“พี่รองจะไปที่ไหนหรือ?” หลี่อวิ๋นยิ้มพร้อมกับก้าวเข้ามาถาม
หลี่หม่านตวัดสายตามองนางครั้งหนึ่ง “ตามร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นทองแดง หลีกไปๆ ข้าได้กลิ่นแล้วไม่สบายเนื้อสบายตัว”
“จริงหรือ?” หลี่อวิ๋นหัวเราะมิได้ถือสาอันใด “ยังคงเป็พี่รองสินะ คงเป็เพราะเรือนใหญ่ของพวกเ้ายากจนเหลือเกิน เมื่อหลายวันก่อนข้าจึงเห็นว่าพี่รองได้ใส่อาภรณ์ชุดนี้ไปแล้ว”
“เ้าพูดอันใดกัน?” หลี่หม่านมองหลี่อวิ๋นอย่างโกรธขึ้ง “ต่อให้เ้าสวมอาภรณ์งดงามน่าดูเพียงใด ก็นับว่าเป็เงินของพ่อค้าวาณิชย์อยู่ดี ดูท่าทางตลาดอย่างพ่อค้าบนตัวเ้าสิ”
ครอบครัวฝั่งมารดาของภรรยาหลี่ฮ่าวนั้นเป็พ่อค้า ดังนั้นบ้านฝั่งมารดาของหลี่อวิ๋นก็ถือว่าเป็พ่อค้าเช่นกัน เพียงเพราะจุดนี้หลี่หม่านจึงหัวเราะเยาะเย้ยนาง “พวกเ้าเป็ชนชั้นพ่อค้า จะมาเหมือนกับพวกเราซึ่งเป็คุณหนูจากครอบครัวขุนนางได้อย่างไรกัน”
“จริงหรือ? ท่านลุงใหญ่เป็ซู่จื่อ ท่านป้าใหญ่ก็เป็ซู่จื่อเช่นกัน ซู่จื่อย่อมต้องเหมาะสมกับซู่จื่อ เ้าย่อมไม่เหมือนกับข้าแน่นอน” หลี่อวิ๋นกลับไม่คิดเช่นนั้น
“เ้าหุบปาก” หลี่หม่านโมโหจนโผเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
หลี่อวิ๋นหลบ “พี่รองจะโมโหโกรธาขนาดนี้ไปทำไมกัน? อ๋อ ใช่สิ พี่หญิงใหญ่เป็คุณหนูใหญ่ของจวนโหว ครอบครัวของฝั่งมารดานั้นเป็ถึงฮ่านหลิน มีความรู้และการศึกษา พี่รองย่อมต้องประจบสอพลอนางอยู่แล้ว”
“เ้าพูดอันใดกัน? นางเป็คุณหนูของจวนโหวแล้วอย่างไรเล่า เวลานี้ข้าก็อาศัยอยู่ในจวนโหวเหมือนกัน มิใช่คุณหนูของจวนโหวหรอกหรือไร? แล้วอีกอย่างนางไม่มีบิดาแล้ว และยังถูกผู้ชายข้างนอกล่วงเกินด้วย ยังจะมีอะไรคู่ควรให้ข้าไปประจบสอพลออีก?” หลี่หม่านพูดอย่างโกรธแค้น
“ชู่ว์” หลี่อวิ๋นเอ่ยเตือนเสียงเบา “พี่รอง คำพูดนี้อย่าให้ผู้อื่นได้ยินเข้าเชียว ประเดี๋ยวผู้อื่นจะเข้าใจผิดคิดว่าพี่หญิงใหญ่เสียชื่อเสียง แล้วผู้อื่นยังจะคิดว่าแม่นางในจวนโหวไม่รู้จักอับอาย”
“เ้า...เ้าว่าใครไม่รู้จักอับอาย? ข้าจะฉีกปากของเ้า” หลี่หม่านพุ่งเข้าไปด้วยความคับแค้นใจ นิสัยของนางถูกอบรมสั่งสอนมาให้ดุร้าย หลี่อวิ๋นเพียงแค่คิดจะทำให้นางโมโหเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านางจะกระโจนเข้ามาจริงๆ ดังนั้นจึงหลบไปอยู่ข้างหลังสาวใช้ “พี่รองรังแกน้องสาวแล้ว ใครก็ได้รีบมาช่วยเร็ว”
ข้ารับใช้ไม่น้อยได้ยินเสียงจึงรีบรุดเข้ามา เมื่อเห็นว่าตบตีกันอยู่ตรงนั้น เหล่าข้ารับใช้จึงรีบเข้าไปแยกพวกนางออกจากกัน แต่ด้วยความที่ชุลมุนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าหลี่หม่านถูกอะไรชนจนล้มลง ทั้งร่างฟุบลงไปกับพื้น “อ๊าย...” เสียงร้องดังไปทั่วแผ่นฟ้า ดังสนั่นไปทั้งจวนโหว
ณ เรือนโฉวงจี๋
หลี่ลั่วรู้สึกว่าหนังสือแพทย์แผนโบราณน่าสนใจยิ่งนัก หนังสือในยุคปัจจุบันเล่มหนึ่งมีหลายร้อยหน้า ตัวอักษรมีหลักพัน แต่หนังสือในยุคสมัยโบราณนั้นเล่มหนึ่งมีจำนวนหน้าน้อยมาก ตัวอักษรยิ่งน้อย ความจำของหลี่ลั่วนั้นเป็ที่น่าใของผู้อื่นมาโดยตลอด แล้วเขายังมีวิธีการเรียนรู้ในแบบของตนเอง ดังนั้นเขาจึงอ่านหนังสือได้เร็วมาก หลี่ลั่วไม่ได้ขาดความรู้ทางการแพทย์ และไม่ได้ขาดความรู้ทั่วไป สิ่งที่เขาขาดคือความรู้แพทย์แผนโบราณที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่มี
ยกตัวอย่างเช่น ยาพิษ
หลี่ลั่วได้รับแรงบันดาลใจจากพิษที่กู้จวิ้นเฉินได้รับ เขาไม่มีความเข้าใจเื่พิษ แพทย์ในยุคปัจจุบันไม่สอนเื่เหล่านี้ ยุคสมัยทั้งสองยุคแตกต่างกัน ความ้าและความจำเป็ทางการแพทย์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยจึงไม่เหมือนกัน ดังนั้นในระยะนี้สิ่งที่หลี่ลั่วอ่านจึงเกี่ยวกับการใช้ยาเหล่านี้ หนังสือแพทย์เหล่านี้หลี่ฉางเฉิงไปซื้อมาจากร้านหนังสือ มีทั้งร้านหนังสือที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง และยังมีร้านหนังสือในตรอกเล็กๆ รวมไปถึงหนังสือจากร้านแบกะดิน หนังสือแพทย์หลายเล่มมีเนื้อหาข้างในคล้ายคลึงกัน
“เสี่ยวโหวเหฺย” ซินหมัวหมัวขอพบอยู่หน้าประตู
หยวนโม่ไม่อยู่ จึงไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติในห้องหนังสือ แม้กระทั่งการฝนหมึกหลี่ลั่วก็ต้องทำด้วยตนเอง วิธีการเรียนหนังสือของคนในยุคปัจจุบันชอบที่จะเรียนไปพร้อมๆ กับจดข้อคิดเห็นออกมาด้วย “เข้ามา”
สำหรับคนหยาบกระด้างเช่นคนรับใช้แล้วนั้น ห้องหนังสือเปรียบเสมือนกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปาน ห้องหนังสือของหลี่ลั่วเต็มไปด้วยหนังสือ สำหรับซินหมัวมัวแล้วเป็สถานที่ที่ห้ามล่วงล้ำเข้ามา “เสี่ยวโหวเหฺยเ้าคะ คุณหนูรองกับคุณหนูสามตีกันแล้วเ้าค่ะ คุณหนูรองล้มลงไปบนพื้น กระแทกเข้ากับก้อนหิน มีาแลึกบนใบหน้าเ้าค่ะ”
หืม? หลี่ลั่วหยุดชะงักการเขียนหนังสือลง ทว่ากลับไม่ได้เงยหน้าขึ้น จากนั้นจึงเขียนหนังสือต่อ “ไฉนจึงทะเลาะกันขึ้นมาได้เล่า?”
“ข้ารับใช้อยู่ห่างออกมาไกลเ้าค่ะ จึงไม่ค่อยชัดเจนนัก” ซินหมัวมัวตอบ
“รู้แล้ว ออกไปเถิด”
“เ้าค่ะ”
ณ เรือนหยวนหม่าน
“ท่านหมอ บุตรสาวของข้าใบหน้าเป็เช่นใดบ้าง? สามารถทำให้ไม่มีรอยแผลเป็ได้หรือไม่?” ภรรยาหลี่ฮุยเห็นแล้วหัวใจราวกับถูกบีบรัด บุตรสาวของนางดีๆ อยู่แล้วกลับต้องมาเสียโฉม ในยุคสมัยโบราณหน้าตาของสตรีมีความสำคัญเพียงใด หน้าตาไม่งดงามไม่เป็ไร แต่ห้ามเสียโฉมเป็อันขาด
ในยามปกติบุตรสาวชอบทะเลาะเบาะแว้งกับหลี่อวิ๋นนั้นนางรู้ดี แต่ระหว่างพี่น้อง นางไม่คิดว่าจะถึงขั้นลงไม้ลงมือทำให้เสียโฉม ในใจของภรรยาหลี่ฮุยอัดแน่นไปด้วยความโมโห นางอยากจะอาละวาดแต่ก็ทำไม่ได้ ท่านป้าของนางผู้นั้นนางย่อมรู้จักเป็อย่างดี ดูจากภายนอกเหมือนจะยุติธรรมต่อเรือนใหญ่และเรือนสาม แต่มีผู้ใดไม่รู้บ้างเล่าว่าจิตใจของนางเอนเอียงไปทางเรือนสาม ในเมื่อเรือนนั้นต่างหากเล่าที่เป็บุตรชายที่นางให้กำเนิด
ท่านหมอส่ายหน้า “ไม่ให้เหลือรอยแผลเป็นั้นคงจะเป็ไปไม่ได้ บนใบหน้าถูกกรีดไปจนถึงเนื้อ าแลึกเกินไป ทำได้เพียงพยายามให้รอยแผลเป็จางลงบ้างเท่านั้น”
“ท่านหมอ” ภรรยาหลี่ฮุยถือเงินออกมา ยัดเข้าไปในมือของท่านหมอ “ท่านหมอ บุตรสาวของข้ายังเล็กนัก ให้นางมีรอยแผลเป็ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ของนางจะอยู่อย่างไร? ท่านหมอ ข้าขอร้องท่าน”
เงินนี้มีจำนวนสิบตำลึง ถือเป็เงินจำนวนมากทีเดียว ในครอบครัวคนปกติทั่วไปส่วนใหญ่ให้เพียงหนึ่งตำลึง สองตำลึงเป็สินน้ำใจ แต่ท่านหมอกลับนำเงินจำนวนนั้นคืนให้กับภรรยาหลี่ฮุย “วิชาแพทย์ของข้ามีอยู่จำกัด ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ”
เมื่อยามที่หลี่หม่านฟื้นขึ้นมานั้น ยังไม่รู้ว่าตนเองเสียโฉมไปแล้ว ความทรงจำของนางมีเพียงนางกำลังทะเลาะกับหลี่อวิ๋นแล้วตนเองล้มลงไป แต่เพียงไม่นานใบหน้าที่ถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลก็ทำให้นางรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว “หน้า...ใบหน้าของของข้าเป็อันใดไป?”
“คุณหนู ท่านตื่นแล้ว” อาฟางรีบเข้ามายื้อยุดมือของหลี่หม่านเอาไว้ “คุณหนู ท่านอย่าลูบมือเปะปะนะเ้าคะ”
“กระจก...หยิบกระจกสำริดมาให้ข้า”
“คุณหนู...”
“เ้าคนชั้นต่ำ หยิบกระจกสำริดมาให้ข้า”
“คุณหนู กระจกสำริด...บ่าวไม่ทันระวังทำกระจกสำริดแตกไปเสียแล้วเ้าค่ะ กระจกสำริดอันใหม่ยังไม่ได้ซื้อเข้ามา”
“เช่นนั้นเ้าจงไปหามาให้ข้า ไปหาท่านแม่ข้า ขอกระจกสำริดมา ไปหยิบมาให้ข้า”
“คุณหนู...”
“รีบไปเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะขายเ้าออกไป รีบไปเดี๋ยวนี้”
อาฟางไร้สิ้นหนทาง ได้แต่ไปหาภรรยาหลี่ฮุย ภรรยาหลี่ฮุยอยู่ที่เรือนว่านโซ่ว นางมาขอร้องหลี่เหล่าไท่ไท่ให้ช่วยเหลือ “ท่านแม่ วิชาแพทย์ของท่านหมอข้างนอกนั้นรักษาไม่ได้ ท่านจะช่วยเชิญหมอหลวงในวังมารักษาหม่านเจี่ยเอ๋อร์ได้หรือไม่เ้าคะ? ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้องเสียโฉมเป็แน่ หากนางต้องเสียโฉมจริงๆ จะทำเช่นใดดี?”
หลี่เหล่าไท่ไท่ตวัดสายตาไปมองนางอย่างเฉยเมยครั้งหนึ่ง เื่นี้นางทราบแล้ว ภรรยาหลี่ฮุยเห็นว่าตนเองนั้นคงใช้การไม่ได้แล้ว นางจึงหันไปทำดีกับหลี่หลิน หลี่เหล่าไท่ไท่เป็คนที่รักเกียรติรักหน้าตาเป็อย่างยิ่ง ดังนั้นเื่ในวันนี้นางย่อมไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน “ไอโยว เ้าเป็หลานสาวของข้า ทั้งยังเป็สะใภ้ของข้า หากช่วยได้ข้าต้องช่วยแน่นอน แต่ฐานะเช่นข้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะส่งเทียบเชิญให้หมอหลวงในวัง สะใภ้เ้ารองยังอยู่ที่สำนักแม่ชี ไม่เช่นนั้นยังพอจะขอให้นางใช้ชื่อของนางส่งเทียบเชิญได้”
ภรรยาหลี่ฮุยย่อมฟังออกในเจตนาแฝงของนางแน่นอน ทว่ายามนี้นางมีเื่ต้องขอร้อง “ท่านแม่...ท่านป้า หลายปีมานี้ข้ากตัญญูต่อท่าน ท่านช่วยเหลือข้าด้วยเถิด”
“ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ” หลี่เหล่าไท่ไท่ไม่มีปัญญาเชิญหมอหลวงมาจริงๆ นางไม่ได้กำลังถ่อมตน ทว่าถ้าเป็เื่คำพูดไว้หน้าแล้วละก็ นางไม่มีทางละเว้นภรรยาหลี่ฮุยเป็แน่ “เมื่อวานสุขภาพข้าไม่ดี ลั่วเกอเอ๋อร์ส่งเทียบเชิญหมอหลวงทั้งวังหลวงออกมาได้มิใช่หรือ? เ้าควรจะไปหาเขาเสีย”
“ฮูหยินใหญ่ แย่แล้วเ้าค่ะฮูหยินใหญ่...” อาฟางวิ่งเข้ามา ไม่มีเวลาแม้แต่จะคารวะหลี่เหล่าไท่ไท่ตามธรรมเนียม “ฮูหยินใหญ่ คุณหนูรองตื่นแล้ว รบเร้า้ากระจกสำริดเสียให้ได้ ทำเช่นใดดีเ้าคะ?”
“ข้าไปดูเอง” ภรรยาหลี่ฮุยรีบร้อนวิ่งออกไป
ในห้องโถงเหลือเพียงหลี่เหล่าไท่ไท่และหยางหมัวมัว หลี่เหล่าไท่ไท่หันหน้าเข้าไปด้านในแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ออกมาเถิด”
หลี่อวิ๋นเดินยิ้มออกจากด้านใน “ยังเป็ท่านย่าที่ดีต่อข้าเ้าค่ะ” นางเข้ามาทั้งกอดทั้งหอมแขนหลี่เหล่าไท่ไท่ “ข้าไม่ได้เจตนาทำร้ายนางจริงๆ เป็ตัวนางเองที่ไม่ระวังล้มลงไป ไม่เกี่ยวกับข้าเ้าค่ะ”
“าเ็ไปแล้วก็คือาเ็ไปแล้ว” หลี่เหล่าไท่ไท่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เป็เพียงแค่คนชั้นต่ำที่ซู่จื่อให้กำเนิดมา ขอเพียงเป่าเป้ยเอ๋อร์[1]ของข้าไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว”
“ท่านย่าช่างดีเหลือเกินเ้าค่ะ” หลี่อวิ๋นออดอ้อน
ภรรยาหลี่ฮุยวิ่งกลับไปที่เรือนหยวนหม่านพร้อมกับอาฟาง เห็นด้านในนั้นเลอะเทอะวุ่นวายไปหมด หลี่หม่านเห็นว่าอาฟางไม่กลับมา จึงออกมาด้วยตนเอง มาพบเข้ากับสาวใช้แรงงานภายในลานบ้านจึงให้พวกเขาไปหยิบกระจกสำริดมาให้ตน หลี่หม่านไม่ใช่คุณหนูของจวนโหว ในเรือนของนางจึงมีเพียงอาฟางเป็สาวใช้คู่กายเพียงคนเดียว ไม่มีสาวใช้รุ่นใหญ่ ไม่มีสาวใช้ขั้นสอง
หลี่หม่านเห็นตนเองในกระจกสำริดก็สะดุ้งใ นางจึงแกะผ้าพันแผลออก เมื่อเห็นาแบนใบหน้าตนที่ทั้งลึกทั้งน่ากลัวก็แทบจะอยากแขวนคอฆ่าตัวตายให้สิ้นเื่ไป
