19:00น.
ภัตตาคารอาหารชื่อดัง
เอริ ฐิติมน….
พรึบ
"ขุน!!"
"อย่างี่เง่าได้ป่ะ!!"ฉันโวยใส่หน้าขุนศึกเสียงดังหลังจากที่ฉันลากเขาออกมาจากห้องอาหารของภัตตาคารหรูหราระดับห้าดาวแห่งนี้แล้วและก็สะบัดร่างเขาอย่างแรง เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวและน้อยใจไปในตัว
"งี่เงาเหรอ?"ขุนศึกถามฉันเสียงแ่เบา
"ขุนงี่เงาเหรอ..ริ?"เขาถามฉันย้ำอีกครั้งพลางมองหน้าฉันอย่างตัดพ้อ เพราะปกติฉันไม่เคยว่าเขางี่เง่าเลยสักครั้ง
"ใช่...คุณรณชาติเขาเป็หุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทเรานะ...ถ้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาแล้วขอถอนหุ้นออกไปจากบริษัทขุนจะว่ายังไง?"ฉันว่าเสียงดังเพื่อย้ำให้ขุนศึกรู้ว่าอย่าเอาเื่ส่วนตัวมาปนกับเื่งาน
"ก็ให้มันถอนไปดิ!"ขุนศึกขึ้นเสียงดังใส่ฉันอย่างไม่พอใจ
พรึบ
"ขุนศึก!"
"นี่ขุนคิดว่าเื่นี้เป็แค่เื่เล่นๆเหรอ?"
"แต่ดูที่มันทำกับริดิ..."ขุนศึกแย้งฉันพลางชี้นิ้วกลับเข้าไปในห้องอาหารที่ฉันเพิ่งจะลากเขาออกมาเมื้อกี้นี้ด้วยท่าทางไม่พอ ฉันรู้ว่าคุณรณชาติคิดยังไงกับฉัน เขาเองก็เป็นักธุรกิจที่ยังหนุ่มยังแน่นไฟแรงพอๆกับขุนศึกนี้แหละ
"ขุนเป็แฟนริน่ะเว้ย!!"
"เห็นแฟนคุยอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตา...จะให้ขุนทนได้ยังไง!"ขุนศึกว่าเสียงเข้มอย่างไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ เพราะคุณรณชาติเทคแคร์ฉันจนออกนอกหน้าทำให้ขุนศึกไม่พอใจ
"แล้วทำไม...ริทนได้ล่ะ...?"ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอน้ำเสียงที่ฉันเปล่งออกไปแ่เบา ทำให้ขุนศึกที่เห็นแววตาของฉันหยุดการกระทำที่ไร้เหตุผลของเขาลงทันที ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือฉันไปกุมไว้
"ริ...ขุนขอโทษ.."
"เื่ไหนเหรอ?"ฉันถามเขาไปพลางพยายามยกยิ้มขึ้นให้เหมือนที่ฉันบอกเขาว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเวลาที่เห็นเขาไปมีอะไรกับคนอื่น หรือควงคนโน้นคนนี้ออกงานสังคมทั้งๆที่ฉันก็ต้องยืนดูอยู่ข้างๆเขาที่ฉันเองก็ยืนอยู่ในจุดยืนของตัวเอง
"เื่ที่ขุน...ทำกิริยาไม่ดีต่อหน้าคุณรณชาติกับริหรือเื่ที่ขุนนอกใจนอกกายริ?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอีกครั้งหลังจากที่เขาเงียบไปไม่ยอมตอบคำถามฉัน เขาก็มองหน้าฉันและไม่พูดอะไรออกมา เขาค่อยๆคลายมือที่จับฉันอยู่ก่อนหน้านี้ลงอย่างช้าๆจนมือของฉันหลุดจากการจับกุมของเขาไปในที่สุด
"หึ...."ฉันแสร้งหัวเราะออกไป เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้คำตอบจากขุนศึกอยู่ดี ไม่รู้ทำไมฉันยังโง่ที่จะยังรักและคบกับเขาต่อไปทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียว
"ผู้หญิงพวกนั้น...ขุนไม่ได้คิดที่จะจริงจังอะไรด้วยเลยนะ..."
"ขุนก็แค่ใช้ชีวิตที่เกิดเป็ผู้ชายให้คุ้มใช่ไหม?”ฉันย้อนขุนศึกไปกับคำพูดประโยคแรกตอนที่เราเป็แฟนกันและฉันจับได้ว่าเขาไปมีอะไรกับคนอื่นเขาก็พูดประโยคนี้กับฉัน
"เอริ...."
"ริว่าเรา...เลิกพูดเื่นี้เถอะ...คุณรณชาติรอนานแล้ว...."ฉันว่าอย่างตัดบทและกำลังจะหันหลังให้ขุนศึกแต่ก็โดนเขาสวมกอดจากทางด้านหลังเข้าซะก่อน เนี่ยมันเป็แบบนี้ไงล่ะทำให้ฉันโกรธและเลิกรักเขาไม่ได้สักที
“รอขุนนะ…เอริ…รอวันที่ขุน…จะมีแค่เอริคนเดียว…”
“เมื่อไหร่ล่ะ….เมื่อไหร่มันจะมีวันนั้น…”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเยาะขำกับโชคชะตาของตัวเองที่ชอบเล่นตลกกับชีวิตของฉันมาั้แ่ฉันเกิดจนตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเล่นตลกกับฉันซะที
พรึบ
“เอริ!”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงดังแค่คราวนี้ฉันกลับไม่ได้หันไปมองหน้าเขาฉันเดินมุ่งหน้ากลับไปยังห้องอาหารที่มีคุณรณชาติรออยู่ทันทีที่แกะมือปลาหมึกของขุนศึกออกไปได้
พรึบ
“ขอโทษด้วยนะคะ…ที่ดิฉันเสียมารยาทลุกออกไปจากโต๊ะอาหารแบบนี้…”ฉันเอ่ยบอกคุณรณชาติไปพลางก้มศีรษะลงเพื่อทำการขอโทษเขา
“ไม่เป็ไรหรอกครับ….แล้วคุณขุนศึกไปไหนแล้ว…?”
