พระจันทร์เสี้ยวลอยขึ้นท้องฟ้า
แสงจันทร์นุ่มนวลช่วยเพิ่มบรรยากาศเงียบสงัดให้กับค่ำคืนนี้
เจียงหงหย่วนไล่เหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานกลับบ้านไปนานแล้ว เหตุผลคือ เหล่าเอ้อร์สุขภาพไม่ดี ต้องรีบกลับไปพักผ่อน
ทุกคนล้วนเข้าใจได้ เจียงเหล่าเอ้อร์ล้มป่วยออกจากบ้านไม่ได้มานานหลายปี วันนี้แค่ออกมาเดินได้ถือว่าไม่เลวแล้ว
ออกจากบ้านตระกูลหวางได้ไม่นาน เจียงหงหย่วนก็จูงมือหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวปล่อยให้เขาจูงมือ ไม่ได้มีท่าทีดึงออกแต่อย่างใด เพราะถึงพยายามดึงไปก็ไม่ออกอยู่แล้ว เหตุใดถึงจะต้องเปลืองแรงกันเล่า
การกระทำนี้กลับทำให้เจียงหงหย่วนคิดไปไกล
ครั้งนี้ภรรยาตัวน้อยไม่ได้ดึงมือออก นี่หมายความว่ายอมให้เขาได้บีบได้จับได้ััแล้วใช่หรือไม่?
ภายในใจเบิกบานทันที
นิ้วมือเริ่มขยับเช่นกัน ถูมือของหลินหวั่นชิวเบาๆ
เขานึกถึงศัพท์คำหนึ่ง นุ่มราวกับไร้กระดูก
มือของภรรยาตัวน้อยตรงกับคำนี้เลยไม่ใช่หรือ?
นุ่มๆ ลื่นๆ จับแล้วไม่กล้าแม้แต่จะออกแรง กลัวจะเผลอบีบจนพัง
ภายใต้แสงจันทร์ สายตาของเขามองไปที่หน้าอกหลินหวั่นชิวโดยไม่รู้ตัว
กลมๆ นูนๆ ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ
เขาอดจินตนาการถึงทิวทัศน์ใต้เสื้อผ้าไม่ได้
อยากััเสียจริง เพียงจับมือยังเย้ายวนใจเช่นนี้ หากได้ััหมั่นโถวลูกโตจะเป็อย่างไร
คืนนี้ค่อยลองตอนภรรยาตัวน้อยหลับดีหรือไม่?
ฮิฮิ…
“หย่วนเกอหารือกับพวกเขาเรียบร้อยดีหรือไม่?” ยากนักที่เจียงหงหย่วนจะเดินช้าเช่นวันนี้ หลินหวั่นชิวยินดีเดินเล่นเช่นกัน แต่จะให้เงียบไปเช่นนี้ตลอดทางก็กระอักกระอ่วน หากหลินหวั่นชิวตัดสินใจจะกระทำสิ่งใดแล้วย่อมอยากทำให้ดีที่สุด
นางตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับเจียงหงหย่วน อยากพัฒนาความเป็อยู่ในดีขึ้น อยู่ร่วมกับเจียงหงหย่วนอย่างมีความสุข ท่าทีที่มีต่อเขาจึงเปลี่ยนไปไม่น้อย
หลินหวั่นชิวถามเื่ธุระ เจียงหงหย่วนดีใจเช่นกัน ตอบอย่างเป็จริงเป็จังว่า “หารือเรียบร้อยแล้ว รอให้อิฐมาส่งค่อยเลือกวันมงคลเพื่อเริ่มงาน ลุงหวางจะช่วยจัดหาคนให้ เขาทำเครื่องใช้ในบ้านส่งให้หมู่บ้านต่างๆ มาหลายปี รู้จักช่างก่ออิฐหลายคน รู้ว่าผู้ใดทำงานพึ่งพาได้ แม้แต่ร้านขายอิฐคุณภาพดี ลุงหวางกับฟู่กุ้ยก็รู้จัก!”
หลินหวั่นชิวคิดแล้วเสนอว่า “ถ้าเช่นนั้น มอบหมายเื่นี้ให้ลุงหวางจัดการเลยดีหรือไม่ พวกเราดูแลแค่ทิศทาง และให้ลุงหวางจัดหาอิฐด้วยเลยจะไม่ดีกว่าหรือ เพราะอีกสองวันท่านต้องไปทำงานที่บ่อนแล้ว จะเอาเวลาใดมาดูแลเื่การสร้างบ้าน ส่วนข้ายิ่งพึ่งไม่ได้ ไม่มีความรู้เื่พวกนี้เอาเสียเลย”
ในยุคปัจจุบัน แม้แต่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมอบหมายหน้าที่ด้านการสร้างให้บริษัทก่อสร้าง แค่บอกเงื่อนไข ค่าแรงและค่าวัสดุมาก็พอ
สร้างเสร็จแล้วค่อยตรวจรับ หากผ่านมาตรฐานก็จ่ายเงินงวดสุดท้าย สะดวกรวดเร็วสุดๆ
การสร้างบ้านในหมู่บ้านเช่นกัน เ้าซื้อวัสดุมาเองได้ หรือจะให้หัวหน้าคนงานเลือกรูปแบบการจ้างและวัสดุย่อมได้เช่นกัน
วิธีนี้จะช่วยให้เ้าบ้านไม่ต้องปวดหัวกับเื่ยิบย่อยหยุมหยิม ดังนั้นจึงเป็วิธีที่นิยมมาก
“ความคิดนี้ดี!” เจียงหงหย่วนตาเป็ประกาย เอ่ยปากชื่นชม
คิดในใจ ภรรยาตัวน้อยของเขาช่างละเอียดรอบคอบเสียจริง มีแต่ความคิดดีๆ
หลินหวั่นชิวเห็นเขายอมรับก็เล่าความคิดของตัวเองต่อ “พรุ่งนี้ข้าจะวาดแบบบ้านให้ท่านดูเสียก่อน หากท่านรู้สึกว่าได้ค่อยไปหาพวกลุงหวางดีหรือไม่?”
เจียงหงหย่วนตอบทันที “ได้!”
“ข้าไม่อยากใช้เครื่องเรือนใหม่หมด ของใหม่มีกลิ่นสีเคลือบแรงเกินไป ในอำเภอมีที่ที่ซื้อขายเครื่องเรือนเก่าหรือไม่? หากมี พวกเราหาเวลาไปดูกันดีหรือไม่”
ความจริงหลินหวั่นชิวอยากได้เครื่องเรือนเก่า เครื่องเรือนแบบจีน ของเก่าล้วนมีกลิ่นอายเฉพาะ
นางชอบความรู้สึกเรียบง่ายโบราณ
“แล้วแต่เ้า!” เจียงหงหย่วนพูด แต่ไม่นานเขาก็พูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “แต่เตียงต้องใหม่ ของเก่าไม่แข็งแรง!”
เขาไม่อยากนอนเตียงที่ผู้อื่นเคยนอนแล้วกับภรรยาตัวน้อย!
หลินหวั่นชิวกลอกตามองบน
ต้องออกแรงเพียงใดถึงจะทำให้โครงเตียงหลุดได้?
นางรู้สึกว่าที่เสียนอวี๋มอบโอสถชำระไขกระดูกให้เพราะกลัวว่าแขนขากับร่างกายเล็กๆ ของนางจะรับแรงเจียงหงหย่วนไม่ไหว ทะลุมายังอีกมิติแต่กลับต้องตายบนเตียงที่โลกต่างมิติหรือไม่?
หลินหวั่นชิวตัวสั่น
“หนาวหรือ?” เจียงหงหย่วนสบโอกาสก็ไม่มัวรีรอชักช้า อุ้มหลินหวั่นชิวขึ้นทันที
หากเทียบกับการถอดเสื้อให้ภรรยาตัวน้อยใส่ เขารู้สึกว่าวิธีมอบความอบอุ่นเช่นนี้ดีที่สุด
หลินหวั่นชิวไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ชายผู้นี้คอยหาโอกาสเอาเปรียบนางอยู่เรื่อย ไม่เคยยอมปล่อยโอกาสไป!
มองลูกกระเดือกเขาขยับขึ้นลงเช่นนี้ นางหน้าแดงเช่นกัน
“ตัวเบาเกินไปแล้ว ยังต้องกินให้เยอะขึ้นอีก…”
“วางข้าลงเถิด อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงบ้านเสียแล้ว” หลินหวั่นชิวรีบตัดบทเขา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาจะพูดสิ่งใด
เขาต้องพูดว่า ‘แข็งแรงแล้วจะได้รับแรงไหว!’ เป็แน่
หลินหวั่นชิวสงสัยเหลือเกินว่าตัวเองจะรอดจนถึงอายุสิบหกหรือไม่!
