ตอนนี้เป็วันที่สิบแปดเดือนสิบสอง บนท้องฟ้ายังมีพระจันทร์ดวงกลมโต กิ่งไม้ในป่าถูกแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาสะท้อนลงไปบนพื้นจนเกิดเงา ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัว
ในตอนแรกแม่นมลู่เดินตามองครักษ์สองคน ถึงแม้จะเป็ฤดูหนาว พวกต้นหญ้าในป่าล้วนแต่แห้งกรอบไปหมดแล้ว แต่ว่าเถาวัลย์ที่อยู่ตามกิ่งไม้เลื้อยไปถึงยอดต้น ถึงแม้จะแห้งไปแล้วแต่ก็ยังคงขวางทางแล้วทำให้คนเดินทางลำบากมากยิ่งขึ้น
องครักษ์คนหนึ่งใช้มีดตัดเถาวัลย์แห้งด้านหน้า องครักษ์อีกคนตามอยู่ด้านหลัง ระวังระยะห่างของทหารที่ตามอยู่ด้านหลัง แม่นมลู่ทำงานยุ่งมาตลอดทั้งวัน ตอนกลางวันก็ไม่ทันได้ทานข้าว ตอนนี้ทั้งหิวทั้งเหนื่อย ค่อยๆ รู้สึกว่าเท้าของตนเองยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจก็ยิ่งหอบหนักมากขึ้น
องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังพูดเสียงเบา “พวกเขาตามมาแล้ว”
องครักษ์ที่อยู่ด้านหน้ามองสีท้องฟ้าก็ทำการแยกแยะเส้นทางอยู่ครู่หนึ่ง “แม่นม พวกเราจะเดินไปทางเหนือเรื่อยๆ หรือขอรับ?”
แม่นมลู่ครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ผ่านป่านี้ไปข้าจำได้ว่ามีช่องเขาอยู่เส้นหนึ่ง เดินผ่านช่องเขานั้นไปทางตะวันออก แล้วค่อยข้ามเขาลูกเล็กนั้นไปก็จะเป็บ้านสวนของสกุลสวี่ ที่บ้านสวนมีคนคอยอารักขาอยู่ตลอด พวกเราจะไปที่นั่น”
เพื่อความปลอดภัยของพริก สวี่ตี้ไม่เพียงแต่จะจัดคนปกป้องบ้านสวนเอาไว้ แม้แต่เว่ยหลางยังส่งองครักษ์ของตนเองมาอารักขา ถึงขนาดเรียกองครักษ์ของจวนจิ้งเป่ยโหวมาช่วย เรือนเพาะชำบนูเาใกล้ๆ ก็สร้างที่พักเอาไว้หลังหนึ่ง หลังจากเก็บพริกด้านล่างูเาเสร็จแล้ว ก็สร้างเรือนเพาะชำที่มีเอาไว้เพาะเมล็ดพริกโดยเฉพาะ ตอนนี้คนพวกนี้ต่างไปเฝ้าอยู่บนูเา
องครักษ์ที่อยู่ด้านหนาเอ่ย “แม่นม เดินเช่นนี้ช้าเกินไป ให้ข้าแบกท่านแล้วกันนะขอรับ?”
แม่นมลู่เอ่ย “ตอนนี้เป็เวลาหนีเอาตัวรอด เื่หยุมหยิมก็วางมันไปก่อนเถิด ตอนนี้ข้าจะฟังคำสั่งของพวกเ้า พวกเ้าพูดว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
องครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าพูดว่าขออภัยก็แบกแม่นมลู่ขึ้นแล้วรีบออกเดินทาง
องครักษ์พวกนี้ต่างผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด จากนั้นก็ผ่านการฝึกพิเศษ ไม่ว่าจะเป็การหนีหรือว่าซ่อนตัว ที่สำคัญที่สุดคือฝีมือการต่อสู้ล้วนอยู่อันดับต้นๆ แม่นมลู่กลับไปครั้งนั้น หลังจากเจอกับเฉินอู่ฝู เขาก็ให้องครักษ์แม่นมลู่มาหกคน ซึ่งแม่นมลู่อยู่ในวังมานานหลายปี เมื่อเห็นคนพวกนี้มีหรือจะไม่เข้าใจว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร?
