หลูเจียิ่ถามต่อไม่ได้ จึงกล่าวว่า “วันนี้หัวหน้าลู่ไม่กลับมาแล้ว เธอมาใหม่วันหลังเถอะ”
สวี่ฮุ่ยรู้สึกผิดหวัง กำลังจะจากไปก็ได้ยินตำรวจหญิงอีกคนที่เป็พนักงานต้อนรับพูดขึ้นก่อน “พวกหัวหน้าลู่ไปสืบสวนที่ถนนปินเจียงไม่ใช่เหรอ ใกล้แค่นั้น น่าจะกลับมากินข้าวนะ”
หลูเจียิ่กล่าว “ไม่แน่หรอก หัวหน้าลู่เป็พวกบ้างาน ถ้าเขาทำงานจนลืมกินลืมนอนล่ะ จะให้สหายหญิงยืนรออยู่ที่นี่ตลอดเหรอ?”
หลูเจียิ่พูดกับสวี่ฮุ่ยอย่างใจดี “เธอกลับไปเถอะ อย่ารอเสียเปล่าเลย”
สวี่ฮุ่ยไม่ได้พูดอะไร เดินออกจากสถานีตำรวจมณฑล นั่งยอง ๆ อยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้หน้าประตู รอคอยลู่ฉี่เสียน
รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถูกตำรวจหญิงตรงพนักงานต้อนรับที่บอกว่าลู่ฉี่เสียนอาจจะกลับมากินข้าวกลางวันเห็นเข้า
ตำรวจหญิงคนนั้นสะกิดหลูเจียิ่ให้เธอมองออกไปข้างนอก “ผู้หญิงสวยๆ ที่มาหาหัวหน้าลู่ยังไม่ไปเลย”
หลูเจียิ่มองออกไป ก็เป็อย่างนั้นจริง ๆ
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปหาสวี่ฮุ่ย “น้องสาวทำไมถึงไม่ฟังคำแนะนำกันบ้างเลย ฉันบอกเธอแล้วไงว่าวันนี้หัวหน้าลู่ไม่กลับมาแล้ว ทำไมเธอยังรออยู่อีก?”
สวี่ฮุ่ยรู้สึกโกรธเล็กน้อย "จะฟังหรือไม่ฟังก็เื่ของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันไม่ได้รออยู่ในสถานีตำรวจสักหน่อย ไม่ต้องมายุ่งหรอก!”
หลูเจียิ่โดนสวนกลับจนพูดไม่ออก ได้แต่เดินฮึดฮัดกลับเข้าไปในสถานีตำรวจ
เผลอแป๊บเดียวก็บ่ายสองโมงแล้ว
สวี่ฮุ่ยมองนาฬิกาที่ข้อมือ คิดอย่างผิดหวังว่า ถึงเวลาทำงานบ่ายแล้ว ลู่ฉี่เสียนคงไม่กลับมาจริง ๆ
เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ พยุงตัวกับต้นไม้เล็ก ๆ แล้วสะบัดเท้าที่ชาหนึบ ตั้งท่าจะเดินจากไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากด้านหลังไม่ไกล
สวี่ฮุ่ยหันกลับไปมองด้วยความสิ้นหวังระคนคาดหวัง ก่อนดวงตาจะเบิกโพลงเหมือนกับไฟหน้ารถยนต์ที่เปลี่ยนจากไฟต่ำเป็ไฟสูง
รถจี๊ปสีเขียวคันนั้นไม่ใช่รถของพี่ลู่เหรอ?
ในที่สุดก็เจอสักที!
รถจี๊ปยังไม่ทันจอดสนิท เฉียนหย่งก็ะโลงจากรถ ถามอย่างตื่นเต้นพลางถูมือ “ฮุ่ยฮุ่ย มาหาฉันเหรอ?”
ลู่ฉี่เสียนที่เพิ่งลงจากรถมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
สวี่ฮุ่ยไม่เคยกั๊กผู้ชายที่ตามจีบเธอ เธอรู้สึกว่ามันไร้ศีลธรรมเกินไป
เลยพูดตรง ๆ ว่า “เปล่า ฉันมาหาพี่ลู่ค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียนหย่งแข็งค้าง เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่ลงจากรถเข้ามาผลักหัวเขาเข้าไปในสถานีตำรวจ “อย่าเป็หมาวัดอยากเด็ดดอกฟ้าเลย พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
สวี่ฮุ่ยพูดกับลู่ฉี่เสียนที่เดินเข้ามาหาด้วยความประหม่า “พี่ลู่ ฉันอยากเลี้ยงข้าวพี่ พี่ให้เกียรติได้ไหมคะ?”
ลู่ฉี่เสียนถามสวี่ฮุ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ทำไมถึงอยากเลี้ยงข้าวฉันล่ะ?”
สวี่ฮุ่ยแกว่งมือที่สวมนาฬิกาอย่างซุกซน “ขอบคุณที่มอบนาฬิกาให้ฉันน่ะค่ะ”
ลู่ฉี่เสียนกล่าว “ไม่ต้องขอบคุณหรอก นั่นเป็น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันมอบให้เพื่อขอบคุณที่เธอช่วยย่าของฉัน”
“เธอมาเมืองเอก ฉันต่างหากที่ควรทำหน้าที่เ้าบ้าน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง”
สวี่ฮุ่ยตอบตกลง แล้วเดินตามลู่ฉี่เสียนไป
ภายในสถานีตำรวจมณฑล หลูเจียิ่มองแผ่นหลังของลู่ฉี่เสียนและสวี่ฮุ่ยที่เดินจากไปด้วยใบหน้าอิจฉา
หลังจากกินข้าวกับลู่ฉี่เสียนเสร็จก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว
วันนี้ยังต้องเอาตะพาบไปให้คุณย่าลู่ ไม่มีเวลาไปดูบ้าน
งั้นรอให้เปิดเทอมก่อน ค่อยสอบถามราคาบ้านก็ยังไม่สาย
สวี่ฮุ่ยรีบขึ้นรถไฟ กว่าจะถึงอำเภอก็หกโมงเย็นกว่าแล้ว
สวี่ฮุ่ยรับตะพาบจากคุณลุงจาง แล้วรีบไปที่บ้านสกุลลู่
เดิมทีเธอตั้งใจจะแอบเอาตะพาบไปให้ป้าแม่บ้านแล้วกลับไปเงียบ ๆ
แต่สวี่ฮุ่ยยังไม่ทันจะกำชับป้าแม่บ้านว่าไม่ให้บอกคุณย่า
ป้าแม่บ้านก็รับตะพาบพลางหันไปะโบอกห้องอาหารแล้ว “คุณนายคะ คุณสวี่ฮุ่ยมาแล้วค่ะ!”
คุณย่าลู่ได้ยินดังนั้น ก็รีบเรียกสวี่ฮุ่ยให้มากินข้าวเย็นด้วยกันอย่างดีใจ
สามพี่น้องลู่ฉี่โหย่วล้วนออกมาต้อนรับ
เมื่อไม่อาจปฏิเสธน้ำใจได้ สวี่ฮุ่ยจึงต้องล้างมือล้างหน้าโดยมีป้าแม่บ้านคอยดูแล แล้วเดินเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกับพี่น้องทั้งสาม
ในห้องอาหารไม่เพียงแต่มีคุณย่าลู่ ยังมีคุณตากู่และกู่เจี้ยนกั๋วอีกด้วย
คุณย่าลู่มองสวี่ฮุ่ยั้แ่หัวจรดเท้า พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ชุดนี้ใส่แล้วสวยจริง ๆ มานั่งข้าง ๆ ย่าสิ”
ลู่ฉี่เหวินที่นั่งข้างคุณย่าลู่รีบลุกให้สวี่ฮุ่ยนั่งแทน
คุณตากู่กล่าวกับสวี่ฮุ่ยอย่างอารมณ์ดี “ลุงของหลานอยากให้หลานมาขอบคุณคุณย่าลู่กับพวกเรา แต่เธอยุ่งตลอด ตาเลยมากับลุงเพื่อมาขอบคุณคุณนายลู่”
“ถ้ารู้ว่าหลานจะมาวันนี้ พวกเราก็มาพร้อมกับหลานแล้ว”
คุณย่าลู่เชื้อเชิญให้พ่อลูกกู่ทานอาหารอย่างกระตือรือร้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
บนโต๊ะอาหาร พ่อลูกกู่ทำเป็ขอบคุณคุณย่าลู่ที่ช่วยออกหน้าแทนสวี่ฮุ่ยในวันที่หลูเจียหงมาหาเื่สวี่ฮุ่ย
แต่ความจริงแล้ว คำพูดทุกคำล้วนบอกเป็นัย ๆ ว่าสวี่ฮุ่ยมีบุญคุณช่วยชีวิตคุณย่าลู่ คุณย่าลู่ควรตอบแทนบุญคุณ
สวี่ฮุ่ยฟังอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจว่าคุณย่าลู่เป็ศาสตราจารย์ที่ถูกเชิญให้กลับมาสอนที่มหาวิทยาลัย w มหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองเจียงเฉิง สาขาวิชาภาษาจีน
คุณย่าลู่มีศิษย์เอกคนหนึ่ง ดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักงานศึกษาธิการของมณฑลฉู่
กู่เจี้ยนกั๋วอยากให้คุณย่าลู่ฝากฝังศิษย์เอกคนนั้นให้ช่วยผลักดันเขาขึ้นไปดำรงตำแหน่ง เมื่อหัวหน้าสำนักงานศึกษาธิการของอำเภอเกษียณอายุ
สวี่ฮุ่ยเหลือบมองพ่อลูกกู่ด้วยสายตาซับซ้อน
ทั้งสองคนไม่เคยปกป้องเธอเลยสักนิด กล้ามาฉวยโอกาสขอผลประโยชน์จากบ้านสกุลลู่เพื่อไต่เต้าได้อย่างไร?
ที่น่าขันยิ่งกว่านั้นคือ คุณตาและกู่เจี้ยนกั๋วต่างก็พยายามส่งสายตาให้สวี่ฮุ่ย หวังว่าเธอจะช่วยพูดสักคำสองคำ
สวี่ฮุ่ยทำเป็ไม่เห็น ปล่อยให้พ่อลูกคู่นั้นส่งสายตาจนตาแทบเหล่
เธอไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยพ่อลูกกู่เท่านั้น หลังกินข้าวเสร็จเธอยังจะบอกคุณย่าลู่ด้วยว่าหากมีใครอ้างชื่อเธอมาตีสนิทสกุลลู่ คุณย่าลู่ไม่ต้องสนใจและไม่ต้องไปช่วยเหลือพวกเขา
กินข้าวเย็นจนถึงหนึ่งทุ่มกว่าก็เสร็จ
หลังกินข้าว พ่อลูกกู่ยังอยากตีสนิทกับคุณย่าลู่เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีต่อ
คุณย่าลู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ก็แค่รับฟังไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
ท่านเรียกสวี่ฮุ่ยมาถามว่า “บนหัวทิ้งรอยแผลเป็ไว้ไหม?”
สวี่ฮุ่ยเปิดหน้าม้า “มีแผลเป็ค่ะ แต่เห็นไม่ชัด คุณย่าไม่ต้องกังวลนะคะ”
คุณย่าลู่โน้มตัวเข้ามาดูหน้าผากเธอใกล้ ๆ พยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ชัดจริงด้วย”
พ่อลูกกู่เห็นคุณย่าลู่ฟังพวกเขาพูดส่ง ๆ แต่กลับคุยเื่แผลเป็กับสวี่ฮุ่ยอย่างสนุกสนาน
ก็รู้ว่าคุณนายลู่กำลังไล่พวกเขาทางอ้อม จึงจำใจลุกขึ้นขอตัวกลับ
คุณนายลู่ไม่ได้รั้งไว้แม้แต่น้อย