้จะเล็กแต่ความพิเศษนั้นอยู่ที่ดอกของมันสามารถบานอยู่ได้ครึ่งปีโดยไม่โรยรานายข้าเห็นว่าเป็ของหายากนักจึงนำมามอบแก่ฮูหยินใหญ่เพื่อแสดงความเคารพนับถือเ้าค่ะ”
ั้แ่องค์หญิงบอกเื่ ‘คุณสมบัติ’ ของดอกหญ้าเงาเ้าให้นางจ้าวฟังคราก่อนนางก็ระแวงทุกสิ่งที่อาหนูนำมามอบให้อย่างหนัก แต่โดยมารยาทก็ไม่ควรไปฉีกหน้าอาหนูเพราะไม่ว่าอย่างไรทุกสิ่งก็เป็เพียงความระแวง แต่ความจริงคือยังไม่เคยเกิดเื่ใดขึ้นจากสิ่งของที่อาหนูนำมามอบให้ฉะนั้นจึงทำได้แค่ระวังแต่ไม่ปฏิเสธที่จะรับไว้
มิเช่นนั้นหากเกิดเื่เกิดราวจนไปถึงหูท่านแม่ทัพแล้วถูกคนเจตนาร้ายใช้เป็เป้าโจมตีจะไม่ทำให้ท่านแม่ทัพพาลมาขัดเคืองนางอีกหรอกหรือ
“อาหนูช่างมีน้ำใจจริงๆของที่ยากจะพบเห็นเช่นนี้ข้าต้องขอรับเอาไว้เสียแล้วเพียงแต่ข้ากลับไม่มีของกำนัลตอบแทน คิดไปแล้วน่าละอายนักขออาหนูอย่าได้ถือโทษเลย”
นางจ้าวพูดพลางส่งสายตาให้เหมยเซียงเข้าไปรับดอกไม้เล็กๆ นั้นมา
อาหนูเห็นว่านางจ้าวรับเอาไว้แล้ว หางตานางดูคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มกล่าวว่า “ฮูหยินใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ครั้งอาหนูมาคราก่อนเห็นว่าฮูหยินใหญ่ไม่ชอบดอกหญ้าเงาเ้า บอกว่ากลิ่นหอมของมันหนักเกินไปได้กลิ่นแล้วไม่ใคร่สบาย
เห็นหรือไม่เ้าคะ วานนี้อาหนูได้ดอกไม้เล็กๆ นี้มา ดมแล้วคล้ายว่ามีกลิ่นหอมเพียงจางๆทั้งยังไม่ทำให้ได้กลิ่นแล้วไม่สบายใจคิดว่าเวลานี้ร่างกายของฮูหยินใหญ่ยิ่งหนักมากขึ้นทุกวัน ไม่สะดวกไปชมดอกไม้ที่สวนบ่อยนักจึงคิดนำมามอบให้ฮูหยินใหญ่ ยามไม่มีอะไรทำเพียงชมดอกไม้ก็จะผ่อนคลายจิตใจได้นะเ้าคะ”
กล่าวจบอาหนูก็พูดเื่ไม่เป็แก่นสารอื่นๆ แล้วบอกให้ฮูหยินใหญ่พักผ่อนให้มากก่อนจะบอกว่านางอยากกลับก่อนฝนตก ว่าแล้วก็พาจื่อเซียวออกจากประตูไปโดยไม่ได้เข้ามานั่งในห้อง
ฮูหยินใหญ่คอยสังเกตแผ่นหลังของอาหนู รู้สึกว่ากิริยาท่าทางของอาหนูในระยะนี้ไม่เหมือนยามปกติดอกไม้เล็กๆ ที่ชวนให้คนชื่นชอบและไม่เคยพบเห็นมาก่อนในแคว้นชางอี้เช่นนี้ เหตุใดอาหนูจึงตัดใจยกให้นางได้เล่า
_____________________________
