เื่ทั้งหมดล้วนอยู่ในความคาดหมายของพวกเขา
เป้าหมายที่จี้หยวนมาที่นี่ก็คือ การมอบราชโองการลับของฝ่าาให้ถึงมือหานอ๋องซึ่งราชโองการลับนี้เขียนไว้อย่างชัดแจ้งว่า ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยให้หานอ๋องและครอบครัวเสด็จกลับเมืองหลวงด้วยเื่นี้อวิ๋นซีและจวินเหยียนได้ปรึกษากันไปรอบหนึ่งในเมื่อนี่คือราชโองการลับ เช่นนั้นหากพวกเขาจะกลับเมืองหลวงก็ควรต้องปลอมตัวสักหน่อยไม่ใช่กลับไปอย่างกระโตกกระตาก
และหลังจากที่กลับไปถึงเมืองหลวงแล้วก็ค่อยทำให้อีกฝ่ายถึงกับลนลาน ทำอะไรไม่ถูก
วันที่สิบเดือนเจ็ดอวิ๋นซีและจวินเหยียนจัดการเื่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเร่งรุดกลับเมืองหลวงไปพร้อมพวกจี้หยวนถึงกระนั้นก่อนจะได้ไป ในหานโจวก็บังเอิญเกิดเื่หนึ่งขึ้น นั่นก็คือ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางได้สองสามวันลู่เหวินเจิ้นที่เป็นายอำเภอก็ได้พาครอบครัวออกเดินทางไปเมืองหลวงก่อนแล้ว
บนรถม้า อวิ๋นซีอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของจวินเหยียน ถามเสียงเบา“ท่านเตรียมการไว้นานแล้วใช่หรือไม่ เื่ที่ส่งลู่เหวินเจิ้นกลับเมืองหลวงน่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเื่นี้เข้ากับแผนการของเ้าพอดีหรอกหรือ? หากว่าพวกเรากลับไปหมดแล้ว แต่ลู่เหวินเจิ้นยังอยู่ที่หานโจวข้าเองก็ไม่วางใจ ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ ไม่สู้ส่งคนกลับเมืองหลวงไปด้วยกันจะไม่ดีกว่าหรืออีกประการ แผนการของเ้าจะได้ดำเนินต่อไปได้ด้วย”
กว่าสองปีก่อน ลู่อวี้ฉิงได้ให้กำเนิดลูกแฝดหญิงชายให้ลู่เหวินเจิ้น ส่วนหยวนอวี้จู๋ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งและได้กลายเป็หรูฟูเหรินของลู่เหวินเจิ้น หลังจากนั้นเมื่อครึ่งปีก่อนหยวนอวี้จู๋ก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายกับลู่เหวินเจิ้นอีกครั้ง ดังนั้น ตอนนี้ใต้เท้าลู่จึงมีบุตรชายสามคนและบุตรสาวอีกหนึ่งคนทำให้คนกำลังได้ใจ สุขใจเป็อย่างยิ่ง อีกทั้ง ยามนี้ยังจะถูกเรียกตัวกลับไปยังเมืองหลวงอีกสำหรับเขาแล้ว นี่อาจเรียกได้ว่า์กำลังยืนอยู่ฝั่งเขา
ส่วนจวินเหยียนนั้นก็แค่ลอบผลักดันอย่างลับๆ อยู่เื้ั เพื่อให้คนได้ดีใจต่อไปได้ใจต่อไป ยามนี้คนคนหนึ่งกำลังพยายามปีนขึ้นไปสู่ฝั่งฝันอย่างไม่หยุดพัก แต่ก็ไม่รู้ว่าปีนขึ้นไป ปีนขึ้นไป วันใดจะตกจาก์ลงมายังนรก
นี่คือสิ่งที่สตรีที่รักอยากให้ลู่เหวินเจิ้นและคนตระกูลลู่ได้ประสบ ดังนั้นในฐานะที่เป็สามี แน่นอนว่าเขาควรจะช่วยนางบ้างสักเล็กน้อย
อวิ๋นซีอมยิ้มขณะโอบเอวแข็งแรงของเขาเบาๆจากนั้นก็พยักหน้าอืมไปเสียงหนึ่ง“เปิ่นเฟย้าให้พวกเขาได้ลิ้มลองความรู้สึกของการตกจาก์ลงไปยังนรก”
นางวาดหวังให้คนเ่าั้ต้องประสบเฉกเช่นเดียวกับนางในตอนนั้นที่เดิมทีคิดไปว่าได้ตบแต่งให้บุรุษที่ตนปรารถนาแต่ใครเลยจะรู้ได้ว่า แท้จริงแล้วคนจะเป็หมาป่าร้ายตัวหนึ่ง ทั้งยังมิใช่หมาป่าร้ายธรรมดาแต่เป็หมาป่าที่คลุมหนังแกะไว้อีกต่างหาก ภายนอกของคนผู้นั้นเพียงได้มองก็แลเห็นแต่ความงดงามที่พรั่งพร้อมคำพูดน่าฟังทั้งหลายล้วนพรั่งพรูออกมาไม่รู้จบ ทว่าในตอนสุดท้ายบุรุษที่แสนดีกลับร่วมมือกับนังชั้นต่ำไร้ยางอายถีบนางให้ร่วงหล่นจากสรวง์ชั้นฟ้าอันแสนสุขลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุด
“ขอแค่เป็สิ่งที่เ้า้า เปิ่นหวางล้วนช่วยเ้า” เขาโอบไหล่นางเบาๆ แม้ว่า่นี้จะเห็นนางกินมากแต่เหตุใดเมื่อได้ััแนบชิดกลับรู้สึกเหมือนนางจะผอมลง “อาซี วันหน้าก็กินให้มากหน่อยเถิดร่างกายเ้าแทบไม่มีเนื้อหนังอยู่เลย”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็เหงื่อตกทันที
อันที่จริงนางกินไปเยอะมากแล้วต่างหาก ยกตัวอย่างเมื่อเช้านี้ที่นางกินเกี๊ยวและโจ๊กไปอีกสองถ้วย ทั้งยังกินของว่างอื่นๆ อีก ส่วนมื้อกลางวัน่นี้ก็กินข้าวสองถ้วยและกับอีกมากมาย ดังนั้น ตอนค่ำนางจึงพยายามที่จะกินให้น้อยลงหน่อย แต่ก็ยังกินข้าวไปเกินกว่าครึ่งถ้วย
เหตุใดเขาถึงบอกว่านางกินน้อย และผ่ายผอมกันนะ
“หรือว่า เป็ลูกในท้องที่แย่งเ้ากิน? ” จวินเหยียนคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดนางถึงได้ผอมลงมือใหญ่ของเขาลูบท้องนางเบาๆ เพื่อััถึงผลึกแห่งรักของพวกเขาที่กำลังก่อตัวอยู่ด้านใน
เด็กคนนี้เป็ทายาทของเขาและนาง เป็เด็กที่เหมือนกับหวานหว่าน เด็กที่พวกเขาสามีภรรยาจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักใคร่ดูแล
“พูดอันใดของท่านน่ะ ลูกจะโตสักแค่ไหนกัน จะมาแย่งข้ากินได้เช่นไร ท่านโง่หรือไร”นางจับมือเขาไว้ แล้วตอบกลับไปอย่างมีอารมณ์
จวินเหยียนจุมพิตมือนาง “เมื่อเรากลับไปถึงเมืองหลวง อายุครรภ์ของเ้าก็จะได้สามเดือนกว่าแล้ว”สิ่งที่เขาเป็กังวลก็คือ จะมีคนลงมือทำร้ายเด็กในท้องของอวิ๋นซี อย่างไรเสียตระกูล์ก็ไร้รัก การที่เขาได้กลับไปเมืองหลวงย่อมก่อความเสียหายให้ผลประโยชน์ของคนจำนวนไม่น้อยอีกทั้ง หากเขาสามารถให้กำเนิดพระนัดดาชายสายตรงออกมาได้ เกรงว่าตอนนั้น คนเ่าั้คงจะยิ่งไม่ยอมปล่อยพวกเขาทั้งครอบครัวไป
ต่อให้เขาจะเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังอดเป็กังวลไม่ได้ว่าจะมียามใดที่เขาไม่อาจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้บ้างหรือไม่
อวิ๋นซีสังเกตเห็นความกังวลใจในดวงตาเขา นางยิ้ม “อย่ากังวลไปเลยข้ามิใช่คนโง่ หากผู้ใดคิดอยากจะทำลายบุตรในครรภ์ของข้า ถ้าไม่ใช้ยา ก็ต้องลอบฆ่าท่านคิดดูเถิด ข้าเป็ถึงหมอหญิง ทั้งยังเป็ผู้มีวรยุทธ์ อีกทั้งสาวใช้ใหญ่ทั้งสี่ข้างกายข้าและองครักษ์เงาก็ไม่ได้มีไว้ให้ติดตามเฉยๆทหารมาก็เอาแม่ทัพเข้าขวาง น้ำมาก็เอาดินเข้ากั้น ท่านจะกังวลอันใด”
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ยามปกติฆ่าฟันผู้อื่นได้อย่างเด็ดขาดกลับจะมี่เวลาที่สติเลอะเลือนเช่นนี้ดูท่า คำที่คนเขาพูดกันว่า ห่วงกังวลมากมายจนสติสัมปชัญญะเลอะเลือน คงจะจริงจริงๆ
จวินเหยียนจิ้มปลายจมูกนางเบาๆ ยิ้มอย่างปลงๆ สตรีนางนี้ยังคงปากคอเราะร้ายเช่นนี้เสมอนับแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันในวัดร้าง ตอนนั้นก็เป็เพราะตนไม่เชื่อใจอวิ๋นซาน จึงทำให้นางโกรธเคืองขึ้นมาราวกับเป็แมวน้อยที่แสนดุร้าย
แต่ว่า ตัวเขาเองก็หลงรักในความเ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นนี้ของนาง หลงรักในนิสัยหลอกทำร้ายคนอื่นจนตายแล้วไม่ชดใช้ของนาง
นี่ก็คือภรรยาตัวน้อยของเขา สตรีนางหนึ่งที่ไม่เหมือนบุตรสาวผู้ดีมีตระกูลคนอื่น
