หลินเว่ยพยุงตัวเองเดินตามปราชญ์หลินจูอย่างยากลำบาก าแจากการต่อสู้ยังคงส่งความเ็ปไปทั่วร่างกาย แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะได้รู้ความจริง ลี่ชิง เข้ามาช่วยประคองเขา ใบหน้าเธอฉายแววห่วงใย
"ฉันบอกแล้วว่าระวังตัว" เธอกระซิบ
"ผมก็ทำตามที่คุณบอกแล้วนี่" หลินเว่ยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ถึงจะเ็ป แต่เขาก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ผ่านการทดสอบมาได้
ผู้พิทักษ์นำพวกเขาเดินผ่านอุโมงค์หินที่มีโคมไฟหยกทรงโบราณส่องสว่างตลอดทาง จนมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ ทรงกลมเหมือนครึ่งวงกลม เพดานโค้งสูงราวกับท้องฟ้าครึ่งใบ มีภาพดวงดาวเรืองแสงประดับอยู่ตามเพดาน ผนังโดยรอบแกะสลักเป็ภาพเล่าเื่ราวต่างๆ
ตรงกลางห้องมีโต๊ะหินทรงกลมขนาดใหญ่ แวดล้อมด้วยที่นั่งหินสิบสองที่ เรียงเป็วงกลม พวกผู้พิทักษ์เข้าไปนั่งตามที่ของตน ในขณะที่ปราชญ์หลินจูเชิญหลินเว่ยและคณะให้นั่งตรงที่ว่าง
"เมิ่งหลิง เป็อย่างไรบ้าง?" หลินเว่ยหันไปถามเพื่อนสาวของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ
เมิ่งหลิง ยังคงดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น "ฉันสบายดี แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันอาจจะกำลังฝันก็ได้ เทคโนโลยีประดับหยกพวกนี้... มันล้ำสมัยเกินกว่าที่คาดคิด"
ปราชญ์หลินจูเริ่มพูด เสียงของเขาลึกและมีพลัง "พวกเ้าผ่านการทดสอบทั้งสาม: ความกล้าหาญ ปัญญา และพละกำลัง ถึงเวลาแล้วที่พวกเ้าควรได้รู้ความจริง—ความจริงที่ซ่อนอยู่มานานหลายร้อยปี"
เขาลูบมือเหนือพื้นผิวโต๊ะหิน ทันใดนั้น แสงสีฟ้าอ่อนๆ ก็เรืองขึ้นจากรอยสลักบนโต๊ะ ก่อนจะปรากฏเป็ภาพสามมิติลอยขึ้นเหนือโต๊ะ—ภาพของโลกและระบบสุริยะ
หลิวซินอุทานด้วยความใ "นี่มัน... โฮโลแกรม?"
"ใช่ เทคโนโลยีที่พวกเ้าเพิ่งเริ่มค้นพบในยุคของพวกเ้า" ปราชญ์หลินจูตอบ "แต่ชาวซานซีรู้จักมันมานานกว่าสามพันปีแล้ว"
"ชาวซานซี?" หลินเว่ยทวนคำ
"อารยธรรมโบราณที่ก่อตั้งขึ้นบนูเาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้" ปราชญ์หลินจูตอบ มือของเขาเคลื่อนไหวเหนือโต๊ะอีกครั้ง ภาพเปลี่ยนเป็การ์ตูนแอนิเมชั่นแสดงประวัติศาสตร์
"นานมาแล้ว ก่อนประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ในตำรา มีอารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่าที่พวกเ้าคิด พวกเขาเชี่ยวชาญทั้งวิทยาศาสตร์และพลังจิต ผสมผสานเทคโนโลยีกับพลังที่พวกเ้าเรียกว่า 'ชี่'"
ภาพแสดงผู้คนสวมชุดคล้ายชุดจีนโบราณ แต่มีอุปกรณ์ไฮเทคติดตัว พวกเขาสร้างเมืองที่ดูล้ำสมัยแต่เต็มไปด้วยความกลมกลืนกับธรรมชาติ
"พวกเขาสร้างอาณาจักรที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ เข้าใจรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต และการไหลเวียนของพลังงานในจักรวาล"
ภาพเปลี่ยนเป็นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานในห้องทดลองที่ผสมผสานทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยและหลักการดั้งเดิม
"พวกเขาศึกษา DNA ของมนุษย์ และค้นพบว่าบางคนมียีนพิเศษที่สามารถเข้าถึงพลัง 'ชี่' ได้ดีกว่าคนทั่วไป ซึ่งพวกเขาเรียกยีนนี้ว่า 'ยีนั'"
เมิ่งหลิง ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง "ยีนั! นี่มัน..." เธอหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นทุกคนกำลังมองเธออยู่ "ขอโทษค่ะ แต่องค์กรเทียนซื่อเคยพูดถึงโครงการลับที่เรียกว่า 'ยีนั' ด้วย"
ปราชญ์หลินจูพยักหน้า "ใช่ พวกเขาค้นพบบางส่วนของความรู้โบราณและพยายามทำให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง... แต่ด้วยเป้าหมายที่เบี่ยงเบน"
ภาพเปลี่ยนเป็ารุนแรง
"ความรุ่งเรืองนำมาซึ่งความโลภ แล้วเกิดความขัดแย้งภายใน สองฝ่ายต่อสู้กันด้วยอาวุธร้ายแรงที่ผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์และพลังจิต าทำให้อารยธรรมล่มสลาย"
ภาพแสดงนักบวชหรือนักปราชญ์กลุ่มเล็กๆ หนีออกจากซากเมืองที่ถูกทำลาย
"ผู้รอดชีวิตกลุ่มเล็กๆ เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้น และตัดสินใจซ่อนความรู้ไว้ในที่ที่ปลอดภัย พวกเขากลายเป็ 'ผู้พิทักษ์แห่งความลับ' ซ่อนตัวอยู่บนูเาและรักษาความรู้ไว้ รอคอยวันที่มนุษยชาติพร้อมที่จะรับมือกับมัน"
"แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับผม?" หลินเว่ยถาม "ทำไมผมถึงเป็ 'ทายาท' อะไรสักอย่าง?"
ปราชญ์หลินจูมองไปที่ฉือชิน ซึ่งลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาที่โต๊ะ เธอเปลี่ยนภาพไปเป็แผนที่พันธุกรรม
"หลินเว่ย เธอมีเชื้อสายโดยตรงจากผู้นำสุดท้ายของซานซี—ผู้ที่มียีนับริสุทธิ์ที่สุด"
หลินเว่ยมองภาพแผนที่พันธุกรรมที่แสดงการเชื่อมโยงระหว่างเขากับบุคคลในอดีต เขารู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง
"แต่... เป็ไปไม่ได้ นี่มันผ่านมาหลายพันปีแล้ว"
"ยีนัถูกส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น แต่ทุกครั้งที่ผสมกับผู้คนทั่วไป มันจะถูกเจือจางลง" ฉือชินอธิบาย "ทุกๆ หลายร้อยปี จะมีคนที่มียีนัแข็งแกร่งพอที่จะแสดงพลังออกมา—เช่นเธอ"
"และองค์กรเทียนซื่อรู้เื่นี้?" หลินเว่ยถาม
"พวกเขาค้นพบเศษเสี้ยวของความรู้โบราณเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว" ปราชญ์หลินจูตอบ "และพยายามค้นหาผู้มียีนัเพื่อทำการทดลอง ซึ่งนำไปสู่การสร้างไวรัสและการทดลองอื่นๆ"
"รวมถึงการทดลองกับเด็ก" หลิวซินเสริม ใบหน้าแสดงความรังเกียจอย่างชัดเจน
"ถูกต้อง" ปราชญ์หลินจูพยักหน้า "พวกเขาพยายามค้นหาวิธีปลดล็อกยีนัในเด็กๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างกองทัพของผู้ใช้พลัง 'ชี่'"
เมิ่งหลิงลูบคางอย่างครุ่นคิด "ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว... ไวรัสที่กำลังระบาดตอนนี้ ไม่ใช่แค่อาวุธชีวภาพธรรมดา แต่มันถูกออกแบบให้กระตุ้นยีนัในผู้ที่มีศักยภาพ ใช่ไหม?"
ปราชญ์หลินจูพยักหน้า "ใช่ แต่มีข้อผิดพลาดในการคำนวณ แทนที่จะกระตุ้นยีนอย่างมีเสถียรภาพ มันกลับทำให้เกิดการกลายพันธุ์ที่ควบคุมไม่ได้ เปลี่ยนผู้คนเป็สัตว์ประหลาด"
"แล้วผม? ทำไมผมถึงไม่กลายพันธุ์?" หลินเว่ยถาม
"เพราะยีนัในตัวเธอแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการกลายพันธุ์ และเปลี่ยนไวรัสให้กลายเป็ตัวกระตุ้นพลังแทน" ฉือชินตอบ "เธอเหมือนเป็การกลายพันธุ์อีกรูปแบบหนึ่ง—แบบที่ประสบความสำเร็จและมีเสถียรภาพ"
"พวกเรา... พวกเรามีหน้าที่ปกป้องความรู้นี้จากผู้ที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิด" ปราชญ์หลินจูกล่าวต่อ "แต่เรายังมีหน้าที่ส่งต่อความรู้นี้ให้ผู้ที่สามารถใช้มันเพื่อช่วยมนุษยชาติได้"
ห้องเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนพยายามทำความเข้าใจข้อมูลมหาศาลที่ได้รับ
"แล้วยังมีผู้มียีนัคนอื่นอีกไหม?" ลี่ชิงถามขึ้น
"มี แต่ไม่มากนัก" ฉือชินตอบ "บางคนไม่รู้ตัวว่ามีความสามารถพิเศษ บางคนถูกองค์กรเทียนซื่อจับไปแล้ว"
"และองค์กรเทียนซื่อรู้เื่เซียนซานหรือเปล่า?" หลิวซินถาม
"พวกเขารู้ว่ามีที่ซ่อนของความลับโบราณ แต่ยังหาไม่พบ" ปราชญ์หลินจูตอบ "ผู้พิทักษ์พยายามอย่างเต็มที่ในการซ่อนร่องรอย"
หลินเว่ยนั่งนิ่ง ความคิดวุ่นวาย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีชาติกำเนิดพิเศษเช่นนี้ แต่มันอธิบายหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งพลังพิเศษและความฝันประหลาด
"ตอนนี้เรามาถึงส่วนสำคัญที่สุด" ปราชญ์หลินจูหันมามองหลินเว่ยอย่างจริงจัง "องค์กรเทียนซื่อกำลังพัฒนาไวรัสรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า 'ฟีนิกซ์' ซึ่งอันตรายกว่าตัวเดิมหลายเท่า"
ภาพบนโต๊ะเปลี่ยนเป็แผนผังของไวรัสที่มีโครงสร้างซับซ้อน
"ไวรัสฟีนิกซ์ถูกออกแบบให้ควบคุมจิตใจมนุษย์ได้ ทำให้พวกเขากลายเป็ทาสที่เชื่อฟังคำสั่งโดยสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็ยังคงความสามารถในการคิดและใช้พลังพิเศษ"
"พระเ้า..." เมิ่งหลิงอุทาน "นั่นมันเหมือน..."
"เหมือนกองทัพซอมบี้ที่มีสติปัญญาและพลังพิเศษ" ปราชญ์หลินจูพยักหน้า "และพวกเขาวางแผนจะปล่อยมันออกมาภายในไม่กี่วันข้างหน้า"
กระแสความกลัววิ่งผ่านคนในห้อง เมิ่งหลิงขมวดคิ้ว "แต่พวกเขาจะควบคุมการแพร่ระบาดยังไง? ถ้าไวรัสนี้ติดต่อได้เหมือนตัวแรก มันก็จะส่งผลกระทบต่อพวกเขาด้วย"
"พวกเขาได้พัฒนาวัคซีนสำหรับกลุ่มคนวงในแล้ว" ปราชญ์หลินจูตอบ "ซึ่งตรงนี้เองที่พวกเรา้าความช่วยเหลือจากพวกเ้า โดยเฉพาะเมิ่งหลิง ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของเธอ และหลินเว่ย ด้วยยีนัที่พิเศษของเขา"
"คุณอยากให้พวกเราทำอะไร?" หลินเว่ยถาม
"เรา้าให้พวกเ้าช่วยพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสฟีนิกซ์ ด้วยความรู้โบราณที่เรามี ผสมกับความรู้สมัยใหม่ของพวกเ้า"
"ฉันจะช่วยทุกอย่างเท่าที่ทำได้" เมิ่งหลิงตอบทันที "แต่ต้องใช้อุปกรณ์และเวลามาก..."
"เรามีห้องทดลองที่ซ่อนอยู่ใตู้เานี้" ฉือชินตอบ "มันอาจจะโบราณไปบ้าง แต่ยังใช้การได้ดี"
"ผมมีหน้าที่อะไร?" หลินเว่ยถาม
ปราชญ์หลินจูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "เ้าจำเป็ต้องยกระดับพลังชี่ของเ้าให้แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า เพราะเืของเ้าคือกุญแจสำคัญในการสร้างวัคซีนที่แท้จริง และเ้าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง"
"การต่อสู้กับองค์กรเทียนซื่อ..." หลินเว่ยกล่าว
"ใช่ และนั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องสอนวิชาัทะยานฟ้าขั้นสูงให้เ้า รวมถึงความลับของพลังชี่ที่ผู้พิทักษ์รักษาไว้มาหลายพันปี"
หลินเว่ยรู้สึกถึงน้ำหนักบนบ่าที่เพิ่มขึ้น ชีวิตเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จากนักศึกษาแพทย์ผู้รอดชีวิตจากหายนะ กลายเป็ความหวังของมนุษยชาติ
"ผมพร้อมที่จะเรียนรู้" หลินเว่ยตอบ "และผมจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดองค์กรเทียนซื่อ"
ปราชญ์หลินจูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ดี เพราะเวลาของเราไม่มาก" เขาลุกขึ้นยืน "พวกเ้าจะพักผ่อนคืนนี้ เรียกพลังกลับคืนมา และเราจะเริ่มงานพรุ่งนี้เช้า"
ขณะที่หลินเว่ยถูกนำตัวไปยังห้องพัก เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ถ้ำอันน่าทึ่งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีโบราณที่ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน สถานที่ที่ความรู้และความลับถูกเก็บรักษาไว้มานับพันปี
และเขา—หลินเว่ย—คือทายาทองค์สุดท้ายของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ปกป้องความลับและพลังที่อาจช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นจากหายนะครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง