“ผู้ใหญ่บ้าน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
อย่างไรก็ตาม ตอนที่นางเพิ่งข้ามมิติมารู้เพียงว่า ลั่วจิ่งซีไปกู้เงินจากโรงพนัน เนื่องจากไม่สามารถคืนเงินได้ คนเขาจึงตามมาทวงหนี้ถึงบ้าน ยามปกติถึงลั่วจิ่งซีจะโง่เขลาไปบ้าง แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเื่เงินก็มักจะมีไหวพริบขึ้นมา
ต่อหน้าคนมากมาย เขาหนีไปได้สำเร็จและคิดหาทางรวบรวมเงินเพื่อใช้หนี้คืน
ตอนนี้กลับถูกจับกะทันหัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดระหว่างนั้น
“จะเกิดอะไรได้? ลั่วเหนียงจื่อ! ถึงอย่างไรเ้าก็เป็แม่ของลั่วจิ่งซี แม้เขาจะเรียนไม่ดีั้แ่เด็ก เ้าเป็แม่ แต่อบรมสั่งสอนลูกอย่างไรกัน!”
นางไม่โทษฝูอันที่โกรธเคืองถึงเพียงนี้ การที่ในหมู่บ้านมีชายอ่อนแอขี้ขลาดยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับการมีพวกอันธพาลหรือนักเลงขี้เรื้อน ไม่เพียงแต่จะทำให้คนทั้งหมู่บ้านถูกติฉินนินทา กระทั่งการแต่งงานของคนในหมู่บ้านก็คงเป็ปัญหาในภายภาคหน้า ผู้ใดเล่าจะกล้ายกบุตรสาวให้สถานที่ที่มีพวกนักเลงป่าเถื่อนเช่นนี้ คนเขาก็ต้องเป็ห่วงความปลอดภัยของบุตรหลานก่อนเป็ธรรมดา
“พนัน! พนัน! พนัน! เ้ารู้ถึงความรุนแรงของสิ่งนี้หรือไม่? เขากล้าแตะ้าพนันั้แ่เด็ก ชีวิตข้างหน้าจะไม่ยิ่งแย่กว่าหรือ!”
“ยามปกติ แม้เขาจะดูโง่เขลาไปบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าเด็กนั่นกลับมีความกล้าที่จะทำเื่เช่นนี้!”
เมื่อเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของผู้ใหญ่บ้าน ลั่วชีเหนียงเข้าใจดี แต่หากบอกว่าลั่วจิ่งซีแตะ้าพนัน นางกลับไม่เชื่อ เพราะถึงอย่างไรก็มีลั่วจิ่งเฉินคอยติงลั่วจิ่งซีอยู่ แม้จะมอบความกล้าให้ลั่วจิ่งซีก็คงไม่กล้าอยู่ดี
ถึงแม้ลั่วจิ่งเฉินจะค่อนข้างเก็บตัว แต่ก็เป็คนเคยเล่าเรียนมีการศึกษา ย่อมรู้แก่ใจว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ
“ผู้ใหญ่บ้านเป็ข้าที่ไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกให้ดีเอง จนสร้างปัญหาให้หมู่บ้าน” นี่คือความผิดของร่างเดิมจริงๆ ในเมื่อนางมาแทนที่แล้ว ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ความผิดของนาง แต่นางก็ต้องยอมรับไว้
“ทว่าผู้ใหญ่บ้าน มิใช่ว่าข้าพูดแก้ต่างแทนลูกรองหรอกนะ แม้เด็กคนนั้นจะเบาปัญญาไปบ้าง หากแต่มิใช่คนจิตใจเลวทราม โรงพนันคือสถานที่แบบใด เขามีหรือจะไม่ทราบ” หลังจากลั่วชีเหนียงยอมรับผิดและเห็นว่าผู้ใหญ่บ้านสีหน้าเริ่มดีขึ้น จึงรีบอธิบายเพิ่มเติม
เพราะอย่างไรก็ตาม นางเป็เพียงสตรีที่ออกเรือนแล้ว หาก้าช่วยลั่วจิ่งซีจัดการปัญหา คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยเหลือ
“ลูกชายคนโตข้า ท่านเองก็รู้จัก สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ลูกรองต้องอยากรักษาขาให้พี่ชายแน่ ถึงได้ไปยืมเงินกับโรงพนัน” ขณะพูดนางปาดน้ำตาสองทีและสะอื้นไห้โดยไม่รู้ตัว “ข้าบกพร่องเอง จึงทำให้เด็กสองคนนั้นคิดอยากหาเงินสร้างตัวด้วยตนเองโดยเร็ว หากมิใช่เพราะข้า ลูกชายคนโตมีหรือจะได้รับการรักษาล่าช้า ส่วนลูกรองก็ไม่มีทางเสี่ยงไปกู้หนี้โรงพนัน เงินหนึ่งตำลึง เพียงไม่กี่วันถึงได้กลายเป็ร้อยตำลึง…”
ฝูอันเห็นว่านางไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ไม่ว่าเกิดเื่ใดในบ้านก็ไม่เคยถามไถ่ดูแล ตอนนี้นางไม่เพียงยอมรับความผิดของตนเอง หากยังมีท่าทีคิดกลับตนเป็คนดีเช่นนี้อีก
ได้ยินว่าหลายวันก่อนลั่วเหนียงจื่อเกือบถูกนักเลงโรงพนันทำร้ายจนเกือบตาย หรือว่าการเผชิญความตายทำให้คิดได้กระจ่าง?
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้าเป็เพียงชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่รู้จักหลักการอะไรมากมาย เพียงแต่โรงพนันเรี่ยไรดอกเบี้ยสูงเช่นนี้ก็มิใช่สิ่งถูกต้อง แม้จะต้องไปหาทางการ พวกข้าก็มีเหตุผลเพียงพอ! ข้าไม่อาจปล่อยให้เ้ารองต้องแบกรับชื่อเสียงอันแปดเปื้อนที่ไปข้องแวะกับการพนันและถูกทำลายอนาคตเช่นนี้!”
มองดูสายตาแน่วแน่ของนาง ฝูอันรู้สึกว่าตนเองเริ่มไม่เข้าใจในตัวนาง
“เช่นนั้นเ้าคิดจะทำเยี่ยงไร?”
ลั่วชีเหนียงนึกถึงกำไลทองคำที่ร่างเดิมแอบเก็บไว้ “ท่านรอข้าก่อนสักครู่”
นางเข้าไปหากำไลทองคำจากในห้อง แต่กลับเห็นไหลไหลน้อยยื่นศีรษะออกมามองนาง
สายตาน้อยๆ นั้นซ่อนเร้นความสงสัยเอาไว้ “ท่านแม่ นี่มิใช่สมบัติของหวงของท่านหรือ?”
เอิ่ม!
เมื่อนึกถึงร่างเดิมที่เก็บกำไลและเฝ้าคอยคิดถึงผู้ชายสารเลว นางก็ยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจ
“สมบัติล้ำค่าแค่ไหนก็ต้องใช้อย่างมีค่าจึงจะดี ไหลไหลน้อยเด็กดี ต่อไปแม่จะหาสมบัติกลับมาให้เ้ามากๆ ชิ้นนี้เราไม่้าแล้ว”
นางรู้ว่าเด็กคนนี้คิดสิ่งใดอยู่ ถึงแม้ไหลไหลจะยังเด็กแต่เพราะต้องดูแลครอบครัวั้แ่เล็ก ค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงอยู่ในการควบคุมของเด็กน้อยผู้นี้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยมีนิสัยมัธยัสถ์เป็อย่างยิ่ง
ตอนนี้นางนำกำไลอันใหญ่โตเช่นนี้ออกมา จึงมิวายทำให้ไหลไหลน้อยเสียดาย
ไหลไหลน้อยเห็นมารดาอ่านความคิดของตนออกจึงคอตกและไม่พูดไม่จา ตอนนี้ลั่วชีเหนียงไม่มีเวลาปลอบโยนเขา คุกมิใช่สถานที่ที่คนควรอยู่ การพาเ้ารองออกมาต่างหากคือเื่สำคัญเร่งด่วน
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้า้าร้องทุกข์!”
“ร้องทุกข์?” ผู้ใหญ่บ้านยื่นคอถามซ้ำอีกครั้ง “เ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้า้าล้างความผิดให้ลูกรองและฟ้องร้องโรงพนันขี้โกงให้สะอาดหมดจด!” ลั่วชีเหนียงไม่เคยกลัวปัญหาใด ตอนนี้คนพวกนี้กล้ารังแกพวกนางแม่ม่ายลูกกำพร้า ย่อมรู้ได้ว่ามิใช่คนดีอะไร เมื่อเป็เช่นนี้จะหาว่านางมิยำเกรงไม่ได้เช่นกัน
หากพวกเขาไม่ยอมรับ ได้! บัญชีทวงหนี้ที่พวกเขาทิ้งไว้เมื่อวานยังอยู่ในมือของนาง! บนนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าลั่วจิ่งซียืมเงินจากโรงพนันสือวานจำนวนหนึ่งตำลึง จำต้องคืนเงินภายในสามสิบวัน
หากคำนวณเวลาแล้ว วันรุ่งขึ้นก็คือวันที่สามสิบพอดี
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้ารู้ว่าท่านกังวลสิ่งใด คนเ่าั้ต้องมีคนสนับสนุนอยู่เื้ั เพียงแต่เราไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนยอมเสียเปรียบได้ ข้าทำเช่นนี้ไม่เพียงแค่เพื่อลูกรอง ลองคิดดูว่าคนละแวกหมู่บ้านเรา มีหมู่บ้านใดบ้างไม่เคยถูกโรงพนันสือวานรังแก ขอเพียงเราได้เปรียบในเื่เหตุผล แม้จะเป็ทางการก็ไม่สามารถลำเอียงให้พวกเขาได้”
คำพูดของลั่วชีเหนียงจุดประกายหัวใจแห่งคุณธรรมของฝูอัน ทั้งสองร่วมมือกัน อาศัย่เวลาที่ยังเช้าอยู่รีบพุ่งตรงไปที่ที่ว่าการอำเภอ
เ้าทึ่มจ้าวแม้จะโง่เขลา แต่ทักษะการฟังกลับดีอย่างน่าอัศจรรย์ คำสนทนาเมื่อครู่ในบ้านสกุลลั่วเข้าหูเขาไม่ขาดตกแม้คำเดียว จังหวะช่องว่างที่ลั่วชีเหนียงกับผู้ใหญ่บ้านเดินตามกันออกมาจากประตู
ทันใดนั้น เ้าทึ่มจ้าวก็โผล่ออกมาขวางทางไปของลั่วชีเหนียง
“ข้า ช่วยเ้าจัดการคนเลว!”
ครั้งที่แล้วตอนที่พวกคนชั่วมาบ้านสกุลลั่ว เขาถูกคนสกุลจ้าวขังไว้ในบ้านและออกมาไม่ได้ หากเขาอยู่ด้วย จำต้องไม่ให้นางถูกรังแกแน่!
ลั่วชีเหนียงถูกดักไว้ พลันรีบก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่หากมิใช่ตนเองหยุดไว้ทันการ คาดว่าคงชนกับเ้าทึ่มไปแล้ว ตัวนางเองมิได้รู้สึกอะไร แต่สถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับการรักษาระยะห่างระหว่างชายหญิง หากถูกคนเห็นเข้า ไม่แน่ว่าจะนำมาสู่ฉากที่ต้องถูก “จับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ” [1] ก็เป็ได้
นางยืนอย่างมั่นคงและมองชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา บนหน้าผากของชายหนุ่มมีปานยาวที่เลื้อยลงมาจนถึงใบหน้าด้านซ้าย หากมิใช่เพราะเขาเผยรอยยิ้มฟันขาวสะอาดเพื่อแสดงเจตนาที่ดีของตน ด้วยรูปร่างที่สูงแปดฉื่อของเขากับดวงตาพยัคฆ์ คงทำให้ผู้คนหวาดกลัวจับใจได้จริงๆ
มิแปลกที่เวลาร่างเดิมเห็นเขาแล้วจะกลัว หากเป็ตนก็คงรู้สึกถึงความกดดันจากคนผู้นี้เช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะดูไม่น่าเป็ไปได้แต่นางรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“ไม่ต้อง พี่จ้าว นี่คือเื่ของครอบครัวข้า ไม่จำเป็ต้องถึงมือเ้าจัดการ”
ขณะพูด นางไม่อยากรีรอให้เสียเวลา จึงสาวเท้าและมุ่งหน้าไปยังปากทางหมู่บ้าน
ลั่วชีเหนียงออกไปปุ๊บ ตรงหน้าประตูบ้านก็เหลือไว้เพียงห่อผ้าน้ำมันที่ถูกวางทิ้งไว้
ตอนที่ไหลไหลน้อยออกมาประตูเพื่อดูว่าท่านแม่กลับมาหรือยัง พลันชำเลืองเห็นห่อผ้าน้ำมันบนพื้นจากนั้นจึงหิ้วของห่อนั้นเข้าบ้านโดยไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด
ห่อผ้าน้ำมันนี้ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว ทุกครั้งที่มันโผล่มา จะต้องมีของอร่อยในนั้นเสมอ
เมื่อได้กลิ่นไข่ไก่กับขนมของว่าง ไหลไหลน้อยก็อดกลืนน้ำลายมิได้
ท่านแม่ไม่อยู่ เขายังกินไม่ได้
เพื่อไม่ให้ตนเองเผลอแอบกิน ไหลไหลน้อยจึงเดินออกจากบ้านและไปนั่งรอตรงหน้าประตู
ลั่วจิ่งเฉินที่ขังตนเองไว้ในห้องทางด้านตะวันออกตลอดเวลา กำหมัดไว้แน่น จนถึงตอนนี้ก็ยังมิคลาย
-----
[1] จับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ หมายถึง ในสมัยจีนโบราณสำหรับหญิงหรือชายที่คบชู้จะมีบทลงโทษคือการจับขังในกรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำจนตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้