ร่างสูงโปร่งถูกวางลงบนยอดเขาอย่างนุ่มนวล เพื่อให้อีกคนมีสมาธิต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม จากนี้ไปการต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
มือขาวรวบรวมพลังแล้วเริ่มส่งพลังรักษาให้กับครอสทันทีที่ลงมาเหยียบพื้นดิน เขารับรู้ถึงพลังบริสุทธิ์และอบอุ่น เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกมันถึงอยากได้ตัวนัก ขนาดเพียงได้รับพลังรักษา ยังรู้สึกถึงพลังมหาศาลขนาดนี้ หากได้ลิ้มรสเื คงจะแข็งแกร่งกว่านี้หลายเท่านัก
แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ส่งพลังรักษาที่นานขนาดนั้นเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว จึงแยกทั้งสองออกจากกัน
"ไวท์ ระวังตัวด้วย"
"พี่ครอสเองก็ด้วยครับ"
จากการต่อสู้หนึ่งต่อสิบสี่กลายเป็สองต่อสิบสี่ แบบนี้น่าจะสู้สีกันมากกว่าเดิม เ้าชายแฝดที่ได้ขึ้นชื่อว่าโเี้ คุณชายคนสวยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็ลูก ครี่งัเทพมีพลังที่ไม่ธรรมดารวมถึงไม่มีขีดจำกัด พลังของทั้งคู่แตกต่างจากเมื่ออยู่บนท้องฟ้าอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกลอบสังหารถึงกับใว่าทำไมเป็เช่นนี้
"ท่านไวท์อยู่ที่ไหนกันแน่ ท่านลอร์ดทำไมถึงหาไม่พบสักทีขอรับ" เฟลิกซ์ร้อนใจที่ชอยส์ยังไม่สามารถใช้พลังที่เชื่อมโยงจิตใจกับผู้เป็นายด้วยพิธีศักดิ์สิทธิเจอสักที
"เ้าใจเย็นลงหน่อยได้หรือไม่ ตอนนี้พวกเราก็มาครึ่งทางแล้ว ข้ากำลังใช้สมาธิ" ชอยส์บอกพลางทำหน้าเคร่งเครียด เพราะว่าทุกคนมาอยู่บนท้องฟ้ากันแล้วจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย หากไม่ได้รับการติดต่อก็ยากต่อการจะล่วงรู้
'ท่านอยู่ที่ไหน ท่านครอส'
'ข้าอยู่บนยอดเขาจากจุดเดิมไม่มากนัก เห็นยอดเขาไหนที่สูงที่สุดก็บินมาเลย'
'มองเห็นหรือยังว่าข้าอยู่ไหน สู้จนจะขาดใจอยู่แล้ว'
'พบแล้วพะยะค่ะ จะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้'
ทหารของเ้าชายครอสและคนสนิททั้งหมดของไวท์พุ่งตรงไปยังสถานที่ดังกล่าวตามภาพนิมิตรที่ลอร์ดชอยส์เห็นจากการติดต่อกันทันที บินมาไม่นานก็เห็นป่าไม้บนยอดเขาเต็มไปด้วยร่องรอยเผาไม้จากไฟของคุณชาย และพลังเวทย์มนตร์ของเ้าชาย งานนี้คงเห็นผลกันแล้วว่าใครจะชนะเพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังจะเป็รองพวกเขา
"ทุกคน! จับพวกมันมาให้ได้! "
"ขอรับ ท่านลอร์ด"
ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมาทุกคนถูกจับกุมด้วยกุญแจวงเวทย์ยากต่อการถอดออกนอกจากจะใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น เพราะจำนวนนั้นแตกต่างกันอย่างแน่นอน จะต้องจับคนบงการมาให้ได้
"เ้าไม่มาหาข้าพรุ่งนี้เลยล่ะ สู้กับไวท์สองคนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
"แวมไพร์เืบริสุทธิ์แข็งแกร่งกว่าใครในทุกชนชั้น จะบ่นทำไมพะยะค่ะ"
"เ้าก็รู้ว่าทำไมข้ายังอ่อนเพลีย ยังจะมีหน้ามาพูดอีก" มือขาวดึงอีกคนเข้ามาหาแล้วทำการรักษาต่อทันที วิชารักษาอาจจะมากกว่า่เช้าที่ทดสอบไปเสียหน่อยเพราะได้เรียนรู้เพิ่มมาก ไม่คิดว่าจะเหมาะกับการใช้ในเวลา
"เท่านี้ก็ไม่น่าจะเหนื่อยแล้วครับ"
ตุ้บ!
