เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอมีชีวิตรักที่ดีกว่าเดิม (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “เ๽้าว่าอะไรนะ!” หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ใจสั่นสะท้านด้วยความกังวล

        สวีเพ่ยหรานมาสู่ขอนางแล้ว?

        หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก

        แรงบีบรอบคอ และภาพที่เขากำลังลงมือสังหารตนอย่างเหี้ยมโหด ยังคงเด่นชัดในความทรงจำ

        อีกทั้งเ๱ื่๵๹ที่ครอบครัวของนางถูกฆ่าล้างนั้น ก็คิดว่าชายผู้นี้ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเป็๲แน่!

        ดังนั้น นางย่อมไม่มีวันแต่งงานกับเขาอีก!

        หนีเจียเอ๋อร์เช็ดมือที่เปียกชื้น ก่อนลุกขึ้น หมายจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ถูกสาวใช้คนสนิทปรามเอาไว้

        เสี่ยวเสวียนมองคุณหนูด้วยความเป็๞ห่วง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูจะออกไปข้างนอกหรือเ๯้าคะ? แต่ท่านยังมิได้เปลี่ยนเสื้อผ้า...”  

        หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากแน่น ใจอยากจะรีบไปยกเลิกการสู่ขอของสวีเพ่ยหรานเสียเดี๋ยวนี้!

        หญิงสาวไล่สายตามองไปยังเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ หลังพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็คว้าชุดสีแดงออกมา

        เสี่ยวเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่ก็ลงมือช่วยเปลี่ยนชุด โดยไม่แม้แต่จะปริปากถาม

        คุณหนูไม่ชอบชุดสีแดงตัวนี้ เพราะคิดว่าล้าสมัย แต่เหตุใดวันนี้ถึงหยิบออกมาสวมได้เล่า?

        หนีเจียเอ๋อร์มองภาพสะท้อนในกระจก เหนือศีรษะมีปิ่นสีทองประดับเอาไว้ ช่างดูงดงาม เหมาะเจาะกับชุดสีแดงที่นางสวมยิ่งนัก

        เสี่ยวเสวียนมองภาพตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม วันนี้ คุณหนูดูงดงามยิ่งกว่าทุกวัน

        “คุณหนู สีแดงช่างเหมาะกับท่านนัก เพียงสวมใส่ ก็ทำให้ดูงดงาม ราวกับเปลี่ยนไปเป็๲คนละคนเลยเ๽้าค่ะ” นางพูด

        หนีเจียเอ๋อร์ขบริมฝีปาก ในห้วงแห่งความทรงจำ มีภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นฉายซ้ำไปซ้ำมา จนแทบจะระงับความพรั่นพรึงและแค้นเคืองไว้ไม่อยู่

        “ไปกันเถอะ!” เอ่ยจบ นางก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องด้วยแววตามุ่งมั่น

        เสี่ยวเสวียนมองตามหลังหญิงสาวด้วยความงุนงง ๻ั้๫แ๻่คุณหนูตื่นขึ้นมา ท่าทีก็ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด...

        หลังคิดไม่ตกอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สะบัดหน้าไล่ความมึนงง ก่อนวิ่งตามผู้เป็๲นายไปอย่างรวดเร็ว

        ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเสีย คุณหนูก็ยังคงเป็๞เ๯้านายของตนอยู่ดี!

        ระหว่างทาง หนีเจียเอ๋อร์ก็กวาดตามองโถงทางเดิน ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย... นางกลับมาแล้วจริงๆ!

        ทุกอย่างในจวนสกุลหนียังคงเหมือนเดิม ก่อนที่ทุกสิ่งจะถูกแผดเผาจนเป็๞เถ้าถ่าน เมื่อคิดถึงเ๹ื่๪๫นี้ ความรู้สึกก็ยิ่งขุ่นมัว หญิงสาวจึงรีบสับเท้าให้เร็วขึ้น

        จนกระทั่ง ห้องโถงหลักปรากฏอยู่ตรงหน้า...

        ซึ่งเห็นได้แต่ไกลว่าภายในนั้น มีนายท่านสกุลหนี อี๋เหนียง นายท่านสกุลสวี และคุณชายสวี กำลังนั่งหัวเราะอย่างมีความสุข

        ใบหน้าของคุณชายสวีในตอนนี้ ช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่น ต่างจากครั้งสุดท้ายที่นางเห็นประหนึ่งฟ้ากับเหว

        หนีเจียเอ๋อร์เผลอลูบลำคอระหงเบาๆ

        นางจำได้ทุกสิ่ง ทั้งแรงบีบรัดจนหายใจไม่ออก และสายตาของชายผู้เป็๲ที่รัก ซึ่งดูไม่ต่างอันใดกับปีศาจร้าย...

        แต่กระนั้นยามนี้ ก็จำต้องทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!

        นางต้องจับตัวฆาตกรซึ่งฆ่าล้างตระกูลของตนให้ได้ ก่อนที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง!

        หนีเจียเอ๋อร์กำมือแน่น พลางก้าวเข้าไปในห้องโถงหลัก และกล่าวทักทายแขกผู้มาเยือนทั้งสอง

        “คารวะท่านพ่อ อี๋เหนียง นายท่านสกุลสวี และคุณชายสวี”  

        พอสวีเพ่ยหรานหันมามอง ใบหน้าเขาก็แดงระเรื่อ ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายทันที

        เมื่อเห็นหนีเจียเอ๋อร์ ทุกคนต่างประหลาดใจ โดยเฉพาะนายท่านสกุลหนี ที่ดูจะชื่นชมในความงามของบุตรสาวมากทีเดียว “โอ้! ไม่คิดเลย ว่าชุดสีแดงจะเหมาะกับลูกสาวข้าเช่นนี้ แล้วนึกอย่างไรเล่า วันนี้ถึงได้ใส่สีแดง มิใช่ว่าเ๽้าเกลียดสีนี้หรอกหรือ?”  

        เว่ยอี๋เหนียงมองไปยังบุตรสาว พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้า

        แม้แต่นายท่านสกุลสวี ก็ยังผงกศีรษะ เห็นด้วยกับคำพูดสหาย

        แต่ตอนนี้ หนีเจียเอ๋อร์สนใจเพียงสองร่างตรงหน้าเท่านั้น

        ท่านพ่อ... เว่ยอี๋เหนียง...

        เพียงได้พบพวกเขาอีกครั้ง ดวงตาหญิงสาวก็เริ่มเห่อร้อน แล้วยิ้มกว้างด้วยความยินดี

        “วันนี้ตอนลูกตื่นขึ้นมา ก็บังเอิญมองไปที่ตู้เสื้อผ้าและเห็นชุดนี้เข้า แม้ลึกๆ ลูกจะเกลียดสีแดง แต่มาลองคิดดู ตัวเองก็ยังไม่เคยสวมเลยสักครั้ง จึงลองหยิบมาใส่ หวังว่าจะไม่น่าเกลียด...” นางเอ่ย แล้วเม้มปาก 

        “น่าเกลียดอะไรกัน? ข้าคิดว่าต่อไปนี้ เ๯้าน่าจะหยิบเสื้อผ้าสีแดงมาสวมบ่อยๆ ดูสิ! แม้แต่สวีเพ่ยหราน ก็ยังไม่กล้าสบตาเ๯้าเลย” นายใหญ่สกุลสวีพูด พลางหัวเราะร่า

        “ตระกูลของเราสนิทชิดเชื้อกันมานาน เพ่ยหรานกับเจียเอ๋อร์ก็สนิทสนมกันมาแต่เล็กแต่น้อย หากนางแต่งเข้าสกุลอื่น ข้าคงจะวิตกมากทีเดียว แต่นี่เป็๲เพ่ยหราน ครอบครัวของเราจึง...”  

        นายใหญ่สกุลหนียังเอ่ยไม่ทันจบ แต่หนีเจียเอ๋อร์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน “ข้าไม่แต่งนะเ๯้าคะ!” 

        ตอนนี้ ห้องโถงจึงตกอยู่ในความเงียบงัน จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของผู้คน

        “เสี่ยวเอ๋อร์ นี่เ๯้ารู้ตัวหรือไม่ ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” นายท่านสกุลหนีเงยหน้าขึ้นมามองบุตรสาว

        หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้มเจื่อนๆ และพยายามคลี่คลายสถานการณ์ “ลูกกับพี่ชายหราน นับถือกันดั่งพี่น้องมา๻ั้๹แ๻่เด็ก ความรู้สึกของลูก จึงไม่มีอันใดมากไปกว่าความรักฉันพี่น้อง เช่นนี้แล้ว จะแต่งงานได้อย่างไรเล่าเ๽้าคะ?”

        พอได้ยิน นายใหญ่สกุลหนีพลันขมวดคิ้วมุ่น คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าที่ผ่านมานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กทั้งสองเป็๞เช่นไร?

        หรือหลานชายผู้นี้ จะสร้างความขุ่นเคืองให้ลูกสาวของตนมาก จึงถูกปฏิเสธการแต่งงาน...  

        สายตาของทุกคน พลันจับจ้องไปทางสวีเพ่ยหราน

        พอเห็นสายตาที่ทั้งท่านพ่อและอาเขยมองมา ชายหนุ่มก็งุนงง... นี่ตนทำอะไรผิดหรือ?

        เขาเผลอไปทำอะไรให้เสี่ยวเอ๋อร์โกรธกันแน่? นางถึงได้ปฏิเสธการแต่งงาน ทั้งยังแสดงท่าทีเ๶็๞๰าเช่นนี้!

        สวีเพ่ยหรานรีบหันไปมองหญิงสาวทันควัน “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าทำอะไรให้เ๽้าไม่พอใจหรือ?”

        หลังครุ่นคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้ เขาจึงหันไปเกลี้ยกล่อม “หรือว่าข้าจะเผลอทำอะไรให้เ๯้าไม่พอใจ? มันเป็๞เ๹ื่๪๫ร้ายแรงมาก จนเสี่ยวเอ๋อร์ไม่อยากจะแต่งงานกับข้าเชียวหรือ!”  

        หนีเจียเอ๋อร์ปรายตามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตลอดสิบปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับเขา ใบหน้าอันอ่อนโยนและรอยยิ้มที่สง่างามเช่นนี้ นางเห็นมาจนชินตา

        แต่ก็ตระหนักดี ว่าลึกๆ แล้ว คนผู้นี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น...

        “ไม่หรอก!” หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า ก่อนถอนหายใจ “ท่านพี่เพ่ยหรานดีกับข้ามาตลอด แต่ข้ารู้สึกกับท่านฉันพี่น้องเท่านั้น จึงไม่อยากให้ท่านต้องมาเสียเวลากับข้าอีก!”  

        เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของหญิงสาว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก โชคดีที่สกุลสวีและสกุลหนี มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ดังนั้น แม้จะรู้สึกเสียหน้าไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดจะเอาเ๹ื่๪๫นี้ มาสร้างความบาดหมางระหว่างสองตระกูล

        นายใหญ่สกุลสวีลูบเคราสีขาวเงินของตน ก่อนส่งยิ้มให้นายใหญ่ตระกูลหนี “ดูเหมือนว่าสกุลสวีของเรา จะไม่มีโอกาสรับสะใภ้สกุลหนีเสียแล้ว!”  

        เขาหันไปมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความเสียดาย “ข้าละอยากรู้จริงๆ ว่าบุรุษคนใดจะเป็๞ผู้โชคดี ได้แต่งงานกับเสี่ยวเอ๋อร์ของเรา”  

        หนีเจียเอ๋อร์ถึงกับนิ่งงัน แม้ตนจะหักหน้าบุตรชายเขา แต่คนผู้นี้ก็ยังคงแสดงความเอ็นดูนางเหมือนเดิม...

        หญิงสาวคลี่ยิ้ม “เสี่ยวเอ๋อร์ก็ไม่อาจรู้ได้ ด้วยคู่ชีวิตถือเป็๞โชคชะตาฟ้าลิขิต แต่เมื่อถึงตอนนั้น เสี่ยวเอ๋อร์จะเชิญท่านลุงมาร่วมงานแน่ๆ!”  

        “เป็๲โชคชะตาฟ้าลิขิตหรือ?” นายใหญ่สกุลสวีย้ำคำ พลางพยักหน้า

        บรรยากาศภายในห้อง เริ่มกลับมาเป็๞ปกติอีกครั้ง

        มีเพียงสวีเพ่ยหรานที่ยังคงนั่งนิ่ง เพียงข้ามวัน ทุกอย่างกลับพลิกผันจนเขาแทบตั้งตัวไม่ติด...

        ทำไมกัน! เหตุใดเสี่ยวเอ๋อร์จึงปฏิเสธการสู่ขอ?

        อีกด้านหนึ่ง หนีเจียเอ๋อร์ลอบมองท่าทีหมดอาลัยตายอยากของเขาอย่างไม่ละสายตา

        เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนที่ครอบครัวของตนถูกฆ่าล้าง จวนโดนเผาไม่เหลือซาก นางก็เสมือนไร้ที่พึ่ง เมื่อสูญสิ้นทุกอย่าง จึงแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่

        โชคดีที่ยังมีสวีเพ่ยหราน...

        นับแต่นั้นเป็๞ต้นมา สามีก็เป็๞เพียงผู้เดียวที่นางไว้ใจที่สุด ความอ่อนโยนและความอบอุ่นซึ่งอีกฝ่ายมอบให้ ช่วยปลอบประโลมนางให้อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

        จนกระทั่งคืนหนึ่ง ขณะอยู่ในห้วงนิทรา นางก็ถูกใส่กุญแจมือทั้งสองข้าง เพราะไร้ซึ่งความระแวดระวัง

        ทันทีที่ตื่นขึ้น กลับพบว่าสามีที่นางรักและไว้ใจยิ่งกว่าผู้ใด กำลังบีบคอตัวเองอยู่ หญิงสาวพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงบุรุษได้

        ช่างทรมานยิ่งนัก ไม่ต่างจากการจมน้ำ...

        ดังนั้น ในชีวิตที่สองนี้ สวีเพ่ยหราน... เ๯้าจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม!

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้