“หม่านเจี่ยเอ๋อร์แม่มาแล้ว หม่านเจี่ยเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว” ภรรยาหลี่ฮุยเดินเข้ามาในห้อง ภายในห้องทุกอย่างแตกหักเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถูกหลี่หม่านเขวี้ยงทิ้งเต็มพื้นไปหมด
“ท่านแม่ ใบหน้าของข้าจะทำเช่นใดเล่า? ต่อไปข้าจะทำเช่นใดดี?” หลี่หม่านโถมเข้ามาร้องไห้ในอ้อมกอดของภรรยาหลี่ฮุย
“ไม่เป็ไร ท่านหมอบอกว่าไม่เป็ไร แม่จะหาหมอหลวงให้เ้าเอง หาหมอหลวงที่มีวิชาแพทย์สูงส่ง เ้าอย่าได้กังวลใจ” ภรรยาหลี่ฮุยปลอบโยนหลี่หม่าน “เ้าไม่ต้องร้องไห้ น้ำตาเข้าไปในาแไม่ดีรู้หรือไม่? อย่าร้อง”
“ท่านแม่ ล้วนเป็เ้าหลี่อวิ๋นคนชั้นต่ำที่ทำร้ายข้า เป็นางที่เจตนาทำร้ายข้า นางงดงามสู้ข้าไม่ได้ ทั้งยังริษยาที่ท่านพ่อของข้ามีอนาคต นางจึงเจตนาที่จะทำร้ายข้า ท่านแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเ้าคะ” หลี่หม่านกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้ แต่นางกลั้นไม่ไหว นางจึงร้องไห้น้ำตาไหลไปด้วยและเช็ดน้ำตาไปด้วย
หลี่เหล่าไท่ไท่ไม่ยอมออกหน้าเชิญหมอหลวงให้ อย่างน้อยในสายตาของภรรยาหลี่ฮุย หลี่เหล่าไท่ไท่ไม่ยอมช่วยเหลือนางอย่างแน่นอน นางเป็สตรีที่แต่งออกไปแล้ว จะให้กลับไปจวนชิ่งป๋อบ่อยๆ ก็ไม่ได้ ดังนั้นหลังจากที่นางปลอบโยนหลี่หม่านเสร็จนางจึงไปยังเรือนโฉวงจี๋ทันที
“ท่านป้าใหญ่หรือ” หลี่ลั่วเลิกคิ้ว
“ใช่ขอรับ นางบอกว่ามีเื่้าพบท่านขอรับ” ซินเป่าตอบ
“เชิญนางเข้ามาเถิด ให้ผิงอันเตรียมน้ำชา”
“ขอรับ”
ภรรยาหลี่ฮุยเข้ามาในเรือนโฉวงจี๋เป็ครั้งแรก หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในจวนโหวนางยังไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อน เมื่อก่อนที่นี่เป็เรือนของหลี่ซวี่ ไม่มีสะใภ้คนใดเข้ามาในเรือนของน้องชายสามีหรอก หลังจากที่หลี่ซวี่ตายไป เรือนนี้ก็ว่างมาโดยตลอด ทำให้ยิ่งไม่มีคนเข้ามาที่นี่ วันนี้หลังจากเข้ามาแล้วจึงพบว่าเรือนหลังนี้ใหญ่มาก นอกจากใหญ่แล้วยังเหนือความคาดหมายด้วย หลังจากเดินผ่านหน้าประตูเรือนเข้ามาก็มีต้นไม้ดอกไม้ปลูกอยู่เต็มไปหมด ดอกไม้ใบหญ้าปลูกอย่างสะเปะสะปะอยู่บ้าง ไม่ใช่สวนดอกไม้ที่สะอาดสะอ้านเท่าใดนัก แต่เมื่อมองไปแล้วกลับรู้สึกว่าต้องเป็เช่นนี้ ต้นไม้ดอกไม้เหล่านี้ไม่ใช่ประเภทที่มีราคาหรือมีชื่อเสียง แต่เป็ดอกไม้ต้นหญ้าทั่วๆ ไปที่เอนไหวไปตามแรงลมที่พัดมา พัดพาเอากลิ่นหอมลอยข้ามมา ทำให้จิตใจของคนพลันสงบลงไปด้วย
ดอกไม้ใบหญ้าที่หลี่ลั่วปลูกไว้ในลานบ้านนั้นช่วยทำให้จิตใจผ่องใส ซ้ำยังช่วยบรรเทาพิษในร่างกายให้คนที่สูดดมหายใจเข้าไปได้อีกด้วย
[1] เป่าเป้ยเอ๋อร์ (宝贝儿) หมายถึง สิ่งของล้ำค่า คนจีนมักจะใช้เรียกลูกหลานที่เอ็นดู หรือคนรักของตน