เื่เกี่ยวกับองค์ชายสามของรัชกาลนี้ ทำให้สวี่ตี้อดไม่ได้ที่จะต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่กล้าออกจากประตูหน้าแล้วไปเดินทางประตูหลังแทน อาศัย่เวลากลางคืนให้คนสกุลเลี่ยวส่งเลี่ยวจือเซี่ยที่เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟได้ไม่ถึงเดือนมาที่สกุลสวี่ หลังจากจางจ้าวฉือตรวจดูแล้วก็จ่ายยาให้ จากนั้นก็ให้พักฟื้นอยู่ที่เรือนหลังสกุลสวี่ ส่วนเลี่ยวจือชิว หลังจากออกมาหมอก็จัดการได้ดีมาก ต่อไปสิ่งที่ต้องทำคือพักผ่อนเงียบๆ
หลังจากที่พนักงานของสำนักงานเมืองก่านโจวค่อยๆ มาถึงที่ทำงาน งานของสำนักงานก็ต่างถูกจัดการไปอย่างราบรื่น สวี่เหราก็เริ่มคำนวณการซ่อมแม่น้ำ โดยการซ่อมอุปกรณ์ป้องกันเมืองของทหารป้องกันเสียก่อน
การจัดการเื่พวกนี้จำเป็ต้องใช้เงิน ก่านโจวนอกจากเก็บภาษี ก็ไม่มีการหมุนเวียนของเศรษฐกิจอย่างอื่น สวี่เหราก็คิดว่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะหาเงินมาให้ได้สักจำนวนหนึ่ง
จากการรักษาของเลี่ยวจือเซี่ย ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งมาที่สกุลสวี่ ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับโลกภายนอก การเคลื่อนไหวรอบๆ กาย หลังจากนางได้ยินแล้วก็จะจ้อง แต่ก็เพียงมีปฏิกิริยาต่อสิ่งนั้นเท่านั้น การตอบสนองอื่นๆ ก็ไม่มีแล้ว
ตอนที่เลี่ยวจือเซี่ยมาก็พาสาวใช้ติดตัวมาด้วย นามว่าปี้เถา สาวใช้อายุสิบหกสิบเจ็ดปี พูดไม่มากแต่จัดการเื่ของเลี่ยวจือเซี่ยได้ดีมาก เลี่ยวจือเซี่ยตอนแรกจะถ่ายหนักถ่ายเบาก็ไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองได้ ปี้เถาก็จะจับเวลา พอถึงเวลาก็จะดูแลคุณหนูของตัวเองพาไปเข้าห้องน้ำ หลังจากเลี่ยวซือเซี่ยคลอดลูก ก็มีปี้เถาคอยดูแล จางจ้าวฉือมองนางที่หลายเดือนนี้ยุ่งจนตัวผอม สภาพจิตใจก็ไม่ดี จึงรู้ว่าร่างกายไม่แข็งแรง จึงเขียนสูตรยาให้แก่นาง ทั้งยังให้โรงครัวต้มยาให้อีกด้วย ดื่มวันละถ้วย หลายวันต่อมา ปี้เถาก็รู้สึกว่าร่างกายมีเรี่ยวแรง มือเท้าก็ไม่เย็นเหมือนกับแต่ก่อน
หลายวันมานี้แม่นมลู่กำลังจัดการหีบสัมภาระ อีกสองวันนางจะพาสวี่จือ ไป๋ทั้งสี่ของสวี่จือ แล้วก็ไป๋โค่วที่ดูแลข้างกายตัวเองกลับไปที่เมืองหลวง เพราะว่าเลี่ยวจือเซี่ย จางจ้าวฉือจึงไม่สามารถตามไปด้วยได้
จางจ้าวฉือไปที่เรือนของแม่นมลู่ มองหีบสัมภาระหลายใบที่เปิดเอาไว้ “แม่นม ข้าไม่สามารถตามไปด้วยกันกับท่านได้นะเ้าคะ”
แม่นมลู่กล่าว “นั่นเพราะว่าเ้ามีเื่ที่ต้องทำ รอเ้าจัดการเื่ราวเสร็จแล้วเ้าค่อยตามไป พวกเราไม่สามารถกลับมาในเร็วๆ นี้ได้หรอก”
จางจ้าวฉือกล่าว “แม่นม เื่ของแม่นางเลี่ยวท่านก็รู้แล้ว ลูกของแม่นางเลี่ยวคลอดออกมาแล้วจะทำอย่างไรหรือ?”
แม่นมลู่ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ “เด็กคนนี้น่ะเก็บเอาไว้ที่นี่ย่อมดีกว่า เื่ที่เมืองหลวงจะเป็อย่างไรพวกเราก็ต่างไม่รู้ เด็กทารกคนหนึ่งไปแล้วก็ไม่รู้จะไปเจอกับอะไร อยู่กับมารดาตัวเองใช้ชีวิตไปอย่างสงบสุขดีกว่า”
จางจ้าวฉือกล่าว “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แม่นม ท่านว่าเบื้องบนจะพูดอย่างไรกับเื่นี้เ้าคะ?”
แม่นมลู่กล่าว “รู้กันหมดแล้ว ข้าคาดว่าผ่านไปได้ไม่นานก็จะมีคนมาที่นี่ แม่นางผู้นี้น่ะเป็คนที่น่าสงสาร จ้าวฉือเอ๋ย รอแม่นางดีขึ้นแล้วก็พาคนส่งกลับไป พวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ได้”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “แม่นม คุณชายของพวกเราย้ายจากเหอซีมาที่ก่านโจวก็เข้าไปเกี่ยวข้องแบบไม่ได้้าแล้ว ท่านพาจือเอ๋อร์กับเสี่ยวไป่กลับเมืองหลวงไป ก็เป็เื่ที่ดีเ้าค่ะ”
แม่นมลู่กล่าว “พวกเ้าอยู่ที่นี่ เื่ใดก็ต้องระวัง คุณชายเป็คนนิสัยระมัดระวังมาก แล้วก็ตี้เกอ แม้จะยังเป็เด็กชายแต่เขารู้ทุกอย่างดีอยู่แก่ใจ ทำเื่อะไรก็มีวิธี ข้ากลับไปแล้วจะพูดกับเฉินกงกง ดูว่าจะหาคนที่ช่วยงานได้มาให้พวกเ้าอีกสักหลายคนได้หรือไม่”
จางจ้าวฉือกล่าว “เช่นนั้นก็ดีเลยเ้าค่ะ ตอนนี้ที่กลัวที่สุดก็คือชีวิตของครอบครัวเลี่ยว คุณชายถูกฮ่องเต้รับสั่งให้มาที่ก่านโจวด้วยพระองค์เอง เขาไม่ถูกแตะต้องได้ง่ายๆ หรอกเ้าค่ะ”
หลังจากสวี่ตี้ไปหาครอบครัวสกุลเลี่ยวมา ในใจก็เข้าใจว่าเมืองก่านโจวเพียงมองภายนอกอย่าเห็นว่าเป็เมืองสงบสุข ความจริงแล้วแอบมีคลื่นสั่นไหวซ่อนอยู่ คนก็จับมาหมดแล้ว เหตุใดทุกคนถึงจะต้องเอาเงินก่อสร้างแม่น้ำไป หากไม่ใช่เพื่อเอาเงินไปให้องค์ชายสาม เื่ของเหอซี ทำให้องค์ชายหลายพระองค์ที่เกี่ยวข้องต่างขูดเืขูดเนื้อไปเยอะ ไม่มีเงินหลายเื่ก็ทำไม่ได้ ผู้นำเมืองก่านโจวเป็คนของจวนหย่งอันโหวของว่านกุ้ยเฟยพระมารดาขององค์ชายสาม
จวนหย่งอันโหวนี้ ตอนนั้นเป็จวนที่ได้รับตำแหน่งพร้อมกันกับจวนหย่งหนิงโหว หย่งอันโหวก็ถือว่าเป็ขุนนางที่ร่วมกันสร้างแคว้น โหวเย่ในตอนนี้เป็บิดาของว่านกุ้ยเฟย ซื่อจื่อเป็พี่ชายคนโตของว่านกุ้ยเฟย คนที่ค้ำจุนสกุลว่านตอนนี้ไม่ใช่หย่งอันโหวเย่ แล้วก็ไม่ใช่หย่งอันโหวซื่อจื่อ แต่เป็พี่ชายคนรองของว่านกุ้ยเฟย นามว่านเว่ยหยงซึ่งมีตำแหน่งเป็ผู้ช่วยของกรมมหาดไทย
เป็ลูกหลานของขุนนาง ว่านเว่ยหยงผ่านการสอบขุนนางจนได้เข้ามารับราชการ การสอบระดับเตี่ยนซื่อ ก็ได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้องค์ก่อน ถูกเลือกเป็จอหงวน ต่อมาก็เข้าสอบนักปราชญ์ที่สำนักราชบัณฑิตหลวง หลังจากออกมาแล้วก็เริ่มทำจากผู้นำเขต ผลงานก็มีเพิ่มขึ้น
กรมมหาดไทยควบคุมขุนนางทั่วทั้งแคว้น ตำแหน่งของว่านเว่ยหยงสำคัญมาก พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว เขาเป็น้าแท้ๆ ขององค์ชายสาม ตามเหตุผลควรหลีกเลี่ยงเื่ลำบาก เพียงแต่คนผู้นี้ฉลาดจริงๆ หลายปีมานี้ เื่ในมือไม่เคยทำพลาดเลยสักครั้ง
บรรดาองค์ชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วของเหลียงเฉิงตี้ องค์ชายใหญ่กำเนิดจากซูเฟย องค์ชายสองกำเนิดจากฮองเฮา องค์ชายสามกำเนิดจากว่านกุ้ยเฟย ส่วนองค์ชายองค์อื่นๆ ก็เป็องค์ชายที่เกิดจากนางสนมในวังหลังที่ตำแหน่งไม่ค่อยสูงมากนัก
องค์ชายใหญ่เป็โอรสองค์โต แต่ว่าไม่ได้เกิดจากฮองเฮา ตอนนั้นซูเฟยเป็เจ๋อเฟยคนหนึ่ง ตอนที่เหลียงเฉิงตี้ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ฮองเฮาเป็คนที่เสนาใหญ่ๆ หลายคนแนะนำให้อภิเษกสมรสหลังจากที่ขึ้นครองราชย์ ตอนนั้นถึงแม้ต้าเหลียงจะสร้างแคว้นมาหลายปีแล้ว ทางใต้ก็ยังมีหลายคนที่ภักดีต่อรัชกาลก่อน เพื่อความมั่นคงของทางใต้ การอภิเษกสมรสกับบุตรสาวจากนักปราชญ์ต้าหลูทางใต้มาเป็ฮองเฮา ฮองเฮาท่านนี้แซ่กู้ เป็คนที่มีพร์ด้านการขับร้องเพลงกลอน นิสัยเรียบง่าย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ถูกว่านกุ้ยเฟยกดหัวอยู่เช่นทุกวันหรอกกระมัง
ว่านกุ้ยเฟยเองก็เป็เจ๋อเฟยคนหนึ่ง ตอนที่เหลียงเฉิงตี้ยังไม่ขึ้นครองราชย์ เดิมจะถูกแต่งตั้งขึ้นเป็ฮองเฮา เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนเท้าจะถึงหน้าประตูก็ถูกฮองเฮาเข้ามาแทรกเสียก่อน
ว่านกุ้ยเฟยเป็คนที่ฉลาดมาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถทำให้เหลียงเฉิงตี้มีความคิดที่จะยกย่องให้นางเป็ฮองเฮา และถึงแม้ไม่ได้เป็ฮองเฮา ว่านกุ้ยเฟยก็ออดอ้อนเหลียงเฉิงตี้ หาผลประโยชน์มาให้ตัวเองได้ไม่น้อย
จากการเติบโตของเหล่าโอรส เหล่าสตรีที่ยืนอยู่หลังองค์ชายก็เริ่มพิจารณาถึงอนาคตของตนเอง
บุตรชายขึ้นครองราชย์ ตนเองก็เป็สตรีที่น่าเคารพที่สุดในยุคนี้ บุตรชายของสตรีอื่นได้ขึ้นครองราชย์ สิ่งที่รอตัวเองอยู่ยังไม่รู้ว่าจะเป็อะไร ในเมื่อมีโอกาสนี้ให้แย่งชิง เหตุใดจะไม่ลองพยายามดูล่ะ?
คนที่ไม่ได้เป็ฮ่องเต้ มีแค่คนที่มีความคิดไม่ทะเยอทะยาน ทุกคนใช้ความคิดมากมายดึงความสามารถออกมาแข่งกัน ความจริงแล้วครอบครัวมารดาของสตรีเหล่านี้เป็เกราะหลังที่มีกำลังที่สุดของพวกเขา
ซูเฟยเกิดมาจากครอบครัวทหาร พี่ชายคนโตของนางตอนนี้รักษาการณ์อยู่ที่ตะวันออกเฉียงใต้ ครอบครัวมารดาของฮองเฮากู้นั้น เป็นักปราชญ์อยู่ทางใต้ คนที่เรียนหนังสือส่วนมากเป็คนที่มีความสามารถ ส่วนครอบครัวมารดาของว่านกุ้ยเฟย หย่งอันโหวกับหย่งอันโหวซื่อจื่อล้วนไม่ต้องกังวลอะไร ยังมีคุณชายรองว่านที่คอยช่วยค้ำจุนใจที่อยากก้าวหน้าของว่านกุ้ยเฟยและองค์ชายสามอยู่
เ้าเมืองก่านโจวคือคนของว่านเว่ยหยง ตอนแรกผู้นำก่านโจวมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ก็ล้วนเป็ว่านเว่ยหยงช่วยหนุนหลัง ความคิดของว่านเว่ยหยงคือ ตำแหน่งของก่านโจวนั้นสำคัญมาก อยู่ในตำแหน่งผู้นำของก่านโจว หากทำไม่ผิดพลาด ให้ความร่วมมือกับคนของสกุลว่านจะต้องได้ผลงานที่ดีแน่นอน ผู้ใดจะไปคิดว่า หลังจากเหอซีเกิดเื่ ฮ่องเต้ก็บีบบังคับเอาเงินจากองค์ชายหลายพระองค์ องค์ชายองค์อื่นๆ ยังแย่อยู่หน่อย ก็มีเพียงองค์ชายสามองค์แรกๆ ที่ทุกคนจะต้องออกอย่างน้อยหนึ่งแสนตำลึง
จวนมารดาขององค์ชายใหญ่เป็กองคุ้มกันที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ปกติแล้วจะแอบขุดแร่ บวกกับหัวหน้าชุมชนพื้นที่เอาเงินมาให้ หนึ่งแสนตำลึงก็ไม่ถือว่าเยอะอะไร องค์ชายสอง สกุลกู้เป็ครอบครัวหงหลู่ แล้วก็เป็ตระกูลชนชั้นสูงที่เก่าแก่ สมบัติจึงมีมากมาย สินเดิมของฮองเฮาในตอนนั้น แค่ตั๋วเงินก็หลายสิบล้านตำลึง หลายปีมานี้เองก็ไม่ได้บริหารโดยเปล่าประโยชน์ เอาตั๋วเงินออกมาหนึ่งแสนตำลึงก็ไม่ถือว่าเข้าเนื้อ
องค์ชายสามนี้ ในมือของว่านกุ้ยเฟยมีเงิน แต่ไม่สามารถเทียบกับซูเฟยหรือกู้ฮองเฮาได้ สกุลว่านนั้นถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในกองทัพ แล้วก็ไม่ได้มีชาติตระกูลที่มีเงินทองมากมาย ปกติแล้วก็พึ่งของในที่นาและร้านค้ารวมถึงลูกน้องเอามาให้ องค์ชายสามถูกลงโทษเอาตั๋วเงินไปมากที่สุด หลังจากหลายแสนกว่าตำลึงถูกเอาออกมา องค์ชายสามก็รู้สึกว่าทั้งตัวโล่งไปมาก
พอดีกับเป็่ก่อนน้ำท่วมฤดูใบไม้ผลิ ทุกๆ ที่ต่างส่งเงินค่าซ่อมบำรุงแม่น้ำ ผู้นำเมืองก่านโจวทุกปีจะตัดเงินจากในนี้มาหน่อย เงินที่ส่งมาครั้งนี้ประจวบเหมาะกับองค์ชายสามที่มาดูแลอุทกภัยที่นี่พอดี พอเห็นเงินทองมากมาย ในใจก็เกิดความคิดที่จะยึดครองมันไป
ว่านเว่ยหยงได้ยินกรมการคลังลือกันออกมา ก็ส่งคนสนิทไปที่ก่านโจว หลังจากคุยรายละเอียดกับผู้นำก่านโจวแล้ว ก็ให้ผู้นำก่านโจวรับโทษเื่ทุจริตกินเงินบำรุงแม่น้ำไป ถือเป็การปกป้ององค์ชายสาม แต่ถ้าหากเื่องค์ชายข่มขืนสตรีถูกเผยแพร่ออกไปล่ะ?
องค์ชายทำผิดกฎได้รับโทษเหมือนกับประชาชน ประโยคนี้คนที่พูดก็ดี คนที่ฟังก็ดี ต่างรู้กันดีว่ามีเท่าไหร่ แต่เื่ไม่ถูกเปิดเผยออกมา พอเปิดเผยออกมาอะไรควรเสียหายก็เสียหายไป โดยเฉพาะตอนนี้ เหลียงเฉิงตี้ทรงสิ้นหวังกับองค์ชายที่บรรลุนิติภาวะเหล่านี้เป็อย่างมาก
เื่พวกนี้ล้วนจำเป็ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด สวี่ตี้เอากระดาษแผ่นใหญ่ออกมากางอยู่บนโต๊ะในห้อง เริ่มจากองค์ชายหลายพระองค์ที่เมืองหลวง แล้วค่อยๆ ลากเส้นความสัมพันธ์ของพวกเขา เื่ราวมากมายในใจที่เข้าใจ ก็เขียนออกมา หรือวาดออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ คิด จะต้องคิดสิ่งที่ไม่เหมือนกันในนี้ให้ออก
ที่สวี่ตี้ชอบมากที่สุดก็คือดูซีรีส์สืบสวนสอบสวน เขาเข้าใจถึงความสำคัญของข้อมูล แล้วก็เพราะแบบนี้ หลายปีมานี้เขาถึงได้มุ่งมั่นหาเงิน ส่วนมากก็เอามาใช้ในการรวบรวมข้อมูล
เื่นี้สวี่เหรารู้ ตอนที่อยู่เมืองหลวงสวี่ตี้มีร้านขายหมึกที่หน้าร้านไม่ใหญ่มาก ซึ่งก็คือสถานที่ในเมืองหลวงที่ก่อตั้งเอาไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลโดยเฉพาะ พนักงานในร้านนี้ล้วนเป็คนที่ออกมาจากกรมทหารของเหอซีทั้งหมด
สวี่ตี้วิเคราะห์ลูกจ้างทุกคนอย่างละเอียด รวมถึงนิสัยของพวกเขา จนกระทั่งชาติกำเนิดของพวกเขา บ้านเกิดยังมีใครบ้าง จากนั้นก็ฝึกฝนพวกเขาโดยเฉพาะ หลังจากฝึกฝนเสร็จก็ส่งไปประจำการที่ร้านขายหมึกในเมืองหลวง
สิ่งที่คนพวกนี้จำเป็ต้องทำก็คือตามคนงานในโรงเตี๊ยมที่เมืองหลวงไป จนถึงขั้นเป็คนรักษาความปลอดภัยในหอโคมเขียว หลังจากใช้เงินซื้อพวกเขามาแล้ว ไม่ว่าจะข่าวอะไร ขอแค่มีความเกี่ยวข้องกับคนมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก็จะส่งไปยังตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้ จากนั้นก็จะมีคนส่งข่าวมาให้สวี่ตี้ที่เหอซี แล้วสวี่ตี้ค่อยแบ่งประเภทการจัดการ
ตอนนี้สวี่ตี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ มองกระดาษขาวแผ่นใหญ่ที่ถูกติดอยู่บนกำแพง ้าเขียนชื่อคนเต็มไปหมด บางคนชื่อได้ถูกใช้เส้นลากไปด้านข้างหรือชื่อคนที่ไกลกว่านั้นหลายครั้ง
สวี่ตี้กำลังหาเส้นทางออกต่อไปให้เลี่ยวจือเซี่ย องค์ชายสามคือโอรสของเหลียงเฉิงตี้ ถึงแม้จะกระทำผิด แต่หากจะจัดการก็ต้องดูความคิดของเหลียงเฉิงตี้ด้วย ถ้าหากเหลียงเฉิงตี้อยากจะทำลายลูกตัวเอง หลังจากทำลายลูกตัวเองไปแล้วคนพวกนี้เหลียงเฉิงตี้จะทำอย่างไร? พ่อที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดีก็ถือว่าทำหน้าที่พ่อไม่ดี ถ้าหากเหลียงเฉิงตี้อยากจะปกปิดเื่เอาไว้ ตนเองและคนพวกนี้จะทำอย่างไร?
เลี่ยวจือเซี่ยตอนนี้เองก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว นางยังมีลูกอีกหนึ่งคน เด็กคนนี้ยังเป็โอรสขององค์ชายสามอีกด้วย เด็กคนนี้จะจัดการอย่างไร? เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวตัวเอง สวี่ตี้รู้สึกว่ามีปัญหาที่ต้องพิจารณาเยอะมาก อีกทั้งปัญหาพวกนี้ยังเป็ปัญหาที่สำคัญมากๆ สำหรับครอบครัวตัวเอง หากฮ่องเต้ทรงพิโรธ คงจะมีศพเกลื่อนพื้นเป็พันลี้
สวี่ตี้ไม่เคยคิดว่าตนเองที่มีความรู้มากกว่าคนพวกนี้หลายพันปีนั้นจะเก่งกาจอะไร เขารู้ดี คนโบราณพวกนี้เมื่อเทียบแล้ว สติปัญญาของตัวเองความจริงแล้วก็ไม่ดีขนาดนั้น ทำการวิจัยมาตั้งหลายปี แผนการที่เป็วงตัดอีกวงพวกนี้ ความจริงแล้วสำหรับสวี่ตี้มันยากมาก แต่จะยากแค่ไหน ก็ต้องกัดฟันวิเคราะห์ออกมาถึงผลลัพธ์ทุกๆ ความเป็ไปได้ที่จะตามมา
จางจ้าวฉือยกน้ำแกงหนึ่งถ้วยเข้ามา เห็นในห้องสวี่ตี้ที่รกรุงรังก็กล่าว “สวี่ตี้ เ้าเองก็อย่าร้อนใจเกินไป เื่ที่จะทำก็ค่อยทำออกมาทีละเื่”
สวี่ตี้รับถาดในมือของท่านแม่มา “ท่านแม่ ตอนนี้ครอบครัวพวกเราความจริงแล้วถูกฮ่องเต้เอาไปผูกอยู่บนขื่อไฟแล้วขอรับ เมืองหลวงยังไม่รู้ว่ามีกี่คนที่จ้องพวกเราอยู่ หากแย่มาสักอย่างหนึ่ง พวกเราก็จะถูกคนโยนเข้าไปในกองไฟแล้ว”
จางจ้าวฉือกล่าว “ข้ามีหรือจะไม่รู้เื่นี้น่ะ เดิมทีข้ายังรู้สึกว่าพ่อของเ้ามาที่ก่านโจว ขอแค่ทำงานเหมือนอย่างตอนเหอซี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็เพียงพอ รอเื่ของแม่นางเลี่ยวคนนี้เปิดเผยออกมา ข้าก็รู้สึกไม่ดีแล้ว เื่ก่านโจวมันเกี่ยวข้องกับเื่ราวมากมายเกินไปแล้ว”
สวี่ตี้กล่าว “ความคิดของข้าก็คือท่านกับแม่นมพาจือเอ๋อร์กับเสี่ยวไป่กลับเมืองหลวงไป ตอนนี้เมืองหลวงไม่มีคนกล้าลงมือมั่วซั่ว ทางนั้นจะปลอดภัยกว่าหน่อยขอรับ”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ข้าไปแล้วแม่นางเลี่ยวจะทำอย่างไร? ตอนนี้แม่นางเลี่ยวกลายเป็คนสำคัญของเื่ทั้งหมดนี้แล้ว ขอแค่รักษานางหาย เื่ราวมากมายถึงจะสามารถพูดได้อย่างชัดเจนนะ”
สวี่ตี้ครุ่นคิด “ท่านแม่ ท่านว่าพวกเราเอาแม่นางเลี่ยวแล้วก็ลูกของนางส่งไปที่เมืองหลวงเป็อย่างไรขอรับ?”
จางจ้าวฉือกล่าว “เ้าจะเอานางไปตายหรือ? สองแม่ลูกนั้นไปเมืองหลวงไม่เท่าแกะเข้าปากเสือหรือไร?”
สวี่ตี้กล่าว “ความจริงแล้วหากยกแม่นางเลี่ยวให้คนอื่น ครอบครัวก็ไม่เป็อย่างตอนนี้หรอก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม คนที่เหมาะสมตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังปกป้องไม่ได้เลย”
จางจ้าวฉือยื่นตัวไปข้างๆ สวี่ตี้ เอ่ยถามเสียงเบา “นี่ ฮ่องเต้องค์ต่อไปเป็ใครหรือ?”
สวี่ตี้มองจางจ้าวฉือ “ท่านแม่ ท่านมีอะไรก็เอาไปวางไว้บนหน้าเสียหมด ข้าไม่กล้าบอกท่านหรอก ท่านวางใจได้ ตอนนี้ผู้ใดที่ะโได้มีความสุขมากเท่าไหร่ ต่อไปจุดจบของคนนั้นก็ย่อมแย่ที่สุด”
จางจ้าวฉือบิดแก้มสวี่ตี้ “เ้าเด็กคนนี้ เปลี่ยนเป็เด็กหนุ่มขนาดนี้ นิสัยก็ยังไม่น่ารักเหมือนเดิม ไม่บอกก็ไม่บอก ข้าเองก็ไม่ได้อยากฟังนักหรอก”
สวี่ตี้ลูบแก้มตัวเอง “ท่านแม่ หากท่านมีเวลาก็คิดเื่สินเดิมของจือเอ๋อร์เถิด แม่นมบอกไม่ใช่หรือว่าตอนนี้จะต้องพาจือเอ๋อร์ไปดูตามที่ต่างๆ เครื่องเรือนพวกนั้นก็ต้องรีบทำออกมา ท่านไปสอบถามว่าที่ไหนมีไม้ดีๆ ขาย แล้วเลือกกลับมา รอถึงเวลาที่ต้องใช้ก็ไม่ต้องไปหาให้เร่งรีบวุ่นวาย”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ถึงว่าคนอื่นเขาต่างบอกว่าลูกชายลูกสาวมาทวงหนี้ ดูสิ จากตัวแค่นี้ก็ต้องหาของพวกนี้เอาไว้แล้ว อายุสิบหกสิบเจ็ดก็ต้องแต่งงานออกไป แต่งงานออกไปแล้วก็ไม่สามารถกลับมาบ้านมารดาได้ง่ายๆ ข้าว่าข้าสู้หาคนที่แต่งเข้ามาอยู่กับจือเอ๋อร์ของพวกเราไม่ดีกว่าหรือ แบบนี้ครอบครัวเราก็อยู่ด้วยกันได้แล้ว”
สวี่ตี้ฟังแล้วดวงตาก็วาวขึ้นมา “ท่านแม่ ข้ามีคนที่เหมาะสมขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้