"ไวท์! ไวท์!!! "
พระราชวังทางใต้
"หมอ สรุปแล้วไวท์เป็อะไร" น้ำเสียงของครอสบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์เป็อย่างมาก หากตอบไม่ถูกใจจะต้องได้ถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
"คุณชายริคอ่อนเพลียจากการใช้พลังกายและพลังเวทย์ไปมากพะยะค่ะ เนื่องจากอยู่ใน่เติบโตและพลังเพิ่งเริ่มตื่นขึ้นแต่ฝืนใช้มากเกินไปจนทำให้สลบไป ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง หม่อมฉันจะจัดยาให้รับประทาน"
"ไม่เกินสามวันอาการจะดีขึ้นพะยะค่ะ"
"อืม รีบไปเขียนยามาได้แล้ว"
"พะยะค่ะ"
แกร๊ก!
"เ้าส่งจดหมายไปหาท่านพี่คีย์หรือยัง"
"ส่งแล้วพะยะค่ะ"
"เวลานี้จะต้องส่งตัวไวท์กลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เวลาจะมาทำดีเพื่อให้เด็กคนนี้ชอบแต่ต้องห่วงความปลอดภัยมาก่อน"
คำพูดของครอสนั้นทำให้ชอยส์ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่านายของตนจะดูเป็ผู้เป็คนแบบนี้ ปกติทำอะไรเคยสนใจความรู้สึกใครกัน อยากทำอะไรก็ทำ ใครจะตายก็ปล่อยให้ตายอย่างไร้ความปราณี เด็กคนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างให้ดีขึ้นมา และหวังว่าจะดีแบบนี้ไปตลอด ไม่มีอะไรให้วุ่นวายหรือหวาดกลัวในวังแห่งนี้
"จดหมายว่าอย่างไรบ้างพะยะค่ะ" คลาสถามด้วยความเป็ห่วงอย่างร้อนรน เพราะั้แ่รู้จักกับครอสมาไม่เคยเลยที่จะมีการส่งจดหมายนอกกำหนดการ แบบนี้หมายความว่าจะต้องเกิดเื่ไม่ดีกับคนนั้นอย่างแน่นอน
"ครอสส่งมาบอกว่าจะส่งตัวกระรอกน้อยกลับเมืองหลวงเพราะถูกลอบทำร้ายแต่รอดมาได้" คีย์ตอบคำถามของน้องชายด้วยความหนักใจ
"หมายความว่ายังไงท่านพี่ ในเมื่อครอสเองก็เก่งไม่น้อยไปกว่าพวกเรา" เป็ไปไม่ได้ที่ ครอสจะพลาดท่าเสียทีแก่พวกมัน
"ครอสยังไม่ได้ฟื้นคืนพลังหลังจากใช้พาเดินทางความเร็วสูงกลับวังทางใต้ แล้วมาเกิดเื่ซะก่อนแบบนี้ ข้าจะส่งจดหมายเข้าวังหลวงเพื่อให้ประตูเมืองเปิดทันการณ์"
"เมล์ เ้าเขียนจดหมายตอบกลับไปว่าส่งตัวไวท์ไปได้เลย"
"พะยะค่ะ รัชทายาท"
"คลาสเ้าจะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกับข้า กลับไปเตรียมตัวที่วังของเ้าแล้วออกเดินทางทันที เข้าใจใช่หรือไม่"
"พะยะค่ะ ท่านพี่"
พวกมันกะจะฆ่าให้ตายจริงๆ สินะ มาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้จับให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่าเป็ฝีมือของใคร ยังไงพวกที่ลอบทำร้ายก็ถูกขังอยู่ในคุกของครอสแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อยู่ที่ระหว่างทางมาเมืองหลวงจะมีใครมาลอบสังหารตัดหน้าไปหรือเปล่า หวังว่าครอสจะมีวิธีอะไรบางอย่างที่จะนำพวกมันกลับมายังเมืองหลวงได้ทั้งหมด
"เราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่พะยะค่ะ ท่านครอส"
