แม่ของชุ่ยชุ่ยเป็คนใจร้อน สะบัดมือตบหน้าสวี่เยว่ทันที แล้วด่าด้วยคำหยาบคาย "นังตัวแสบ คิดจะใช้ฉันเป็เครื่องมือเหรอ ดูตัวเองก่อนเถอะว่ามีปัญญาไหม!"
สวี่เยว่โดนตบแต่ก็ไม่กล้าโวยวาย กลับบ้านไปอย่างเศร้าสร้อย
เื่นี้เธอไม่กล้าทำให้วุ่นวาย
เพราะถ้าเื่แดงขึ้นมา แม่ของชุ่ยชุ่ยต้องไม่ยอมรับว่าตบเธอแน่ แถมยังจะแฉว่าเธอไปยุยงให้คนอื่นทะเลาะกันถึงบ้านด้วย
แม้เธอจะเป็โรคหัวใจ แต่การที่เธอโดนตบหน้าก็แทบไม่ทิ้งรอยแผลไว้บนใบหน้าเธอเลย
เธอบอกไปว่าแม่ของชุ่ยชุ่ยตบเธอ คงไม่มีใครเชื่อ
หรือต่อให้เชื่อ คงคิดว่าเธอสมควรโดนแล้ว ใครให้เธออยากใช้คนอื่นเป็เครื่องมือกันล่ะ!
หลังจากเื่วุ่นวายจบลง สวี่ฮุ่ยติวหนังสือให้นักเรียนมัธยมปลายเ่าั้ที่ห้องรับรอง ไม่ถึงชั่วโมงก็เที่ยง เด็กนักเรียนมัธยมปลายเ่าั้ต่างกลับบ้านไปกินข้าว
สวี่ฮุ่ยไปซื้อหมั่นโถวชิ้นใหญ่สองลูกที่ตำบล แล้วกลับบ้านไปเอาผักดองที่จ้าวชิงชิงให้ไว้คราวก่อนมานั่งกินมื้อเที่ยงง่าย ๆ ในห้องรับรอง
ลุงยามห้องรับรองถามด้วยความเป็ห่วง "หนู ทำไมไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านล่ะ?"
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างเศร้าใจ "กินข้าวสิบมื้อ โดนด่าเก้ามื้อ ต่อไปจะไม่กินข้าวบ้านพวกเขาอีกแล้วค่ะ"
เื่ฉาวในบ้านไม่ควรนำมาเล่าให้คนนอกฟัง แต่เธอจะให้คนนอกรู้
ลุงยามห้องรับรองถอนหายใจพลางเดินกลับบ้านไปกินข้าวด้วยความสงสาร
ไม่กี่นาทีต่อมา ข่าวที่สวี่ฮุ่ยจะไม่กินข้าวที่บ้านอีกก็แพร่สะพัดไปทั่วเขตบ้านพัก
เพียงครู่เดียวก็มีผู้ปกครองของนักเรียนมัธยมปลายที่เรียนพิเศษกับสวี่ฮุ่ยนำอาหารอร่อย ๆ มาให้
สวี่ฮุ่ยไม่รับ
ผู้ปกครองเ่าั้พูดว่า "เธอสอนพิเศษให้ลูก ๆ ของพวกเราฟรี ๆ พวกเราเลี้ยงข้าวเธอสองมื้อจะเป็ไรไป?"
แต่สวี่ฮุ่ยก็ยังไม่รับไว้
ปี 1985 ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอย่างอัตคัด ชาวตำบลและเมืองจะซื้ออะไรก็ต้องใช้คูปอง
กินข้าวบ้านคนอื่นมื้อหนึ่งยังพอไหว แต่ถ้าระยะยาวจะเป็ภาระสำหรับคนอื่นไม่น้อย
เพื่อนบ้านเห็นดังนั้น ต่างชมว่าสวี่ฮุ่ยจิตใจดี
กู่ซิ่วรู้เื่นี้ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "ยัยเด็กเวรมันร้ายกาจจริง ๆ จงใจไม่กินข้าวที่บ้าน อยากใส่ไฟให้พวกเรา!"