“ท่านว่าหากโอวหยางเทียนหัวเห็นท่านปรากฏกายในวังหลวง คนจะโกรธเกรี้ยวจนตาเหลือกเลยหรือไม่”ตอนนี้นางแทบอดรนทนไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นสีหน้าไม่เป็สุขของโอวหยางเทียนหัว หากเขาไม่เป็สุขตัวนางนี่แหละที่จะเป็สุข หากเขาโชคร้ายก็จะเป็นางที่มีความสุขยิ่ง
จวินเหยียนแค่นเสียงเ็า “ตอนนี้ เวลานี้พวกเราอย่าได้พูดถึงคนอัปมงคลผู้นั้นอีกเลย” เขารู้ดีว่านางแค้นโอวหยางเทียนหัวมากเช่นไรทว่าเมื่อก่อนนางก็เคยรักบุรุษผู้นั้น ดังนั้น เขาจึงไม่ชอบใจนักเวลาที่เห็นอวิ๋นซีพูดถึงอีกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่นางกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ยิ้มกอดคอเขา แล้วจึงจุมพิตเขาไปทีหนึ่ง “ได้ ไม่พูดแล้ว”
คนทั้งขบวนเดินทางมาได้สิบวันถึงจะพ้นเขตแดนของฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อออกมาได้ก็จะเจอเส้นทางหลงซี และเมื่อผ่านเส้นทางหลงซีไปก็จะเข้าสู่เจียงหนานทว่า จากเจียงหนานนี้ พวกเขาจำต้องเดินทางทางน้ำ และอีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองเมืองหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณร้อยลี้
เมื่อไปถึงยังพื้นที่ราบระหว่างูเาของเส้นทางหลงซีที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองชิ่งหนานราวๆสองร้อยลี้ คณะเดินทางก็ไม่อาจเดินทางกันต่อได้ จึงทำได้แค่ต้องสร้างที่พักค้างแรมกันที่นี่นอกจากนี้ ตลอดทางมานี้หวานหว่านเองก็เหนื่อยล้าจนแทบจะเดินไม่ไหว ถึงกระนั้นก็โชคดีที่สองสามปีมานี้หลังจากที่หวานหว่านถอนพิษร้ายในกายได้สำเร็จ จวินเหยียนก็เริ่มสอนวรยุทธ์ให้นาง แม้เด็กน้อยจะยังอายุน้อยแต่วิชาตัวเบาที่ได้ร่ำเรียนมาก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สองพี่น้องเอ้อนีและต้านีเอ๋อร์ที่ติดตามหวานหว่านน้อยเองก็มีอาจารย์มาช่วยสอนวรยุทธ์และการอ่านเขียนให้พวกนางโดยเฉพาะเช่นกัน แต่นอกจากสองสาวจะต้องเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วในแต่ละวันเอ้อนียังต้องเรียนงานเย็บปักถักร้อย ส่วนต้านีเอ๋อร์นั้นต้องเรียนรู้เื่สมุนไพรกับอวิ๋นซี
ยิ่งกว่านั้น ก่อนจะออกเดินทาง ต้านีเอ๋อร์ก็ได้คารวะยกตัวเป็ศิษย์ให้อวิ๋นซีอย่างเป็ทางการแล้ว
“หวานหว่าน ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีต่างก็ไปจับปลาแล้วเ้าจะตามไปด้วยหรือไม่” อวิ๋นซีมองลูกสาวที่มีท่าทีเกียจคร้านอยากจะนอนหลับอยู่ท่าเดียวนางส่งยิ้มให้บุตรสาวแล้วเอ่ยถาม
เด็กน้อยอายุหกขวบแล้ว ยิ่งโตก็ยิ่งหน้าตาเหมือนเฉียวอวิ๋นซีตอนเด็กๆรูปลักษณ์ภายนอกอาจเรียกได้ว่าถอดแบบกันออกมาไม่ผิดเพี้ยน ถึงกระนั้นจะมากน้อยนางก็ยังมีความกังวลอยู่บ้างเพราะเมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอาจนำพาความยุ่งยากที่ไม่จำเป็มาให้
ถึงแม้จวินเหยียนจะบอกว่าไม่ต้องกลัว และมีเขาอยู่ก็ตาม
เมื่อหวานหว่านได้ยินว่าไปจับปลาได้ เด็กน้อยที่ดูง่วงงุนในคราวแรกพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที“คนล่ะ คนล่ะ ท่านแม่ ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีเล่าเ้าคะ? ”
อวิ๋นซีมองท่าทางของนาง หัวเราะหึหึ “คนตามท่านอาจี้ของเ้าไปจับปลาแล้ว แต่หากเ้าอยากไปก็ให้เพ่ยเอ๋อร์พาเ้าไปเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้