หลังจากโดนปู่หลินตำหนิไปแล้ว อู๋ซื่อจ้าวซื่อก็ได้แต่ลากขาพากันลงแปลงผัก แต่ทั้งคู่ต่างมองตาก็รู้ใจ พร้อมใจกันเก็บแต่ผักแก่ๆ ที่โดนแมลงแทะใส่ตะกร้า
เห็นทั้งคู่ทำตามคำสั่ง ปู่หลินจึงเลิกดูทั้งคู่เก็บผัก กระทั่งเก็บผักเสร็จเรียบร้อย ด้วยเกรงว่าสองคนนี้จะไปก่อเื่อะไรอีก จึงสั่งให้หลินต้าซานแบกตะกร้าผักไปที่บ้านสองด้วยตัวเอง
กระทั่งหลินต้าซานเมื่อเห็นผักในตะกร้า มุมปากยังกระตุกขึ้น
แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร
วันวางคานของบ้านสอง ชาวบ้านล้วนแต่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าบ้านนี้จะจัดหลิวสุ่ยสี ทำให้ชาวบ้านต่างก็อยู่ไม่สุขด้วยความตื่นเต้น
ในหมู่บ้านหูลู่นี้นอกจากงานแต่งแล้วก็ไม่ได้มีงานอะไรที่ทำให้ได้จัดหลิวสุ่ยสีอีก
พอมาคิดว่าซานหลางบ้านหลินสุดท้ายก็กลายเป็ลูกบุญธรรมบ้านสอง คนบ้านนี้ยังถือโอกาสวางคานบ้าน่นี้พอดี นำสองงานมารวมกันเป็งานใหญ่เช่นนี้ก็ไม่แปลก ทั้งยังได้รับคำชมจากคนในหมู่บ้านด้วย
ในที่ส่วนตัวก็คุยกันว่าหลินซานหลางโชคดีจริงๆ คู่สามีภรรยาบ้านหลินสองต่างก็ใจดียิ่งนัก
ตอนที่หลินฟู่อินไปเล่นที่บ้านของเหลียงซื่อก็ได้ยินนางพูดเื่นี้เช่นกัน
เดิมทีงานใหญ่เช่นนี้บ้านใหญ่สมควรช่วยด้วย แต่เพราะบ้านใหญ่หลินจ้าวซื่อไม่ยินยอม หลินฟู่อินก็ยังเด็กไป เหลียงซื่อจึงพาลูกสะใภ้ที่มีฝีมือสองคนไปช่วยงาน
เหลียงซื่ออยากลงมือช่วยเพราะนางเคยจัดงานเช่นนี้มาก่อน
หลินฟู่อินกลับถูกทิ้งเอาไว้ที่บ้านเพื่อคอยดูแลเ้าตัวเล็กทั้งสอง นางเองก็ยินดีดูเ้าลูกชิ้นอ้วนๆ ขาวๆ สองคนนี้
ครั้งนี้เพราะหลินฟู่อินจัดแจงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ย่าหลี่กับเฟิงซื่อรับทราบทั้งคู่ การจัดหลิวสุ่ยสีจึงเป็ไปอย่างราบรื่น ทำให้บ้านสองได้หน้าเป็อย่างยิ่ง
และเพราะอู๋ซื่อจ้าวซื่อสองคนล้วนโดนปู่หลินสั่งการเข้มงวดจนไม่อาจทำอะไรผิดได้ กระทั่งปู่หลินก็ยังได้หน้าไปด้วย แถมยังถูกเหล่าผู้าุโบ้านอื่นชวนให้ดื่มสุราอยู่หลายจอก พากันอิจฉาที่ลูกชายคนรองของเขาสามารถสร้างบ้านอิฐใหญ่โตได้
ใบหน้าปู่หลินแดงจัด รู้สึกดียิ่งนักที่ครั้งนี้ข่มอู๋ซื่อจ้าวซื่อเอาไว้ได้
ทางด้านหลินต้าหลางก็ไม่กล้าพูดมากเกินไป ด้วยเกรงจะโดนเฟิงซื่อเปิดเผยเื่ที่ตนตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายขายหน้า สุดท้ายก็ได้กินอาหารเข้าไปมากหน่อยเท่านั้น
เนื่องจากทำตามคำแนะนำของหลินฟู่อิน อาหารที่ยกขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีครั้งนี้จึงแตกต่างจากหลิวสุ่ยสีครั้งอื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่รสชาติอาหารอร่อยกว่ามาก สีสันก็ดูดี หน้าตาก็งดงาม เป็อาหารแปลกใหม่ที่ทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง
โดยเฉพาะยำไข่เยี่ยวม้ากับไก่ย่างมันฝรั่ง
ไม่เพียงคนในหมู่บ้านเท่านั้นที่กินอาหารอร่อยๆ เต็มปากจนชมไม่ขาดปาก กระทั่งผู้ที่เห็นโลกมามากหรือผู้ที่กินอาหารตามภัตตาคารในเมืองจนคุ้นเคยเช่นหลี่เจิ้งก็ยังเอ่ยปากชม
เฟิงซื่อกลับไม่เอาความดีเข้าตัวแม้แต่น้อย บอกเล่าให้คนในหมู่บ้านฟังว่าอาหารเหล่านี้เป็ฝีมือหลินฟู่อิน เื่ที่เดิมทีทางบ้านเกือบมีเงินไม่พอแต่หลินฟู่อินช่วยออกค่าแรงล่วงหน้าให้ก่อนจึงสามารถจัดงานขึ้นมาได้
ชาวบ้านต่างก็อิจฉาเฟิงซื่อกันจนตาร้อนผ่าว ทั้งยิ่งคิดว่าหลินฟู่อินเป็เด็กดี มีความคิดที่ดีนัก
ย่าหลี่เห็นเฟิงซื่อพูดถึงหลินฟู่อินไม่หยุดก็มองนางอย่างพออกพอใจ ก่อนจะเตือนให้คนจัดการหนังสือเื่รับเลี้ยงหลินซานหลางให้เรียบร้อย
เฟิงซื่อเห็นว่าหลินฟู่อินเคยเตือนตัวเองมาก่อนแล้ว จึงได้ตั้งใจเชิญหลี่เจิ้งและผู้าุโในหมู่บ้านหลายๆ คนมาเป็พิเศษ ทั้งยังมีปู่หลิน บิดามารดาของเฟิงซื่อ รวมไปถึงพี่ชายทั้งสองของนาง จากนั้นก็ดำเนินการลงลายมือในหนังสือรับเลี้ยงในบ้านสอง เื่หนังสือทางการจึงลงตัวเช่นนี้เอง
นับจากนั้น หลินซานหลางก็ได้เข้ามาอาศัยอยู่กับบ้านสอง กลายเป็ลูกชายบ้านนี้อย่างเป็ทางการ
เมื่อทราบว่าการรับเลี้ยงหลินซานหลางเป็ไปอย่างสวยงาม หลินฟู่อินก็ถอนหายใจดังเฮือกด้วยความโล่ง ทั้งยังตั้งใจมอบชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มให้เป็ของขวัญ
เมื่อวางคานบ้านเรียบร้อยแล้ว การสร้างบ้านก็เป็ไปอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติม คนของบ้านสองช่วยกันย้ายของต่างๆ จากกระท่อมไม้ซอมซ่อมายังบ้านใหม่ นับแต่นั้น ทั้งครอบครัวก็ได้อยู่ในบ้านอิฐหลังใหญ่
หลินฟู่อินตั้งใจส่งข้าวสารหกจิน เส้นก๋วยเตี๋ยวหกจินไปให้บ้านสองด้วยตัวเอง ถือเป็การรับขวัญบ้านใหม่
ทางบ้านของเฟิงซื่อเองต่างก็ดีอกดีใจเมื่อได้เห็นลูกสาวซึ่งแต่งออกไปทนทุกข์อยู่เป็สิบปี ในที่สุดก็หนีพ้น ได้อยู่ในบ้านอิฐหลังงาม
แน่นอน ทางสกุลเฟิงทราบจากบุตรสาวและหลานสาวทั้งสองของตนว่าหลินฟู่อินเป็คนที่ใจดีช่วยเหลือ ดังนั้นแม่ของเฟิงซื่อและพี่สะใภ้ทั้งสองจึงตั้งอกตั้งใจทำรองเท้าให้หลินฟู่อินสองคู่เป็การแสดงความขอบคุณ
จบเื่วุ่นวายที่บ้านสองไปแล้ว หลินฟู่อินก็เริ่มเตรียมลงมือทำไข่ดอกสนกับไข่เยี่ยวม้าชุดที่สอง
ต้ายากับแม่ต้ายานำไข่เป็ดสดๆ สามพันฟองมาจากบ้านเดิมของแม่ต้ายาเมื่อวันก่อน พอหลินฟู่อินเตรียมการเสร็จก็ให้หลินเฟินหลินฟางช่วยนางทำไข่ดอกสน
ขั้นตอนเหล่านี้นางสอนให้พี่สาวทั้งสองกับมือ นอกจากย่าหลี่แล้ว ่นี้ก็ไม่ได้สอนใครเพิ่มอีก
สองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางตั้งใจศึกษาขั้นตอนอย่างจริงจัง ทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งหลินฟู่อินยิ่งกว่าเดิมที่ไว้วางใจพวกตนขนาดนี้!
เดิมทีหลินฟู่อินคิดจะให้หลินซานหลางไปช่วยขุดสมุนไพรสักหน่อย แต่สมุนไพรแถบหมู่บ้านหูลู่นี้โดนขุดไปเกือบหมดแล้ว
“ฟู่อิน พวกเราขุดสมุนไพรแถวหมู่บ้านกับูเาเกือบหมดแล้ว อีกหน่อยจะทำยังไงดี?” หลินเฟินถามด้วยน้ำเสียงวิตกขณะที่ทำไข่ดอกสนภายใต้การกำกับของหลินฟู่อิน
พอคุ้นชินกับการทำงานหาเงินได้แล้ว หลินเฟินก็กังวลว่าหากไม่มีงานแล้วจะหาเงินไม่ได้ ทำให้เกรงว่าหลินฟู่อินจะไม่มีสมุนไพรมาขาย เช่นนั้นครอบครัวนางคงจะเสียแหล่งรายได้เอาได้
หลินฟู่อินเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม “กังวลอะไรกัน? อีกหน่อยพวกเราจะยุ่งจนทำงานไม่ทันเลยล่ะ”
“แล้วถ้าไม่ได้หาสมุนไพร เราจะทำอะไรได้อีกหรือ?” หลินฟางถามออกมา
หลินฟู่อินคิดอยู่นาน หยุดงานในมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าจะทำไข่ดอกสนพวกนี้แล้วเก็บเอาไว้ที่นี่เ้าค่ะ พวกท่านก็ช่วยข้าทำไข่ดอกสนไข่เยี่ยวม้าด้วย ต้องใช้เวลาพักใหญ่เลย” ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “พอขายสมุนไพรชุดนี้เสร็จแล้ว ข้าคิดว่าจะเข้าเมืองไปดูว่าจะหาซื้อร้านได้หรือไม่”
หลินฟู่อินคิดมาอย่างถี่ถ้วน หากนางซื้อที่ดินดีๆ ก็ยังไม่อาจเพาะปลูกได้จนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเป็อย่างน้อย หาก้าเก็บเกี่ยวก็ต้องรอไปจนฤดูใบไม้ร่วงโน่น
แต่หากซื้อหน้าร้านดีๆ ในเมืองแล้วปล่อยเช่า ก็จะสามารถเก็บค่าเช่าได้ทุกเดือน
แต่ที่จริงแล้ว หลักๆ เป็เพราะนางคิดจะเกลี้ยกล่อมสามีภรรยาบ้านหลินสองให้ส่งหลินซานหลางเข้าสถานศึกษาเอกชนในเมือง
หากทางบ้านตกลง หลินซานหลางก็สามารถไปอาศัยที่เรือนหลังร้านได้ เช่นนี้ทำให้สะดวกกว่าการเดินทางไปกลับทุกวันมาก
เฟิงซื่อคิดจะให้หลินซานหลางเรียนก็จริง แต่ไม่นึกว่าจะถึงขั้นให้เข้าเมืองไปร่ำเรียนในสถานศึกษาเลย…