สำนักซ่งเจี่ย
เมื่อแสงแรกของเช้าวันใหม่สาดส่อง ค่ายกลขนาดใหญ่ที่กู่ไห่สร้างขึ้น ก็ถูกพบโดยกลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ย
“เร็วเข้า! ไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหมืองหินิญญา”
“ช่างเป็กลุ่มหมอกที่กว้างใหญ่จริงๆ นี่เป็ค่ายกลั์หรือ?”
“เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์น้องทั้งหลายอยู่ที่ใดกัน?”
ศิษย์ซ่งเจี่ยกว่าสิบคน กระโจนเข้าไปในค่ายกลใหญ่ทันที เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นในบริเวณนี้
แต่เมื่อเข้าไปข้างใน ก็ต้องพบกับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า
“พวกเ้าเป็ใคร?”
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!”
และแล้ว กลุ่มโฉดก็ทะยานเข้าจู่โจมทันที
ฟึ่บๆๆๆ!
เพียงพริบตา เหล่าศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ยก็เปลี่ยนร่างเป็อสูรอสรพิษทันที บนศีรษะปรากฏงูนับร้อยตัวเคลื่อนไหวไปมา พร้อมพลังที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว
ตูมๆๆ!
แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น แต่ศิษย์ครึ่งอสูรเหล่านี้ ก็หาใช่คู่ต่อสู้ของกลุ่มคนโฉด จึงถูกบดขยี้จนต้องกลับคืนสู่ร่างเดิม
“อ๊าก!”
หนึ่งในศิษย์สำนักซ่งเจี่ยส่งเสียงร้องโหยหวน ขณะที่ร่างของเขาถูกฉีกกระชากออกเป็ชิ้นๆ กลางเวหา
“อะไรน่ะ?” ศิษย์ที่อยู่ไกลออกไป พลันเบิกตากว้าง
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” ฮวางบูะโเสียงดัง
ฉึกๆๆๆ!
ผู้บุกรุกค่ายกลกว่าสิบคน ถูกคมกระบี่ฟาดฟันอย่างไร้ความปรานี
“ศัตรูลอบโจมตี!” ศิษย์ที่รอดชีวิต ร้องะโเสียงดังลั่น
“รีบแจ้งอาจารย์อาเร็วเข้า!”
“ไปบอกท่านอาจารย์เร็ว!”
“แจ้งผู้าุโด่วน!”
กลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ย วิ่งเข้าออกค่ายกลวุ่นวายไปหมด
ตอนนี้ ด้านนอกสำนัก มีกลุ่มศิษย์มารวมตัวกันเป็จำนวนมาก พวกเขาต่างดึงกระบี่คู่ใจออกมา พลางจดจ้องไปยังค่ายกลั์ที่อยู่ไกลออกไป ด้วยสายตาเ็า
“เหมืองหินิญญาถูกยึดไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ศิษย์พี่ที่ไปตรวจสอบ ไม่รู้ว่าจะเป็อย่างไรบ้าง?”
“ใช่แล้ว! ศิษย์น้องก็อยู่ข้างในด้วย”
“ใครกันที่ทำเช่นนี้?”
ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่เหลือรอด ต่างพุ่งร่างออกจากค่ายกลด้วยความหวาดกลัว
บนยอดเขาสูงใจกลางค่ายกล กู่ไห่ยืนนิ่ง พลางเหลือบมองพื้นที่รอบนอก ด้วยแววตาเย็นะเื
“โยนพวกมันออกไป!” กู่ไห่กล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานและซ่างกวนเหินตอบ
ทันทีที่เขาโบกมือ ร่างไร้ิญญาของศิษย์ซ่งเจี่ยกว่าแปดร้อยคนที่ถูกสังหารเมื่อคืน ก็ถูกกลุ่มคนโฉดโยนออกไปจากค่ายกล
ตุบๆๆ!
ศพถูกโยนออกไปคนแล้วคนเล่า ราวกับดอกไม้ที่พวยพุ่งออกมา
ซากศพกว่าแปดร้อยร่าง ลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของศิษย์ซ่งเจี่ยที่ทะยานเข้าไปหมายจะต่อสู้ ต่างก็ต้องชะงักด้วยความหวาดผวา เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่ถูกสังหารเ่าั้คือใคร
“นั่นศิษย์น้อง?”
