ภายในห้องนอน เตากำยานทำจากหินหยกกำลังเผาธูปหอมมีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายซึ่งหลอมเอาดอกไม้ร้อยชนิดรวมกันกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากเตากำยาน ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ยามสูดเข้าไปสดชื่นสบายนัก
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเอนกายครึ่งหนึ่งอยู่บนเก้าอี้โยกโดยมีป้าจ้าวช่วยนวดตัวให้นางยามคนแก่เฒ่าลงกล้ามเนื้อในตัวก็จะยึดแข็งเกร็งได้ป้าจ้าวนวดเฟ้นก็ทำให้สบายขึ้นมากจริงๆ
“คุกเข่าลง นังบ่าวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”หั่วอี้เข้ามาในห้องได้ก็เดินตรงไปที่ม้านั่งยาวทำจากไม้แดง ตวาดใส่ป้าจ้าวทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่จึงต้องสะดุ้งลืมตาหันมองหั่วอี้ด้วยความตื่นเต้นยินดีและโกรธเคือง
ส่วนป้าจ้าวนั่งคุกเข่าลงไปตามเสียงตะคอกดังของหั่วอี้นานแล้ว
เวลานี้สีหน้าของหั่วอี้ถมึงทึงนักป้าจ้าวเห็นหั่วอี้เติบโตมาั้แ่เล็ก ย่อมรู้ว่านี่เป็สีหน้ายามหั่วอี้โมโหจึงรีบหมอบตัวลงไม่กล้าเอ่ยปากใดๆ
“อี้เอ๋อร์ นี่เ้าเป็อะไรไป พอกลับมาก็เอะอะโวยวายในสายตาเ้ายังมีแม่คนนี้อยู่หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยอมใจ
“ท่านแม่ เื่นี้ท่านโปรดอย่าก้าวก่าย ไม่ว่าอย่างไรนายก็คือนายต่อให้เป็นายที่ไม่เป็ที่รักหลงอีกสักเท่าใดก็มิใช่ให้คนเป็บ่าวเยี่ยงเ้าจะมาทำเลวใส่”
ฮูหยินผู้เฒ่าะเืใจ คำพูดนี้ของหั่วอี้หากว่ากันตามเหตุผล กลับทำให้นางนึกถึงตอนแรกๆที่เพิ่งเข้าจวนมาและเคยต้องพบเจอกับพวกบ่าวชราในจวนข่มเหงเอาเช่นกันที่นางสามารถอยู่ในจวนมาจวบจนทุกวันนี้ เื่ราวที่นางประสบมาล้วนมีมากกว่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่ได้ชิงชังองค์หญิงเท่าใดแล้วเพราะคล้ายว่านางมองเห็นตนเองครั้งยังสาวจากตัวองค์หญิงและด้วยสาเหตุนี้เองนางจึงไม่คิดจะปกป้องป้าจ้าวจนเกินไปอีก
ป้าจ้าวถูกฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสอนมาก่อนหน้าแล้ว จึงรู้ว่าเื่ที่เกิดขึ้นนางควรต้องมีท่าทีอ่อนน้อมเข้าไว้เพื่อให้โทสะของหั่วอี้ลดทอนลง
นางทำเป็ใหวาดกลัว หมอบตัวลงที่เท้าหั่วอี้พลางโขกหัวไม่หยุด กล่าวว่า“ท่านแม่ทัพเ้าคะ บ่าวรู้ผิดแล้ว คิดว่าผ่านไปสักสองวัน ให้ร่างกายบ่าวดีขึ้นสักหน่อยบ่าวก็จะไปขอขมาฮูหยินเ้าค่ะ”
หั่วอี้โมโหนัก หากไม่ใช่เพราะเื่นี้ตอนเขากลับมาที่จวนองค์หญิงก็คงจะมีรอยยิ้มต้อนรับเขาแล้วกระมัง อุตส่าห์สร้างสัมพันธ์อันดีกับองค์หญิงมาอย่างยากเย็นค่ำคืนแสนดีงามกลับถูกบ่าวชั่วทำลายไปหมด
เขาจ้องป้าจ้าวตาเขม็ง หากไม่เห็นแก่ฮูหยินผู้เฒ่า เขาก็อยากสั่งโบยนางแล้วไล่ออกจากจวนไปเสีย
