“เ้าว่าอะไรนะ!” หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ใจสั่นสะท้านด้วยความกังวล
สวีเพ่ยหรานมาสู่ขอนางแล้ว?
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก
แรงบีบรอบคอ และภาพที่เขากำลังลงมือสังหารตนอย่างเหี้ยมโหด ยังคงเด่นชัดในความทรงจำ
อีกทั้งเื่ที่ครอบครัวของนางถูกฆ่าล้างนั้น ก็คิดว่าชายผู้นี้ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเป็แน่!
ดังนั้น นางย่อมไม่มีวันแต่งงานกับเขาอีก!
หนีเจียเอ๋อร์เช็ดมือที่เปียกชื้น ก่อนลุกขึ้น หมายจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ถูกสาวใช้คนสนิทปรามเอาไว้
เสี่ยวเสวียนมองคุณหนูด้วยความเป็ห่วง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูจะออกไปข้างนอกหรือเ้าคะ? แต่ท่านยังมิได้เปลี่ยนเสื้อผ้า...”
หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากแน่น ใจอยากจะรีบไปยกเลิกการสู่ขอของสวีเพ่ยหรานเสียเดี๋ยวนี้!
หญิงสาวไล่สายตามองไปยังเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ หลังพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็คว้าชุดสีแดงออกมา
เสี่ยวเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่ก็ลงมือช่วยเปลี่ยนชุด โดยไม่แม้แต่จะปริปากถาม
คุณหนูไม่ชอบชุดสีแดงตัวนี้ เพราะคิดว่าล้าสมัย แต่เหตุใดวันนี้ถึงหยิบออกมาสวมได้เล่า?
หนีเจียเอ๋อร์มองภาพสะท้อนในกระจก เหนือศีรษะมีปิ่นสีทองประดับเอาไว้ ช่างดูงดงาม เหมาะเจาะกับชุดสีแดงที่นางสวมยิ่งนัก
เสี่ยวเสวียนมองภาพตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม วันนี้ คุณหนูดูงดงามยิ่งกว่าทุกวัน
“คุณหนู สีแดงช่างเหมาะกับท่านนัก เพียงสวมใส่ ก็ทำให้ดูงดงาม ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนเลยเ้าค่ะ” นางพูด
หนีเจียเอ๋อร์ขบริมฝีปาก ในห้วงแห่งความทรงจำ มีภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นฉายซ้ำไปซ้ำมา จนแทบจะระงับความพรั่นพรึงและแค้นเคืองไว้ไม่อยู่
“ไปกันเถอะ!” เอ่ยจบ นางก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องด้วยแววตามุ่งมั่น
เสี่ยวเสวียนมองตามหลังหญิงสาวด้วยความงุนงง ั้แ่คุณหนูตื่นขึ้นมา ท่าทีก็ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด...
หลังคิดไม่ตกอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สะบัดหน้าไล่ความมึนงง ก่อนวิ่งตามผู้เป็นายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเสีย คุณหนูก็ยังคงเป็เ้านายของตนอยู่ดี!
ระหว่างทาง หนีเจียเอ๋อร์ก็กวาดตามองโถงทางเดิน ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย... นางกลับมาแล้วจริงๆ!
ทุกอย่างในจวนสกุลหนียังคงเหมือนเดิม ก่อนที่ทุกสิ่งจะถูกแผดเผาจนเป็เถ้าถ่าน เมื่อคิดถึงเื่นี้ ความรู้สึกก็ยิ่งขุ่นมัว หญิงสาวจึงรีบสับเท้าให้เร็วขึ้น
จนกระทั่ง ห้องโถงหลักปรากฏอยู่ตรงหน้า...
ซึ่งเห็นได้แต่ไกลว่าภายในนั้น มีนายท่านสกุลหนี อี๋เหนียง นายท่านสกุลสวี และคุณชายสวี กำลังนั่งหัวเราะอย่างมีความสุข
ใบหน้าของคุณชายสวีในตอนนี้ ช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่น ต่างจากครั้งสุดท้ายที่นางเห็นประหนึ่งฟ้ากับเหว
หนีเจียเอ๋อร์เผลอลูบลำคอระหงเบาๆ
นางจำได้ทุกสิ่ง ทั้งแรงบีบรัดจนหายใจไม่ออก และสายตาของชายผู้เป็ที่รัก ซึ่งดูไม่ต่างอันใดกับปีศาจร้าย...
แต่กระนั้นยามนี้ ก็จำต้องทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!
นางต้องจับตัวฆาตกรซึ่งฆ่าล้างตระกูลของตนให้ได้ ก่อนที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง!
หนีเจียเอ๋อร์กำมือแน่น พลางก้าวเข้าไปในห้องโถงหลัก และกล่าวทักทายแขกผู้มาเยือนทั้งสอง
“คารวะท่านพ่อ อี๋เหนียง นายท่านสกุลสวี และคุณชายสวี”
พอสวีเพ่ยหรานหันมามอง ใบหน้าเขาก็แดงระเรื่อ ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายทันที
เมื่อเห็นหนีเจียเอ๋อร์ ทุกคนต่างประหลาดใจ โดยเฉพาะนายท่านสกุลหนี ที่ดูจะชื่นชมในความงามของบุตรสาวมากทีเดียว “โอ้! ไม่คิดเลย ว่าชุดสีแดงจะเหมาะกับลูกสาวข้าเช่นนี้ แล้วนึกอย่างไรเล่า วันนี้ถึงได้ใส่สีแดง มิใช่ว่าเ้าเกลียดสีนี้หรอกหรือ?”
เว่ยอี๋เหนียงมองไปยังบุตรสาว พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้า
แม้แต่นายท่านสกุลสวี ก็ยังผงกศีรษะ เห็นด้วยกับคำพูดสหาย
แต่ตอนนี้ หนีเจียเอ๋อร์สนใจเพียงสองร่างตรงหน้าเท่านั้น
ท่านพ่อ... เว่ยอี๋เหนียง...
เพียงได้พบพวกเขาอีกครั้ง ดวงตาหญิงสาวก็เริ่มเห่อร้อน แล้วยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“วันนี้ตอนลูกตื่นขึ้นมา ก็บังเอิญมองไปที่ตู้เสื้อผ้าและเห็นชุดนี้เข้า แม้ลึกๆ ลูกจะเกลียดสีแดง แต่มาลองคิดดู ตัวเองก็ยังไม่เคยสวมเลยสักครั้ง จึงลองหยิบมาใส่ หวังว่าจะไม่น่าเกลียด...” นางเอ่ย แล้วเม้มปาก
“น่าเกลียดอะไรกัน? ข้าคิดว่าต่อไปนี้ เ้าน่าจะหยิบเสื้อผ้าสีแดงมาสวมบ่อยๆ ดูสิ! แม้แต่สวีเพ่ยหราน ก็ยังไม่กล้าสบตาเ้าเลย” นายใหญ่สกุลสวีพูด พลางหัวเราะร่า
“ตระกูลของเราสนิทชิดเชื้อกันมานาน เพ่ยหรานกับเจียเอ๋อร์ก็สนิทสนมกันมาแต่เล็กแต่น้อย หากนางแต่งเข้าสกุลอื่น ข้าคงจะวิตกมากทีเดียว แต่นี่เป็เพ่ยหราน ครอบครัวของเราจึง...”
นายใหญ่สกุลหนียังเอ่ยไม่ทันจบ แต่หนีเจียเอ๋อร์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน “ข้าไม่แต่งนะเ้าคะ!”
ตอนนี้ ห้องโถงจึงตกอยู่ในความเงียบงัน จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของผู้คน
“เสี่ยวเอ๋อร์ นี่เ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” นายท่านสกุลหนีเงยหน้าขึ้นมามองบุตรสาว
หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้มเจื่อนๆ และพยายามคลี่คลายสถานการณ์ “ลูกกับพี่ชายหราน นับถือกันดั่งพี่น้องมาั้แ่เด็ก ความรู้สึกของลูก จึงไม่มีอันใดมากไปกว่าความรักฉันพี่น้อง เช่นนี้แล้ว จะแต่งงานได้อย่างไรเล่าเ้าคะ?”
พอได้ยิน นายใหญ่สกุลหนีพลันขมวดคิ้วมุ่น คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าที่ผ่านมานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กทั้งสองเป็เช่นไร?
หรือหลานชายผู้นี้ จะสร้างความขุ่นเคืองให้ลูกสาวของตนมาก จึงถูกปฏิเสธการแต่งงาน...
สายตาของทุกคน พลันจับจ้องไปทางสวีเพ่ยหราน
พอเห็นสายตาที่ทั้งท่านพ่อและอาเขยมองมา ชายหนุ่มก็งุนงง... นี่ตนทำอะไรผิดหรือ?
เขาเผลอไปทำอะไรให้เสี่ยวเอ๋อร์โกรธกันแน่? นางถึงได้ปฏิเสธการแต่งงาน ทั้งยังแสดงท่าทีเ็าเช่นนี้!
