หลังจากที่มู่เฟิงใช้เวลาอยู่ในวิหารสลักลายมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมได้รับประโยชน์และความรู้ในศาสตร์เครื่องราง รวมถึงศาสตร์การหลอมโอสถกลับมามากมาย
ระยะทางระหว่างวิหารสลักลายไปถึงจวนตระกูลมู่นั้นใช้เวลาเดินทางราวๆ หนึ่งก้านธูป มู่เฟิงเดินทอดน่องไปตามถนนโดยไม่ได้พบเห็นกับสิ่งผิดปกติใดๆ แต่จริงๆ แล้วด้านหลังของเขากำลังมีเงามืดของคนกลุ่มหนึ่งลอบสะกดรอยตามเขามาตลอดทาง
มู่เฟิงที่กำลังเดินอยู่ขมวดคิ้วมุ่น หางตาของเขาเหลือบมองไปด้านหลัง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เขาทะยานร่างสูงขึ้นไปบนหลังคาหลังหนึ่ง ก่อนจะะโมุ่งหน้าไปยังหลังคาของบ้านหลังถัดไปอย่างรวดเร็ว
“ตาม!”
ฉับพลันนั้นเงาร่างของคนหกคนก็ทะยานขึ้นไปบนหลังคาเพื่อไล่ตามมู่เฟิงทันที
คนกลุ่มนี้ต่างก็สวมใส่ชุดสีดำที่กลมกลืนไปกับความมืดมิดในยามราตรี ใบหน้าของพวกเขาล้วนถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิดจนไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ร่างกายของพวกเขายังแผ่บรรยากาศของความแข็งแกร่งออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
“มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ ในขอบเขตเทียนเว่ยระดับสูงห้าคน และมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังอีกหนึ่งคน”
เสียงของซีเยว่ดังขึ้นในห้วงความคิดของมู่เฟิง
“หึ ต้องเป็คนจากจวนเป่ยอ๋องอีกแน่”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเ็า
ทั้งหกคนไล่ตามมู่เฟิงไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้นำกลุ่มที่อยู่หน้าสุดมีความสูงราวห้าฟุต เป็ความสูงที่ค่อนข้างเตี้ยไปหน่อยหากเทียบกับร่างชายฉกรรจ์ทั่วไป เขาถือกระบี่สีดำเล่มยาวไว้ในมือ แววตาทอประกายเ็า และจากบรรยากาศที่แผ่ออกมาก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังปราณแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
เงาร่างของคนกลุ่มนั้นกระโจนขึ้นไปบนหลังคาด้วยความเร็วสูง และเพียงไม่นานพวกเขาก็ไล่ตามมู่เฟิงมาได้ทัน
“ฆ่ามัน!”
มือสังหารชุดสีดำะโสั่งการเสียงเหี้ยม ฝ่าเท้าของเขาที่ะเิพลังออกมา ทำให้ร่างกายของเขาสามารถทะยานตัวออกไปได้อย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็เพียงลำแสงสีขาวที่พุ่งไปทางมู่เฟิง คมกระบี่ในมือแทงทะลวงออกมารวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
แต่ในตอนนั้นเองมู่เฟิงก็หันหลังกลับมาอย่างกะทันหัน เขาะโถอยหลังออกมา จากนั้นภายในมือของเขาก็ปรากฏแผ่นยันต์กระบี่หิรัณยขึ้นมาหลายใบ ก่อนที่มู่เฟิงจะขว้างมันออกไปทันที
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
แผ่นยันต์ส่องประกายสีทองก่อนจะควบแน่นขึ้นเป็ลำแสงกระบี่สีทองจำนวนห้าถึงหกเล่ม และพุ่งโจมตีไปทางกลุ่มมือสังหาร
เมื่อเห็นดังนั้นกลุ่มมือสังหารต่างก็พากันใ เพราะลำแสงกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้ามาแต่ละเล่มนั้นมีอานุภาพพลังเทียบได้กับการโจมตีของยอดฝีมือระดับหนิงกัง
ฉึก! ฉึก!...!
มือสังหารผู้หนึ่งถูกลำแสงกระบี่หลายเล่มเสียบแทงทะลุร่างจนเสียชีวิตในทันที ร่างของเขากลิ้งตกลงจากหลังคาไปบนพื้นถนน ทำให้ผู้คนที่เกำลังสัญจรอยู่บนทางเท้าพากันร้องอุทานออกมา
จากนั้นมู่เฟิงก็ขว้างแผ่นยันต์ออกไปอีกหลายไป ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนต้องรีบหลบหนี ลำแสงกระบี่สีทองพุ่งทะลวงผ่านอากาศออกไปไกลกว่ายี่สิบเมตร จากนั้นจึงสลายไป
“แยกตัวกัน ล้อมเขาไว้”
ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยตวาดออกมาอย่างเ็า
คนทั้งห้าแยกตัวออกจากกันทันที พวกเขาล้อมวงปิดช่องทางของมู่เฟิงอยู่บนหลังคาเรือนอื่น ทำให้มู่เฟิงไม่มีทางหนีได้อีก
เด็กหนุ่มชะงักฝีเท้าลง เขานำพลุดอกไม้ไฟออกมาจุดไฟอย่างรวดเร็ว ดอกไม้ไฟพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะแตกกระจายเป็ลวดลายกิเลนสีโลหิต
“มีเวลาไม่มาก ไปสังหารเ้าเด็กนั่นทิ้งglup”
ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยสั่งการเสียงเหี้ยม
“ตายเสีย…!”
คนทั้งสี่ต่างก็พุ่งทะยานร่างเข้าหามู่เฟิงพร้อมกัน พวกเขาล้วนมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ในขอบเขตเทียนเว่ยระดับสูงเหมือนกัน และเป็ระดับที่สูงกว่ามู่เฟิง
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเ็า เขากวาดตามองมือสังหารทั้งสี่ที่พุ่งตัวเข้ามาจากทั้งสี่ทิศทาง ในมือของเด็กหนุ่มปรากฏแผ่นยันต์สีแดงขึ้นหนึ่งใบ เด็กหนุ่มตัดสินใจขว้างมันไปยังมือสังหารที่อยู่ทางทิศตะวันออกทันที
ปัง...!
เมื่อพลังของแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ะเิออกมา กลุ่มเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่กินรัศมีมากกว่าสิบเมตรก็พลันลุกโชนขึ้นพุ่งขึ้นท้องไฟ ทำให้มือสังหารจากทิศตะวันออกต้องรีบล่าถอยออกไปทันที
“ตายเสีย!”
ทันใดนั้นมู่เฟิงพลันเปล่งเสียงคำรามออกมา พร้อมกับร่างของเขาที่พุ่งทะยานไปหามือสังหารที่อยู่ทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็รวบรวมพลังปราณเพลิงมาไว้ที่หมัด ทั้งยังดึงเอาพลังปราณจากมวคลื่นพลังจำนวนสองลูกในจุดตันเถียนออกมาหลอมรวมกันไว้ที่หมัดเป็จุดเดียว
“วิชาะเิหมัดเพลิงเก้าสุริยา ไฟกัลป์”
มู่เฟิงเปล่งเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน พร้อมกับปล่อยหมัดออกมาสุดแรง หมัดนี้ของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิงสีแดงที่ลุกโชน พลังอันร้อนระอุพุ่งทะยานเข้าหาศัตรูตรงหน้าในทันที
เปรี้ยง!
เมื่อหมัดนี้พุ่งปะทะเข้ากับคมกระบี่ของอีกฝ่าย กระบี่เล่นนั้นก็หักลงทันที
ปัง!
และวินาทีถัดมา หมัดนั้นก็พุ่งกระแทกทรวงอกของมือสังหารต่อในทันที ทำให้ทรวงอกของอีกฝ่ายถูกเจาะจนทะลุไปด้านหลังปรากฏเป็โพรงขนาดใหญ่ดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง ทำให้ร่างถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร และร่วงตกลงมาจากหลังคาก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด
พรึ่บ! พรึ่บ!
ฉับพลันนั้นเอง ปราณกระบี่สองสายก็พุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว มู่เฟิงบิดฝ่าเท้าก่อนจะเคลื่อนกายหลบหลีกอย่างว่องไว ขณะเดียวกันเขาก็สะบัดดรรชนีนิ้วทั้งสองออกมาเพื่อตอบโต้ ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ก่อนจะโจมตีไปยังมือสังหารทั้งสองทันที
มือสังหารทั้งสองรีบยกกระบี่ในมือขึ้นมาตั้งรับลำแสงดรรชนีที่พุ่งเข้ามา แต่แรงโจมตีของมันก็ทำให้พวกเขาใจนต้องถอยหลังออกไปสองก้าว
ชั่วพริบตานั้น ปราณกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งกวาดเข้ามา คราวนี้ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยลงมือด้วยตัวเอง พลังปราณสีเขียวถูกซัดมาทางศีรษะของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงก้าวถอยอย่างรวดเร็ว เขางอนิ้วทั้งสองลงเล็กน้อย ก่อนจะตวัดปลายนิ้วไปทางชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยทันที แต่น่าเสียดายที่มันถูกเกราะป้องกันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังสะท้อนกลับมา
“ตายเสีย!”
บุรุษผู้นั้นะโขึ้นสูงพร้อมกับยกกระบี่ที่มีความยาวกว่าสามฟุตขึ้น จากนั้นก็ฟันลงมายังร่างของมู่เฟิงอย่างดุดัน
ทว่าดาบสีดำขั้นสองเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่มเสียก่อน เขารีบยกดาบเล่มนั้นขึ้นมาต้านกระบี่เอาไว้ในทันที
แกร๊ง!
เมื่อดาบและกระบี่ปะทะกัน พลังมหาศาลก็ปะทุออกมาจากตัวกระบี่จนมู่เฟิงต้องก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง กระเื้ัคาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าถูกเหยียบจนแตกเป็ชิ้นๆ
“วิชาดาบพยัคฆ์หาญ”
มู่เฟิงยกดาบขึ้น พลังปราณในร่างของเขาถูกรวบรวมขึ้นมาไว้บนตัวดาบ จากนั้นเขาก็ทะยานร่างเข้าหาชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยในทันที คมดาบฟาดฟันลงไปบนตัวกระบี่อย่างรุนแรง
“โฮก!”
เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังกึกก้อง ปราณดาบสีทองถูกควบแน่นขึ้นเป็เงาร่างของพยัคฆ์ด่อนที่มันจะพุ่งกระโจนเข้าหาชายฉกรรจ์ร่างเตี้ย
สีหน้าของชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย อานุภาพพลังของดาบเล่มนี้เพียงพอที่จะทำลายเกราะป้องกันของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาเร่งส่งพลังปราณไปยังกระบี่ในมือ ก่อนจะวาดลำแสงกระบี่ที่มีความยาวหลายเมตรออกไปปะทะกับเงาพยัคฆ์สีทอง
ปัง!
เมื่อคลื่นพลังสองสายพุ่งเข้าปะทะกันก็ะเิออกมาอย่างรุนแรง กระเบื้องบางส่วนบนหลังคาถูกคลื่นพลังซัดจนปลิวกระเด็น กลายเป็รูโหว่งขนาดใหญ่บนหลังคาเรือนของชาวบ้าน ทำให้ผู้คนในบ้านที่อยู่ด้านล่างตื่นใจนต้องจะหนีออกมา
อึก!
ร่างของมู่เฟิงถูกคลื่นพลังสะท้อนกลับ ทำให้เขากระอักเืออกมาและถอยห่างออกไปอีกหลายก้าว ด้านชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยก็มีเืไหลออกมาตรงมุมปากเช่นกัน เขามองมู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ
เมื่อตั้งหลักได้มือสังหารอีกสามคนก็เข้ามาสมทบ ลำแสงกระบี่สามสายพุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงหมายจะปลิดชีวิตเขาทันที
แต่ทันใดนั้นกลับมีลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากแขนของมู่เฟิงเสียก่อน มันเปล่งเสียงคำรามก่อนที่ร่างสีขาวของมันจะขยายขนาดจนมีความยาวมากกว่ายี่สิบเมตร จากนั้นมันก็ม้วนตัวอยู่รอบตัวมู่เฟิง
นี่คือัสีขาวที่มีความยาวกว่ายี่สิบเมตร ลำตัวของมันมีความหนาขนาดเท่าถังเก็บน้ำ มันมีแผงคอสีแดง มีเขาหนึ่งเขา บริเวณท้องมีเท้าทั้งสี่ และมีเกล็ดสีขาวปกคลุมทั่วร่าง
เมื่อลำแสงกระบี่ทั้งสามสายพุ่งปะทะร่างของงูเจียวสีขาว มันก็ปรากฏเพียงประกายไฟก่อนจะถูกสะท้อนกลับไป จากนั้นงูเจียวสีขาวก็ฟาดหางของมันไปยังร่างของมือสังหารผู้หนึ่ง ทำให้ร่างของคนผู้นั้นถูกเหวี่ยงออกไปไกลกว่าสิบเมตร พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน กระดูกของเขาแตกหักและเส้นเอ็นก็ฉีกขาดโดยสมบูรณ์
“นี่มัน...งูเจียว!”
มือสังหารที่เหลือต่างก็ตื่นใเมื่อพวกเขาได้เห็นงูเจียวตัวใหญ่อย่างกะทันหัน
เสี่ยวเทียนแผดเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาสีทองเข้มของมันทอประกายวาวโรจน์อย่างดุร้าย จากนั้นมันก็อ้าปากกว้างและพ่นลูกบอลเพลิงสีแดงไปทางมือสังหารผู้หนึ่งทันที ร่างของมือสังหารผู้นั้นถูกแผดเผา และในขณะเดียวกันนั้นกระเื้ัคาก็พังถล่มลงไปด้วยเช่นกัน
“ถอย!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยก็พลันเปลี่ยนเป็ขาวซีด เขาะโสั่งการก่อนจะรีบถอยออกไปพร้อมกับคนที่เหลือ
มู่เฟิงะโขึ้นไปบนร่างของเสี่ยวเทียน ก่อนที่ร่างของมันจะพุ่งทะยานตามมือสังหารทั้งสองคนที่กำลังจะหลบหนี
ร่างของเสี่ยวเทียนโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่มือสังหารทั้งสองกำลังหลบหนีอยู่ด้านล่าง แน่นอนว่าความเร็วของพวกเขาย่อมไม่อาจเทียบกับเสี่ยวเที่ยนได้ เมื่อไล่ตามมาทันแล้ว มู่เฟิงก็วาดปราณดาบสีทองออกมาทันที ปราณดาบนี้พุ่งตัดร่างของมือสังหารผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่อย่างรวดเร็ว ชายผู้นั้นกรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน ในขณะที่ร่างของเขาถูกตัดขาดออกเป็สองส่วน
ส่วนชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยผู้มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังก็รีบพุ่งตัวเข้าไปบนถนนที่มีกลุ่มคนทันที ไม่นานร่างของเขาก็จมหายไปกับความมืด
ภาพของชายผมขาวราวกับหิมะที่กำลังยืนอยู่บนตัวของงูเจียวที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าทำเอาผู้คนบนถนนพากันตื่นตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ แน่นอนว่าฉากนี้เป็เื่ที่น่าใเกินไปสำหรับพวกเขา
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันใดนั้นลำแสงหลายสายก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาก็ทราบได้ทันที่ว่าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตาน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้