แม่นมลู่ออกเดินทางั้แ่ฟ้ายังไม่สว่าง ตอนที่กลับมาฟ้าก็มืดเสียแล้ว
ตอนที่กลับมานอกจากนางจะนั่งอยู่ในรถม้าของจวน ด้านหลังยังมีรถม้าที่นางจ้างมาจากก่านโจวตามมาด้วย บนรถม้าก็พาเด็กมาด้วยหลายคน
ได้ยินว่าแม่นมลู่กลับมาแล้ว ครอบครัวสวี่ก็รีบออกมาต้อนรับที่หน้าประตูใหญ่ แม่นมลู่มองแล้วก็กล่าว “อากาศหนาวจะตาย พวกเ้าออกมากันหมดทำไม รีบเข้าห้องไป แม่นางจ้าว เ้าพาพวกเด็กๆ ไปพักที่เรือนหน้า ต้มน้ำร้อนให้พวกเด็กๆ อาบน้ำสักหน่อย จากนั้นก็ให้ป้าเหอทำน้ำแกงร้อนๆ มาให้พวกเขาด้วยนะ”
ป้าจ้าวรีบรับคำแล้วไปจัดการ ผู้ดูแลของสกุลสวี่ก็จัดการที่พักให้กับคนขับรถม้าที่รีบมาจากก่านโจวผู้นั้นให้ไปพักที่พักของคนงานในเรือน พรุ่งนี้เช้าค่อยให้เขากลับไป
สวี่จือกับสวี่ไป่พยุงแม่นมลู่คนละข้างแล้วเดินกลับไปด้านหลังเรือน แม่นมลู่มองสวี่ไป่ที่ตัวแค่เอวตนเองก็กล่าว “ไป่เกอเอ๋ย เ้ายังต้องกินข้าวให้มากๆ นะ”
สวี่ไป่เงยหน้าขึ้น “แม่นม ท่างวางจายเถิด ข้ารับรองว่าจะกิงข้าวให้เย้อๆ ต่อปายจะท้างตัวโตทั้งแข็งแรง ถึงตองน้านม่ายต้องให้ท่างเดินเองแย้ว ข้าจาแบกท่างเองดีหยือไม่?”
แม่นมลู่ได้ยินก็หัวเราะ “ดีสิ เหตุใดจะไม่ดี แต่ว่าถึงตอนนั้นไป่เกอก็อย่ารังเกียจที่แม่นมอายุมากแล้วนะ”
สวี่ไป่กล่าว “แม่นม จะเป็งอย่างน้านได้อย่างราย ตองเด็กๆ ก็เป็งท่างที่อุ้มข้า รอท่างแก่แล้วก็ถึงตาข้าดูแลท่างแย้วขอยับ”
แม่นมลู่หัวเราะแล้วพูดกับจางจ้าวฉือ “ไม่ได้เอ็นดูไป่เกอของพวกเราเสียเปล่านะนี่”
เมื่อกลับไปที่เรือน คนของสกุลสวี่ก็รอแม่นมลู่กลับมายังมิทันได้กินข้าวกินปลากันเลย สวี่จือรีบตักน้ำแกงกระดูกหมูใส่กุ้งแห้งมาให้แม่นมลู่หนึ่งถ้วย แม่นมลู่ดื่มไปครึ่งถ้วยถึงได้รู้สึกอุ่นขึ้นมา
ทานอาหารเสร็จ ทั้งครองครัวก็นั่งกันอยู่บนเตียงอุ่นริมหน้าต่างฟังแม่นมลู่เล่า
แม่นมลู่กล่าว “จากการบริหารดูแลของคุณชายสามของพวกเรา ทุกครอบครัวในเหอซีต่างร่ำรวย ข้าก็มิได้รู้สึกว่าอย่างไรเป็พิเศษ แต่พอไปที่ก่านโจวข้าถึงได้รู้ ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ยังกินไม่อิ่ม ข้าไปหาแม่ค้าคนกลางที่รู้จักกับฮูหยินหลี่นางนั้น นางพาข้าเดินวนดูอยู่หลายครอบครัว เฮ้อ มีหลายครอบครัวที่ขายลูกชายลูกสาวของตัวเองจริงๆ ”
สวี่เหรากล่าว “เหอซีของพวกเราไม่เหมือนกับที่อื่น โดยเฉพาะาใหญ่เมื่อปีก่อน หลังจากทั้งเมืองพังพินาศ พวกเราก็สร้างเมืองใหม่ขึ้นมา แม่นม เงินที่สร้างเมืองใหม่นี้ส่วนมากก็คือเงินคนอื่นจ่ายให้นะ”