“ศิษย์พี่ นั่นคือศิษย์พี่!”
“ท่านอาจารย์!”
“อ๊าก! พวกมันฆ่าทุกคนในเหมืองหินิญญาไปแล้ว”
“ไอ้พวกปิศาจ!”
ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยต่างร้องอุทานอย่างตกตะลึง ความแข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้พวกเขาตื่นใไม่น้อย ศิษย์แปดร้อยคนถูกสังหารจนสิ้นอย่างนั้นหรือ?
ใครกัน ที่อยู่ในค่ายกลใหญ่นั่น?
เหล่าศิษย์ซ่งเจี่ยจำนวนมากที่รู้ข่าว ก็เริ่มพากันออกมานอกค่ายกลของสำนัก ตอนนี้แววตาทุกคนวาวโรจน์ จ้องมองค่ายกลใหญ่อย่างเคียดแค้น แต่ในใจกลับรู้สึกลังเล จึงไม่ได้หุนหันบุกเข้าไปในค่ายกลแต่อย่างใด
“เ้าเป็ใคร?” ในที่สุด ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยคนหนึ่งก็ะโถาม
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น เมฆหมอกที่ลอยอยู่เหนือค่ายกลขนาดมหึมา ก็ค่อยๆ แผ่กระจาย เผยให้เห็นร่างกำยำที่ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง กู่ไห่ยืนอยู่ตรงนั้น โดยมีซ่างกวนเหิน และเฉินเทียนซานยืนอยู่ด้านหลัง มองกลุ่มศิษย์ซ่งเจี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“กู่ไห่? นั่นกู่ไห่มิใช่หรือ?” จู่ๆ ก็มีคนร้องะโอย่างแปลกใจ
“เขาหายตัวไปแล้วมิใช่หรือ?”
“ค่ายกลกระบี่์?”
“นี่คือค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นมิใช่หรือ?”
ทุกคนที่คิดจะบุกเข้าไป พลันหยุดชะงัก ก่อนมองดูกู่ไห่ด้วยความหวาดหวั่น โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในพรรคต้าเฟิง ยังคงเป็ที่จดจำจนถึงตอนนี้
“กู่ไห่ เ้ากล้าดีอย่างไร จึงได้มาสังหารศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ยเช่นนี้? หัวหน้าสำนักไม่มีทางปล่อยเ้าไว้แน่” หนึ่งในศิษย์เ่าั้ะโขึ้น พลางถลึงตาด้วยความโกรธเกรี้ยว
กู่ไห่ที่ยืนอยู่บนยอดเขา ส่งยิ้มเยาะกลับไป “เ้ากำลังพูดถึงหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย ซ่งเซิงผิงใช่หรือไม่? อย่าได้คาดหวังอะไรเลย บัดนี้เขาสิ้นชีพไปแล้ว ในค่ายกลของข้าที่สำนักชิงเหอ”
“อะไรนะ?”
“เป็ไปไม่ได้!”
ท่าทีของศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั่วสารทิศ พลันแปรเปลี่ยนทันที
“สำนักซ่งเจี่ย? ช่างกล้านัก พวกเ้าเป็กลุ่มคนที่ร้ายกาจจริงๆ สร้างความแค้นกับสำนักชิงเหอไม่พอ ยังกล้าคิดร้ายกับหออี้ผินของข้าอีก แล้วท่านถังจู่ของข้าล่ะ อยู่ที่ใด? ส่งนางมา มิฉะนั้น วันนี้ข้าจะล้างสำนักเ้าให้สิ้น ใครก็อย่าได้คิดจะหนี!” กู่ไห่เอ่ย พลางถลึงตาด้วยความโกรธแค้น
“เ้าสังหารหัวหน้าสำนักแล้วอย่างนั้นหรือ? เป็ไปไม่ได้ ท่านหัวหน้าสำนักมีพลังอยู่ในระดับหยวนอิง เ้าจะเป็คู่ต่อสู้ของท่านได้อย่างไร?” ชายคนนั้นะโตอบ
“หยวนอิง? นี่ก็ยอดเยี่ยมมากมิใช่หรือ? ข้า้าสังหาร และเขาก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือข้า
เมื่อคืนนี้ ข้าได้ทำลายกองทัพซ่งเจี่ยของพวกเ้าไปแล้ว วันนี้ หากไม่ใช่เพราะถังจู่ พวกเ้าคิดว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรือ?” กู่ไห่กล่าวอย่างเ็า
“อย่าไปฟังมัน! หัวหน้าสำนักไม่มีทางตาย” ใครบางคนร้องบอก
“แต่ว่า เขาก็เคยจัดการกับผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงมาก่อน” มีคนเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“บุกเข้าไปทำลายค่ายกลใหญ่ของมันเสีย!”