สวี่ต้าซานกับลูกชายยังค้างคาใจที่กู่ซิ่วปิดบังเื่เอาเงินรางวัลหนึ่งพันหยวนจากสวี่ฮุ่ยไป
สวี่ต้าซานยังพออดทนไม่ตำหนิกู่ซิ่วได้
แต่สวี่รั่วเฉินผู้มีนิสัยเที่ยงตรงกลับระงับโทสะไว้ไม่อยู่ "ฮุ่ยฮุ่ยไม่กลับมากินข้าว ไม่ใช่เพราะแม่บีบบังคับเธอเหรอ แม่กินข้าวสิบมื้อ ด่าฮุ่ยฮุ่ยเก้ามื้อ ถ้าเป็ผม ผมก็ไม่อยากกินข้าวที่บ้านเหมือนกัน"
กู่ซิ่วโดนลูกชายตัวเองโกรธจนพูดไม่ออก
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงด่าทอของหญิงชราดังก้องไปทั่วเขตบ้านพัก "กู่ซิ่ว นังแรด ถือดีนักนะ ถึงได้คิดจะแย่งคะแนนสอบเข้ามหาลัยของฮุ่ยฮุ่ย แล้วยังจะแย่งเงินรางวัลของฮุ่ยฮุ่ยอีก!"
"แกคิดจะแย่งของกับฉันเหรอ? เงินพวกนั้นเป็ของเจียเฉียงกับเจียเวยหลานชายสุดที่รักทั้งสองของฉัน! ใครแย่งฉันจะสับมือมันทิ้งซะ!"
สวี่ต้าซานและคนอื่น ๆ หน้าเปลี่ยนสี แม่ของเขามาได้ยังไงกัน?
มีเพียงสวี่ฮุ่ยที่กำลังกินข้าวกลางวันในห้องรับรองเท่านั้นที่ยกยิ้มมุมปาก
ย่าสวี่ถูกเธอเรียกมาเอง
เมื่อเช้าวานนี้ ทุกคนในครอบครัวบังคับให้เธอเอาเงินทั้งหมดที่เธอมีและให้สวี่เยว่สวมรอยเรียนมหาลัยแทนเธอ
แม้ว่าเธอจะไปร้องเรียนหัวหน้าของกู่ซิ่วที่หน่วยงานแล้ว แต่ก็ยังกลัวสู้พวกเขาสี่คนตามลำพังไม่ไหว
ดังนั้นหลังจากขายปลาไหลเสร็จ เธอจึงแอบโทรไปที่คณะกรรมการหมู่บ้านที่ปู่ย่าอาศัยอยู่ในชนบท
ให้พวกเขาช่วยแจ้งคุณปู่สวี่กับคุณย่าสวี่ว่ากู่ซิ่วจะเอาเงินรางวัลและคะแนนสอบเข้ามหาลัยของเธอ
ไม่คิดเลยว่าคุณปู่สวี่กับคุณย่าสวี่จะรีบมาเร็วขนาดนี้
ในอดีต คุณย่าสวี่อยากให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับลูกสาวของน้องสาวญาติห่าง ๆ ของเธอคนหนึ่ง แต่สวี่ต้าซานกลับยืนกรานจะแต่งงานกับกู่ซิ่ว
คุณย่าสวี่เชื่อว่ากู่ซิ่วไปล่อลวงลูกชายคนโตของเธอที่มีอนาคตไกล จึงไม่ชอบกู่ซิ่วเป็อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น กู่ซิ่วยังถือตัวว่าตนลดตัวลงมาแต่งงานด้วย เลยปฏิบัติต่อบ้านของตัวเองกับบ้านสามีต่างกันราวฟ้ากับเหว
่เทศกาลซื้อของขวัญราคาแพงไปฝากบ้านตัวเอง แต่กลับให้ฝ่ายสามีแค่น้ำตาลทรายแดงสองห่อ
แม่ผัวลูกสะใภ้คู่นี้จึงไม่ลงรอยกัน
สวี่ฮุ่ยเรียกย่าสวี่มา ก็เพื่อจะยืมมือย่าสวี่มาจัดการกู่ซิ่ว
สวี่ฮุ่ยนึกถึงชีวิตอันน่าเวทนาในชาติที่แล้ว น้ำตาก็ไหลพรากราวกับฟ้ารั่ว ร้องเรียก "ย่า" แล้ววิ่งออกมาจากห้องรับรองแขก
ฝืนความรู้สึกคลื่นไส้ โผเข้าไปกอดคุณย่าสวี่แล้วร้องไห้ฟูมฟาย "คุณย่าคะ แม่เอาเงินรางวัลไปหนึ่งพันหยวนแล้ว แต่กลับไม่ยอมหยุด คิดจะบังคับให้หนูเอาเงินรางวัลสามพันหยวนที่ทางมณฑลให้ไปอีก!"
