ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว จ้าวิจูก็ยังคงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะเรียกพบ นางก็ยังปฏิเสธไม่ยอมออกมา ผู้เป็มารดาจึงกังวลใจเป็อย่างมาก นางจึงตั้งใจทำขนมดอกบัวด้วยตนเอง แล้วนำมาให้บุตรสาว
เกาฟางถือจานขนมดอกบัวเดินเข้าสู่เรือนของคุณหนูรอง บ่าวรับใช้ที่เห็นต่างพากันย่อกายคารวะ จากนั้นก็รีบเดินนำทางฮูหยินรองเกาไปยังห้องที่จ้าวิจูพักอยู่
เมื่อเกาฟางก้าวเข้ามาภายในห้อง จ้าวิจูที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องก็เงยหน้ามองผู้เป็มารดา เวลานี้ดวงตาของนางบวมแดงด้วยร่องรอยน้ำตาที่เพิ่งหลั่งไปไม่นาน
“ท่านแม่” จ้าวิจูเบะปากเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
เกาฟางถอนหายใจยาว ก่อนหันไปถามสาวใช้เสียงเรียบ “นางได้กินอะไรไปบ้างหรือยัง”
“ยังเ้าค่ะ” สาวใช้ก้มหน้าตอบ
“ท่านแม่” จ้าวิจูลุกขึ้นเดินเข้ามาหาหญิงวัยกลางคน ก่อนสั่งสาวใช้ให้ออกไปข้างนอกทั้งหมด แล้วกล่าวต่อ “ท่านต้องไล่นางออกจากจวนให้ข้านะเ้าคะ”
“ได้ได้ แม่จะจัดการให้ลูก” แม้ไม่เข้าใจว่าบุตรสาวมีเื่ทุกข์ใจอันใด ถึงกับร้องขอให้กำจัดจ้าวเหม่ยหลินออกจากจวน แต่หากสิ่งนี้ทำให้ลูกสาวของตนกลับมาสดใสเช่นเดิม นางก็ยินดีที่จะทำทุกอย่าง
“เช่นนั้น เ้ากินขนมที่แม่เอามาให้ก่อนเถิด ส่วนเื่นั้น แม่จะหาทางจัดการให้เ้าเอง” เกาฟางยื่นจานขนมให้จ้าวิจู มืออีกข้างก็ลูบศีรษะบุตรสาวปลอบประโลม
จ้าวิจูไม่ตอบอะไร เพียงหยิบขนมขึ้นมากินเงียบ ๆ
เกาฟางจึงเอ่ยขึ้นอีก “คนจากจวนสกุลหยางส่งจดหมายมาเชิญิจูของแม่ไปงานเลี้ยงน้ำชา ว่ากันว่ามีบุตรชายบุตรสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเ้าหลายคน เ้าสนใจจะไปหรือไม่”
จ้าวิจูส่ายหน้าเป็เชิงปฏิเสธ แต่ไม่นานนักก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวเสนอขึ้นว่าอยากให้จ้าวเหม่ยหลินติดตามไปด้วย
เกาฟางที่เข้าใจในความคิดของบุตรสาวก็พยักหน้ารับปากทันที โดยไม่เอ่ยถามอะไรอีก
ยามบ่าย เกาฟางจึงสั่งให้ซูเซียวสาวใช้คนสนิทออกจากจวนไปเลือกซื้อชุดใหม่ให้จ้าวเหม่ยหลิน เพื่อให้สมฐานะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจ้าว
แม้จะยังไม่ได้ถามความสมัครใจจากเ้าตัว แต่เกาฟางก็แน่ใจดี จ้าวเหม่ยหลินไม่มีทางปฏิเสธนางได้
ซูเซียวรับคำสั่ง นางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดสำหรับออกนอกจวน แล้วรีบเร่งออกจากจวนทันที
ซูเซียวเดินมาถึงหน้าร้านตัดเสื้อแล้ว ทว่านางกลับก้าวเดินต่อแล้วเบี่ยงทางเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆแทน
หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ จนสุดทางมีเรือนเก่าโทรมหลังหนึ่งตั้งอยู่ ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากเรือนหลังนั้น ซูเซียวส่งสัญญาณให้เขาหยุด ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนเก่าด้วยกัน
เมื่อทั้งสองเข้ามาด้านในเรือนแล้ว บรรยากาศเงียบและแน่ใจว่าไร้ผู้คน หญิงสาวไม่รอช้าปลดเสื้อชั้นนอกของตนเองออก แล้วแนบกายเข้าหาชายตรงหน้าทันที
“ฮูหยินรองมีงานให้เ้าทำ” ซูเซียวกระซิบเสียงแ่เบาข้างหูถังซื่อ
ถังซื่อหัวเราะในลำคอ พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “คราวนี้นาง้าให้ข้าทำยาท้องหรือยาพิษกันล่ะ”พร้อมกับจับปลายคางซูเซียวให้เงยขึ้น ก่อนกดจูบนางอย่างรุนแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว
ซูเซียวผลักชายวัยกลางคนออกอย่างแ่เบา ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ครั้งนี้เป็การกำจัดคนผู้หนึ่ง หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นหญิงชราที่อยู่ชนบทของเ้าจะได้รับการดูแลโดยฮูหยินรอง”
นางนอนเอนกายลงบนกองฟางอย่างไม่ใส่ใจ พลางโยนถุงเงินให้ถังซื่อโดยไม่แม้แต่จะมอง
“นั่นมันไม่เท่ากับฆ่าคนหรอกหรือ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงเคร่งเครียด ใบหน้าเต็มไปด้วยความลังเล
ทว่าร่างกายกลับโถมทับลงมาแนบชิดกับหญิงสาว ก่อนจะสอดแก่นกายเข้าของรักของนางอย่างหยาบคาย และเริ่มขยับสะโพกอย่างรุนแรง
“แค่คนเดียวเอง เ้าจะหวาดกลัวไปไย” ซูเซียวกระซิบข้างหูเสียงสั่น พลางจิกมือแน่นลงกองฟางตามแรงขยับของอีกฝ่าย “ผู้หญิงคนนั้นถูกส่งไปขายในตลาดคราวก่อนก็ฝีมือของเ้า ไหนจะเด็กอีกคนเ้าก็ทำมาแล้วมิใช่หรือ”
ถังซื่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซูเซียว
หลายชั่วโมงแล้ว จ้าวเหม่ยหลินตั้งใจจดจ่อในการถ่ายทอดเื่ราวลงบนกระดาษที่คนของกงเจวี๋ยแอบส่งมาให้ทางหลังจวน
ซูจินเองก็คอยเอาใจช่วยผู้เป็นาย นางนำขนมหรือถ้วยน้ำชามาวางตรงหน้าของจ้าวเหม่ยหลินทุกชั่วโมง
แต่จ้าวเหม่ยหลินกลับไม่แตะต้องมันสักชิ้น สาวรับใช้กังวลว่าผู้เป็นายจะเครียดเกินไปจนเสียสติ
อีกอย่างไม่นานมานี้มีรายงานมาว่าฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้คนนำจดหมายเชิญร่วมงานเลี้ยงน้ำชาของสกุลหยางมาให้หลานคนโต ซูจินจึงยิ่งไม่กล้ารายงานเพราะกลัวว่าจะทำให้จ้าวเหม่ยหลินยิ่งเครียดมากขึ้น
“มีอะไรหรือ” จ้าวเหม่ยหลินสังเกตเห็นสีหน้าของซูจินดูวิตกกังวล จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
ซูจินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่..ไม่มีอะไรเ้าค่ะ” ถึงอย่างไรก็เป็คำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าคงปฏิเสธไม่ไปไม่ได้ นางจึงจะรอจนใกล้จะถึงวันงานก่อนค่อยบอกเื่นั้นกับจ้าวเหม่ยหลิน
“สู้ๆ นะเ้าค่ะ ซูจินเป็กำลังใจให้” ซูจินยิ้มและยกมือชูสองนิ้วให้จ้าวเหม่ยหลิน โดยไม่รู้ความหมายของท่าทางนั้น ก่อนจะเดินออกจากห้อง
นางอาจจะติดนิสัยของเ้านายมาบ้าง
จ้าวเหม่ยหลินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ นางก็เพิ่งสังเกตว่าเด็กคนนี้เริ่มมีพฤติกรรมเหมือนนางเสียแล้ว ก่อนจะส่ายหัวเอ็นดูในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้