"เมื่อเด็กคนนี้ฟื้น เราจะออกเดินทางกันทันที พวกเ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม"
"พะยะค่ะ เ้าชาย"
ครอสนั่งเฝ้าไม่ห่างเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะฟื้นใช้พลังรักษาเขาจนอาการหายเป็ปลิดทิ้งแบบนี้ ถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็...จะบ่นให้หูชาไปหลายวันเลยคอยดูกล้ามากที่ทำให้คนอย่างเขาเป็ห่วงจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน
"อื้อ... น้ำ..." เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาเหมือนคนละเมออะไรสักอย่าง ครอสงัวเงียรีบหยิบน้ำที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมาให้ทันที
"ค่อยๆ กิน" มือหนาประคองร่างสูงโปร่งของอีกคนให้ขึ้นมานั่งเพื่อสะดวกต่อการดื่ม
"ขอบคุณครับพี่ครอส"
"เ้ากล้ามากนะ ที่ทำให้ข้าร้อนใจถึงเพียงนี้..." ครอสยังไม่ทันได้บ่นอะไรมากกว่านั้น มือขาวก็สำเร็จใบหน้าและพลิกร่างของเขาไปมาเพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง คนอายุมากกว่าได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจอยู่ในลำคอ
"โชคดีที่ท่านไม่ได้รับาเ็อะไร" ไวท์บอกพลางยิ้มหวานให้ด้วยความโล่งใจ
เด็กคนนี้มายิ้มให้กันแบบนี้ใครจะไปกล้าดุต่อลงกันล่ะ ร้ายกว่าศัตรู้ร้อยเท่าพันเท่านัก ไม่รู้จะรับมือกับความน่ารักนี้ยังไง
"ถ้าเ้าฟื้นแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางกัน พวกเราจะเข้าเมืองหลวง"
"ตอนนี้เลยเหรอครับ นี่มันก็ดึกมากแล้ว" ไวท์บอกพลางมองท้องฟ้าด้านนอกที่มืดมากกว่าทุกวัน
"ไวท์ ที่นี่แวมไพร์พวกข้าไม่ง่วงตอนกลางคืน เ้าลืมหรือยังไงกัน" ครอสเริ่มหงุดหงิดที่อีกคนไม่ได้เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย ที่นี่คือจักรวรรดิที่มีแวมไพร์มากกว่าเผ่าพันธ์มนุษย์ จะมาบอกว่าดึกมันหมายความว่ายังไง ตอนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นของพวกเขาต่างหากล่ะ
"นั่นสิครับ ผมลืมไปสนิทเลย" ลืมไปว่าที่นี่คือแดนแวมไพร์ไม่ใช่โลกมนุษย์ที่ดึกแล้วจะไม่มีเที่ยวรถไฟฟ้า การที่เ้าชายครอสตอกย้ำมันทำให้รู้ว่าเขาต้องลาจากอีกโลกแล้วอย่างเด็ดขาด คงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้ว
ครอสเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดจาอะไรไปมากกว่านั้นอีก แต่สั่งให้คนของไวท์มาเตรียมตัวพาเ้านายของตนออกเดินไปเมืองหลวง ถ่ายทอดคำสั่งให้นำตัวนักโทษออกมาทั้งหมดเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปด้วยกัน และแน่นอนว่าไม่มีทางลืมที่จะใส่ของเล่นแปลกใหม่เข้าไปด้วย เพื่อป้องกันการหลบหนีของนักโทษ ไม่มีใครรู้ถึงงานอดิเรกที่พิสดารสัก พวกมันได้สยองจนไม่กล้าที่จะโกหกแน่นอน
ไม่มีใครพูดอะไรกับผู้เป็นายหน้าหวานสักคน ต่างคนต่างพากันเก็บข้าวของภายในห้องแล้วผายมือเชิญให้ไปอาบน้ำเท่านั้น ดูท่าการเดินทางจะเหนื่อยกันจริงๆ เพราะการเตรียมการค่อนข้างจะเร่งรีบพอสมควรเลย สิ่งที่ไวท์จะทำได้นั่นก็คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและลดภาระลงนั่นเอง หากดื้อดึงการเดินทางจะล้าช้าออกไป
"เตรียมตัวให้ไวท์เสร็จหรือยัง เฟลิกซ์" ครอสเร่ง
"เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ เ้าชายครอส"
"อืม งั้นก็ไปนั่งรถม้ากันได้แล้ว"
การเดินทางด้วยรถม้าความเร็วสูงนั้นในครั้งนี้ใช้ม้ามากกว่าปกติถึงสามเท่าเพื่อให้เดินทางถึงให้เร็วที่สุดภายในคืนนี้ โดยมีครอสใช้พลังทำให้เดินทางมาเร็วกว่าเดิมครึ่งทางแล้วให้อีกครึ่งทางเป็หน้าที่ของม้าเร็วแทน หวังว่าจะมีการต้อนรับที่ดีรออยู่ ไม่เกิดเหตุอะไรไม่คาดฝันขึ้นมาอีกก็แล้วกัน
พระราชวังหลวง
"เห็นจดหมายจากรัชทายาทแล้วใช่หรือไม่ จักรพรรดินี" จักรพรรดิถามหลังเดินเข้าห้องมาเห็นผู้เป็ภรรยากำจดหมายแน่นจนแทบฉีกขาดได้
"อ่านแล้วเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนเตรียมวังของลูกทั้งสามคนแล้ว รวมถึงเรือนรับรองแขกที่อาจจะมากะทันหันอีกสองแห่ง"
"เ้าหมายถึงมาร์แชลกับสวิตใช่ไหม"
"ใช่เพคะ เพราะว่ารัชทายาทส่งจดหมายไปบอกสองคนนั้นแล้วเหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีทั้งรัชทายาท เ้าชาย คุณชาย เชื้อพระวงศ์เต็มวังหลวงใน่นี้อย่างแน่นอน"
"เดี๋ยวข้าจะเตรียมงานต้อนรับแทนเ้าเอง เ้ากำลังท้อง"
"หมอหลวงบอกว่าหม่อมฉันยังทำงานได้แต่ว่าห้ามทำงานหนักเกินไปเพคะ อย่าห้ามหม่อมฉันเลยเพคะ" จักรพรรดินีบอกพลางทำสายตาออดอ้อน งานพวกนี้หากไม่ทำหลังเลิกงานก็ไม่น่ามีปัญหาแล้ว ไม่อยากเลิกทำเลย
"่นี้เ้ายังแพ้ท้องอยู่หรือไม่ หมอหลวงบอกว่าเ้าจะกลับมาทำงานได้ก็ต่อเมื่อเ้าเลิกแพ้ท้องแล้ว" จักรพรรดิต่อรองด้วยเหตุผลของหมอหลวง เพราะเขาไม่อยากให้คนรักเหนื่อยในยามแพ้ท้องแบบนี้
"ยังเลยเพคะ ยังแพ้ท้องอยู่นิดหน่อย"
"ถ้างั้นเราให้หายแพ้ท้องแล้วค่อยกลับมาทำงาน ระหว่างนี้ข้าจะให้มันว่างไปก่อน"
"แบบนั้นจะทรงผลเสียต่องานนะเพคะ เท่านี้งานก็ค้างมากพออยู่แล้ว"
"ข้ามีภรรยาเพียงคนเดียว ไม่อยากให้เหนื่อยแบบนี้"
"ข้าจะั้แ่งเลขาให้เ้าเพิ่มอีกสามคน แล้วให้เลขาคนเดิมเป็ผู้ตัดสินงานแทนเ้าโดยมีเ้าให้คำปรึกษาตลอด งานทั้งหมดจะถูกนำมาวางไว้ในวังของจักรพรรดินีแทนวังกลางที่ใช้สำหรับว่างานราชการบ้านเมือง ตกลงหรือไม่"
"ตกลงเพคะจักรพรรดิ ท่านทรงใจดีกับข้ามาก" จักรพรรดินีบอกพลางกอดแขนอย่างอารมณ์ดี
เกิดความเงียบภายในห้องนอนทันทีเพราะว่าไม่เคยเจอคนรักอ้อนแบบนี้ อยู่ด้วยกันมานานจนนับอายุไม่ได้แล้ว ทำแบบนี้เคนถึงกับตั้งตัวไม่ทัน ใบหน้าหล่อเหลาแดงจัดเหมือนสีเืยามคืนจันทร์สีเื จนใบหน้าสวยคมเงยหน้ามองถึงกับหัวเราะด้วยความเอ็นดู ไม่คิดว่าอีกคนจะมีอาการแบบนี้เหมือนกัน ถือเป็เื่ที่ได้เรียนรู้ใหม่สำหรับทั้งสองพระองค์