คุณย่าสวี่เป็คนโลภมากเกินกว่าปกติ
ถ้าไม่ใช่เพื่อเงินรางวัลก้อนโตนั่น เธอคงไม่พาสามีกับครอบครัวลูกชายคนเล็กปีนเขาข้ามน้ำนั่งรถไฟมาตำบลเถาฮวาั้แ่ดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้
คุณย่าสวี่ลูบหลังผอมบางของสวี่ฮุ่ยเบา ๆ "ฮุ่ยฮุ่ยไม่ร้องไห้นะ ย่าจะทวงเงินทั้งหมดคืนให้หนูเอง"
สวี่ฮุ่ยพูดปนสะอื้น "เงินสามพันหยวนนั้นหนูตั้งใจจะให้ย่าเพื่อแสดงถึงความกตัญญู ถ้าแม่แย่งไป หนูก็ไม่มีเงินให้คุณย่าแล้วล่ะค่ะ"
ในเมื่อเป็เงินที่ตั้งใจจะให้ตัวเอง ก็ยิ่งต้องทวงคืน
ตอนนี้ สวี่ต้าซานและคนอื่น ๆ ออกมาจากบ้านแล้ว
สวี่ต้าซานถามอย่างตกตะลึง "พ่อ แม่ มาได้ยังไงครับ?"
ส่วนครอบครัวน้องชายห้าคน เขาไม่มีเวลามาทักทาย
คุณย่าสวี่พูดเสียงเ็า "ถ้าฉันไม่มา ฮุ่ยฮุ่ยคงจะถูกพวกแกกลั่นแกล้งจนตายไปแล้ว!"
คุณย่าสวี่ปล่อยสวี่ฮุ่ย เดินไปตรงหน้ากู่ซิ่วแล้วพูดเสียงแข็ง "ส่งเงินรางวัลของฮุ่ยฮุ่ยคืนฉันมาให้หมด!"
กู่ซิ่วโดนตะคอกใส่จนตัวสั่นระริก จากนั้นก็แสร้งทำเป็เชื่อฟัง "แม่ อย่าเพิ่งโกรธค่ะ เงินของฮุ่ยฮุ่ยฉันจะเอามาให้ถึงมือแม่ก่อนห้าโมงเย็นแน่ค่ะ"
ยัยเด็กเวรมันเล็งเงินของเธอไม่ใช่เหรอ เธอยอมให้ย่าสวี่ยังดีกว่าให้สวี่ฮุ่ยได้ไปแม้แต่สตางค์แดงเดียว!
คุณย่าสวี่ถึงพอใจ
สวี่เยว่รีบเดินเข้ามาทักทายปู่ย่าอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็พยุงย่าสวี่เข้าไปในบ้าน "คุณย่าคะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ คงจะหิวแล้ว รีบเข้าไปกินข้าวในบ้านกันเถอะค่ะ"
ย่าสวี่เข้าไปในบ้าน มองอาหารบนโต๊ะ มีทั้งปลา ไข่ และตับหมูผัดเผ็ด สีหน้าที่เพิ่งดีขึ้นก็กลับมาบึ้งตึงอีกครั้ง
พูดอย่างเ็าใส่สวี่ต้าซาน "มิน่าล่ะถึงไม่ยอมให้แม่กับพ่อย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกับพวกแก ที่แท้ก็แอบกินของอร่อย ๆ ลับหลังกันนี่เอง!"
สวี่ต้าซานรีบอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน "ผมไม่ได้ไม่อยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันกับพวกเราหรอกนะครับ แต่ที่บ้านเราคนเยอะ บ้านเลยคับแคบ"
สวี่ฮุ่ยตักข้าวให้คุณตาสวี่กับคุณย่าสวี่แล้วพูดว่า "พ่อ เื่นี้ไม่ต้องกังวลค่ะ เดี๋ยวหนูก็ไปเรียนมหาลัยจะไม่อยู่บ้านแล้ว เอาห้องเล็ก ๆ ของหนูให้สวี่เยว่อยู่ แล้วให้ย่ากับปู่อยู่ห้องใหญ่ของสวี่เยว่ก็ได้นี่คะ"
หลังจากพูดจบ สวี่ฮุ่ยก็พูดเสริมเบา ๆ อีกว่า "สวี่เยว่ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่บ้าน แต่กลับยึดห้องที่ใหญ่และดีที่สุดในบ้าน คนไม่รู้คงคิดว่าพ่อจงใจจัดการแบบนี้ ไม่อยากให้ปู่ย่ามาอยู่ด้วยกับเรา"
สวี่ต้าซานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเจอใครยุแยงให้คนอื่นแตกคอกันต่อหน้าต่อตามาก่อน
กู่ซิ่วไม่อยากรับพ่อแม่สามีมาอยู่ด้วย จึงพูดกับสวี่ฮุ่ยว่า "ลูกเรียนมหาลัย ่ปิดเทอมหน้าร้อนกับหน้าหนาวก็ต้องกลับมาอยู่บ้าน ลูกยกห้องให้น้องสาว แล้วลูกจะกลับมานอนไหนล่ะ?"
"ต่อไปหนูจะไม่กลับมาแล้วค่ะ จะได้ไม่ถูกสวี่เยว่กับแม่วางแผนร้ายใส่ ที่สำคัญคือ โดนทำร้ายแล้ว หนูก็ยังไม่สามารถทวงความยุติธรรมให้ตัวเองได้ ไม่งั้นพ่อกับสวี่รั่วเฉินจะตำหนิว่าหนูเห็นแก่ตัว ใจดำ!"
ต่อไปนี้สวี่ฮุ่ยจะไม่เรียก 'พี่ชาย' อีกแล้ว
กู่ซิ่วกับอีกสองคนถูกสวนกลับจนหน้าถอดสี
สวี่ต้าซานพยายามทำตัวเป็คนกลาง "กินข้าว ทุกคนกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด"
พูดจบก็คีบกุยช่ายผัดไข่กับตับหมูผัดเผ็ดใส่ชามพ่อแม่
ลูกชายคนเล็กของสวี่เสี่ยวซานก็คีบอาหารอร่อย ๆ ใส่ชามตัวเองไม่หยุด
ไม่นาน ตับหมูผัดเผ็ดก็หมดจาน แม้แต่น้ำแกงยังถูกสวี่เจียเวยเอามาคลุกข้าวกิน
ตับหมูผัดเผ็ดจานนั้นกู่ซิ่วตั้งใจทำให้สวี่เยว่กิน แต่สวี่เยว่กินไม่ถึงสองคำ ก็ถูกแขกไม่ได้รับเชิญพวกนี้แย่งไปจนหมด กู่ซิ่วโกรธมาก แต่ไม่กล้าแสดงออกมา
คุณปู่สวี่เห็นว่าสวี่ฮุ่ยไม่ได้ขึ้นมานั่งกินข้าวบนโต๊ะ แถมยังเดินออกไปข้างนอกอีก จึงเรียกเธอ "ฮุ่ยฮุ่ย หนูไม่กินข้าว จะไปไหน?"
สวี่ฮุ่ยชี้ไปที่ห้องรับรอง "ข้าวกลางวันของหนูอยู่ที่ห้องรับรองค่ะ หนูจะไปเอามากินเป็เพื่อนปู่ย่า"
คุณปู่สวี่กับคุณย่าสวี่คิดว่าสวี่ฮุ่ยเอาอาหารที่บ้านไปกินข้างนอก แต่พอเห็นเธอถือผักดองกับหมั่นโถวกลับมา ผู้เฒ่าทั้งสองก็ใ "ทำไมหนูถึงกินแบบนี้ล่ะ?"
สวี่ฮุ่ยกัดหมั่นโถวคำหนึ่งแล้วพูดว่า "ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป หนูจะกินของตัวเอง จะได้ไม่ต้องถูกกดดันกันอีกค่ะ!"
เที่ยงนี้เธอจงใจไม่กินข้าวที่บ้าน ก็เพื่อให้เพื่อนบ้านเข้าใจผิดว่ากู่ซิ่วรังแกเธออีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญใช้เื่นี้มาใส่ร้ายกู่ซิ่วต่อหน้าคุณปู่สวี่กับคุณย่าสวี่ได้
คุณปู่สวี่โกรธจนใช้ตะเกียบชี้หน้าสวี่ต้าซาน "แกเป็พ่อแบบไหนกัน? ทำไมถึงไม่ดูแลฮุ่ยฮุ่ย! แม้แต่ข้าวยังไม่ยอมให้กิน!"
หากเป็แต่ก่อนไม่ว่าสวี่ฮุ่ยจะกินจะดื่มอะไร คุณปู่สวี่ก็ไม่เคยสนใจ
แต่ตอนนี้ สวี่ฮุ่ยสอบได้ที่หนึ่งของมณฑล อนาคตอีกไกล คุณปู่สวี่คำนึงถึงผลประโยชน์ จึงเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน