ซูหย่าถือว่าแพ้ราบคาบแล้ว เธอมองฉันด้วยรอยยิ้มที่ซึมเศร้า แล้วร้องขอด้วยความลำบากใจว่า “ขอร้องนายล่ะ ช่วยฉันเถอะ ตอนนี้นายมี 6 ชีวิตแล้ว จริงๆ แล้วชีวิตที่เกินมาก็ไม่มีประโยชน์ สู้มอบให้ฉันดีกว่า หลังจากนี้เธออยากให้ฉันทำอะไรฉันก็จะทำ”
“คำพูดเพ้อฝันนี้ก็ควรจะเก็บไว้พูดในความฝันเถอะ” ฉันมองซูหย่าด้วยความสะอิดสะเอียนแวบหนึ่ง แล้วก็หันหลังจากไป ในเวลานี้ มี่เสี่ยวหยู่ก็รีบกระโจนเข้ามา
ตอนนี้เธอถึงคราวอับจนแล้ว หลังจากที่ดูการแข่งของฉันกับซูหย่าจนจบ เธอก็จุดประกายความหวังขึ้นมาทันที ตอนนี้ฉันมี 6 ชีวิตแล้ว และหาก้าจะชนะ ก็แค่้า 3 ชีวิตเท่านั้นก็จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้
เพียงแค่ฉันตั้งใจแพ้ให้เธอ 3 ชีวิต เธอก็จะได้ 3 ชีวิตแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเป็โอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว มี่เสี่ยวหยู่มีความมั่นใจที่เด็ดขาด ว่าสามารถทำให้ฉันส่งมอบ 3 ชีวิตให้เธอได้
“จางเว่ย เดี๋ยวก่อน ตอนนี้นายมี 6 ชีวิต เพียงแค่แบ่งให้ฉัน 3 ชีวิต ฉันก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้” มี่เสี่ยวหยู่พูด
“งั้นจะทำไมล่ะ?” ฉันมองมี่เสี่ยวหยู่อย่างไม่สนใจใยดี เธอเปลี่ยนหน้าได้เร็วมาก ่เริ่มต้นยังคงมีท่าทางที่ดูภาคภูมิใจ ต่อมาหลังหลังจากที่ถูกฉันทำให้แพ้ ตัวเธอกลับมีท่าทางจะเป็จะตายแล้ว และตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะมองฉันด้วยท่าทางประจบสอพลอ
“ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อนาย แต่ทว่าเื่เหล่านี้ล้วนเป็ซูหย่าที่บังคับฉัน นายยกโทษให้ฉันเถอะ เพียงแค่นายมอบ 3 ชีวิตนั้นให้ฉัน หลังจากนี้ฉันก็ถือว่าเป็คนของนายแล้ว” มี่เสี่ยวหยู่พูด
ฉันลังเลอยู่บ้าง มี่เสี่ยวหยู่เป็ผู้หญิงที่สวยมากๆ คนหนึ่ง ถึงแม้เธอจะชอบอยู่กับผู้ชายบ่อยๆ นิสัยค่อนข้างจะเปิดเผย แต่กลับเป็สาวสวยที่เต็มร้อยคนหนึ่ง การเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยุเช่นนี้ พูดตามตรงฉันก็มีหวั่นไหวอยู่บ้าง
ตอนนี้ฉันมี 6 ชีวิต จะเอาออกไปสัก 3 ชีวิตสำหรับฉันแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรมากนัก หากมอบ 3 ชีวิตนี้ให้มี่เสี่ยวหยู่ ก็ยังได้แฟนสาว 1 คน ซึ่งแน่นอนว่านี่คือเื่ที่น่ายินดีมาก
แต่เมื่อนึกถึงเย่รั่วเซวี่ย ฉันยังคงส่ายหน้า “ขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถรับปากเธอได้”
“ฉันรู้ว่านายชอบเย่รั่วเซวี่ย งั้นก็อย่างนี้ล่ะกัน ฉันจะเป็น้อยให้นาย และจะไม่รบกวนการคบกันของนายกับเย่รัวเซวี่ย อย่างนี้ดีไหม” มี่เสี่ยวหยู่พูด พร้อมทั้งดึงแขนฉัน ทั้งใช้สายตาที่อ่อนโยนมองฉัน
พูดตามตรง ฉันมีอาการมึนแล้ว มองใบหน้าน้อยๆ นั้นของมี่เสี่ยวหยู่ ฉันอดใจไม่ไหวอยากจะตอบตกลงไป ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็เื่ที่น่ายินดีเป็อย่างยิ่ง แต่ทว่าตอนที่ฉันเตรียมที่จะตกลง ทันใดนั้นในหัวของฉันได้ผุดขึ้นมาหนึ่งความคิด หรือว่ามี่เสี่ยวหยู่กำลังหลอกฉันอยู่? เวลานี้เธอร้องขอฉันด้วยความลำบากใจเช่นนี้ แน่นอนว่าหวังที่จะให้ฉันมอบชีวิตให้เธอ แต่ทว่าหลังจากที่รอให้เกมสิ้นสุดลงแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถข่มขู่เธอได้อีก หากว่าถึงเวลานั้นแล้วเธอไม่ยอมรับล่ะ?
ผู้หญิงอย่างมี่เสี่ยวหยู่นี้ ทั้งจอมปลอมและกลับกลอกมากๆ โดยเฉพาะชอบอยู่กับผู้ชายบ่อยๆ ผู้หญิงอย่างนี้หาก้าจะเชื่อเธอก็คงจะลำบากมาก
นึกถึงจุดนี้แล้ว ในหัวของฉันได้ผุดขึ้นมาหลายความคิด ในที่สุดฉันก็คิดวิธีการออกแล้ว ถึงแม้จะดูต่ำช้าไปหน่อย แต่ทว่าเช่นนี้จะทำให้ฉันไม่เสียเปรียบ
“ฉันตกลง แต่ทว่าเธอพูดไว้แล้วนะ อย่าผิดสัญญาเด็ดขาด” ฉันรีบพูดกับมี่เสี่ยวหยู่ มี่เสี่ยวหยูรีบพยักหน้า รูปร่างที่ผอมเพรียวเบียดเข้ามาในอ้อมอกฉัน จนฉันรู้สึกถึงกลิ่นไอในตัวของมี่เสี่ยวหยู่ ฉันรู้สึกจิตใจฟุ้งซ่านอยู่บ้าง และพูดอย่างติดอ่างว่า “งั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ”
“อืม” มี่เสี่ยวหยู่พยักหน้าด้วยความน่ารัก ดวงตาทั้งคู่จ้องมองฉันพลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “วางใจ ฉันไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด”
“งั้นก็ดี” ฉันโอบตัวของมี่เสี่ยวหยู่ไว้ และเริ่มเป่ายิ้งฉุบกับเธอ ฉันพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะออกค้อนตลอด เธอชนะฉัน 3 รอบก็ได้แล้ว”
“ดีจังเลย ที่รัก หลังจากนี้ฉันก็เป็คนของนายแล้ว” มี่เสี่ยวหยูะโไปมาพร้อมทั้งหอมแก้มฉัน หลังจากนั้นยื่นมือออกมาเริ่มเป่ายิ้งฉุบกับฉัน
รอบแรกที่ฉันออกคือค้อน เธอออกกระดาษ รอบที่ 2 ฉันยังคงออกค้อน เธอยังคงออกกระดาษ
ใบหน้าของมี่เสี่ยวหยู่ยิ่งอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ รูปร่างที่บอบบางของเธอแนบเข้ามาอยู่ในอ้อมอกฉัน มองฉันด้วยใบหน้าน้อยๆ ที่อ่อนโยน พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “ยังเหลือรอบสุดท้ายอีก 1 รอบ ขอบใจนายนะ ที่รัก เื่ที่ตกลงกับนายไว้ฉันไม่ผิดสัญญาหรอก”
“อืม ฉันเชื่อเธอ” ฉันมองหน้าเธอพลางพูด หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองก็เริ่มยื่นมือออกมาอย่างช้าๆ เตรียมเป่ายิ้งฉุบรอบสุดท้าย แขนของฉันเหวี่ยงลงมาอย่างช้าๆ และเวลานี้จิตใจของฉันมารวมกันอยู่จุดสูงสุด ฉันเริ่มสังเกตใบหน้าของมี่เสี่ยวหยู่ แล้วก็แสยะยิ้มขึ้นทันที
ไม่ดีเลย ฉันถูกหลอกแล้ว!
แต่ทว่าตอนนี้ยังไม่สาย แขนของฉันได้เหวี่ยงลงมาแล้ว ยังคงออกค้อน และมี่เสี่ยวหยู่เลือกออกกระดาษ เธอชนะแล้ว!
“ฮาฮาฮา ฉันชนะแล้ว ในที่สุดฉันก็ชนะแล้ว!” มี่เสี่ยวหยู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางพูด หลังจากนั้นก็ขยับออกจากอ้อมอกฉัน ดวงตาคู่นั้นมองฉันพลางแสยะยิ้ม “จางเว่ย นายจะฉลาดแค่ไหน ก็คิดไม่ถึงหรอก ว่าฉันจะหลอกนายได้สำเร็จแล้ว”
“จริงๆ แล้วคำสัญญาของเธอมันก็เพียงแค่ลมปากเท่านั้น” ฉันกัดฟันพูด
“นี่มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะไปตกลงกับคำขออย่างนั้นได้อย่างไร ยังต้องเป็น้อย เชอะ! ไอ่กระจอกที่ไม่มีเงินและยังขี้เล่ห์อย่างนายเนี่ยนะ ยังจะมีหน้าให้ฉันเป็น้อยนายอีก” มีเสี่ยวหยู่มองฉัน เหมือนกับว่ากำลังดูเื่ตลกขบขันอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงที่หัวเราะกระจายอย่างไม่หยุด
ใบหน้าฉันเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว พูดด้วยสีหน้าตกตะลึงว่า “แต่ว่าก็ตกลงกับฉันแล้ว ฉันเป็คนช่วยเธอนะ”
“งั้นจะทำไม? ฉันคือผู้ชนะคนสุดท้าย” มี่เสี่ยวหยู่หัวเราะพลางพูด ในขณะเดียวกันก็มองซูหย่าที่มีสายตาซึมและกองอยู่บนพื้นที่ห่างออกไปด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
หลังจากนั้นพูดต่อว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันยังต้องขอบใจนาย แต่ว่าอยากที่จะให้ฉันเป็น้อยน่ะ นายคู่ควรเหรอ? จางเว่ย ถึงนายจะฉลาดอย่างนี้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ว่าเป็เพียงแค่ผู้ชายกระจอกๆ คนหนึ่งเหรอ? ”
ฉันพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ ฉันรู้ว่ามี่เสี่ยวหยู่หลอกฉันได้สำเร็จแล้ว เธอตั้งใจพูดว่าจะเป็คนรักฉัน สำหรับผู้ที่บริสุทธิ์อย่างฉันแล้ว นี่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว
สิ่งยั่วยุที่ยิ่งใหญ่นี้ พอที่จะทำให้ฉันหลงใหลได้ และทำให้ฉันรู้สึกไม่สงบ ดังนั้น ฉันได้ทำผิดพลาดที่ทำให้คนคนหนึ่งถึงแก่ชีวิต และนำมาซึ่งชัยชนะของมี่เสี่ยวหยู่
“ลาก่อน จางเว่ย ฉันไม่ยอมรับว่านายฉลาดมากไม่ได้เสียแล้วสิ แต่ทว่านายเชื่อคนอื่นง่ายเกินไปแล้ว ก็เหมือนกับครั้งก่อนที่ถูกฉันแกล้งน่ะ” มี่เสี่ยวหยู่พูดพลางยิ้ม
ครั้งก่อนเธอตั้งใจพูดว่าจะแนะนำแฟนสาวให้ฉัน หลังจากนั้นหลอกให้ฉันมาสถานที่ที่หนึ่งในโรงเรียน ทำให้ฉันโง่รออยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดก็กลายเป็เื่ตลกขบขันในชั้นเรียน
ตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าเธอจะบรรลุผลอีกครั้ง มองมี่เสี่ยวหยู่ที่กำลังจะเดินจากไป ฉันแสยะยิ้มปริปากพูดขึ้นมาทันทีว่า “มี่เสี่ยวหยู่ ก่อนที่เธอจะไป ลองดูโทรศัพท์มือถือของเธอสักหน่อยไหมล่ะ”
“ดูสักหน่อยแล้วจะทำไม นายไม่มีทางจะทำอะไรฉันได้” มี่เสี่ยวหยู่พูดอย่างภาคภูมิใจ หลังจากนั้นเพิ่งเปิดโทรศัพท์ แต่หลังจากนี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปดั่งกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว
“ทำไม ทำไมตอนนี้ฉันเหลือแค่ 1 ชีวิต เมื่อกี้ฉันก็ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วนะ!” มี่เสี่ยวหยู่พูดอย่างลนลาน
“ง่ายมาก เพราะว่าตอนที่แข่งกันในรอบที่ 3 จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ออกค้อน แต่ออกกรรไกรต่างหากน่ะ” ฉันแสยะยิ้มพูด
“นี่มันเป็ไปไม่ได้ ฉันเห็นอย่างชัดเจนว่านายออกค้อน” มีเสี่ยวหยู่รีบกระโตนพูด
“เธอเข้าใจผิดแล้วเหรอ? เมื่อกี้ตอนที่ฉันออก ฉันค่อยๆ ยื่นนิ้วมือ 2 นิ้วลงไป
ด้านล่างน่ะ ในเกมเป่ายิ้งฉุบนี้ จะยอมรับว่าเป็กรรไกรไปโดยปริยาย ดังนั้น ตอนนี้เธอมีแค่ 1 ชีวิตเท่านั้น” ฉันส่ายหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
เมื่อกี้ฉันก็รู้ว่ามี่เสี่ยวอาจจะหลอกฉันก็ได้ ด้วยเหตุนี้ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อฉันได้ใช้ลูกไม้ไป ก็แค่มี่เสี่ยวหยู่ที่ตื่นเต้นสุดๆ จนไม่ได้สังเกตการเตือนในโทรศัพท์มือถือแค่นั้น
มี่เสี่ยวหยู่มองโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกใ หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น และรูปร่างที่เบาะบางก็ได้กระโจนเข้ามาที่อ้อมอกฉัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้องไห้ว่า “ขอโทษด้วย ฉันไม่ควรทำแบบนี้ ขอร้องนายล่ะ ช่วยฉันเถอะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ”
“เห้อ สายเกินไปเสียแล้ว” ฉันมองมี่เสี่ยวหยู่พลางพูด
“ไม่ ยังมีเวลา ขอร้องนายล่ะ ยกโทษให้ฉันอีกครั้งเถอะ” มี่เสี่ยวหยู่กอดฉันแน่นแล้วพูด ดวงตาคู่นั้นของเธอเผยการขอร้องที่ลำบากใจถึงขีดสุด ตัวเธอก็เบียดอยู่ที่อ้อมอกฉัน ทำให้ฉันรู้สึกสบายเป็อย่างยิ่ง ฉันมองใบหน้านั้นที่มีน้ำตาไหลพลั่งพลูของเธอ ในที่สุดก็พยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ก็ได้ หวังว่าครั้งนี้เธอจะไม่มีเลศนัย”
“อืม ครั้งนี้ฉันจะไม่มีเลศนัยอีก ฉันผิดไปแล้วจริงๆ” มี่เสี่ยวหยู่รีบพูด เธอทั้งพูด ทั้งหอมแก้มฉันหลายที แต่ทว่าเธอไม่ได้สนใจสายตาของฉันที่ยิ่งเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
การเป่ายิ้งฉุบได้เริ่มขึ้นอีกรอบแล้ว ครั้งนี้มี่เสี่ยวหยู่ไม่มีเลศนัย เธอเลือกออกกระดาษ แต่ครั้งนี้ฉันออกกรรไกรไปตรงๆ และไม่ได้เหลือช่องทางให้เธอแม้แต่น้อย
“ทำไมน่ะ?” มี่เสี่ยวหยู่ทรุดลงนั่งข้างๆ ฉัน แล้วมองฉันด้วยสายตาอาฆาต
“มี่เสี่ยวหยู่ อย่าดูถูกไอคิวฉันล่ะ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคนที่เคยหักหลังฉันเหรอ?” ฉันมองเธอด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย หลังจากนั้นหันหลังแล้วก็จะเดินจากไป
แต่ขาของฉัน ทันใดนั้นก็ถูกมี่เสี่ยวหยูที่ร้องไห้อยู่ดึงไว้
“ขอโทษด้วย ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ขอร้องล่ะช่วยฉันด้วย เพียงแค่นายตกลงช่วยฉัน ฉันจะรับปากนายทุกอย่าง จะให้ฉันเป็น้อยของนายตลอดชีวิตก็ได้”
“เห้อ ฉันรู้จักเธอดีน่ะ หรือบางทีเธออาจจะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ทว่าความรู้สึกเช่นนี้มันไม่ยืนยาวหรอก และนี่ก็คือสันดานเดิมของเธอ” ฉันมองเธออย่างเฉื่อยๆ
“ไม่ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ” มี่เสี่ยวหยู่ะโ
“ปล่อยมือ!” ฉันหันหน้า แล้วก็มองมี่เสี่ยวหยู่ด้วยสีหน้าที่สะอิดสะเอียนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ไม่ปล่อย ฉันไม่ปล่อยมือเด็ดขาด” มี่เสี่ยวหยู่พยายามส่ายหัวพลางพูด
“เธอนี่จริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่ทำร้ายผู้หญิง ดูท่าแล้วน่าจะต้องแหกกฏ” ฉันส่ายหน้า หลังจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนพลิกไปทันที และถีบยันไปตรงๆ มี่เสี่ยวหยู่ถูกฉันถีบกระเด็นไปอีกด้านหนึ่ง
มี่เสี่ยวหยู่ยังคิดที่จะกระโจนเข้ามาอีก ตัวเธอก็โดนฉันถีบอีกที ตัวเธอจึงทำได้แค่หดตัวกลับไป ครั้งนี้เธอรู้ว่าตนเองว่าจบเห่แล้วจริงๆ ดวงตาคู่นั้นของเธอมองฉันด้วยความอาฆาต และพูดอย่างอาฆาตแค้นว่า “จางเว่ย ต่อให้ฉันเป็ผีก็ไม่มีวันปล่อยแกไป!”
“งั้นก็มาสิ ฉันรอเธออยู่” ฉันมองเธอด้วยความเยือกเย็นแวบหนึ่ง หลังจากนั้นหันหลังแล้วเดินขึ้นตึกไป
ไม่นานฉันก็กลับมาถึงห้องเรียน เวลาสิ้นสุดของเกมใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว สีหน้าทุกคนล้วนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และสีหน้าของหยางย่าซินยิ่งขาวซีด เขารู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว จึงดึงแฟนสาวของตนโก่วหงหยุนเข้ามาหอมอย่างโจ่งแจ้ง และคนที่อยู่โดยรอบก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
การมาของฉัน นำพาซึ่งความวุ่นวายใหญ่โตในห้องเรียน ทุกคนล้วนเห็นจำนวนชีวิตของฉันจากในกลุ่ม ณ เวลานี้คาดไม่ถึงว่าจะสูงถึง 6 ชีวิต
“จางเว่ย ทำไมชีวิตของซูหย่าไม่มีแม้แต่ชีวิตเดียวแล้วล่ะ เป็ฝีมือนายใช่ไหม?”
“เธออยู่ด้านล่างน่ะ นายลงไปถามเธอได้” ฉันมองเขาพลางพูด เวลานี้ทั่วทั้งตัวฉันมีแต่เื ที่ร่างกายก็มีแต่แผลถลอก ใบหน้าฉันยิ่งเหมือนกับผีร้าย ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่โดยรอบจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉัน