กลางดึกคืนนั้นจวนชินอ๋องค่อนข้างวุ่นวายเป็อย่างมาก เพราะมู่หลานเฟินได้รับาเ็ไม่น้อย ท่านหมอที่ทำการรักษาได้ฝังเข็มและตรวจอาการของนางอย่างละเอียด อีกทั้งยังบอกอีกว่าเพราะร่างกายของนางบอบบาง แต่กลับฝืนใช้วรยุทธ์ทั้งที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน ทำให้ได้รับผลกระทบลมปราณภายในแปรปรวน จึงกระอักโลหิตออกมา นับว่าโชคดีที่เป็เช่นนี้ หากมู่หลานเฟินไม่กระอักโลหิตออกมา อาจจะทำให้ภายในเสียหาย และอาจล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิตได้
หลังจากจัดเทียบยาเรียบร้อย ท่านหมอก็จากไป อวี้หลิงที่ได้ทราบเื่จากปากของเซวียนเจ๋อก็ถึงกับร้อนใจ มู่หลานเฟินหลานสาวตัวดีของนางไม่เห็นเคยบอกนางเลยว่ามีวรยุทธ์ หากรู้แต่แรกนางจะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้มู่หลานเฟินยั่วยวนเซวียนซานหลาง แต่ให้ลงมือฆ่าเขาเสียเลย!
ด้านเซวียนซานหลางนั้น ตอนที่เห็นว่ามู่หลานเฟินจัดการนักฆ่า เขาก็มีความสงสัยอยู่ภายในใจเต็มไปหมด แม้จะรู้จักนางได้ไม่นาน แต่ภูมิหลังและความเป็ไปของนางเขาล้วนสืบมาอย่างละเอียด นางเป็เพียงบุตรสาวของตระกูลคหบดี วัน ๆ เอาแต่แต่งหน้าทาปากยั่วยวนบุรุษ แต่งตัวงดงามเดินเตร็ดเตร่เพียงเท่านั้น
แต่ที่เขาเห็นนั้นฝีมือของนางไม่ธรรมดาเลย คล้ายกับฝึกฝนมาั้แ่วัยเยาว์จนชำนาญ แต่ที่หมอหลวงบอก กลับขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของมู่หลานเฟินบอบบาง แต่ยามที่นางเคลื่อนไหวกลับรวดเร็วยิ่งนัก ใบหน้าสวยหวานกลับนิ่งสงบไม่หวั่นเกรงยามประมือกับคนร้าย ราวกับการฆ่าคนนั้นนางทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
หรือว่าตระกูลอวี้จะหาอาจารย์มาสอนวรยุทธ์นาง เื่นี้คงต้องสืบให้ละเอียดถี่ถ้วน
แต่สิ่งที่เขาต้องครุ่นคิดมากกว่าเดิมก็คือ ในเมื่อนางมีวรยุทธ์เช่นนั้นก็จะประมาทไม่ได้อีก
เซวียนซานหลางปรายตามองมู่หลานเฟินที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของนางซีดขาว นางไม่ใช่สตรีที่งดงามล่มเมือง กิริยาท่าทางก็ไม่ได้อ่อนช้อยงดงามเฉกเช่นคุณหนูในเมืองหลวง นิสัยรึก็ป่าเถื่อน สตรีเช่นนี้เขาไม่มีทางแต่งเป็ภรรยาเด็ดขาด
เื่ราวก็ผ่านไปเช่นนี้ หลายวันต่อมาหลังจากที่ได้กินยาและนอนพักอย่างเพียงพอแล้ว มู่หลานเฟินก็ได้สติกลับคืนมา เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับอวี้หลิงป้ามหาภัยและเซวียนเจ๋อญาติผู้พี่ที่กำลังนั่งรอให้นางฟื้นอยู่ในห้อง เซวียนเจ๋อเมื่อเห็นว่าน้องสาวฟื้นแล้วก็รีบเข้ามาประคองและช่วยหาน้ำให้ดื่ม ส่วนอวี้หลิงกลับเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
"หลานสาวตัวดี เ้าไม่เห็นเคยบอกป้าอย่างข้าเลยว่าเ้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าส่งเ้าไปยั่วยวนซานหลางอยู่ตั้งนานสองนาน หรานหร่านหลานรัก เ้าหายดีแล้ว ไม่สู้ไปจัดการฆ่าเซวียนซานหลางเสีย แล้วจัดฉากว่าเขาป่วยตายหรือถูกศัตรูสังหารดีหรือไม่ ตำแหน่งซื่อจื่อจะได้ตกเป็ของเซวียนเจ๋อพี่ชายของเ้า"
มู่หลานเฟินส่งเสียงไอค่อกแค่ก นางรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายดีขึ้นมากแต่ยังอ่อนเพลียอยู่ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงส่ายหน้าไปมาให้กับความโลภมากของอวี้หลิง ส่วนเซวียนเจ๋อเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองมารดาตนทันที
"ท่านแม่ ในหัวของท่านคิดเป็แต่เื่นี้หรือ พี่ใหญ่ไปทำอันใดให้ท่านกัน ท่านถึงต้องฆ่าเขา โทษที่คิดจะฆ่าเชื้อพระวงศ์หนักหนานัก หากเสด็จลุงทรงทราบ ท่านคิดว่าตนเองจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้หรือ"
"เ้า!"
อวี้หลิงที่ถูกเซวียนเจ๋อต่อว่าก็โมโหจนขาดสติ นางคว้าไม้มาตีที่กลางหลังของเซวียนเจ๋ออย่างไม่พอใจ เซวียนเจ๋อไม่หลบซ้ำยังไม่ส่งเสียงร้อง ั้แ่เล็กจนโตจวบจนกระทั่งจำความได้ เขาจำได้ว่าท่านแม่แทบไม่เคยจะเลี้ยงดูเขา ทิ้งเขาเอาไว้กับแม่นม ส่วนตนเองกลับเอาแต่สู้รบปรบมือกับเหล่าอนุของท่านพ่อ คอยวางยาให้พวกนางแท้งบุตร ทำร้ายพวกนางถึงตาย แต่กลับไม่เคยสนใจเขา แทบจะนับครั้งได้ที่ท่านแม่กล่อมเขาเข้านอน
คนที่เขาอยู่ด้วยมากที่สุดคือแม่นมและพี่ใหญ่ เขาและพี่ใหญ่อายุห่างกันห้าปี ตอนนั้นเขาห้าขวบพี่ใหญ่สิบขวบ แต่กลับดูแลเขา หาข้าวให้เขากิน พาเขาไปเล่นสนุก สอนให้เขาอ่านหนังสือ พี่ใหญ่ดีกับเขามาก ห่วงใยเขายิ่งกว่ามารดาแท้ ๆ เสียอีก เขาไม่ได้อยากอกตัญญูแต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองผูกพันกับท่านแม่แลยแม้แต่น้อย
ยิ่งได้รู้ว่าท่านแม่มีแผนการอะไรเขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจต่อพี่ใหญ่
"ท่านหยุดตีเขาเสียที เหตุใดต้องลงไม้ลงมือด้วย ท่านโทษแต่คนอื่น ท่านเคยมองดูตนเองบ้างหรือไม่!"
มู่หลานเฟินที่มองดูเหตุการณ์อยู่นานก็ทนไม่ไหว นางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะยื่นมือไปแย่งไม้มาจากมือของอวี้หลิงและโยนมันทิ้งลงไปที่พื้น อวี้หลิงโมโหหนักชี้หน้าด่าเด็กทั้งสองอย่างไม่ไว้หน้า
"ดีนัก พวกเ้าช่างดียิ่งนัก ที่ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อพวกเ้าสองคนทั้งนั้น!"
มู่หลานเฟินที่ได้ฟังก็ส่งเสียงเหอะออกมา
"พูดซะน่าฟัง ความจริงแล้วท่านกำลังทำเพื่อตัวท่านเองต่างหาก ท่านเคยถามเซวียนเจ๋อสักคำหรือไม่ว่าเขา้าสิ่งใด ไม่เคยเลย! ท่านเอาแต่ยัดเยียดในสิ่งที่เขาไม่้า ส่วนข้า ท่านก็ทวงบุญคุณไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก่อนเพราะข้าโลภมากจึงยอมทำตามที่ท่านสั่ง แต่ตอนนี้ข้าไม่ทำแล้ว ท่านป้า ข้าขอเตือนท่าน เซวียนซานหลางไม่ใช่คนที่ท่านคิดจะล่วงเกินได้ง่าย ๆ เป็ศัตรูกับเขาก็เท่ากับเอาขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปในปรโลกแล้ว!"
"หุบปาก! วันนี้พวกเ้าสองคนไม่ต้องกินข้าวเย็น!"
"ไม่กินก็ไม่กินสิ!"
อวี้หลิงโมโหมาก นางเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพังแล้ว นางก็มองมือสองข้างของตนเองที่ทุบตีเซวียนเจ๋อลงไป
เดิมทีนางแทบไม่เคยตีบุตรชายเลย นางทำเพื่อเขาทุกอย่าง แต่ครั้งนี้เซวียนเจ๋อยั่วโมโหนางจนนางเผลอลงไม้ลงมือกับเขา อวี้หลิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตน รู้สึกอับจนหนทางยิ่งนัก ความรู้สึกตอนนี้ทั้งโมโหทั้งเสียใจปะปนกันจนนางแยกไม่ออก
มู่หลานเฟินส่งเสียงไอออกมาเล็กน้อย คนป่วยแทบตายแทนที่จะถามไถ่ห่วงใยกัน กลับเอาแต่พร่ำเพ้อวางแผนว่าจะฆ่าเซวียนซานหลางไม่หยุดไม่พัก!
มู่หลานเฟินหันไปมองเซวียนเจ๋อที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาด้วยความสงสาร ถึงนางจะเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน แต่นางมองออกว่าเซวียนเจ๋อเป็คนจิตใจดี ต่างจากมารดาของเขา อีกทั้งยังเป็เพื่อนเล่นกับนางได้ แม้จะอายุห่างกันปีเดียวแต่กลับเข้ากันได้ดี เป็ญาติเพียงคนเดียวที่นับว่าดีกับนางไม่น้อย
"เซวียนเจ๋อ ท่านไม่ต้องไปสนใจนาง ตราบใดที่พวกเราไม่เข้าร่วมด้วยนางก็ทำอะไรไม่ได้หรอก"
"ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ถลำลึกไปมากกว่านี้ ที่สำคัญ ข้าไม่อยากเป็ซื่อจื่ออะไรนั่น ตำแหน่งชินอ๋องข้าก็ไม่้า"
"อืม ไม่เป็ไรนะ ท่านเจ็บหรือไม่"
"ไม่เจ็บหรอก ข้าหนังหนา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านแม่ดุด่าข้า"
"เหลวไหลสิ้นดี!"
มู่หลานเฟินหมดคำจะกล่าว นางสั่งให้ลั่วเหมยหายามาทาหลังให้เซวียนเจ๋อ สองพี่น้องอยู่สนทนากันอีกครู่หนึ่งก่อนที่เซวียนเจ๋อจะเดินกลับเรือนของตนไป
ที่เรือนของเซวียนซานหลางตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมองดอกโบตั๋นที่ออกดอกผลิบานอยู่ด้านหลังเรือนด้วยแววตาที่เรียบเฉย พลางฟังเื่ที่องครักษ์ลับนำกลับมารายงานอย่างเงียบ ๆ
เขาจำได้ดีว่าตอนท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่นางชื่นชอบดอกโบตั๋นเป็อย่างมาก จวนชินอ๋องแทบจะรายล้อมไปด้วยดอกโบตั๋น แต่หลังจากที่อวี้หลิงแต่งเข้ามาดอกโบตั๋นที่ท่านแม่ของเขาปลูกเอาไว้ก็เริ่มตายไปทีละต้น เพราะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี หลังจากเขาเติบโตขึ้นจึงเริ่มหาดอกโบตั๋นที่แสนงดงามมาปลูกอีกครั้ง และยังทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลจนมันออกดอกงดงาม
ดอกโบตั๋นเหล่านี้เปรียบเสมือนตัวแทนของท่านแม่ ยามที่เขามองดอกโบตั๋นเหล่านี้ ก็เหมือนได้มองเห็นท่านแม่อีกครั้ง
"ซื่อจื่อ เื่ทั้งหมดก็เป็เช่นนี้ขอรับ"
"อืม ออกไปเถอะ จับตาดูพวกเขาต่อไป"
"ขอรับ"
ชายหนุ่มละสายตาจากดอกโบตั๋นแสนงามตรงหน้า ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
เขาส่งคนเข้าไปแฝงตัวดูความเป็ไปในเรือนของอวี้หลิงมาหลายปีแล้ว ย่อมรู้ทุกการกระทำและทุกสิ่งที่สตรีนางนั้นคิดจะทำทุกอย่าง เดิมทีเขาเห็นแก่เซวียนเจ๋อจึงไม่อยากจะถือสานาง เทียบกันแล้วตอนนี้นางไม่มีทางจะทำร้ายเขาได้ แต่วันนี้นางกลับคิดจะให้มู่หลานเฟินที่มีวรยุทธ์มาลอบสังหารเขา
หลายสิบปีมานี้อวี้หลิงไม่เคยละความพยายามในการทำให้เขาหายไปจากโลกใบนี้เลยสักวัน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั่นก็คือมู่หลานเฟิน ั้แ่นางตกน้ำก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็คนละคน นางไม่เห็นด้วยกับความชั่วที่อวี้หลิงคิดจะทำ อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือ
กับเซวียนเจ๋อนั้นเขารู้นานแล้วว่าน้องชายไม่เคยมีใจคิดเป็ศัตรู แต่กับมู่หลานเฟินเขากลับไม่อาจวางใจในตัวนางได้
จะโทษใครได้ เพราะพบเจอแต่คนชั่วคิดทำร้ายจึงทำให้เขากลายเป็คนระแวดระวังและไม่ไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ เช่นนี้
"อาต่งออกมา"
"มาแล้วขอรับซื่อจื่อ"
ไม่นานนักก็มีบุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เซวียนซานหลางหันไปมองอาต่ง องครักษ์ของตน ก่อนจะเอ่ย
"ไปบอกห้องครัวให้ทำอาหารสักสองสามอย่างส่งไปให้เซวียนเจ๋อ บอกว่าข้าเป็คนส่งมาให้ บ่าวไพร่คนใดไม่ยอมทำตามคำสั่งให้โบยได้ทันที"
"ขอรับ"
"ช้าก่อน"
"มีอะไรอีกหรือขอรับ"
"เอาข้าวไปเพิ่มหน่อย เผื่อว่าจะมีคนร่วมโต๊ะกับเขา"
อาต่งพยักหน้ารับก่อนจะรีบไปจัดการตามที่เ้านายสั่ง
เย็นวันนั้น มู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อไม่ได้มาร่วมมื้อเย็น เมื่อเซวียนซานอ๋องเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามอวี้หลิง นางจึงบอกว่าเด็ก ๆ ไม่ค่อยสบายและไม่อยากอาหารจึงพากันงดมื้อเย็น เซวียนชินอ๋องเมื่อได้ฟังก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก แต่เซวียนซานหลางกลับส่งเสียงหัวเราะในลำคอ จนเซวียนชินอ๋องต้องหันมาเอ่ยถามบุตรชาย
"เ้าขบขันอันใดกัน คนป่วยไม่อยากอาหารเป็เื่น่าขันนักหรือ"
เซวียนซานหลางเงยหน้ามาสบตาบิดาของตน ก่อนจะเอ่ยวาจากำกวม
"เด็กสองคนนั้นป่วยไม่อยากอาหาร หรือว่าถูกบังคับให้งดอาหารกันแน่ แต่ไหนแต่ไรอาเจ๋อกินจุอย่างกับอะไรดี ท่านแม่ หรือว่าพวกเขาทำอันใดผิดท่านจึงสั่งงดมื้อเย็นพวกเขา"
อวี้หลิงเมื่อได้ยินก็หันมามองเซวียนซานหลาง ก่อนจะยิ้มให้เขา แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่จริงใจเลยแม้แต่น้อย
"พวกเขาไม่หิวน่ะ ซานหลาง เ้าสงสัยอันใดกัน มีแม่ที่ใดบ้างจะสั่งงดอาหารเย็นลูกหลานตนเอง"
"ไม่มีอันใด ลูกเพียงเอ่ยวาจาไปเรื่อยเปื่อย ท่านแม่จิตใจดีงาม สะอาดบริสุทธิ์ จะทำเื่เลวทรามเช่นการสั่งงดอาหารเย็นบุตรชายตนได้เช่นไรกัน"
อวี้หลิงพยักหน้าและยิ้มอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ในใจอยากจะลุกขึ้นอาละวาดเต็มทน เซวียนซานหลางหลอกด่านางชัด ๆ !
ด้านเซวียนเจ๋อเมื่อเห็นว่าอาต่งเอาอาหารมาให้และยังบอกอีกว่าเซวียนซานหลางเป็คนส่งมาให้ เขาก็ดีใจมาก เพราะตอนนี้รู้สึกหิวแทบตายแล้ว
ชายหนุ่มพลันคิดถึงญาติผู้น้องขึ้นมาได้ จึงรีบนำกล่องอาหารไปที่เรือนของมู่หลานเฟิน คนทั้งสองกินอาหารร่วมกันอย่างรีบร้อน เพราะเกรงว่าอวี้หลิงจะกลับมาเห็น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้