Chapter 18
99 ปีต่อมา
จูลิโอคือเทพที่เดินทางมาเยี่ยมโจไซอาบ่อยที่สุด แม้ว่าจะถูกโจไซอาต่อว่า หรืออารมณ์เสียใส่หลายครั้ง แต่เพื่อนรักที่อยู่ร่วมกันมานับร้อยปีก็ไม่นึกโกรธเคือง เพียงแค่ห่างออกไปให้โจไซอาได้ใช้เวลากับตนเอง แล้วจะได้รับจดหมายอักขระเทพเป็คำขอโทษส่งมาที่บ้านจูลิโอทุกครั้งที่โจไซอาเผลอขึ้นเสียงใส่
่เวลาที่แสนยาวนานของการเป็โรครักระทมกำลังเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็การสิ้นสุดโรค หรือสิ้นสุดอายุขัยของเทพแห่งการร่วมประเวณี พักหลังมานี้จูลิโอจึงเดินทางมาหาเพื่อนรักถี่ขึ้น เพื่อพยายามโน้มน้าวโจไซอา
“จูลี่ เมื่อคืนนี้ ตอนที่ฉันนอนหลับ จู่ ๆ ฉันก็คิดถึงเื่นี้ขึ้นมา”
โจไซอาเอ่ยขณะนั่งจิบชาอุ่น ๆ ที่จูลิโอเตรียมให้ การมีรสนิยมชื่นชอบพวกมนุษย์เหมือนกันทำให้เทพเพื่อนรักสององค์เข้ากันได้ดี การดื่มชาอุ่นที่มนุษย์คิดค้นเช่นนี้ช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บถึงกระดูกให้โจไซอาได้ประมาณหนึ่ง
“เื่อะไร” จูลิโอเติมน้ำตาลในถ้วยชาของตนเองเพิ่ม พลางยินดีกับน้ำเสียงกระตือรือร้นของเพื่อนรัก อาการของโจไซอาไม่ได้ทรุดหนักมาหลายวัน แม้ร่างกายยังผ่ายผอมซีดเซียวเช่นเดิม แต่แข็งแรงพอจะเดินเหินได้สะดวก เขาจึงคิดว่านี่อาจเป็สัญญาณที่ดีของการหมดรัก
“เช้าวันนั้น ก่อนที่เทพอารักษ์กับซาตานจะมาเอาตัวเอเดนไป ฉันร้องไห้หนักมาก บ้านที่โลกมนุษย์ทนทานน้ำตาเทพไม่ได้ ฉันเลยะโลงไปร้องไห้ในสระว่ายน้ำ แล้วเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม”
จูลิโอถอนหายใจยาว ไหล่สองข้างที่เพิ่งยกขึ้นอย่างดีใจเมื่อครู่ลู่ตกอีกครั้ง เพราะแม้แต่ตอนนี้ โจไซอาก็ยังคงคิดวนเวียนถึงเอเดน กริฟฟินอยู่เหมือนเดิม มือขาวยกน้ำชาขึ้นจิบ ส่ายหน้าตอบคำถามเพื่อนรักแบบขอไปที เพื่อให้โจไซอาพูดต่อ
“เอเดนรีบมาช่วยฉันขึ้นจากสระ ฉันยังจำสายตาของเขาวันนั้นได้อยู่เลย คนที่ไม่รักกันจะทำแบบนั้นเหรอ ในเมื่อเขารู้ว่าฉันเป็เทพ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ตาย เขาจะใจนรีบมาช่วยฉันทำไม”
ภาพดวงตาสีเฮเซลที่เบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกและเป็ห่วงยังคงฝังแน่นในความทรงจำแม้ผ่านมา 99 ปี ที่ผ่านมาโจไซอาคิดแต่เื่เอเดน กริฟฟิน คาดคะเนทุก ๆ ความเป็ไปได้ และคิดว่าตนเองไม่พลาดรายละเอียดใดไป แต่เพิ่งนึกถึงเหตุการณ์ในเช้าวันนั้นได้เมื่อคืนนี้ เขาจึงรีบเล่าให้จูลิโอฟังด้วยประกายความหวังเล็ก ๆ ที่อยู่ในใจของเขามาตลอดยามคิดถึงเอเดน กริฟฟิน
“เธอยังคิดว่าเอเดนโกหกเทพอยู่อีกเหรอ”
“ก็ทุก ๆ อย่างแปลกไปหมด”
“โจซี่ ฟังนะ” มือขาวของจูลิโอวางถ้วยชาลงบนจานรอง เทพแห่งความฝันหันหน้ามองเพื่อนรัก กุมมือผ่ายผอมของโจไซอาทั้งสองข้างแล้วจ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
“เธอกำลังถูกความรักบังตา… เอเดน กริฟฟิน เป็มนุษย์ที่ไม่แน่นอนและไม่มั่นคงมาแต่ไหนแต่ไร เขาดูเป็มนุษย์คนสุดท้ายบนโลกที่จะมีรักนิรันดร์อย่างที่เธอ้า ฉันคิดว่าเธอรู้อยู่แล้วนะ แต่เธอเมินข้อเสียของเขาเพราะความรัก หรือถ้าเขาโกหกเทพจริงมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ในเมื่อเอเดนตายไปแล้ว”
โจไซอาชะงักนิ่ง หัวใจที่บีบรัดแน่นและไม่คลายออกมานานสร้างความเ็ปแล่นพล่านไปถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า น้ำตาแห่งความเศร้าโศกก็เช่นกัน เขาเคยชินกับอาการป่วยที่มาพร้อมน้ำตากับเืออกตามการอาเจียน การไอ หรือทางจมูกเสียแล้ว แต่ไม่เคยชินกับความจริงที่ว่าเอเดน กริฟฟินตายจากไปกว่า 99 ปี
“ฉันไม่เคยคิดว่าเขาตายเลย” น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงสู่แก้มข้างขวา จูลิโอใช้ผ้าเช็ดน้ำตาเทพซับออกให้แ่เบา
“ถึงตอนนี้ฉันยังคิดว่าเขาคงมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง และกำลังรอให้ฉันไปหาเขาที่นั่น โลกหลังความตายเป็ยังไง แม้แต่พอร์ทิเซียร์ยังไม่รู้เลย”
ครั้งหนึ่งโจไซอาเคยถามพอร์ทิเซียร์ ผู้เป็เทพแห่งความตาย เื่ชีวิตหลังความตาย และโลกหลังความตาย ด้วยความปรารถนาว่าเอเดนจะอยู่อย่างมีความสุขที่ใดสักแห่ง แต่น่าแปลกที่แม้แต่เธอยังให้คำตอบเขาไม่ได้ เป็การยืนยันความคิดของโจไซอาว่าเทพไม่ได้วิเศษไปกว่ามนุษย์เลย
พวกเทพเชื่อว่าการตายคือการดับสูญหายไปตลอดกาล เป็เพียงสีดำมืดบอดว่างเปล่า ไม่ใช่การเดินทางไปที่อื่น สิ่งที่ทำให้ผู้ตายยังคงอยู่คือเศษเสี้ยวความทรงจำในหัวของคนรอบข้างที่ยังจดจำเอาไว้ แม้ผ่านไปหลายปีจะมีคนเกิดใหม่ รูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนคนเดิม เพราะความทรงจำจากชาติก่อนดับสูญไปพร้อมดวงจิตและกายหยาบ จึงไม่สามารถเรียกว่าการเกิดใหม่ หรือการกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้
โจไซอารับความเชื่อมาจากมนุษย์ เพราะคลุกคลีอยู่กับพวกเขามานาน เขาเชื่อว่าเอเดนกำลังรอเขาอยู่ที่โลกหลังความตาย กำลังมีความสุขและเป็อิสระกับสิ่งที่เอเดนรัก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการบีบบังคับ กรงขัง และโซ่ตรวนอีกต่อไป
“ถ้าโลกหลังความตายมีจริงอย่างที่มนุษย์เชื่อ สามีทั้ง 98 คนของฉันคงทะเลาะกันวุ่นวายน่าดู”
น้ำตาของโจไซอาแห้งเหือดทันทีเมื่อได้ฟังมุกตลกของจูลิโอ เทพแห่งความฝันผู้แต่งงานกับมนุษย์มาแล้ว 98 คน ครั้งนี้ไม่มีเืสีแดงสดมาแทนที่น้ำตาแห้งเหือด แต่กลับแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอย่างน่ายินดี สามีคนที่ 98 ของจูลิโอตายไปแล้วเมื่อ 66 ปีก่อน เขามีอายุยืนถึง 98 ปีก่อนจากไป เป็เื่น่าเศร้าของจูลิโอที่เตรียมรับมือกับมันมาแล้ว
แต่เทพแห่งความฝันไม่ได้มีสามีคนใหม่เลยจนถึงตอนนี้ เพราะการอยู่เป็เพื่อนรักของโจไซอาที่เมืองเทพสำคัญที่สุด เขาไม่ได้เดินทางไปเที่ยวที่โลกมนุษย์บ่อยเท่าเมื่อก่อนด้วยร่างกายของโจไซอายังไม่แข็งแรงมากพอ จึงไม่อยากทิ้งเพื่อนไว้
เทพผิวขาวจัดราวหิมะมองเพื่อนรักที่หัวเราะและยิ้มแย้มจากใจจริง มือของเขากอบกุมมือโจไซอาแน่นยิ่งขึ้น เพื่อกล่าวโน้มน้าวอย่างจริงจัง
“เธอต้องหยุดรักเขานะโจ ก่อนที่จะครบ 100 ปี”
“ฉันจะทำได้เหรอ”
โจไซอาไมเคยคิดว่าเขาสามารถหมดรักเอเดนได้ เพียงแต่เฝ้ารอวันตายของตนเองที่ใกล้เข้ามา เมื่อคิดถึงเพื่อนรักตรงหน้าของเขาที่อยู่ข้างกันเสมอ คิดถึงพ่อที่ยุ่งกับภาระหน้าที่ที่เพิ่มมากขึ้นแต่ยังหาเวลามาจัดการเื่ที่โจไซอาร้องขอ และคิดถึงแม่ที่ไม่สามารถอยู่นิ่งกับที่ได้ เพราะความงามอันเป็ที่เลื่องลือของเธอนำอันตรายมาหาเธอด้วย แต่แม่ยังเสี่ยงมาเยี่ยมเขาบ่อย ๆ พร้อมของฝากล้ำค่าอย่างน้ำตาเทพยามมีความสุข หรือยาอื่น ๆ ที่เชื่อว่าจะบรรเทาโรครักระทมได้ และสุดท้าย คือพอร์ทิเซียร์ แม้เธอจะปากร้าย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา แต่เธอก็เป็เทพอีกองค์หนึ่งที่คอยแวะเวียนมาหาโจไซอาเสมอ พร้อมของฝากหน้าตาแปลกประหลาด
เทพทุกองค์ที่รักและคอยอยู่เคียงข้างโจไซอา ทำให้เขารู้สึกผิดหากคิดแต่เพียงอยากตายจากไป และไม่เคยคิดหาวิธีให้ตนเองหายจากโรครักระทม
ขณะนั้นความคิดดี ๆ ก็ผุดขึ้นในหัวของเทพแห่งความฝัน
“โจซี่!” จูลิโอะโเรียกเสียงตื่นเต้น
“หือ”
“ไปโลกมนุษย์กันเถอะ ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนไง”
รู้ตัวอีกทีน้ำตาเทพยามมีความสุขที่เหลือค่อนขวดก็มาอยู่ในมือของโจไซอา ที่เปลี่ยนเป็ชุดเสื้อผ้าอย่างมนุษย์ด้วยการช่วยเหลือจากจูลิโอ มือขาวโบกขึ้นลง เร่งให้โจไซอารีบดื่มมันเข้าไป เพื่อเดินข้ามประตูทางเชื่อมระหว่างสองโลกไปพร้อม ๆ กัน
โลกมนุษย์หลังผ่านไป 99 ปี มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรูปทรงของอาคารบ้านเรือน ที่ย้ายมากระจุกรวมตัวกันเป็แนวตั้งภายในกำแพงหนา พื้นที่ไม่กว้างมากนัก แต่สูงเสียดฟ้า เป็แนวยาวรอบโลกจนถึงสิ้นสุดเขตพื้นดิน ในกำแพงนี้ที่ชั้นล่างสุดส่วนใหญ่กลายเป็ที่อยู่อาศัยราคาถูกจึงเต็มไปด้วยคนจน ยิ่งชั้นสูงขึ้นได้ััอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตาม
นอกเหนือจากที่อยู่อาศัย คือการจราจรที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รถยนต์สี่ล้อกลายเป็ของราคาแพงมหาศาลที่ขนาดเศรษฐีบางคนยังเอื้อมไม่ถึง ถึงมีเงินซื้อก็ไม่ได้ใช้งาน เพราะรถยนต์พวกนั้นใช้เดินทางได้แค่ชั้นล่างสุดของแนวกำแพงเท่านั้น แล้วยังเสี่ยงถูกรถไฟขนส่งสินค้าพุ่งชนได้ตลอดเวลา
การเดินทางในกำแพงสูงนี้จะใช้รถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่แล่นไปตามรางเชื่อมต่อทุกชั้นของแนวกำแพงเท่านั้น มีทั้งรถไฟขบวนยาวที่เป็รถขนส่งสาธารณะวิ่งทั่วถึงตลอดทั้งแนวกำแพง และรถไฟส่วนตัวขนาดเพียงหนึ่งถึงสามตู้ของกลุ่มคนมีเงิน
ครั้งนี้โจไซอากับจูลิโอได้นั่งรถไฟส่วนตัวหนึ่งตู้ที่ซาตานผู้รับใช้ของจูลิโอเป็ผู้จัดหามาให้ ด้านในตกแต่งด้วยเก้าอี้บุนวมสีแดงเข้ม ไฟประดับเป็สีส้ม สีโทนร้อนอบอุ่นในนี้ทำให้โจไซอาสบายใจมากกว่าสีขาวโพลน กับสีโทนเย็นตามแนวตกแต่งสมัยใหม่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตตาข่ายทอละเอียดสีดำที่ทำให้เห็นิั ความเขินอายจากร่างกายที่ไม่สวยงามเช่นเดิมทำให้เขากระชับเสื้อสูทตัวใหญ่ให้คลุมปกปิดเอาไว้ตลอดเวลา
ผ่านมาเกือบศตวรรษ แต่สถานบันเทิงของมนุษย์อย่างผับบาร์ยังคงอยู่ไม่ล้มหายไป คลับที่จูลิโอพามาแห่งนี้อยู่ชั้นบนสุดของกำแพง ด้านนอกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไฟหลากสี และจะฉายภาพเหล่าพนักงานบริการรูปร่างหน้าตาดูดีบนกำแพงของคลับทุกชั่วโมงเพื่อเรียกลูกค้า
“เธอเคยมาที่นี่ด้วยเหรอจูลี่” โจไซอาถามโดยที่ไม่ละสายตาจากภาพพนักงานบริการที่ฉายบนกำแพงคลับ
“ใช่ แต่ก็นานแล้วล่ะ เข้าไปข้างในกัน”
จูลิโอกระตือรือร้นเป็พิเศษ เทพสององค์เดินจับจูงมือกันเข้าไปด้านในคลับ พนักงานคอยต้อนรับแขกคนพิเศษอย่างดี เพราะจูลิโอให้ซาตานผู้รับใช้เตรียมแผนการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว และป้องกันไม่ให้มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด
โจไซอาจึงเบิกตากว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเดินเข้าห้องกระจกของแขกคนพิเศษที่จูลิโอจองเอาไว้ แล้วเห็นชายหนุ่มหล่อเหลา รูปร่างดี แต่งตัวดีหลายคนกำลังรอบริการพวกเขาอยู่ ความเป็มืออาชีพของพวกเขาทำให้โจไซอาเริ่มผ่อนคลายและเพลิดเพลินทีละน้อย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านลำคอก็ช่วยเขาได้เช่นกัน แต่เพื่อนรักของเขาไม่ลืมที่จะบอกล่วงหน้าว่าไม่ควรให้โจไซอาดื่มมากเกินไป
“ออกไปเต้นด้วยกันกับผมนะครับ” ชายหนุ่มคิ้วเข้มสีดำ ใส่ต่างหูห่วงสีเงิน ขอร้องโจไซอาด้วยรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ มือใหญ่จับมือโจไซอาเพื่อให้เขาลุกขึ้นยืน หลังจากนั่งดื่มไม่ขยับั้แ่เข้ามาในร้าน
“นะครับคุณ” ด้วยแววตาอ้อนขอ ทำให้โจไซอายอมลุกขึ้นตามการจับจูงของอีกฝ่าย
น้ำตาเทพยามมีความสุขที่แม่ของเขาหามาให้มีพลังไม่มากนัก เขายังเ็ปร่างกายอยู่พอสมควร แค่เดินเหินสะดวกและไม่อาเจียนเป็เื ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้ก็ดูแลโจไซอาอย่างดี โดยใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอว อีกข้างหนึ่งจับมือทำท่าราวกับการเต้นรำในสมัยก่อน ที่เริ่มจางหายไปจนคนยุคนี้ทำเป็เพียงการเลียนแบบ ไม่หลงเหลือผู้ที่เต้นรำเป็จริง ๆ อีกแล้ว
ชายหนุ่มพาโจไซอามาที่ฟลอร์กลางร้าน คนอื่น ๆ เต้นสนุกกับเสียงเพลงและแสงไฟสลัว เสื้อสูทคลุมไหล่ทิ้งไว้ด้านในห้องกระจกของแขกคนพิเศษทำให้โจไซอากังวล ห่วงแต่จะปกปิดร่างกาย แต่รอยยิ้มของชายหนุ่มสร้างความมั่นใจให้เขาเลิกคิดถึงมัน แรงกระตุ้นจากอีกฝ่ายทำให้เขาหัวเราะตามได้บ้าง และสนุกกับการขยับร่างกายตามจังหวะเพลง แม้ไม่แรงมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ปลดปล่อย
การมีมนุษย์อยู่ใกล้ชิดแล้วโอบเอวคอยประคองไว้เช่นนี้ทำให้หัวใจที่บีบรัด และหยุดเต้นมานานเกือบศตวรรษเริ่มอบอุ่น เขายังคงชื่นชอบอุณหภูมิอุ่น ๆ จากผิวกายมนุษย์เช่นเดิม โจไซอาวางฝ่ามือสองข้างบนอกชายหนุ่มตรงหน้า ััจังหวะการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอด้านในนั้น และแย้มยิ้มบาง
แต่ภาพความทรงจำกลับถาโถมเข้าหาโจไซอาอย่างโหดร้าย หลายต่อหลายครั้งที่โจไซอาได้อยู่ในอ้อมแขนของเอเดน หลายต่อหลายครั้งที่เขาได้ััการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย ััถึงสัญญาณชีพถี่รัว ที่บางครั้งก็เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอกเมื่อทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกัน
ความคิดถึงจนเ็ปไปทั้งกาย นำความอุ่นร้อนแล่นขึ้นมาอยู่ที่ขอบตาเทพ โจไซอาพยายามกลั้นน้ำตาที่คงดูประหลาด หากเขาร้องไห้ในคลับที่มีเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังลั่นเช่นนี้ ริมฝีปากสีซีดที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีระเรื่อกลบทับอาการป่วยของโจไซอาเริ่มเบะคว่ำ การมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาตามจุดประสงค์ของจูลิโอครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จ
“โจ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในระยะใกล้ พร้อมกับััอ่อนโยนจากปลายนิ้วเชยคางของโจไซอาให้เงยหน้าขึ้น
“เอเดน”
ภาพตรงหน้าทำให้โจไซอายิ้มกว้างขณะเรียกชื่อชายผู้เป็ที่รัก และเฝ้าคิดถึงมาแสนนาน เส้นผมสีดำสนิทยาวปรกหน้าผาก ดวงตาสีเฮเซลที่กลายเป็สีน้ำตาลยามอยู่ในแสงไฟสลัว ขนตายาวเรียงเส้นสวยขับให้ดวงตาดูหวานมีเสน่ห์ จมูกโด่งเป็สันปลายทู่มนน่ารัก ริมฝีปากบางที่ตอนนี้กำลังยกยิ้มให้เขา
ทุกอย่างหยุดนิ่ง ทั้งผู้คนรอบข้าง เสียงเพลง แสงไฟ แม้กระทั่งลมหายใจ มือผ่ายผอมวาดโอบรอบลำคอคนตรงหน้า วางมือบนสันกรามคม ลูบไล้ด้วยปลายนิ้ว เลื่อนสายตาสำรวจให้ครบทุกรายละเอียด
“จูบฉันได้ไหม” เมื่อได้จ้องริมฝีปากบาง เขาก็อดขอร้องออกไปเช่นนั้นไม่ได้
และริมฝีปากที่เฝ้ามองก็ขยับเข้าหา โจไซอาปิดเปลือกตาของตนเองเชื่องช้า เชิดหน้ารอรับจุมพิตที่เขาเป็ฝ่ายร้องขอ ทันทีที่ริมฝีปากแตะกัน ความสุขก็ก่อเกิด รวมตัวกันเป็เหมือนดอกไม้ไฟพุ่งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ปะทุด้วยความยินดี รสจูบยังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยน เพียงแต่การเอียงคอรับััยังมีความเก้กังไม่แน่นอน แต่โจไซอาไม่ถือสา
ทั้งสองผละจูบ โจไซอาลืมตามองชายผู้เป็ที่รักตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เมื่อพบว่าคนที่เขาเห็น ไม่ใช่เอเดน กริฟฟินอย่างที่เขาคิด เป็ชายหนุ่มคิ้วเข้มสีดำ สวมต่างหูห่วงสีเงิน หนึ่งในพนักงานบริการที่คอยดูแลเขาคืนนี้ รอยยิ้มจึงจางหายไปจากใบหน้าซูบผอม โจไซอาก้มหน้าด้วยความเสียดาย
“เป็อะไรไปครับ ไม่สนุกเหรอ เข้าไปข้างในกันดีกว่า”
โจไซอาพยักหน้า ชายหนุ่มจึงโอบเอวของเขาพากลับไปที่ห้องกระจกซึ่งมองจากด้านนอกจะเห็นเพียงผนังสีดำ ความสุภาพของชายหนุ่มคนนี้ช่างน่าชื่นชม การดูแลโจไซอาอย่างดีราวกับรู้ข้อจำกัดเื่ร่างกายเพราะอาการป่วยก็น่าประทับใจ ดวงตาสีน้ำตาลจึงหันมองชายหนุ่มข้างกายพลางครุ่นคิดว่า เขาควรให้พรชายคนนี้ แด่ความสุภาพน่าชื่นชม และเพื่อตัวของเขาเอง
“เธออยาก… มีเซ็กซ์กับฉันหรือเปล่า” โจไซอาถามอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็เื่ปกติของยุคสมัยใหม่
“อะไรนะครับ” แต่เพราะเสียงแหบแห้งอ่อนแรงแ่เบาจนสู้เสียงดนตรีไม่ได้ แขนของชายหนุ่มจึงกระชับเอวแน่นขึ้น แล้วโน้มลงมาตั้งใจฟังอีกครั้ง
“เธออยากมีเซ็กซ์กับฉันไหม” เมื่อได้ยินคำถาม รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหล่ามากเสน่ห์ของชายหนุ่มในทันที
“ได้ตามที่คุณ้าเลยครับ”
ที่ชั้นล่างสุดของคลับแห่งนี้มีห้องรับรองสำหรับการซื้อขายบริการทางเพศอยู่ ชายหนุ่มจึงพาเขามาที่ห้องหนึ่งในชั้นล่างสุด ซึ่งภายในห้องมีเครื่องเรือนอยู่ไม่กี่ชิ้น ที่โดดเด่นมีเพียงเตียงขนาดใหญ่ตั้งชิดผนังฝั่งหนึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสด และอ่างอาบน้ำทรงกลมสีขาวอยู่กลางห้อง โดยไม่มีอะไรกั้นกลาง
เมื่อมาถึงห้องรับรอง ชายหนุ่มแสดงความมืออาชีพทันทีด้วยการลูบไล้ตามิัแห้งเป็ขุยสีขาวสากมือ ผอมเสียจนเห็นหนังหุ้มกระดูกของโจไซอาเพื่อเร้าอารมณ์ พลางช่วยถอดเสื้อโปร่งบางสีดำ ค่อย ๆ ถอดทีละชิ้นจนเปลือยเปล่าทั้งตัว
ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนเองต้องทำอะไรให้แขกมีความสุข โจไซอาจึงทำเพียงแค่นอนหลับตา ข่มความไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ไม่งดงามเอาไว้ และอ้าปากร้องครางยามเรียวลิ้นชายหนุ่มเลียวนที่ยอดอกเพื่อปรนเปรอเขา
การร่วมเพศครั้งแรกในรอบเกือบศตวรรษไม่ได้ทำให้โจไซอาผิดหวัง เขาเสร็จสุขสมหลายครั้ง และได้รับอ้อมกอดอุ่น ๆ ของมนุษย์ตามที่อ้าแขนร้องขอชายหนุ่ม แต่สุดท้ายแล้วความไม่มั่นใจที่เขากดทับเอาไว้ก็ค่อย ๆ แผลงฤทธิ์ ตอนที่ชายหนุ่มพาโจไซอามาแช่น้ำอุ่นในอ่างกลางห้องรับรอง
ดวงตาสีน้ำตาลมองร่างกายอัปลักษณ์ของตนเองอย่างอดไม่ได้ ผิวกายของเขาไม่มีส่วนไหนที่น่ามองเลยสักนิด มันไม่เปล่งปลั่งนวลเนียนเหมือนเมื่อก่อน ผอมจนเห็นซี่โครงครบทุกซี่ยามหายใจเข้า และเห็นกระดูกสันหลังปูดโปนทุกข้อ
“คุณครับ”
เสียงของชายหนุ่มที่นั่งพิงขอบอ่างฝั่งตรงข้ามดึงเขาออกจากห้วงความคิดแย่ ๆ มือหนาเอื้อมมากอบกุมมือของโจไซอา กดจูบที่หลังมือแ่เบา ส่วนมืออีกข้างของเขาเริ่มลูบไล้เรียวขาที่ใต้น้ำจนถึงแก่นกายที่กำลังสงบของโจไซอา ชายหนุ่มพยายามปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง
โจไซอาดึงมือของตนเองออกจากการกอบกุม แล้วส่ายหน้าด้วยแววตาเศร้าโศก
“ดูคนนั้นสิ ผอมจนน่าเกลียดเลยอะ”
“ใช่ ถ้าให้ผอมขนาดนั้นก็ไม่เอาหรอก เหมือนผีเลย”
“เนอะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงต้องซื้อกิน”
“ฮ่า ๆๆ แรงอะ”
เดิมทีความมั่นใจในตัวเองของโจไซอาก็ตกต่ำมากพอแล้ว แต่เมื่อเดินออกจากห้องรับรองพร้อมชายหนุ่มที่คอยโอบเอวไม่ห่าง ความหูดีของเทพกลับทำให้เขาได้ยินเสียงนินทาอันแ่เบาจากคนสองคนที่อยู่ไกลออกไป มือผ่ายผอมกำแน่นอดกลั้นความโกรธเพื่อไม่ให้เผลอทำร้ายมนุษย์
เทพตอนเป็โรครักระทมจะเกิดอารมณ์ด้านลบ คือความเศร้า ความโกรธ และความอิจฉาได้ง่ายดายเพียงแค่ปลายขนนกสะกิด เขาเริ่มหายใจหอบแรงอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งที่เทพไม่้าอากาศหายใจ แต่ตอนนี้โจไซอารู้สึกว่าถ้าไม่กอบโกยอากาศเข้าร่างกายเขาจะทรมาน
“คุณครับ คุณโอเคไหม” ชายหนุ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาถามอย่างใสซื่อ และใจนเบิกตากว้างเมื่อโจไซอาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเืกำเดาที่ไหลออกจากจมูก
ชายหนุ่มรีบพาโจไซอาไปหาจูลิโอ เพื่อนรักที่เริ่มสนุกกับการมีชายหนุ่มหล่อเหลารายล้อมยอมทิ้งทุกอย่าง และพาโจไซอากลับเมืองเทพทันที มือขาวจัดนั่งกอบกุมมือโจไซอาอยู่เคียงข้างไม่ห่าง ยามที่เพื่อนรักนอนนิ่ง พร้อมกับหอบหายใจแรงตลอดเวลา และต้องคอยเช็ดเืกำเดาที่ไม่ยอมหยุดไหล
สุดท้ายแล้วการเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่คลับในโลกมนุษย์ทำให้โจไซอาได้รับความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อตื่นขึ้นมา เขากลับนั่งร้องไห้ไม่หยุด พร้อมแขนสองข้างที่กอดตัวเองแน่น ร้องขอเสื้อผ้าหนา ๆ ตัวโคร่งมาสวมแทนชุดสีขาวบาง ๆ กับสายหนังรัดเอวที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าโจไซอาซูบผอมจนน่าเกลียด
จูลิโอทำลายกระจกเงาในห้องนอนของโจไซอาทิ้ง และต้องคอยทำลายกระจกทุกบานที่โจไซอาบันดาลขึ้นมาใหม่
“พวกเทพอารักษ์กฎยังคัดค้านเื่กฎเทพที่ท่านร่างอยู่เลยครับ”
เสียงทุ้มแหบของภูตประจำต้นไม้ที่ถูกมนุษย์โค่นไปแล้ว เอ่ยรายงานเทพแห่งความผูกพันที่ได้ขึ้นเป็ประมุขเทพเมื่อไม่กี่ปีก่อน ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และความคิดเื่กฎเทพฉบับใหม่ ที่คุ้มครองความปลอดภัยระหว่างเทพกับเทพด้วยกันอย่างที่ไม่เคยได้ยินที่ไหน ทำให้อดีตภูตประจำต้นไม้ที่ไม่มีประโยชน์ในโลกมนุษย์อีกแล้ว มาขอเป็ผู้รับใช้ของเทพแห่งความผูกพันั้แ่ตอนนั้นด้วยความเคารพนับถือ
“พวกนั้นเป็สัญลักษณ์ของการรักษาความมั่นคงระหว่างเทพกับมนุษย์ ไม่แปลกที่จะคัดค้านความมั่นคงระหว่างเทพกับเทพ เทพองค์อื่นก็ยังเห็นว่าเทพฆ่ากันเองไม่ได้ จึงไม่คิดว่าต้องมีกฎเทพคุ้มครอง คงต้องใช้เวลาอีกมาก”
“ครับท่านองค์เทพ” อดีตภูตประจำต้นไม้ก้มหัวน้อมรับข้อมูลที่ประมุขเทพองค์ใหม่มักสอนอยู่เสมอ แล้วจดมันลงสมุดด้วยตัวอักษรขยุกขยิกที่รู้จักกันดีในหมู่ภูตผี
“แล้วเื่ที่ฉันบอก ได้ข่าวมาบ้างหรือยัง”
“อ้อ ครับ ภูตประจำแม่น้ำสายหนึ่งส่งจดหมายมาให้ท่านองค์เทพ เธอเขียนเป็อักขระเทพเพื่อท่านเลยทีเดียว” อดีตภูตประจำต้นไม้หยิบม้วนกระดาษสีอมเหลืองออกมาจากสายรัดเอวทำจากใบไม้ที่เหนียวเป็พิเศษ และส่งให้ประมุขเทพองค์ใหม่
เทพแห่งความผูกพันกางม้วนกระดาษออก อักขระเทพที่ปรากฏในนั้นเขียนอย่างผิด ๆ ถูก ๆ ด้วยลายมือบรรจงตั้งใจ แม้จะผิดไปหลายจุดจากการเริ่มหัดเรียนอักขระเทพใหม่ ๆ แต่เนื้อความในนั้นกลับเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
เทพแห่งความผูกพันรีบม้วนกระดาษเก็บไว้ที่สายรัดเอว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องทำงาน เพื่อเดินทางกลับบ้านในทันที ไม่สนใจกองงานของประมุขเทพที่ยังไม่ได้สะสาง
“โจซี่ พ่อขอเข้าไปข้างในหน่อย”
ประมุขเทพเคาะประตูห้องนอนของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่ความใจร้อนมีมากจนไม่อาจรอคอยให้ได้ยินเสียงตอบกลับจากโจไซอา เขาผลักบานประตูเข้าห้องนอนของลูกอย่างรีบร้อน
สิ่งแรกที่เห็นคือหมอกแห่งอารมณ์สีเทาเข้มเกือบดำที่ลอยต่ำชนกับปลายเส้นผม ต่อมาคือลูกชายร่างผ่ายผอมที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง แล้วรีบซ่อนกระจกเงาขนาดเล็กไว้ใต้หมอนทันที แต่เทพแห่งความผูกพันไม่ได้สนใจเหตุผลที่ลูกชายต้องซ่อนมัน เพราะข่าวที่เขาต้องบอกสำคัญกว่า
“มีอะไรเหรอท่านพ่อ” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม โจไซอามองพ่อด้วยดวงตาบวมช้ำเพราะเพิ่งร้องไห้ ที่แขนเสื้อตัวโคร่งสีขาวจึงมีรอยไหม้สีดำเป็จุด และขาดเป็รู
“เอเดน กริฟฟิน”
เมื่อได้ยินชื่อชายผู้เป็ที่รักจากปากของพ่อ โจไซอาจึงจ้องดวงตาของพ่อด้วยความคาดหวัง รอคอยให้พูดต่อจนจบ
“เขาเกิดใหม่แล้ว”
ความดีใจ และความหวังก่อตัวในความรู้สึกของโจไซอา แต่ไม่ทันได้ก่อรวมกันเป็รอยยิ้ม มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะความผิดหวังเข้ามากลบทับ โจไซอาพิงหัวเตียง มองเหม่ออย่างสิ้นหวังอีกครั้ง
“ถึงเกิดใหม่ เขาก็ไม่ใช่เอเดน กริฟฟินคนที่ลูกรู้จัก”
การเกิดใหม่ของมนุษย์นั้น ต่อให้หน้าตาและรูปร่างเหมือนกับชาติก่อนมากเพียงใด แต่ความทรงจำย่อมไม่กลับมาด้วย จึงจะเป็แค่มนุษย์ที่หน้าเหมือนเอเดน กริฟฟินเท่านั้น แต่เขาคนนั้นจะมีชีวิตใหม่ของตนเอง
ซึ่งถ้าหากเอเดน กริฟฟินเกิดใหม่เป็มนุษย์ เทพแห่งความผูกพันคงไม่รีบร้อนมาบอกโจไซอาอย่างเช่นตอนนี้
“เขาเกิดเป็ลูกชายของาาเผ่าซาตาน และอายุครบ 25 ปีแล้ว”
ดวงตาที่เหม่อมองอย่างสิ้นหวัง หันกลับมาจ้องผู้เป็พ่ออีกครั้ง กระบอกตาของโจไซอาสั่น ไม่ต่างจากริมฝีปากที่ขยับราวกับอยากพูดบางอย่าง แต่ความใขวางกั้นเส้นเสียงของเขาเอาไว้ไม่ให้เอ่ยอะไรออกมา
เพราะซาตานมีความสามารถพิเศษนอกเหนือจากความแข็งแกร่ง เขาสองข้าง และปีกทรงพลัง
พวกซาตานมีความจำดีเลิศ ดียิ่งกว่าเทพ ดียิ่งกว่ามนุษย์ และดียิ่งกว่าสัตว์วิเศษในโลกของเทพชนิดไหน ๆ
พวกซาตานสามารถจดจำได้ทุกรายละเอียด ไม่ว่าอะไรที่ผ่านประสาทััและการรับรู้แล้ว ซาตานจะไม่มีวันลืม
แม้แต่ความทรงจำในอดีตชาติก็ตาม
ความทรงจำในชาติก่อนจะค่อย ๆ กลับมาเมื่อซาตานเติบโต
หากเอเดน กริฟฟินที่เกิดใหม่เป็ซาตานอายุครบ 25 ปี เช่นเดียวกับอายุของเอเดน กริฟฟินก่อนตายเมื่อชาติก่อน
หมายความว่า เขาได้รับความทรงจำกลับคืนทั้งหมดแล้ว
tbc.
#เฮเซลอาย