หั่วอี้มองฮูหยินผู้เฒ่าพลางว่า “ท่านแม่ขอรับ คนผู้นี้เป็คนข้างกายท่านลูกจึงไม่เหมาะทำการข้ามหน้าข้ามตาท่าน แต่บ่าวที่ลามปามนายเช่นนี้ก็ขอให้ท่านแม่ช่วยสั่งสอนแทนด้วยขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าพอหั่วอี้พูดจบก็จะออกไปทันทีไม่ได้อยู่สนทนากับนางต่อเหมือนเช่นปกติ จึงรู้สึกเคืองป้าจ้าวขึ้นมาเช่นกัน หากมิใช่เพราะป้าจ้าวก่อเื่แล้วหั่วอี้จะรู้สึกว่าหากอยู่ในเรือนนางต่ออีกสักเค่อก็ยังนานเกินไปเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยทั้งสีหน้าเ็าว่า “ให้ทำโทษตามที่ฮูหยินสั่งป้าจ้าวควรถูกขังกี่วันก็ให้ขังเท่านั้น”
ป้าจ้าวไม่มีข้อโต้แย้งใดเมื่อได้ยินคำของฮูหยินผู้เฒ่า เพราะดูจากท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าในยามนี้ก็คงขุ่นเคืองนางเช่นกัน
นางจึงทำได้เพียงโขกหัวให้ฮูหยินผู้เฒ่า ขบฟันตัดใจ กล่าวว่า“บ่าวขอรับโทษเ้าค่ะ” พูดจบก็นั่งพับลงไปกับพื้น
ท่าทีของหั่วอี้เ็า หันไปถลึงตาใส่ป้าจ้าวอีกหลายครั้งไม่ได้อยู่ต่อดังเช่นที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังจะให้เป็ สะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
มองตามทางที่หั่วอี้เดินออกไป ฮูหยินผู้เฒ่าพลันมีอารมณ์ะเืใจปรากฏบนสีหน้านางชี้นิ้วด่าทอป้าจ้าว “เ้าดูสิ เ้าดูเสีย นี่เพราะเ้าทำดีนัก ยามนี้แม้แต่อี้เอ๋อร์ก็ยังตีตัวออกห่างข้าแล้วก็เพราะข้ากลัวว่าจะมีวันนี้จึงได้ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งกับสตรีของเขามาโดยตลอด แต่ยามนี้กลับดีนัก”
“ข้าก็จะไม่เก็บเ้าเอาไว้แล้ว เ้าไปรับโทษเสียเถิด”ฮูหยินผู้เฒ่าทิ้งท้ายเอาไว้แล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องไม่มองป้าจ้าวอีกแม้สักหน
เดิมทีนางยังคิดจะปกป้องป้าจ้าวแต่หั่วอี้โกรธเป็ฟืนเป็ไฟเสียแล้ว หากนางยังไม่ลดท่าทีลงเพื่อให้หั่วอี้คลายโทสะเกรงว่าระยะนี้หั่วอี้ก็คงไม่มาหานางอีก ระหว่างหั่วอี้กับป้าจ้าว ยังต้องถามว่าจะตัดใครทิ้งอีกหรือ
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าเข้าห้องไปแล้ว ป้าจ้าวก็มีน้ำตาท่วมหน้า นี่เรียกได้ว่าก่อนตายก็ยังถูกเหยี่ยวจิกโดยแท้
เมื่อหั่วอี้กลับไปถึงเรือนหลักก็เห็นว่าหลิ่วจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ริมหน้าต่างไม่รู้ว่ากำลังคิดเื่ใดอยู่ เขาเดินมาข้างหน้าแล้วนางก็ยังไม่รู้สึกตัว
“ข้าอยากมีชีวิตธรรมดาๆ ไม่ต้องถูกเล่นงานและไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี”หลิ่วจิ้งรำพึงกับตนเองด้วยน้ำเสียงแสนบางเบา ต่อให้ตั้งใจฟังหรือยืนอยู่ตรงหน้านางก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ยินชัดเจน
นี่คือความ้าจากก้นบึ้งของหัวใจนางหรือ? หั่วอี้ซึ่งเป็คนมีวรยุทธ์กลับยังได้ยินคำพูดของหลิ่วจิ้ง
ตอนนี้หั่วอี้กลับััได้ว่าองค์หญิงช่างอ่อนแอนักความสุขุมเยือกเย็นครั้งนางเผชิญหน้ากับมือสังหารระหว่างทางมาแต่งงานไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้วเป็สิ่งใดเผาผลาญสัญชาตญาณในการต่อสู้ของนางไป? นางคง้าผู้อื่นห่วงใยรักใคร่เช่นกันกระมัง
ความอ่อนแรงไร้ที่พึ่งพาเช่นที่หลิ่วจิ้งเป็ทำให้หั่วอี้รู้สึกสงสารเขาเอื้อมมือเข้าไปโอบหลิ่วจิ้ง ซบหน้าลงข้างหูนาง กล่าวว่า “กำลังคิดสิ่งใดอยู่สามีเข้ามาก็ยังมองไม่เห็น”
หลิ่วจิ้งสะดุ้งใที่จู่ๆ หั่วอี้ก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีซุ่มเสียงนางขยับตัวดิ้นรน อยากหลุดพ้นจากอ้อมกอดของหั่วอี้
“ฮูหยิน หรือว่าแม้แต่ข้าท่านก็ยังไม่เชื่อใจ?” หั่วอี้เอ่ยออกไปทั้งกอดหลิ่วจิ้งไว้แน่นกว่าเก่า
หลิ่วจิ้งได้ยินคำพลันนิ่งงัน หันหน้ามาสบตากับหั่วอี้แววตาของเขาช่างแน่วแน่มั่นใจ เป็ดั่งวังน้ำวนที่กำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วตกลงไปยามใดก็คงไร้เรี่ยวแรงถอดถอนตัว
“ฮูหยินอย่าได้เศร้าใจเพราะบ่าวพวกนั้นเมื่อครู่สามีไปอบรมนางให้ท่านแล้ว” หั่วอี้แนบใบหน้าที่ข้างหูหลิ่วจิ้งเดิมทีเพราะ้าพูดให้เบาที่สุดไม่อยากให้นางใแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาพูดจบ กลับทนความเย้ายวนไม่ไหวจูบลงที่ใบหูของหลิ่วจิ้ง
ใบหน้าของหลิ่วจิ้งแดงขึ้นด้วยความเขินอายในทันทีนางดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของหั่วอี้ “ท่านแม่ทัพ อย่าทำเช่นนี้เ้าค่ะ”
นภายามนี้จวนเจียนพลบค่ำ เป็เวลาอาหารเย็นพอดีในเรือนจึงมีคนไปมามากมายนักอีกประการหลิ่วจิ้งก็เพิ่งฝันที่ทำให้นางเป็ทุกข์เสียอย่างยิ่ง แล้วนางจะมีอารมณ์เสน่หากับหั่วอี้ได้ที่ใด
หั่วอี้เห็นว่าหลิ่วจิ้งไม่มีอารมณ์ จึงทำได้เพียงสะกดเพลิงพิศวาสเอาไว้เสียดูท่าว่าวันนี้จะไม่ใช่โอกาสเหมาะเสียแล้ว
“ฮูหยิน สามีวางแผนเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว คนที่จะจัดให้เข้ามาอยู่ในจวนในวันพรุ่งล้วนเป็คนที่เชื่อถือได้ทั้งสิ้นพวกเขาจะใช้เหตุผลว่าเข้ามาช่วยงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีเื่ต้องทำมากมายถึงยามนั้นให้ฮูหยินรู้เื่นี้ไว้เป็พอ อย่าหาว่าสามีมีเื่ใดแล้วไม่มาหารือกับท่าน”
หั่วอี้จึงสนทนากับหลิ่วจิ้งเื่การใหญ่ที่จะกำจัดไส้ศึกภายในจวนหวังจะใช้เื่นี้เบี่ยงเบนความสนใจของหลิ่วจิ้งไปจากความทุกข์ใจ
“โอ้ เข้ามาเร็วเช่นนี้เชียว”หลิ่วจิ้งยังนึกว่าจะเข้ามาก่อนวันงานไม่กี่วันเสียอีก
“อ้อ ว่าแต่ทางอาหนูนั่นเกิดเื่ใดขึ้นหรือเ้าคะได้ยินว่าท่านสั่งกักบริเวณนาง” หลิ่วจิ้งลองสอบถามถูก มิใช่ว่านางมีเจตนาดีแต่หากอาหนูถูกขังอยู่เรื่อยไปเช่นนี้ นางก็คงต้องเตรียมสู้ศึกเพียงผู้เดียวซึ่งไม่เป็ผลดีต่อนางเลย
“หึ นึกถึงเื่นี้ก็ทำให้มีน้ำโหนัก กักบริเวณก็นับว่าดีกับนางมากแล้วถึงกับกล้าเอ่ยถึงท่านด้วยวาจาโสมม”สองวันมานี้หั่วอี้ไม่ได้นึกถึงเื่ของอาหนูเลย พอหลิ่วจิ้งเอ่ยถึง เื่ที่เขาอุตส่าห์หลงลืมไปก็กลับมาวางแผ่อยู่บนโต๊ะอีกครั้งเสียแล้ว
_____________________________
