บทที่ 81 ข่าวลือสามารถฆ่าคนได้
เหอเสวี่ยฉินจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในที่สุด
ลู่จิ่งเหนียนยกนิ้วโป้งให้สวี่จือจือ “พี่สะใภ้สาม พี่สุดยอดไปเลย”
ทำให้อาสะใภ้รองแทบกระอักเืเข้าโรงพยาบาล
“ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง” เธอถอนหายใจ “แต่ถ้าหล่อนจะโกรธจนตายเอง ฉันก็ช่วยไม่ได้”
อะไรที่เรียกว่าได้ประโยชน์แล้วทำตัวใสซื่อ
ลู่จิ่งเหนียนได้เรียนรู้แล้ว และตั้งใจแน่วแน่ยิ่งขึ้นว่าในบ้านนี้อย่าได้ไปยุ่งกับพี่สะใภ้สามเป็อันขาด ไม่ว่าจะเป็การทำให้ใครขุ่นเคืองก็ตาม
เหอเสวี่ยฉินคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
“พรุ่งนี้ขอใช้จักรยานของนายหน่อยนะ” สวี่จือจือกล่าว
“พี่ใช้ได้ตามสบาย ไม่ต้องบอกผม” ลู่จิ่งเหนียนกล่าว “พี่จะโทรหาพี่ชายสามของผมไหม?” เขาถามอีก “ถ้าโทรช่วยถามพี่ชายสามให้ผมหน่อยว่าพอจะหาของใช้ทางการทหารให้ผมได้บ้างไหม?”
สวี่จือจือเหลือบมองมาด้วยดวงตาผลซิ่ง “นายอยากให้พี่ชายของนายทำผิดกฎหมายเหรอ?”
“แหะๆ” ลู่จิ่งเหนียนเกาหลังศีรษะ “แค่คิดว่าคำพูดของพี่สะใภ้สามมันมีประโยชน์นี่นา”
สวี่จือจือเหลือบมองเขาแล้วหยิบปลาที่ล้างไว้ “ฉันว่า่นี้นายคงหาเงินจนสมองร้อนไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้กล้าขออะไรแบบนี้?”
ลู่จิ่งเหนียนถอนหายใจ
พี่สะใภ้สามก็ฉลาดเหมือนกับพี่สาม ยากที่จะหลอกลวงจริงๆ
ตอนเย็นสวี่จือจือหั่นปลาเป็ชิ้นบางๆ ทำปลาต้ม วันรุ่งขึ้นก็ไปที่อำเภอพร้อมกับลู่หวยไห่ั้แ่เช้า นำมะเขือยาวดองเผ็ดและไข่เค็มที่บ้านไปให้หัวหน้าสถานีและหัวหน้าแผนกที่สถานีขนส่ง
ไข่เค็มที่สวี่จือจือแลกมาจากบ้านคนที่เลี้ยงเป็ดในหมู่บ้านเมื่อไม่นานมานี้ วันนี้มาที่อำเภอจึงนำมาให้พวกเขาบ้างพร้อมกับผักดอง ตั้งใจจะส่งไปให้ลู่จิ่งซาน และยังจะนำของกินไปให้พวกเขาสองคนด้วย
ท้ายที่สุด ธุรกิจของสถานีก็ยังต้องพึ่งพาพวกเขาในอนาคต
สวี่จือจือมองการณ์ไกลกว่านั้น เมื่อถึงปีหน้าที่เปิดประเทศ อำเภอก็จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไง สถานีขนส่งก็ยังคงเป็สถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดเสมอ
เธอคิดว่าถ้าเป็ไปได้ ในอนาคตจะเปิดร้านซาลาเปาใกล้ๆ สถานี ตอนนี้สร้างชื่อเสียงไว้ก่อน พอร้านเปิดจริงๆ จะกลัวว่าขายไม่ดีอีกเหรอ? คนขับรถพวกนั้นจะมาอุดหนุนเป็ประจำ
“แม่หนูเกรงใจเกินไปแล้ว” หัวหน้าสถานีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ปากพูดไป มือก็ไม่ได้หยุด เปิดผักดองในกระปุก “มะเขือยาวดองเผ็ด? นี่มันของดีนี่นา”
แค่ได้กลิ่นก็หอมแล้ว
“แค่มองก็รู้ว่าคุณเป็ผู้เชี่ยวชาญ” สวี่จือจือยิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้ “ยังมีไข่เค็มดองที่บ้าน กินกับแป้งห่อ อร่อยกว่าขนมปังไส้เนื้ออีกค่ะ”
“ฮ่าๆ” หัวหน้าสถานีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่หนูรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบแบบนี้?”
หัวหน้าแผนกก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อเห็นหัวหน้าสถานีมองมาก็โบกมือแล้วยิ้ม “ผมไม่ได้พูดอะไรนะ”
ท้ายที่สุดตอนที่กินซาลาเปาของสวี่จือจือ เขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ก็แค่ซาลาเปาไส้ผักธรรมดา จะอร่อยสักแค่ไหนกัน? แต่แล้วก็โดนตบหน้าหัน
สวี่จือจือไม่ได้พูดอะไรมาก พอส่งของเสร็จก็จากไป เธอยังต้องไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งของให้ลู่จิ่งซานอีก
ตอนที่ลู่จิ่งซานไปได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานไว้ให้เธอ บอกให้เธอโทรหาเขา เพียงแต่่นี้มัวแต่ยุ่งกับการส่งซาลาเปาให้สถานีขนส่งก็เลยลืมเื่โทรศัพท์ไปเสียสนิท
เมื่อวานคุณนายลู่เตือนเธอ กลัวว่าจะต้องไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อนำเงินเดือนของลู่จิ่งซานเดือนนี้กลับมา เธอถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าที่แท้ลูกพี่ได้มอบหมายงานให้เธอก่อนที่จะไป
ให้โทรหาเขา! แต่เธอกลับลืมเื่นี้ไปเสียสนิท
เพื่อเป็การแสดงความเสียใจ ไข่เค็มดองที่บ้านก็พอดีแล้ว เยิ้มๆ น่ากิน สวี่จือจือเลยคิดว่าจะส่งไปให้เขาสักหน่อย แบบนี้ลูกพี่คงจะไม่ว่าเธอที่ไม่ได้โทรไปนานขนาดนี้นะ
“เธอเป็อะไรกับลู่จิ่งซาน?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในที่ทำการไปรษณีย์ขมวดคิ้วมองสวี่จือจือ “เมื่อก่อนคนที่มารับเงินเป็ผู้ชายทั้งหมด”
น่าจะเป็พ่อของเขาหรือใครสักคน
“เขาเป็คนรักของฉัน” สวี่จือจือกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
“อะไรนะ?”
เพล้ง! เด็กสาวที่อยู่ตรงข้ามหญิงวัยกลางคนทำถ้วยกระเบื้องในมือหล่นลงบนโต๊ะทันที
“เธอเป็แฟนของเขา?” หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยความสงสัย “แต่เมื่อสองเดือนก่อนพ่อของเขายังบอกว่ายังไม่ได้แต่งงานเลยนะ?” แล้วมองสวี่จือจือด้วยความสงสัย “แม่หนูคนนี้ เกรงว่าคงจะขโมยตราประทับของคนอื่นมาเบิกเงินมั่วๆ ละมั้ง”
“คุณป้าคนนี้” สวี่จือจือกล่าวอย่างจริงจัง “กินข้าวมั่วได้ แต่พูดจามั่วซั่วไม่ได้ การขโมยของ คุณรู้ไหมว่ามันเป็ความผิดร้ายแรงขนาดไหน? หรือคุณคิดว่าฉันไม่ได้นำเอกสารมาให้ครบ?” เธอกล่าวต่อ
ตอนนี้การเบิกเงินต้องมีหนังสือรับรอง เธอได้ให้ไปแล้วเมื่อกี้
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างอึกอัก
“ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษสำหรับคำพูดของคุณเมื่อกี้ด้วยค่ะ” สวี่จือจือกล่าวอย่างเ็า
“ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้?” พอพูดว่าจะให้ขอโทษ หญิงวัยกลางคนก็ไม่พอใจ “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น”
“คำพูดไปเรื่อยของคุณสามารถฆ่าคนได้ทั้งคน” สวี่จือจือมองอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย “ขอโทษมาซะ”
“เธอจะเบิกเงินหรือไม่เบิก? ไม่เบิกก็ไปซะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างไม่พอใจ
“หัวหน้าของคุณล่ะ? ฉันจะพบหัวหน้าของคุณ” สวี่จือจือกล่าวเสียงดัง “ไม่ใช่ข้าราชการของประชาชนหรอกเหรอ? หรือว่านี่คือใส่ร้ายป้ายสีประชาชนงั้นเหรอ?”
“สหายน้อยคนนี้อย่าเพิ่งโมโหไป” เด็กสาวที่อยู่ตรงข้ามหญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่หลิวไม่ได้หมายความอย่างนั้น เปลี่ยนคนมารับเงินแถมยังเป็เบี้ยเลี้ยงของทหาร พวกเราก็ต้องถามให้ละเอียดหน่อย”
“สิ่งที่พวกคุณเรียกว่าถามคือการใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็ขโมยงั้นเหรอ?” สวี่จือจือกล่าวเสียงเข้ม
ดวงตาของเด็กสาวแดงขึ้นมาทันที
“สหายคนนี้ทำไมถึงได้ดุร้ายขนาดนี้ ทำไม? นี่เธอยังอยากจะทำร้ายคนอื่นอีกเหรอ?” พี่หลิวกล่าวด้วยสีหน้าดำคล้ำ “ดูสิ ทำให้เสี่ยวเถียนของพวกเราใหมดแล้ว”
“เหอะๆ” สวี่จือจือหัวเราะเยาะ “ฉันไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ทำการไปรษณีย์ของพวกเรากลายเป็สถานที่บิดเบือนความจริง ชี้กวางเป็ม้าไปแล้ว?”
“หัวหน้าล่ะ? ให้หัวหน้าของพวกคุณออกมา” สวี่จือจือกล่าว
“แม่หนูคนนี้ เบาๆ หน่อยเถอะ อย่าไปทะเลาะกับคนของรัฐเลย” หญิงชราคนหนึ่งเตือนสวี่จือจือด้วยความหวังดี “ทะเลาะไปก็ไม่ชนะ จะเสียเปรียบเปล่าๆ”
“ไม่กลัวค่ะ” สวี่จือจือส่ายหน้าให้อีกฝ่าย “มีเหตุผลก็ไปได้ทุกที่”
เธอกำลังพูดอยู่ก็เห็นชายคนหนึ่งสวมชุดจงซาน สวมแว่นหนาเตอะเดินออกมาจากข้างใน “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณเป็หัวหน้าที่นี่เหรอคะ?” สวี่จือจือถาม “คุณตัดสินใจได้ไหม?”
คนคนนั้นดันแว่นแล้วมองสวี่จือจือ “สหายน้อย ฉันเป็รองหัวหน้าแผนกที่ทำการไปรษณีย์ มีอะไรก็บอกฉันได้”
“อ้อ คุณหัวหน้าแผนก สวัสดีค่ะ” สวี่จือจือพูดจบก็ยื่นของในมือให้เขา “คืออย่างนี้ ฉันอยากจะถามคุณว่าฉันนำของพวกนี้มาเบิกเงิน มีอะไรที่ไม่ถูกต้องเหรอคะ?”
มีตราประทับและหนังสือรับรองจากหมู่บ้านครบถ้วน
“เอกสารครบถ้วน” หัวหน้าแผนกกล่าว “ลู่จิ่งซาน? เธอเป็...”
“ฉันเป็ภรรยาของเขาค่ะ” สวี่จือจือกล่าวพลางชี้ไปที่หญิงวัยกลางคนที่เคาน์เตอร์ “แต่คุณป้าคนนี้ของพวกคุณกลับบอกว่าของพวกนี้ของฉันขโมยมา ฉันเป็ขโมย”
“นี่...” หัวหน้าแผนกยิ้ม “ต้องมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่นอน เสี่ยวหลิว รีบเบิกเงินให้แม่หนูคนนี้ซะ”
“หล่อนต้องขอโทษฉัน” สวี่จือจือกล่าวอย่างจริงจัง “ในเมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ เลย อาศัยแค่การคาดเดาของตัวเองก็ใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็ขโมย ข่าวลือสามารถฆ่าคนได้นะคะ”
ป้า!!!
เธอเพิ่งจะอายุสามสิบกว่าๆ เอง แก่ที่ไหนกัน! กลายเป็ป้าไปแล้ว! ยังจะต้องให้เธอขอโทษเด็กสาวคนหนึ่งด้วยเหรอ?
ไม่มีทาง
............................