แต่นางไม่รู้เลยว่าความเข้าใจระหว่างตัวเองกับเจียงหงหย่วนนั้นแตกต่างกัน เจียงหงหย่วนรับปากแค่ว่าจะให้นางมีลูกตอนอายุสิบหก ในใจคิดว่ารอให้นางอายุสิบห้า เลี้ยงจนตัวขาวอ้วนแล้วค่อยกิน
“อย่าดื้อ ไม่สบายแล้วต้องจ่ายค่ายาอีก!” เจียงหงหย่วนไม่อยากวางนางลง อุ้มเดินได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น
“พี่สะใภ้ ต้าเกอ พวกท่านกลับมาแล้วหรือ? ในกระทะมีน้ำต้มไว้...” เจียงหงหนิงได้ยินเสียงก็รีบมาเปิดประตู
เห็นต้าเกออุ้มพี่สะใภ้เข้ามาก็ใ “พี่สะใภ้เป็กระไรไป? ไม่สบายหรือ? ข้าจะไปตามหมอ...”
“กลับไปนอน พี่สะใภ้เ้าแค่ง่วง” เจียงหงหย่วนทำตาขวางใส่เจียงหงหนิงพร้อมกับตวาดไล่
หลินหวั่นชิวอายจนไม่มีหน้าจะเจอผู้ใด ได้แต่ฝังหน้ากับอกเจียงหงหย่วน
ไอ้คนหน้าไม่อาย ยังจะมาพูดโกหกพกลมอีก
“อ้อ…พี่สะใภ้ไม่เป็กระไรจริงๆ หรือ?” เจียงหงหนิงเดินไปแล้วหันกลับมามอง
เจียงหงหย่วนอยากถีบเขาเสียเหลือเกิน ข้าจะอุ้มภรรยาแล้วมันเกี่ยวกระไรกับเ้า!
เขาเข้าห้องไปวางหลินหวั่นชิงลงบนเตียงเสร็จก็ออกไปยกน้ำสำหรับอาบเข้ามา ภรรยาตัวน้อยรักความสะอาด เขายินดีที่จะเอาใจนาง
เจียงหงหย่วนออกไปทันทีที่วางน้ำเสร็จ “รีบอาบ ข้าจะรอด้านนอก”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากดู แต่กลัวดูแล้วอดใจไม่ไหว!
สุดท้ายคนที่ทรมานเป็เขาเอง
“ต้าเกอ พี่สะใภ้ง่วงแล้วไม่ใช่หรือขอรับ?” เจียงหงหนิงชะโงกหัวออกมาจากห้อง ถ้าหลับแล้วทำไมยังอาบน้ำอีก?
เจียงหงหย่วน “…”
เขาพูดกับตัวเองในใจ อดทนไว้ อดทนไว้ วันพรุ่งน้องชายจอมยุ่งก็ไปเรียนในอำเภอแล้ว!
เจียงหงหย่วนมองค้อน “อย่างไรกัน ตื่นแล้วไม่ได้หรือ?”
เจียงหงหย่วนกลัวหัวหด แต่เขารู้สึกว่าปล่อยให้ต้าเกอเป็เช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ เขารวบรวมความกล้ามาพูดว่า “ต้าเกอ ท่านต้องดีกับพี่สะใภ้เสียหน่อย อย่าเอาแต่ทำตัวโหด วันหน้าพี่สะใภ้หลับไปแล้วก็อย่าปลุกนาง ต้องอ่อนโยน จำไว้นะขอรับ ต้องอ่อนโยน!”
“เด็กที่ขนยังไม่ทันขึ้นเช่นเ้าจะไปรู้กระไร? ไม่ต้องมาสอนข้า!” เดิมทีเจียงหงหย่วนก็นั่งย่ออยู่ใต้ชายคาบ้าน พอตอนนี้โมโหลุกขึ้นจะฟาดฝ่ามือใส่
เจียงหงหนิงรีบปิดประตู “ข้านอนก่อนนะขอรับต้าเกอ ท่านกับพี่สะใภ้รีบพักผ่อนเถิดขอรับ”
