ณ โลกของหมากล้อมแห่งความตาย
ไม่นานมานี้ หลงหว่านชิงได้บอกกู่ไห่ถึงวิธีกระตุ้นหยกัไปแล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่เื่ยากอะไรนัก หลังจากศึกษาอย่างละเอียดพักหนึ่ง ก็จับมันไว้ในมือซ้าย พลางมองชีพจรัด้วยสายตานิ่งเรียบ
กระบี่คู่ในมือถูกเก็บเข้าที่เช่นเดิม ส่วนมือขวาถือหมากสีทองสองเม็ด ก่อนบ่นพึมพำ “กลหมากแห่งความตายนี้ ช่างยุ่งยากจริงๆ!”
แครก!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็บดขยี้หมากสีทองสองเม็ดจนแหลกลาญไปในพริบตา เหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่โลกภายนอก ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“ทำไมท่านกู่ถึงบดขยี้หมากทองสองเม็ดนั้นล่ะ?”
“ดูสิ! กระดานหมากล้อมแห่งความตาย มีรอยแตกอยู่บนนั้น!”
“กลหมากแห่งความตายกำลังจะแตกสลาย?”
“ทำลายหมากสีทองสองเม็ด แล้วกระดานหมากล้อมแห่งความตายก็จะสลายไปอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้น ที่เิไท่และหลี่ฮ่าวหรานแย่งชิงกัน... มันคืออะไร?”
เหล่าผู้ฝึกตนทอดสายตามองดอกโบตั๋นั์ ที่ค่อยๆ สั่นสะท้านตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ท่านกู่แค่บดขยี้หมากสีทองสองเม็ด? มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยถามอย่างงุนงง
“ไม่หรอก! ในหมากล้อมแห่งความตาย มีผู้ชนะได้เพียงคนเดียว หรือหมายความว่า จะต้องมีหมากเหลืออยู่แค่เม็ดเดียว แต่นี่กลับเหลือหมากล้อมสีทองตั้งสองเม็ด ไม่ได้เหลือเพียงหนึ่ง อย่างที่ควรจะเป็”ไต้ซือหลิวเหนียนอธิบายเสียงเรียบ
“หมากสีทองเม็ดนั้น... ร่างแยกของกู่ไห่?” หลงหว่านชิงมองหมากล้อมสีทองที่อยู่ไกลออกไป
“ใช่แล้ว! เหลือเขาเพียงผู้เดียว จึงถือว่าเป็ผู้ชนะคนสุดท้าย ดังนั้น กลหมากจึงได้ถูกปลดผนึก!” ท่านไต้ซือเอ่ย
ในโลกของหมากล้อม ูเาและแม่น้ำแตกสลาย จากนั้นทั้งดินแดนก็พังทลาย
กู่ไห่กำหยกัไว้ในมือซ้ายแน่น ก่อนกระชับกระบี่โลหิตไว้ในมือขวา สายตาเ็าจับจ้องไปยังรอยแตกร้าวที่เพิ่มขึ้นบนพื้นดิน
แครกๆๆๆ!
รอยแตกแผ่ขยายราวกับใยแมงมุม พื้นดินแตกเป็เสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
ชีพจรัคำราม ผนึกที่เคยตรึงแน่นคลายตัว จนมันสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก
ตูมๆ!
โลกกำลังจะแตกสลาย
ดอกโบตั๋นแปดสี มรดกของท่านผู้เฒ่า ก็เริ่มสั่นะเื และค่อยๆ ฝ่าผนึกที่แตกเป็เสี่ยงๆ พุ่งตรงไปยังกู่ไห่
ดวงตาชายหนุ่มเย็นะเื กระชับกระบี่โลหิตเอาไว้ในมือ และฟันฉับไปเพียงคมดาบเดียว ปราณกระบี่ราวกับแม่น้ำโลหิต ที่มุ่งตรงไปยังดอกไม้สี ซึ่งกำลังสั่นไหวอยู่ตรงหน้า
“อะไรกัน? ท่านกู่จะทำลายมรดกของท่านผู้เฒ่าอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านกู่ ล้อเล่นหรืออย่างไร? นั่นคือมรดกของท่านผู้เฒ่าเชียวนะ!”
“ไม่นะ...! ท่านกู่ ท่านจะทำลายมันได้อย่างไร? หากท่านไม่้า มอบให้ข้าก็ได้”
“ไม่...! ท่านกู่ อย่า!”
เหล่าผู้ฝึกตนต่างะโเสียงดังลั่น พลางจ้องกู่ไห่ด้วยความใ
ตอนนี้ ใบหน้าของชายหนุ่มช่างดูน่าเกรงขาม ความมุ่งมั่นฉายประกายอยู่ในดวงตาคู่นั้น
หลงหว่านชิงและไต้ซือหลิวเหนียน ต่างก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเช่นกัน กู่ไห่ในยามนี้ ช่างดูน่ากลัวดุจสัตว์ป่า
ห่างไปไม่ไกลนัก กู่ฉินที่ยืนดูผู้เป็บิดา ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาขบริมฝีปากแน่น ยื่นมือคว้าหมากสีดำข้างกระดานหมากแห่งชีวิตมากำไว้แน่น ก่อนมองดูกระดานหมากล้อมขนาดใหญ่ และนึกย้อนไปถึงเมื่อยามที่กู่ไห่กำลังจะล้มลง
ก๊อก!
กู่ฉินวางหมากลงบนกระดาน
ที่ฝั่งตรงกันข้าม หุ่นของท่านผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มประหลาด
ตูม!
ทันใดนั้น หุ่นของท่านผู้เฒ่าก็สลายกลายเป็หมอกควัน และจางหายไป
ตูม!
ในจุดที่ไกลออกไป กู่ไห่ฟันกระบี่ฉับ หมายผ่าดอกโบตั๋นแปดสี เพื่อทำลายชิ้นส่วนของตราประทับ
ทันใดนั้น ดอกไม้แปดสีก็พลิกตัวหลบกระบี่โลหิต แล้วลอยละล่องตรงไปยังร่างของกู่ฉินทันที
“อะไรกัน?!” ท่าทีของกู่ไห่แปรเปลี่ยน รีบหันไปมองตามทิศทางที่มันมุ่งไป
“ฮึ่ม!” ดอกโบตั๋นเคลื่อนไปที่หว่างคิ้วของกู่ฉิน ก่อนจะผสานเข้าไปทันที
“หึ!”
เวลานั้นเอง กลุ่มเมฆจำนวนมากก็ลอยมาจากทั่วสารทิศ มุ่งตรงไปยังกู่ฉิน จากนั้นก็ค่อยๆ โอบอุ้มร่างของเขาขึ้นสู่ฟากฟ้า
“คุณชายใหญ่!” ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องอย่างกังวลเล็กน้อย
“บ้าจริง!” กู่ไห่จ้องมอง พลางะโด้วยความโกรธ
“โฮก!”
ในที่สุด ชีพจรัก็หลุดจากผนึก และคำรามเสียงดังสนั่น
ตูม!
แผ่นดินสั่นะเืทันที พร้อมกันนั้น ดอกโบตั๋นั์ก็ค่อยๆ แตกสลายไปในที่สุด
กลุ่มคนใต้อาณัติของกู่ไห่ ะโขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางนำโลงศพออกไปวางในจุดที่อยู่ห่างไกล
“อา! มีแผ่นดินไหว หนีไป... เร็ว!”
“ชีพจรักำลังจะหลุดออกมาแล้ว... อา!”
“โอ้! พอหลุดออกจากผนึกมาได้ ชีพจรัก็สำแดงเดช!”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างพากันถอยห่างอย่างรวดเร็ว ด้วยความตื่นตระหนก ูเาทั้งลูกถล่มราบเป็หน้ากลอง
“โฮก!”
ชีพจรัทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมร้องคำรามลั่น ประหนึ่งเสียงของพายุลูกใหญ่อันน่าพรั่นพรึง
กู่ไห่ไม่สามารถตำหนิกู่ฉินได้ จึงเก็บกระบี่โลหิต ก่อนหันมากระตุ้นพลังของหยกั ให้มุ่งไปยังชีพจรัปฐีตรงหน้า
แรงดึงดูดอันทรงพลังพุ่งออกไป ซึ่งแรงดึงนี้เป็ดั่งภัยคุกคามร้ายแรงของมัน... ดวงตาทั้งสองของชีพจรัปฐีพลันหดเล็กลง
“โฮก!”
ท่ามกลางความหวาดกลัว เส้นชีพจรัพลิกตัว ราวกับ้าที่จะหลบหนีจากแรงดึงดูดนี้
ฟึ่บ!
หยกััักับหัวของชีพจรัทันที
ตูมๆๆ!
ช่างเป็ภาพอันน่าอัศจรรย์ต่อสายตาของทุกคนที่พบเห็น เมื่อหัวชีพจรัที่มีขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้ง[1]นั้น ถูกดูดเข้าไปในหยกั
ดวงตาของกู่ไห่เป็ประกาย เขาะโเข้าไปเพื่อกระตุ้นพลังของหยกัให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสยบชีพจรัขนาดมหึมาตัวนี้
“โฮก... โฮก...!”
ชีพจรัแผดเสียงคำรามกึกก้อง ร่างขนาดใหญ่นั้นบิดตัวไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อสะบัดให้หลุดจากการพันธนาการ
ตูมๆ!
พื้นดินโดยรอบะเิออก ต้นไม้และหินนับไม่ถ้วน กระเด็นกระดอนขึ้นสู่ท้องฟ้า แรงะเิอันรุนแรงนี้ ทำให้ทั้งผืนฟ้าและแผ่นดินปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันสีเทา
“พรวด!”
เศษหินจำนวนมากกระแทกเข้ากับร่างของกู่ไห่ เขาเ็ปเกินทน ถึงขั้นกระอักโลหิต แต่ดวงตาคู่นั้น กลับฉายแวววาวโรจน์อย่างเด่นชัด
“เข้ามาสิ!” ชายหนุ่มใช้พลังทั้งหมดเพื่อกระตุ้นหยกั
ตูมๆ!
ในที่สุด ร่างัั์ก็ถูกดูดเข้าไปในหยกัได้สำเร็จ
ชีพจรัปฐีดิ้นรนอย่างรุนแรง ด้วยพละกำลังอันมหาศาล
กู่ไห่ตรึงหยกัแน่น ปล่อยให้ชีพกรับิดตัวไปมาเช่นนั้นอยู่นาน
“ช่วยด้วย... อ๊าก!”
“ไม่! หินมากมายหล่นลงจากฟ้า... ข้าจะถูกฝังอยู่แล้ว! อ๊าก…!”
“วิ่ง... เร็วเข้า ช่วยด้วย!”
เหล่าผู้ฝึกตนรอบด้าน ต่างะโอย่างกลัวตาย
ท่ามกลางความโกลาหล เศษหินและฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว จนไม่อาจแยกทิศ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนต่างดิ้นรนอย่างหวาดผวา
จนกระทั่ง ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
ตูม!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังสนั่น เศษดินและหินทั้งหมดตกลงมาเป็ครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบงัน
แต่ฝุ่นก็ยังหนาอยู่ ทุกคนจึงต้องรอคอยอย่างสงบ
กู่ไห่ยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ พลางเหลือบมองหยกัที่อยู่ในมือ
“โฮก!”
ในหยกั มีเสียงคำรามของัดังลอดออกมาให้ได้ยินเป็ระยะๆ และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ามีัทองตัวน้อยกำลังดิ้นรนอยู่ข้างใน แต่พลังของผนึกนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป จึงทำให้มันไม่อาจหลบหนี ทำได้แค่พลิกตัวไปมาอย่างยากลำบาก พร้อมกับเปล่งแสงสีทองจางๆ
เขาพลิกมือ พลางเพ่งพิศหยกั
“ช่องว่างมิติสามารถเก็บได้เฉพาะสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่อาจเก็บสิ่งมีชีวิตได้ ทว่า ชีพจรัปฐียังมีชีวิตอยู่ จึงเก็บมันไว้ในนั้นไม่ได้สินะ?” กู่ไห่พึมพำอย่างนึกสงสัย
เขาหยิบกล่องใบเล็กออกมา ก่อนวางหยกัลงไปอย่างระมัดระวัง หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ฝุ่นควันโดยรอบก็เริ่มที่จะเลือนหาย
เหล่าผู้ฝึกตนหลายคนได้รับาเ็ จึงลุกขึ้นจากซากปรักหักพังด้วยความเ็ป
เช่นเดียวกับสำนักหมู่ตาน รอบด้านได้กลายเป็ซากปรักหักพังมากมาย แต่ไม่ใหญ่เท่าซากปรักหักพังของสำนักติงหลง แต่กระนั้น ซากปรักหักพังขนาดร้อยลี้นี้ ยังคงดูน่าใอย่างหาที่เปรียบมิได้
“นายท่าน!”
คนโฉดทั้งแปดคนยกโลงศพมาวางตรงหน้ากู่ไห่
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ พลางเงยหน้ามองกลุ่มเมฆที่มีรูปร่างคล้ายดอกโบตั๋นแปดสี ซึ่งยังลอยอยู่กลางอากาศรอบๆ ร่างของกู่ฉิน
หลงหว่านชิง ไต้ซือหลิวเหนียนและคนอื่นๆ เดินเข้ามา
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เมฆแปดสีที่ลอยอยู่กลางเวหาจึงจางหายไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ร่างของกู่ฉิน
เมื่อได้สติคืนมา ดวงตาของเขาก็ส่องประกายระยิบระยับ
ฟิ้ว!
กู่ฉินร่อนลงจากฟากฟ้า
ตุบ!
และมาอยู่ตรงหน้าของกู่ไห่
กู่ไห่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในสายตานั้น กลับแฝงไปด้วยความเยียบเย็น หลงหว่านชิง ไต้ซือหลิวเหนียน และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง พากันเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
กู่ฉินคุกเข่าลงตรงหน้ากู่ไห่ทันทีอย่างรู้ตัว “พ่อบุญธรรม... ลูกอกตัญญู โปรดลงโทษด้วย!”
“เ้ายังรู้เื่ความกตัญญูกตเวทีอยู่อีกหรือ?” กู่ไห่ถามเสียงเย็น
กู่ฉินขบริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ย “พ่อบุญธรรมเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าลูกคนนี้เชื่อฟังอย่างเอาเป็เอาตาย
ลูกรู้ว่าการทำเช่นนี้มีความเสี่ยง และอันตราย แต่ตอนที่พ่อบุญธรรมเข้าไปในกลหมากแห่งความตายนั้น ลูกเองก็รู้สึกห่วงใยท่านไม่ต่างกัน
จึงได้ครุ่นคิด และในที่สุดก็ตัดสินใจลองเสี่ยงทำตามใจตนเอง!”
“หืม?” กู่ไห่ตอบกลับเสียงต่ำ
“ข้าจำได้ว่า ก่อนที่น้องรองจะจากไป พ่อบุญธรรมเคยกล่าวว่า ‘ไม่อาจใส่ไข่ไว้ในตะกร้าเดียวกันได้’ ลูกเข้าใจดี ว่ามรดกของท่านผู้เฒ่ามีความเสี่ยง แต่นี่ก็ถือเป็โอกาสมิใช่หรือขอรับ?
ความแค้นของท่านแม่ต้องได้รับการชำระ ลูกเห็นพ่อบุญธรรมพยายามอย่างสุดชีวิต แต่กลับบอกให้ลูกล่าถอย ทว่า ลูกคนนี้กลับไม่เต็มใจแม้แต่น้อย ข้าเองก็้าที่จะแสดงพลัง และคิดจะแก้แค้นให้ท่านแม่เช่นกัน!” กู่ฉินพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
กู่ไห่ทอดสายตามองกู่ฉินนิ่งๆ ตอนนี้โทสะในใจลดลงไปมากแล้ว
“ที่ข้ามีชีวิตอยู่มาได้หลายปีจนถึงบัดนี้ เป็เพราะพ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมเมตตาอุ้มกลับมา ในคืนที่หนาวเหน็บ ตอนนั้นลูกถูกทิ้งไปแล้ว และบางทีอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะหนาวตาย
ตอนนี้ ลูกก็สามารถหาเงิน ดูแลตัวเองได้แล้วมิใช่หรือ? พ่อบุญธรรม ลูกพยายามทำทุกอย่างตามที่ท่านคอยสอนสั่งมาตลอด
ในสี่พี่น้อง ทำไมลูกถึงมีนิสัยที่เคร่งขรึมกว่าคนอื่นๆ นั่นเป็เพราะลูกโง่เขลา ไม่เหมือนกับน้องทั้งสามที่ฉลาดและว่องไว ลูกไม่อยากทำให้พ่อบุญธรรมขายหน้า จึงยอมไม่ทำเสียเลย ดีกว่าทำผิดพลาด ดังนั้นจึงดูสงบนิ่ง
ลูกไม่ฉลาด เรียนรู้ได้ไม่เร็วเช่นพี่น้องทั้งสาม แต่แม่บุญธรรมกลับไม่เคยคิดรังเกียจลูก ในวัยเด็ก หากมีของเล่นใหม่ๆ อาหารอร่อยๆ ก็มักจะเป็ลูก ที่ได้รับมันเป็คนแรก เมื่อครั้งที่พวกเราสี่พี่น้องทะเลาะกัน แม่บุญธรรมก็เป็คนแรกที่ปกป้องลูก
แต่เมื่อแม่บุญธรรมต้องมาตายอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ ท่านจะไม่ให้ลูกคนนี้ทำอะไรเลยหรือ? แบบนี้ไม่ได้นะ ท่านพ่อ… ลูกไม่อาจยอมรับได้! ยอมรับไม่ได้จริงๆ!
ใช่! ข้าพึงปฏิบัติตามรอยเท้าท่าน คอยหลบอยู่ด้านหลังพ่อบุญธรรม แต่จริงๆ แล้ว ลูกก็้าจะทำตัวให้เป็ประโยชน์ต่อวงศ์ตระกูล และพ่อบุญธรรมบ้าง!
ข้าไม่อยากเป็เงาของท่าน… พ่อบุญธรรม
ลูกเป็เด็กดี ที่เชื่อฟังพ่อบุญธรรมเสมอ ทว่าเวลานี้ ได้โปรดเถอะพ่อบุญธรรม ให้ข้าได้เอาแต่ใจตัวเอง แค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว!
พ่อบุญธรรม... ลูกแค่้าที่จะแก้แค้นแทนแม่บุญธรรม! ลูกอยากแข็งแกร่ง!” น้ำตาที่เอ่อนองของกู่ฉิน ค่อยๆ ไหลริน
กู่ไห่นิ่งมองดูกู่ฉิน เมื่อได้ยินความในใจของผู้เป็ลูก ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “เฮ้อ! มันก็แค่...! ลุกขึ้นเถอะ! ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว!”
“ขอบพระคุณพ่อบุญธรรม ที่ท่านให้อภัย!” กู่ฉินเงยหน้ามองผู้เป็บิดา ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