สวีเพ่ยหรานรีบหันไปมองหญิงสาวทันควัน “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าทำอะไรให้เ้าไม่พอใจหรือ?”
หลังครุ่นคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้ เขาจึงหันไปเกลี้ยกล่อม “หรือว่าข้าจะเผลอทำอะไรให้เ้าไม่พอใจ? มันเป็เื่ร้ายแรงมาก จนเสี่ยวเอ๋อร์ไม่อยากจะแต่งงานกับข้าเชียวหรือ!”
หนีเจียเอ๋อร์ปรายตามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตลอดสิบปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับเขา ใบหน้าอันอ่อนโยนและรอยยิ้มที่สง่างามเช่นนี้ นางเห็นมาจนชินตา
แต่ก็ตระหนักดี ว่าลึกๆ แล้ว คนผู้นี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น...
“ไม่หรอก!” หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า ก่อนถอนหายใจ “ท่านพี่เพ่ยหรานดีกับข้ามาตลอด แต่ข้ารู้สึกกับท่านฉันพี่น้องเท่านั้น จึงไม่อยากให้ท่านต้องมาเสียเวลากับข้าอีก!”
เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของหญิงสาว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก โชคดีที่สกุลสวีและสกุลหนี มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ดังนั้น แม้จะรู้สึกเสียหน้าไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดจะเอาเื่นี้ มาสร้างความบาดหมางระหว่างสองตระกูล
นายใหญ่สกุลสวีลูบเคราสีขาวเงินของตน ก่อนส่งยิ้มให้นายใหญ่ตระกูลหนี “ดูเหมือนว่าสกุลสวีของเรา จะไม่มีโอกาสรับสะใภ้สกุลหนีเสียแล้ว!”
เขาหันไปมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความเสียดาย “ข้าละอยากรู้จริงๆ ว่าบุรุษคนใดจะเป็ผู้โชคดี ได้แต่งงานกับเสี่ยวเอ๋อร์ของเรา”
หนีเจียเอ๋อร์ถึงกับนิ่งงัน แม้ตนจะหักหน้าบุตรชายเขา แต่คนผู้นี้ก็ยังคงแสดงความเอ็นดูนางเหมือนเดิม...
หญิงสาวคลี่ยิ้ม “เสี่ยวเอ๋อร์ก็ไม่อาจรู้ได้ ด้วยคู่ชีวิตถือเป็โชคชะตาฟ้าลิขิต แต่เมื่อถึงตอนนั้น เสี่ยวเอ๋อร์จะเชิญท่านลุงมาร่วมงานแน่ๆ!”
“เป็โชคชะตาฟ้าลิขิตหรือ?” นายใหญ่สกุลสวีย้ำคำ พลางพยักหน้า
บรรยากาศภายในห้อง เริ่มกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง
มีเพียงสวีเพ่ยหรานที่ยังคงนั่งนิ่ง เพียงข้ามวัน ทุกอย่างกลับพลิกผันจนเขาแทบตั้งตัวไม่ติด...
ทำไมกัน! เหตุใดเสี่ยวเอ๋อร์จึงปฏิเสธการสู่ขอ?
อีกด้านหนึ่ง หนีเจียเอ๋อร์ลอบมองท่าทีหมดอาลัยตายอยากของเขาอย่างไม่ละสายตา
เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนที่ครอบครัวของตนถูกฆ่าล้าง จวนโดนเผาไม่เหลือซาก นางก็เสมือนไร้ที่พึ่ง เมื่อสูญสิ้นทุกอย่าง จึงแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
โชคดีที่ยังมีสวีเพ่ยหราน...
นับแต่นั้นเป็ต้นมา สามีก็เป็เพียงผู้เดียวที่นางไว้ใจที่สุด ความอ่อนโยนและความอบอุ่นซึ่งอีกฝ่ายมอบให้ ช่วยปลอบประโลมนางให้อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
จนกระทั่งคืนหนึ่ง ขณะอยู่ในห้วงนิทรา นางก็ถูกใส่กุญแจมือทั้งสองข้าง เพราะไร้ซึ่งความระแวดระวัง
ทันทีที่ตื่นขึ้น กลับพบว่าสามีที่นางรักและไว้ใจยิ่งกว่าผู้ใด กำลังบีบคอตัวเองอยู่ หญิงสาวพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงบุรุษได้
ช่างทรมานยิ่งนัก ไม่ต่างจากการจมน้ำ...
ดังนั้น ในชีวิตที่สองนี้ สวีเพ่ยหราน... เ้าจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้