แน่นอนว่าแม่นมรู้ว่าเพราะองค์ชายหลายพระองค์ถูกเหลียงเฉิงตี้บีบให้แต่ละคนจ่ายเงินส่วนตัวออกมาหลายหมื่นตำลึง อีกทั้งเหลียงเฉิงตี้ยังได้พระราชทานตั๋วเงินส่วนพระองค์ส่งมาให้อีกด้วย
แม่นมลู่กล่าว “นั้นก็เพราะคุณชายสามที่เป็ขุนนางที่ดี สร้างความสุขให้กับประชาชน ผู้นำของที่อื่นๆ มีเหมือนคุณชายสามมีไม่มากจริงๆ ข้าไปในเรือนของแม่ค้าคนกลางหลายคนถึงได้เลือกเด็กพวกนี้ออกมา หลังจากสั่งสอนให้ได้ดีแล้วก็จะเป็คนดูแลข้างกายคุณหนูเก้าของพวกเรา”
ตอนนี้งานต่างๆในห้องของตัวเองสวี่จือทำด้วยตัวเองหมด แล้วก็มีชิงเหมี่ยวชิงซุยมาช่วยดูแล ชิงเหมี่ยวชิงซุยอายุมากแล้ว จางจ้าวฉือก็คิดถึงเื่การแต่งงานของทั้งสองคน ทั้งสองคนต่างคิดว่าหลังจากกลับไปจวนโหวที่เมืองหลวงค่อยหาก็ยังได้ อย่างไรบิดามารดาของพวกนางสองคนก็ต่างอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะหาในจวนหรือว่าด้านนอกจวนก็ไม่อยากจะหาไกลเกินไป
จางจ้าวฉือกล่าว “รอปีนี้ข้าจะส่งชิงเหมี่ยวชิงซุยกลับจวนโหว จะต้องเตรียมสินเดิมให้ทั้งสองคนด้วย ข้าคิดว่าหากไม่ได้ก็จะไปถามทางฮูหยินผู้เฒ่า ให้นางดูว่าในจวนมีใครยินยอมติดตามเราออกมาหรือไม่”
แม่นมลู่กล่าว “เื่นี้ทำได้ คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเลือกออกมานั้นไม่ต้องพูดก็คงจะตามพวกเราออกมาเอง ใช้ชีวิตลำบากนิดหน่อยข้ากลัวว่าพวกสาวใช้ในจวนคงจะไม่ยอมออกมาหรอก”
จางจ้าวฉือหัวเราแล้วกล่าว “ถึงตอนนั้นข้าก็จะเตรียมสินเดิมให้กับชิงเหมี่ยวชิงซุยเยอะๆ เห็นแก่สินเดิม ทุกคนก็คงจะรีบกรูกันเข้ามานั่นแหละเ้าค่ะ”
ชิงเหมี่ยวชิงซุยทั้งคู่คอยดูแลอยู่ด้านข้าง พอได้ยินฮูหยินสามจัดการให้ตัวเองเช่นนี้ ทั้งสองคนก็หน้าแดง ชิงเหมี่ยวนิสัยจะมีร่าเริงนิดหน่อย พูดทั้งใบหน้าแดงก่ำ “ฮูหยินสามเ้าคะ คำพูดของท่านพวกเราได้ยินหมดแล้ว แม่นมเองก็เป็พยาน ถึงตอนนั้นหากท่านไม่เตรียมสินเดิมให้พวกเราเยอะๆ พวกเราไม่ยอมนะเ้าคะ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา “พวกเ้าวางใจ เงินอื่นข้าไม่มี แต่เงินเตรียมสินเดิมให้เ้าข้ามีเพียบนะ”
สาวใช้ทั้งสองถูกจางจ้าวฉือหยอกล้อเช่นนี้ ก็วางของในมือลงหน้าแดงเดินออกจากห้องไป จางจ้าวฉือเห็นแล้วก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม “เฮ้อ พวกเ้าอย่าออกไปสิ มาบอกกับข้าก่อนว่าพวกเ้าอยากจะได้สินเดิมแบบไหน ข้าจะได้ซื้อกลับมาให้พวกเ้า”
มองท่าทางของมารดาตัวเองแล้ว สวี่ตี้ก็ไม่มีหน้าที่จะมองต่อ ทว่าสวี่ไป่กลับรู้สึกสนุก “ท่างแม่ เหกใดพวกปี้ๆ ถึงออกปายหยือขอยับ”
สวี่ตี้กล่าว “ไม่ออกไปแล้วจะอยู่ให้ท่านแม่ของพวกเราล้อพวกนางต่อไปหรือ? เอาล่ะๆ ท่านแม่ ท่านคำนวณเงินในมือดูว่ายังมีอยู่เท่าไหร่ ต่อไปยังต้องทำสินเดิมสินสอดให้กับพวกเรานะขอรับ”
จางจ้าวฉือกล่าว “เ้าบอกว่าเงินส่วนตัวของข้าพวกนั้นจะต้องหาเองไม่ใช่หรือ? สวี่ตี้ ต่อไปเงินของข้าก็คือเงินของข้า สินเดิม สินสอดของพวกเ้าน่ะ ก็ต้องให้พ่อของเ้าออกสิ”
สวี่เหราได้ยินก็กล่าว “เ้าดูเ้านะ เหตุใดถึงได้พูดเช่นนี้? ลูกก็ไม่ใช่ลูกของข้าคนเดียวเสียเมื่อไหร่ เป็ลูกของพวกเราสองคน ข้าดูแลเ้าก็ต้องดูแลสิ”
จางจ้าวฉือกล่าว “เช่นนั้นพวกเ้าอยากจะใช้เงินของข้าก็ไปหาสวี่ตี้ สินเดิมของข้าก็ให้สวี่ตี้ดูแลทั้งหมด แล้วก็สวนพวกนั้น กำไรทุกปีได้เท่าไหร่ข้าก็รู้ สวี่ตี้ให้ข้าเท่าไหร่ข้าก็เก็บมาเท่านั้น”
แม่นมลู่ถอนหายใจยาว “คุณนายเ้าเรือนเช่นเ้าเองก็มีเงินน้อย พวกเ้าก็อย่ารุมล้อมขอเงินมารดาของพวกเ้าเลย อยากจะเอาเงินก็ไปดูที่ร้านค้ากับสวนของมารดาพวกเ้า ทำอย่างคุณชายใหญ่ของพวกเรา ช่วยดูแลอย่างดี สินเดิม สินสอดเท่าไหร่ยังจะหาเงินไม่ได้เชียวหรือ?”
จางจ้าวฉือกล่าว “แม่นม เหตุใดท่านถึงสอนให้พวกลูกๆ ทำเช่นนั้นกับข้าล่ะเ้าคะ?”
แม่นมลู่กล่าว “ข้ากลับไม่อยากจะให้เด็กทั้งสามคนทำกับเ้าเช่นนี้หรอกนะ แต่ตัวเ้าเองงานการก็ไม่ยอมทำ นอกจากวิชาแพทย์แล้วอะไรก็ไม่สนใจ หากพวกเขาไม่ทำเพื่อตัวเองอีก เ้าคิดว่าพวกเขายังสามารถตั้งความหวังอะไรได้ง้นหรือ?”
จางจ้าวฉือพูดไม่ออก มองลูกทั้งสามคนของตัวเองที่ก้มหน้าห่อไหล่อยู่ด้านข้าง สวี่ไป่ไม่ได้อะไรมากขนาดนั้น สวี่จือกลับเข้าไปจับมือของจางจ้าวฉืออย่างเคร่งเครียด “ท่านแม่เ้าคะ ท่านอย่าเป็เช่นนี้สิเ้าคะ เงินส่วนตัวของท่านก็คือของท่าน ท่านอยากจะใช้อย่างไรก็ใช้ ข้าไม่อยากให้ท่านหาเงินมาทำสินเดิมให้ข้าเ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือกอดสวี่จือ “มีลูกสาวของข้านี่แหละที่น่ารัก พวกเ้าสองคนไม่ต้องทำเช่นนั้น ต่อไปเงินนี้ข้าจะเก็บเอาไว้ให้ลูกสาวของข้า”
สวี่ตี้กล่าว “เก็บใช้จือเอ๋อร์นั้นถูกต้องแล้วขอรับ อย่างไรข้าก็หาเงินเลี้ยงครอบครัวเองได้ ข้าไม่ต้องให้พวกท่านสองคนหาเงินให้หรอก”
สวี่ไป่เห็นแล้วก็ทำตาม “ข้าเองก็ม่าย้า”
แม่นมลู่ยิ้มแล้วกอดสวี่ไป่เข้ามาในอ้อมกอด “ไอ๊หยา ไป่เกอของข้า เ้ารู้แล้วหรือว่ามันหมายความว่าอย่างไร พอคนเขาไม่เอาเ้าก็ไม่เอา เ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ ก็คิดจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวเองแล้วหรือ?”
สวี่ไป่กอดคอแม่นมลู่ “แม่นม ข้ายังจะหาเงิงเลี้ยงท่างด้วยนะขอยับ ท่างวางจายได้ ข้าจะต้องหาเงิงมาเย้อๆ ให้ท่างซื้ออะไรก็ซื้อได้ท้างหมกเลยขยับ”
เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว แม่นมลู่ก็ตามจางจ้าวฉือไปที่เรือนหน้า
เมื่อคืนเหล่าเด็กๆ ที่เรือนหน้าอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไม่คุ้นชินกับเสื้อผ้า จึงใส่ชุดเดิมตัวเก่า เด็กสิบคน ล้วนเป็เด็กหญิงอายุเจ็ดแปดขวบ ยืนเรียงกันอยู่ที่เรือนหน้า
จางจ้าวฉือมองเด็กหญิงที่ใส่ชุดเก่าขาดตัวห่อเข้าหากันในใจรู้สึกเ็ป แต่ตนเองก็ไม่ใช่คนช่วยโลกไปทั่ว พูดตามความจริง ตอนนี้ครอบครัวตัวเองสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างปลอดภัยนางก็พอใจมากแล้ว ที่เหลือก็คิดมากเกินตัวไปไม่ได้แล้ว บนหัวของตัวเองยังมีมีดรอจ่ออยู่ไม่รู้ว่าจะร่วงลงมาเมื่อไหร่
แม่นมลู่ให้จางจ้าวฉือตั้งชื่อให้กับเด็กหญิงทั้งสิบคนใหม่ ต่อไปยังต้องสั่งสอนตามความถนัดของแต่ละคน ตอนนี้จางจ้าวฉือหวังว่าจะมีเด็กคนหนึ่งที่มีพร์ในการเรียนแพทย์ นางจะได้สั่งสอนให้ความสามารถของตัวเองได้สืบทอดต่อไป
สาวใช้สิบคนทำสัญญาตาย อีกทั้งล้วนเป็ครอบครัวที่มีประวัติขาวสะอาด จางจ้าวฉือตั้งชื่อยาจีนสิบชนิดให้กับสาวใช้สิบคน ล้วนเป็ชื่อตัวไป๋ ไป๋จี ไป๋ซู่ ไป๋สาว ไป๋จื่อ ไป๋อิง ไป๋กั๋ว ไป๋ซู ไป๋โค่ว ไป๋เวย ไป๋มี่
หลังจากบอกชื่อของทุกคนเอาไว้แล้วแม่นมลู่ก็ไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากร้านค้าตามท้องถนนที่เหมาะสมมาให้สิบตัว กลับมาก็ให้เปลี่ยนเสื้อ จากนั้นก็ทำเรือนเล็กๆ ที่หนึ่งเป็หอพักและห้องเรียนของเด็กหญิงทั้งสิบคน ทุกวันแม่นมลู่จะสอนตัวหนังสือและกฎระเบียบให้แก่พวกนาง
แม่นมลู่ไม่เพียงจะสอนให้เด็กหญิงทั้งสิบคนเรียนสิ่งต่างๆ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือการตรวจสอบจับตามองจากการเรียนของเด็กหญิงทั้งสิบ มีเด็กหญิงบางคนฉลาดมีไหวพริบ เรียนรู้สิ่งใดก็รวดเร็ว บางคนก็บื้อหน่อย เรียนอะไรช้า แต่เรียนอะไรได้ช้ากับเรียนช้านั้นไม่เหมือนกัน เรียนอะไรได้ช้าจะต้องพยายามมาก ไม่ให้ตัวเองถูกคนอื่นดึงลงไป บางคนไม่ได้ใส่ใจตรงนี้มาก เรียนช้าคือมักจะคิดว่าสมองของตัวเองใช้การได้ไม่ดีจึงเอามันมาใช้เป็ข้ออ้างของการไม่พยายาม
หลายวันถัดมา แม่นมลู่ก็ตรวจสอบนิสัยของเด็กหญิงทั้งสิบคนได้อย่างชัดเจน
ไป๋เวยกับไป๋มี่คือคนที่มีหน้าตาสวยที่สุด ผู้ที่เรียนรู้ดรวดเร็วมากที่สุดก็คือไป๋อิงกับไป๋จื่อ มือคล่องแคล่วคือไป๋ซู ปฏิกิริยาฉับไวคือไป๋จีกับไป๋ซู่ นิสัยซื่อสัตย์คือไป๋สาวกับไป๋กั๋ว แต่คนที่แม่นมลู่ชอบมากที่สุดกลับเป็ไป๋โค่ว
ไป่โค่วเป็เด็กที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาเด็กทั้งสอบ แม่ค้าคนกลางที่ขายนางบอกว่า เดิมทีครอบครัวพวกเขาเป็ครอบครัวคนรวย ก่อนหน้านี้ทางนั้นเกิดน้ำท่วม อะไรก็ถูกน้ำซัดไปจนหมดแล้ว เดิมทีครอบครัวไป๋โค่วพากันไปก่านโจวเพื่อขอพึ่งพาญาติพี่น้อง ผู้ใดจะรู้ว่าญาตินั้นคบไม่ได้ ในตอนที่บิดามารดาของไป๋โค่วหนีมาระหว่างทางก็ป่วย พอไปถึงบ้านญาติ ญาติก็ไม่เชิญหมอมา ซ้ำยังปล่อยให้ทั้งสองคนตายไปอย่างนั้น แล้วเอาไป๋โค่วลูกสาวคนเดียวของพวกเขามาขาย แล้วบอกกับคนด้านนอกว่าครอบครัวตนเองเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ จึงหาทางออกให้กับเด็ก
เพราะว่าบิดมารดาตายทั้งคู่ ไป๋โค่วหลังจากไข้ขึ้นสูงคนก็เปลี่ยนมาสมองช้าลง แต่กลับเป็เด็กดีคนหนึ่ง แม่นมลู่สงสารนาง นางได้คิดเอาไว้ดีแล้ว ต่อไปจะให้ไป๋โค่วติดตามตนเอง แม้ว่าจะกลายเป็ตนเองจะต้องเลี้ยงดูนาง พอเห็นนาง แม่นมลู่ก็คิดถึงตัวเองในตอนนั้น ทั้งสองคนประสบเื่ราวแบบเดียวกัน ที่ถูกญาติของตัวเองเอามาเร่ขาย ที่ไม่เหมือนกันก็คือ หลังจากแม่นมถูกแม่ค้าคนกลางขายให้กับครอบครัวหนึ่ง ก็ถูกครอบครัวนั้นส่งมาเป็นางในแทนลูกสาวของตนเอง
ตอนที่แม่นมลู่สั่งสอนเด็กหญิงเหล่านี้ หากสวี่จือไม่มีเื่อะไรให้ทำก็จะมาอยู่ด้วย แม่นมลู่เองก็เพื่อให้สวี่จือดู ว่าเด็กคนไหนเหมาะสมกับตัวเอง ตอนนี้เลือกสาวใช้ออกมาสี่คน หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันอะไร ต่อไปก็จะติดตามสวี่จือแต่งงานออกไปด้วย ถึงตอนนั้นก็เป็แขนขวาแขนซ้ายของสวี่จือ สวี่จือจะไม่ให้ความสนใจไม่ได้
สวี่จืออยู่ด้วยหลายวัน ก็เลือกสาวใช้ออกมาสี่คน โดยเลือก ไป๋จี ไป๋ซู ไป๋อิง และไป๋กั๋ว
ที่เลือกไป๋จี ก็เพราะไป๋จีเป็คนปฏิกิริยาฉับไว คนเช่นนี้สามารถทำได้หลายอย่าง แต่จะต้องใช้กฎมาผูกมัดนางเอาไว้ให้ดีๆ ส่วนไป๋ซู เพราะว่านางทำงานเย็บปักดี ไป๋อิงเรียนรู้ได้ไว แม่นมลู่เห็นนางสนใจวิชาแพทย์ จึงตัดสินใจให้นางไปเรียนวิชาแพทย์กับจางจ้าวฉือ แค่อาการป่วยที่พบเห็นบ่อยแล้วสามารถรับมือได้ก็พอ ส่วนไป๋กั๋ว สวี่จือเคยแอบพูดกับแม่นมลู่ คนที่ตัวอ้วนปกติแล้วท้องจะดี คนที่ท้องดี มักจะมีฝีมือการทำอาหารที่โดดเด่น สวี่จืออยากจะให้ไป๋กั๋วไปเรียนวิชาทำอาหาร
หลังจากสวี่จือเลือกออกมาแล้ว แม่นมลู่ก็ให้ไปเรียกหลี่เยว่ซีมา ต่อไปหลีเยว่ซีแต่งงานเข้ามาแล้ว ในเรือนของพวกเขาไม่มีสาวใช้ก็คงไม่ได้ คนดูแลข้างกายทั้งสองคนล้วนเป็คนที่หลี่เยว่ซีพามามันก็ไม่ใช่ ความจริงแล้วแม่นมลู่ไม่อยากจะให้จวนโหวใช้ข้ออ้างยัดคนเข้ามาอยู่ข้างกายของทั้งสองคน ครั้งนี้จึงให้หลี่เยว่ซีมาเลือกสองคน ต่อไปก็ให้อยู่ข้างกายสวี่ตี้ รอทั้งสองคนแต่งงานแล้วก็ให้ดูแลทั้งสองคน
แม่นมเองก็ไม่ได้ปิดบังสวี่ตี้ หลังจากเอาเื่นี้ไปคุยกับสวี่ตี้อย่างชัดเจนแล้ว สวี่ตี้ก็ให้แม่นมลู่ไปเรียกคนมา
หลี่เยว่ซีได้ยินคำพูดของชิงเหมี่ยวที่มาเชิญ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงจูงมือฮูหยินหลี่เข้าไปพูดคุยกันในห้อง หลี่เยว่ซีต่อไปก็จะเป็สะใภ้ของสกุลสวี่ นางกลัวมากว่าแม่สามีในอนาคตจะรังเกียจที่ตัวเองทำไม่ดี ตรงไหนทำไม่ถูก รู้ว่าพ่อแม่สามีในอนาคตเป็คนที่เข้าหาได้ง่ายมาก น้องสามีก็ยังเป็เพื่อนสนิทของตนเอง แต่ยังไม่แต่งเข้าไปกับแต่งเข้าไปแล้วมันย่อมไม่เหมือนกัน
หลี่เยว่ซีเดินตามชิงเหมี่ยวไปที่เรือนด้านหลังสำนักงานด้วยใจระมัดระวัง
หลี่เยว่ซีมองแม่นมลู่ที่กำลังตรวจดูบันทึกที่คนพวกนี้ทำ ก็เข้าไปดึงสวี่ตี้เข้ามาปรึกษากันอยู่นาน สุดท้ายก็ตกลงเลือกไป่ซู่กับไป่สาว
สวี่ซู่หน้าตาธรรมดา แต่ปฏิกิริยานางฉับไว ส่วนสวี่สาวหน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นมาก ที่ชนะคือนิสัยที่ซื่อสัตย์ ทั้งสองคนนี้ต่อไปจะติดตามสวี่ตี้กับหลี่เยว่ซี แล้วเป็เพียงแค่สาวใช้เอาไว้เรียกใช้งานเท่านั้น สวี่ตี้ไม่มีทางหาสาวใช้ข้างห้องเอย อนุเอยมาเพิ่มความวุ่นวายให้กับตัวเอง ส่วนหลี่เยว่ซี ก็ไม่มีทางให้สาวใช้มาดึงใจสามีของตัวเอง สวี่ตี้เคยพูดกับหลี่เยว่ซีมาก่อน ว่าชีวิตของคนเาาติหนึ่ง มีเื่ราวที่มีความหมายอีกมากมายรอให้ตัวเองไปทำ เขาไม่อยากจะเอาจิตใจของตัวเองไปอยู่ที่เรือนหลังพวกนั้น ต่อไปเรือนหลังก็ให้เป็ฐานที่มั่นของหลี่เยว่ซี นางอยากจะทำอะไรก็ทำ ขอแค่ตัวเองกลับบ้านมาแล้วมีข้าวกินร้อนๆ มีน้ำแกงร้อนๆ ให้ซด ให้เขาสบายก็พอแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้