“อ้อ…พอดีท่านประธานติดสายกับคุณหญิงนฤมิตรนะคะ…”ฉันเอ่ยบอกคุณรณชาติไปอย่างโกหกแต่ดูเหมือนเขาจะเชื่อฉันนะ
“งั้นเรา….ทานข้าวต่อดีกว่านะครับ…”
“ค่ะ…”
“อาหารที่นี้อร่อย…ผมชอบมากเลยนะครับ^_^”
“ค่ะ…”ฉันยิ้มบางๆรับคำไปตามมารยาทและเริ่มทานอาหารในจานของตัวเองอย่างเงียบๆจนสักพักขุนศึกก็เดินเข้ามา
พรึบ
“อ้าว…เชิญนั่งครับ…”คุณรณชาติผายมือให้ขุนศึกที่เขายืนคล้ำหัวฉันอยู่ให้เขานั่งลงข้างๆฉัน ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาเรามองสบตากันแต่ฉันก็เป็ฉันที่หลบสายตาเขา
“ขอบคุณครับ…”ขุนศึกเอ่ยขอบคุณคุณรณชาติไปอย่างเสียไม่ได้โดยเขานั่งที่เดิมนั่นคือข้างๆฉัน
“ผมน่ะ…อิจฉาคุณขุนศึกจังเลยนะครับ…ที่มีเลขาที่ทั้งเก่งและสวยแบบคุณเอริอยู่ข้างๆ….”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ…ริยังต้องเรียนรู้งานอีกมาก…”
“อืมครับ…แต่แค่นี้ก็เก่งแล้วนะครับ^_^”
“ค่ะ….ขอบคุณค่ะ..”ฉันยิ้มรับคำชมจากคุณรณชาติแล้วฉันก็รับรู้ได้รังสีอำมหิตของคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน
พรึบ
“เป็อะไรรึเปล่าครับ…?”คุณรณชาติเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยกับกิริยาที่ขุนศึกทำบนโต๊ะอาหารเป็ครั้งที่สองนั่นคือการวางแก้วน้ำที่เขาดื่มแล้วกระแทกกับโต๊ะกระจกจนเกิดเสียงดังจนฉันและคุณรณชาติใ
“เปล่าครับ….พอดี…ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย…”ขุนศึกตอบคุณรณชาติไป คุณรณชาติก็พยักหน้าเข้าใจและหันมายิ้มบางๆให้ฉันแทน เราสามคนนั่งทานอาหารเงียบๆจนเวลาล่วงเลยมาเกือบจะสองทุ่มฉันจึงเอ่ยลาคุณรณชาติเพราะว่าขุนศึกมีนัดกับคุณหญิงนฤมิตร
พรึบ
“ไว้โอกาสหน้า…เจอกันอีกนะครับ…”
“ค่ะ…ยินดีเสมอค่ะ…”ฉันยิ้มรับพลางยื่นมือไปจับจับมือคุณรณชาติเพื่อเป็การอัมลากันและสัญญาไปในตัว
พรึบ
“ไว้เจอกันครับ…คุณขุนศึก…”
“ครับ..”ขุนศึกรับคำคุณรณชาติหน้าตานิ่งเฉย และพอคุณรณชาติเดินออกไปจากเราสองคนแล้วขุนศึกก็หันหลังเดินหนีฉันไปเลย ฉันก็ถอนหายใจออกมาและเดินตามแผ่นหลังกว้างของขุนศึกไปอย่างเงียบๆ
“งอนเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปในขณะที่ฉันเปิดประตูรถแลมโบกินี่คันสีขาวของเขาขึ้นมานั่งที่ประจำคนขับได้แล้ว โดยมีขุนศึกนั่งอยู่ด้านข้างของคนขับ เขาไม่หันมาสบตากับฉัน ฉันที่เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันก็ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองนั่นคือ ขับรถให้ขุนศึกเพื่อพาเขาไปยังคฤหาสน์ของเขา ตลอดระยะทางขุนศึกก็นั่งเล่นโทรศัพท์ของเขาไปเงียบๆโดยที่ฉันแอบชำเลืองหางตามองก็พบว่าเขาคุยแชทกับผู้หญิงในสต๊อกของเขา ทำให้ฉันรู้สึกหน่วงๆที่หัวใจ ใครๆก็ว่าฉันโง่ที่รู้ว่าแฟนตัวเองนอกกายนอกใจแต่ก็ยังทนคบอยู่แบบนี้…นั่นสิ…เพราะว่ารักยังทนอยู่อาจจะเป็เพราะฉันคบเขามาตั้งแปดปีแล้วคงจะผูกพันกันไปมากคงจะลำบากถ้าวันหนึ่งข้างกายฉันไม่มีเขา….เพราะฉันจำชีวิตตอนแรกที่ไม่มีเขาไม่ได้แล้วล่ะ…