ตอนที่อ๋าวหรานยืนอยู่บนเวทีประลองนั้น เขารู้สึกค่อนข้างกระสับกระส่าย ตลอด่เวลาที่ผ่านมาเขาขยันฝึกซ้อมเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวมาโดยตลอด เพียงแต่เขายังไม่เคยประมือกับผู้ใดอย่างเป็ทางการ ถึงแม้จิ่งเซียงจะเป็สตรี แต่วรยุทธ์ตระกูลจิ่งนั้นไม่อาจดูเบาได้ อีกทั้งจิ่งเซียงเองก็ไม่ได้อ่อนแอด้วย
กระบี่ของเขาหายไปั้แ่ตอนที่ออกมาจากหมู่บ้านสกุลอ๋าวแล้ว ปกติก็แค่เด็ดกิ่งไม้มาใช้แทน กระบี่ที่อยู่ในมือตอนนี้นั้นจิ่งฝานช่วยหามาให้เขา ตัวกระบี่บางและยาว ถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกได้ว่าน้ำหนักเบาเป็อย่างยิ่ง ต่อให้อ๋าวหรานจะไม่รู้เื่กระบี่ ก็ยังรู้ว่ากระบี่เล่มนี้ไม่เลวเลย โดยเฉพาะจิ่งจื่อที่กลอกตาด้วยความรุนแรง ทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้น ยิ่งทำให้อ๋าวหรานรู้สึกว่านี่เป็กระบี่ชั้นดี
“มาเริ่มกันเถิด” ปกติจิ่งเซียงจะมีใบหน้าประดับรอยยิ้มระรื่นอยู่เสมอ ทว่ายามนี้กลับดูเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง อ๋าวหรานจึงเตรียมพร้อมสู้อย่างจริงจังตามไปด้วย
จิ่งเซียงพูดจบ นางก็เริ่มโจมตีก่อน เท้าซ้ายถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ยกกระบี่สั้นเล่มเล็กในมือซ้ายขึ้น ปลายเท้ากดลงเล็กน้อย พุ่งเข้าไปหาอ๋าวหรานรวดเร็วปานสายฟ้า!
อาวุธส่วนใหญ่ของตระกูลจิ่งก็คือกระบี่สั้น ยาวกว่ามีดพกสักเล็กน้อย แต่บางกว่า ถึงแม้โดยปกติแล้วอาวุธนั้นยิ่งยาวก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการเอาชนะ แต่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความถนัดของแต่ละบุคคล ตามความพิเศษของวรยุทธ์ วรยุทธ์ของตระกูลจิ่งนั้นเน้นความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือเดียวถึงชีวิต กระบวนท่าของพวกเขาล้วนแต่พุ่งเป้าไปที่จุดตายของคน เน้นต่อสู้ประชิดตัวเป็หลัก หากประชิดตัวไม่ได้ก็ใช้ปราณกระบี่ แต่ทักษะนี้ยังถือว่าค่อนข้างยาก ตระกูลจิ่งเองก็มีแค่จิ่งฝานที่สามารถแสดงพลังออกมาได้เต็มที่ คนอื่นก็พอทำได้บ้างเท่านั้น
ไม่พูดมาก กลับมาที่ปัจจุบัน
การฝึกซ้อมตลอดหลายวันมานี้ของอ๋าวหรานเองก็ไม่ใช่เล่นๆ แม้จิ่งเซียงจะรวดเร็วมาก ทิศทางที่โจมตีเข้ามาก็เ้าเล่ห์มาก ทว่าอ๋าวหรานก็สามารถตอบสนองกลับไปได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาเงื้อมือยกกระบี่ กันกระบี่สั้นที่จิ่งเซียงแทงเข้ามา อาวุธปะทะกัน ส่งเสียงเสนาะใสออกมาเสียงหนึ่ง “ชิ้ง——”
ลงมือครั้งแรกไม่ได้ผล แต่จิ่งเซียงก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก รีบปรับท่าทางอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งแทงเข้ามาอีกรอบหนึ่ง กระบี่สั้นชี้ตรงมาที่จุดจิวเหว่ย [1] ของอ๋าวหราน สิ่งที่ตามมาพร้อมกับกระบี่ก็คือปราณกระบี่อันแข็งแกร่ง อ๋าวหรานไม่เข้าใจเื่จุดบนร่างกาย แต่เขาเชื่อว่าหากถูกแทงเข้า คงจะไม่สบายนัก ถึงแม้จะดูเหมือนคิดอะไรมากมายแต่แท้จริงแล้ว เวลาผ่านไปแค่ชั่วหนึ่งลมหายใจเท่านั้น ในตอนนั้นเอง เท้าของอ๋าวหรานไม่ขยับ ทั้งร่างเอนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เกือบจะแนบไปกับพื้น ปราณกระบี่ของจิ่งเซียงพุ่งผ่าน้าของตัวอ๋าวหรานไป พุ่งตรงไปยังด้ามของธงที่อยู่บนเวที เสียงกระทบดังปังหนึ่งเสียง แล้วด้ามธงก็ร่วงลงไปตามเสียงนั้น
คนทั้งสองไม่สนใจด้ามธงที่ประสบเคราะห์โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยแม่แต่น้อย โดยเฉพาะจิ่งเซียง นางลงมือสองครั้งไม่สำเร็จ ท่าทางการโจมตียิ่งดูดุร้ายมากยิ่งขึ้น ไม่ให้โอกาสอ๋าวหรานได้ลุกกลับขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวขยับหมุนข้อมือ ปลายกระบี่พุ่งลงด้านล่าง รอบนี้ พุ่งตรงไปยังจุดจวี้เชวี่ย [2] ของอ๋าวหราน อ๋าวหรานไม่หยุดคิดสักนิด วาดกระบี่ ใช้ลำกระบี่รับปลายกระบี่ของจิ่งเซียง เขาไม่ได้ยกตัวขึ้น ทั้งร่างยืมแรงจากจิ่งเซียงที่กระแทกลงมา ส่งให้ปลายเท้าของเขาแตะพื้นไถลไปด้านหลัง ทิ้งระยะห่างออกจากจิ่งเซียงอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะหยุดยืนอย่างมั่นคง
จิ่งเซียงยิ้มพร้อมเงยหน้า “ไม่เลวทีเดียว”
ขณะที่อ๋าวหรานกำลังจะตอบ กลับได้ยินเสียงจิ่งจื่อที่ด้านล่างเวทีะโขึ้นมา “คุณชายอ๋าวตั้งใจจะหลบไปตลอดเลยหรือ? ยังไม่เห็นเ้าลงมือเลย!”
อ๋าวหรานหันศีรษะ เลิกคิ้วพูดว่า “กระจกน้อย [3] เ้าก็รีบร้อนเกินไปแล้ว”
!!!
“ฮ่าฮ่า กระจกน้อย ชื่อนี้ไม่เลว!”
“อ๋าวหราน!!” ทั้งลานประลองสะท้อนเสียงะโด้วยความโกรธของจิ่งจื่อ เขาที่โมโหขนาดนั้นก็ไม่พูดจาเกรงใจด้วยการเรียนคุณชายอ๋าวอะไรแล้ว แต่เรียกชื่อของอ๋าวหรานไปตรงๆ เลย
มองดูจิ่งจื่อที่โกรธเกรี้ยว อ๋าวหรานอดโค้งรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เป็รอยยิ้มชั่วร้าย พอดีเห็นจิ่งฝานกำลังจ้องเขาอยู่จึงรีบหุบรอยยิ้มลงทันที เปลี่ยนเป็วาดรอยยิ้มโง่เง่า ออกมาแทน สุดท้ายยิ้มออกไปแล้วก็อดค่อนขอดตนเองในใจไม่ได้ว่า จะกลัวอะไรนักหนา!
“อ๋าวหราน! ประมือกับจิ่งเซียงเสร็จแล้ว ก็มาประมือกับข้าสักรอบเถิด!”
อ๋าวหรานมองดูจิ่งจื่อที่ในตามีไฟปะทุออกมาแล้วอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ “เป็เกียรติอย่างยิ่ง!”
“ฮึ! หวังว่าเ้าจะมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของจิ่งเซียงมาได้!”
คำพูดนี้ แท้จริงแล้วก็เป็แค่คำบ่นออกมาเพราะความไม่พอใจเท่านั้น สุภาษิตโบราณว่าไว้ ผู้มีประสบการณ์ดูช่องทาง ผู้ไร้ประสบการณ์ดูเื่สนุก [4] อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงถึงแม้จะเพิ่งประมือกันไปแค่สามกระบวนท่า แต่ไม่ว่าจิ่งจื่อหรือว่าอ๋าวหรานเองก็รู้ดีแก่ใจแล้ว
ตอนที่คนทั้งสองพัวพันเข้าหากันอีกครั้งนั้น อ๋าวหรานก็ไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่จิ่งเซียงรุกพุ่งมาสามกระบวนท่า อ๋าวหรานก็โบกกระบี่ในมือชี้ไปที่จิ่งเซียง เทียบกับปราณกระบี่ของจิ่งเซียงแล้ว ของอ๋าวหรานทรงพลังยิ่งกว่ามาก อีกทั้งอ๋าวหรานเองก็เร็วกว่า เคลื่อนตัวเพียงแวบเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจิ่งเซียงแล้ว จิ่งเซียงเองก็ไม่ถอย จับกระบี่สั้นในมือมั่น พุ่งตรงไปด้านหน้า ถึงแม้จะบอกว่าจิ่งเซียงที่ฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิดมาแต่เด็กดูจะเหนือกว่า ทว่าอ๋าวหรานเองก็ไม่ได้แย่ อ๋าวหรานมีประสบการณ์ไม่มาก แต่เฉลียวฉลาด ตอบสนองได้ว่องไว มีความอัจฉริยะและพร์อยู่หลายส่วนเช่นกัน
เผชิญหน้ากับเจตจำนงแห่งกระบี่ของจิ่งเซียงที่โจมตีออกมา อ๋าวหรานก็ไม่ถอย ใช้กระบี่กันไว้แล้วปัดออก แล้วโจมตีกลับไปหนึ่งกระบวนท่า การโจมตีนี้รวดเร็วชนิดที่อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน กระบวนท่านี้เป็กระบวนท่าที่เก้าของเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าว ‘หนึ่งจุดดังใจ’ กระบวนท่านี้คือการรวบรวมเจตจำนงของกระบี่ทั้งหมดไปไว้ที่จุดเดียว แต่ในนาทีที่ปราณกระบี่พุ่งห่างจากตัวกระบี่ออกมาถึงจุดๆ หนึ่งนั้น ก็จะพุ่งสาดกระจายออกไป ทำให้มีระยะทำลายล้างกว้างขวางมาก เหมาะที่จะใช้กับทั้งการต่อสู้ระประชิดและระยะไกล และตอนนี้จิ่งเซียงอยู่ห่างจากเขาไม่ไกลมาก เมื่อนางเผชิญหน้ากับปราณกระบี่แ่าที่พุ่งออกมาเป็จุดเดียวนั้น นางย่อมต้องถอยไปด้านหลัง แต่เมื่อถอยหลังไปแล้ว ปราณกระบี่ก็จะกระจัดกระจาย ล้อมนางเอาไว้ กระบวนท่านี้ จิ่งเซียงไม่มีทางหลบได้พ้น!
ความจริงเป็ดังที่อ๋าวหรานคาดไว้ ดีที่อ๋าวหรานใช้แรงไปแค่ไม่กี่ส่วน จึงไม่ทำให้เป็อันตราย
“อีกรอบ!” จิ่งเซียงที่พ่ายไปหนึ่งกระบวนท่าก็ไม่ท้อแท้ ยกกระบี่พุ่งเข้ามาใหม่
ทั้งสองคนก็ผลัดกันรับผลัดกันรุกแบบนี้อยู่หลายสิบกระบวนท่า อ๋าวหรานชนะมากแพ้น้อย ั้แ่ที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของกำลังภายในของจิ่งฝานที่บ่อน้ำร้อนครานั้น อ๋าวหรานก็รู้สึกไม่มั่นใจเป็อย่างมาก แต่ครั้งนี้หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนวรยุทธ์กับจิ่งเซียงแล้ว อ๋าวหรานก็มั่นใจในตัวเองขึ้นมา อย่างไรเสียตัวเอกก็คือตัวเอก โดดเด่นไม่เหมือนใคร เขาที่เป็แค่ตัวรับะุแทนก็ย่อมไม่อาจเทียบกับตัวเอกได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนอื่น เขาก็คงไม่ย่ำแย่เท่าไรนัก อย่างน้อยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมจริงจังของจิ่งจื่อที่ด้านล่างเวทีก็ช่วยยืนยันให้เขาในเื่นี้
เชิงอรรถ
[1] จุดจิวเหว่ย(鸠尾穴)อยู่บริเวณยอดอกบนแนวกึ่งกลางลำตัว
[2] จุดจวี้เชวี่ย(巨阙穴)อยู่บริเวณท้อง บนแนวเส้นกึ่งกลางลำตัว
[3] กระจกน้อย(小镜子)คำว่ากระจก(镜子)ในภาษาจีนออกเสียงว่า จิ้งจื่อ เกือบจะไปพ้องเสียงกับชื่อของ จิ่งจื่อ คืออ๋าวหรานตั้งใจเรียกแบบนี้เพื่อล้อเลียน จิ่งจื่อ นั่นเอง
[4] ผู้มีประสบการณ์ดูช่องทาง ผู้ไร้ประสบการณ์ดูเื่สนุก (内行看门道 外行看热闹)หมายถึง คนที่มีประสบการณ์หรือความรู้ในสาขานั้นๆ เวลามองก็จะมองที่เทคนิค วิธีการ ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์และความรู้ในสาขานั้นๆ ก็จะมองแค่ภายนอกที่แสดงออกมา