“เ้าไปเถอะ! ค่ายกลกระบี่์เคยสังหารผู้ฝึกตนไปถึงสองหมื่นคน แม้ว่าพลังของข้าจะเพิ่มขึ้นห้าเท่า แต่...”
เหล่าศิษย์ซ่งเจี่ยต่างออกมารวมตัวกัน ที่หน้าค่ายกลของกู่ไห่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้าไปในค่ายกลแม้แต่คนเดียว ขณะนี้ คนของสำนักซ่งเจี่ยต่างก็ร้อนใจจนถึงขีดสุด
“เร็วเข้า!... แจ้งผู้าุโ ไปบอกผู้าุโเร็ว!” หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ
...
นอกสำนักซ่งเจี่ย
เสียงะโด้วยความร้อนอกร้อนใจของศิษย์ซ่งเจี่ย กับเสียงร้องขอชีวิตของกลุ่มชาวบ้านที่โดนจับตัวมา สอดประสานกันชุลมุน แลดูวุ่นวายยิ่ง
เกาเซียนจือที่ปะปนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้าน ส่งสายตาไปยังคนโฉดในชุดศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่อยู่ด้านหน้าสุดทันที
“ศิษย์พี่... เร็วเข้า! รีบให้ข้านำอาหารกลุ่มนี้เข้าไป กู่ไห่อยู่ที่นี่แล้วข้าจะไปแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบ... เร็ว!” คนโฉดแสร้งเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
ผู้เฝ้าประตูของสำนักซ่งเจี่ยในตอนนี้ ก็รู้สึกร้อนใจไม่แพ้กัน
ฝ่ายตรงข้ามคือกู่ไห่... เขามาแล้วอย่างนั้นหรือ?
ยามนี้ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยเข้าๆ ออกๆ จนไม่เป็อันตรวจสอบใดๆ ทั้งยังมีเสียงคร่ำครวญของชาวบ้านนับไม่ถ้วนโดยรอบเช่นนี้ ทำให้รู้สึกรำคาญใจนัก
“รีบเข้าไป... เร็วเข้า!” ผู้เฝ้าประตูเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“ไป... เข้าไปข้างใน!”
เพี๊ยะ!
ภายใต้แส้ยาวที่ฟาดลงมา เกาเซียนจือเดินตามกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากเข้าไปในค่ายกลผลึกเกราะทอง
...
สำนักซ่งเจี่ย ณ ประตูเรือนซ่งเจี่ย
“ผู้าุโ แย่แล้ว กู่ไห่บุกมาแล้ว” ศิษย์ครึ่งอสูรคนหนึ่งกล่าวอย่างตื่นใ พลางวิ่งเข้ามาในท้องโถง
“กู่ไห่?” ชายชุดดำเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย
“ขอรับ! เขาคือหัวสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน ทั้งเขายังบอกว่าได้สังหารท่านหัวหน้าสำนักไปแล้ว ตอนนี้จะมาช่วยท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน” ศิษย์ครึ่งอสูรกล่าวอย่างนอบน้อม
ปัง!
ประตูท้องโถงถูกเปิดออกอย่างแรง
ชายในชุดคลุมสีดำ ผู้มีแผลเป็ที่บริเวณตาซ้าย มองดูศิษย์ตรงหน้าด้วยแววตาเ็า ก่อนถามเสียงเย็น “เ้าบอกว่ามันเป็หัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผินหรือ? ระดับพลังของมันเป็อย่างไร?”
“ขอรับ! ดูเหมือนจะอยู่ในระดับก่อ์ขอรับ” คนตรงหน้ากล่าวเสียงเบา
เพี๊ยะ!
ชายในชุดคลุมสีดำ ตบหน้าของศิษย์ผู้นั้นทันที “เ้าเชื่อมันอย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงไม่จับมันมาให้ข้า? คนเช่นนั้นจะสังหารซ่งเซิงผิงได้หรือ?”
“หืม?” ชายชุดดำหรี่ตาลงเล็กน้อย
ศิษย์ผู้นั้นยกมือปิดแก้ม ก่อนเอ่ยอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างเศร้าใจ
“ผู้าุโ ข้าน้อยไม่กล้าปิดบัง ความจริงเมื่อครึ่งปีก่อน เขาก็อยู่ในระดับก่อ์ แต่กลับรับมือผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงได้ ดังนั้น...” คนผู้นั้นกล่าวอย่างคับข้องใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชุดดำจึงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “นำทางไป!”
“ขอรับ!”
...
นอกสำนักซ่งเจี่ย
เมื่อชายชุดดำปรากฏกาย พร้อมศิษย์จำนวนมาก เพียงพริบตา ด้านนอกสำนักซ่งเจี่ยในตอนนี้ ก็มีคนยืนรวมกันมากถึงพันคนแล้ว พวกเขาต่างกระชับกระบี่ในมือไว้มั่น พลางยืนห้อมล้อมชายชุดนำ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันไปอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับกู่ไห่ ให้ชายชุดดำฟังอย่างละเอียด
ชายชุดดำหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางจดจ้องไปยังกู่ไห่ที่ยืนอยู่ไกลออกไป
“เป็พลังอสูรที่แรงมาก นายท่าน ชายชุดดำคนนั้นก็คืออสูรอสรพิษ ระวังตัวด้วย!” ซ่างกวนเหินหรี่ตาลง ก่อนเอ่ยด้วยความพิศวง
กู่ไห่มองชายชุดดำด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนจะพบเข้ากับรอยแผลเป็บนตาซ้ายของอีกฝ่าย จึงเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกคุ้นตาชายผู้นี้อย่างประหลาด
“เ้าหนู เ้าฆ่าซ่งเซิงผิงหรือ?” ชายชุดดำเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น
ระหว่างที่พูด ร่างก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา รอบกายเต็มไปด้วยควันสีดำ เขากวาดตาดูค่ายกลหมอกสีขาวเบื้องหน้าอย่างสงบ
“ข้าจำได้แล้ว เป็เ้านี่เอง!” ทันใดนั้น กู่ไห่ก็เอ่ยขึ้น พลางจ้องชายชุดดำตรงหน้า ด้วยท่าทีเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
“หืม? เ้ารู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายชุดดำมองกู่ไห่ ดวงตาของเขาในยามนี้ เต็มไปด้วยความเยียบเย็น
“ข้าไม่รู้จักเ้า แต่รู้จักรอยแผลเป็ที่ตาซ้ายของเ้า ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าจะเป็เพียงอสูรอสรพิษ คิดไม่ถึงว่าจะเป็เ้า” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“นายท่าน เขามิใช่อสูรอสรพิษหรอกหรือ?” เฉินเทียนซานถามอย่างกังขา
“เ้าไม่มีวันรู้จักข้าหรอกเ้าหนู อยากรนหาที่ตายหรือไร?” ชายชุดดำเอ่ยเสียงเรียบ พลางมองกู่ไห่ไม่วางตา
“คนที่รนหาที่ตายคือเ้าต่างหาก” กู่ไห่ถลึงตา
“หืม?” ชายชุดดำส่งเสียงด้วยความฉงน
“จำข้าไม่ได้หรือ? แน่นอน! เ้าคงจำข้าไม่ได้ แต่รอยแผลเป็นี้ ข้าไม่มีวันลืมแน่... เ้าก็คืออสูรทะเลเจียวหลง[1]!” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“เจียวหลง?” เฉินเทียนซานเบิกตากว้าง พลางร้องอุทานอย่างใ
ตอนที่กลับมาจากดินแดนแรกสาบสูญ พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่ทะเลถูกแยกออกเป็สองส่วน ซึ่งเกิดจากการต่อสู้ระหว่างเจียวหลงและป้าเซี่ย[2] นี่คือัทะเลตัวนั้นหรือ?
เฉินเทียนซานตรวจสอบรอยแผลเป็บนตาซ้ายของชายชุดดำ มันเหมือนแผลเป็ของเจียวหลงที่เคยเห็น... เป็เช่นนั้นจริงๆ หรือนี่?
“เจียวหลง?” ใบหน้าของซ่างกวนเหินก็พลันมืดครึ้ม ในตอนนี้เขากำลังกังวลมาก
หากเป็เพียงอสูรอสรพิษ ค่ายกลของนายท่านก็คงจะต้านเอาไว้ได้ แต่ที่เบื้องหน้ากลับเป็เจียวหลง? แล้วจะหยุดมันได้อย่างไร? ซ่างกวนเหินเข้าสู่ภวังค์ พลันเกิดอาการคิดไม่ตกขึ้นมา
ศิษย์ครึ่งอสูรทั้งหลายโดยรอบ ต่างมองชายชุดดำด้วยความประหลาดใจ “ผู้าุโเป็เจียวหลง?”
“เปลี่ยนเจียวหลงให้เป็ั ท่านมาที่เกาะจิ๋วหวู่ของข้า เพราะ้าเปลี่ยนร่างเป็ัเช่นนั้นหรือ?” กู่ไห่เอ่ยถาม
“ช่างพูดพล่าม ไร้สาระจริงๆ!” ชายชุดดำพ่นลมหายใจเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดมือขึ้น
ฟู่!
ภายในแขนเสื้อของเขา หมอกพิษสีแดงลอยคลุ้งออกมา แล้วพุ่งตรงไปยังกู่ไห่ทันที
“ฮึ่ม!”
ส่วนกู่ไห่ก็สะบัดมือหนหนึ่ง ค่ายกลั์จึงหมุนไปรอบๆ หมอกขาวได้เคลื่อนเข้ามาห่อหุ้มหมอกพิษสีแดงเอาไว้
ปัง!
หมอกพิษสีแดงถูกปกคลุมโดยกลุ่มหมอกหนาสีขาวทันที แต่ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ค่ายกลใหญ่ของกู่ไห่จึงค่อยๆ ถูกย้อมเป็สีแดง
...
ภายในสำนักซ่งเจี่ย
เกาเซียนจือเดินตามกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งไหลทะลักเข้าสู่ค่ายกลขนาดมหึมาในหุบเขาที่เงียบสงบ
ปังๆๆ!
ศิษย์ซ่งเจี่ยหลายคน ถูกกลุ่มชาวบ้านที่จับตัวมา จู่โจมจนล้มลงนอนแน่นิ่ง
“หัวหน้า จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ!” หนึ่งในคนโฉดร้องบอก
เกาเซียนจือจึงเอ่ยกำชับอีกครั้ง “นายท่านอยู่ข้างนอก เพื่อดึงความสนใจของกลุ่มคนครึ่งอสูรโดยส่วนใหญ่ไว้ ทั้งยังหลอกล่อหัวหน้าอสูรออกไปด้วย พวกเรามีเวลาไม่มากนัก ราวครึ่งชั่วยามเท่านั้น รีบหาท่านถังจู่ให้พบโดยเร็วที่สุด!”
“แล้วจะให้ไปค้นหาที่ใด?”
“ตามพื้นที่หลักของสำนักซ่งเจี่ย ห้องโถงของหัวหน้าสำนัก ในเรือนทั้งสี่ด้าน พวกเ้าหลายร้อยคน จงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง แล้วสืบหาข้อมูลมาให้แก่ข้า” เกาเซียนจือกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
-----------------------------------------------
[1] เจียวหลง มีที่มาจากตำนานเก้าัซึ่งปรากฏอยู่ในบันทึกกว่างหย่า ซึ่งในนั้นได้จำแนกัออกเป็เก้าประเภท ตามลักษณะของมัน ซึ่งเจียวหลงเป็ชื่อเรียกัที่มีเกล็ด ตามตำนานก็คือัที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล
[2] ป้าเซี่ย ตามตำนานจีนโบราณนั้น ัมีบุตรอยู่เก้าตน ซึ่งแต่ละตนจะมีลักษณะต่างกันไป ป้าเซี่ยถือเป็บุตรตนที่หกของั มีลักษณะคล้ายเต่า แต่มีเขาเหมือนั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้