เบื้องหน้าเฉินอู่ฝูส่งคนมาปกป้องแม่นมลู่ ความจริงแล้วฮ่องเต้เหลียงเฉิงตี้ได้ส่งให้มาปกป้องสกุลสวี่ พืชพันธุ์ ผัก แล้วก็ปุ๋ยที่สกุลสวี่ได้มอบให้ราชวงศ์ต่างหากเล่า ของพวกนี้ล้วนทำให้เหลียงเฉิงตี้มองเห็นความหวัง ผู้ที่เป็ฮ่องเต้ที่เป็ห่วงใต้หล้า สิ่งที่อยากจะเห็นที่สุดก็คือประชาชนของตนกินอิ่ม มีที่อยู่อาศัยมีงานมีการทำ อีกทั้งตนเองที่เป็จักรพรรดิ ก็สามารถทำเพื่อชื่อเสียงที่ดีในภายภาคหน้า
เื่ที่คนสกุลสวี่ทำ ความจริงแล้วล้วนอยู่ในสายตาของคนที่เหลียงเฉิงตี้ส่งไป ั้แ่หลังจากเอามาปลูกในสวนของราชวงศ์ เหลียงเฉิงตี้ก็ส่งสายลับหลายคนไปที่เหอซี เพื่อสามารถปกป้องคนสกุลสวี่ ป้องกันคนจากแคว้นเยี่ยนมาแย่งของไป
องครักษ์ทั้งสองคนแบกแม่นมลู่ปีนไปบนูเาในจุดที่สูงที่สุด ไกลออกไปเห็นทางเมืองเหอซีมีไฟลุกขึ้นสูง ทั้งสามคนยืนอยู่ตรงนั้นมองอยู่เงียบๆ ก่อนจะเห็นกลุ่มคนขี่ม้าไล่ตามตนเองอย่างกัดไม่ปล่อย แม่นมลู่เช็ดน้ำตา “พวกเรารีบไปกันเถิด ขอแค่คนยังอยู่ ก็ยังสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้”
หลายวันมานี้ ทุกคนต่างก็เห็นความพยายามของคนสกุลสวี่อยู่ในสายตา โดยเฉพาะสวี่เหรา ผู้ที่เป็ผู้ปกครองสูงสุดนั้นใส่ใจกับงานจริงๆ ไม่พูดถึงเื่ตายเพื่องาน เขาเป็คนที่ทุ่มเททำงานเพื่อแคว้นอย่างแท้จริง เมืองนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าผู้ปกครองสวี่ค่อยๆ สร้างวันนี้ขึ้นมาทีละนิด ตอนนี้บอกจะทิ้งก็ทิ้ง จะบอกว่าไม่ปวดใจเลยก็คงโกหก
องครักษ์ทั้งสองคนวิ่งไปก็ปรึกษากันไป “พวกเราทำเช่นนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา จะต้องจัดการกับพวกด้านหลังถึงจะรอดไปได้”
คนที่แบกแม่นมลู่ยกมือเช็ดเหงื่อ ก่อนจะเอ่ย “จะจัดการอย่างไร พวกเรามีกันสองคน พวกเขามีกันเยอะขนาดนี้”
องครักษ์อีกคนเอ่ยตอบ “คุณชายใหญ่ให้ของข้ามาถุงหนึ่ง บอกให้ข้าใช้ตอนคับขัน ข้าดูแล้วด้านในเป็ผงหินปูน แล้วก็ผงพริก บอกว่ายังมีะเิควัน เ้าว่าแค่พวกเรารวมกับเ้าของพวกนี้จะเป็อย่างไร ลองดูหรือไม่?”
คนที่แบกแม่นมลู่เอ่ย “พวกเขาคงจะคิดว่าฮูหยินสวี่อยู่กับพวกเรา พวกเราล่อไปทางบ้านสวน ทางนั้นมีคนมากมาย”
องครักษ์คนแรกเอ่ย “เช่นนั้นเ้ารีบพาแม่นมไป ข้าจะอยู่ถ่วงเวลาพวกเขาทางด้านหลัง หลังจากเ้าวางแม่นมลงแล้วค่อยมา วันนี้พวกเราจะจัดการฆ่าศัตรูของแคว้น”
คนที่แบกแม่นมลู่อยู่ด้านหลังฟังแล้วก็เอ่ย “เื่นี้ก็ได้ สหาย เช่นนั้นข้านำไปก่อนแล้วกันนะ”
ตอนลงจากเขาราบรื่นกว่ามาก มีแสงจันทร์สีขาวนวล องครักษ์คนนี้ก็บุกป่าฝ่าดงอยู่ในูเา จึงทำให้ยิ่งลงไปไวมาก หลังจากลงจากเขาแล้วก็ผ่านเส้นทางหุบเขา ทางหน้าหุบเขาก็เป็ูเาที่สกุลสวี่ซื้อเอาไว้ ทางใต้ของูเาก็คือบ้านสวนของสกุลสวี่
องครักษ์แบกแม่นมลู่ เพียงครู่เดียวก็มาถึงบ้านใกล้ๆ กับเรือนเพาะชำบนูเา
คนในบ้านเมื่อเห็นแม่นมลู่ก็ใ หัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวร้องถามขึ้น “ไอ๊หยา แม่นมลู่ เหตุใดท่านถึงมาตอนนี้ขอรับ? ใต้เท้ากับฮูหยินของพวกเราเล่า?”
แม่นมลู่นั่งลงไปกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อนไม่มีแรงจะลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย “พวกเขาไปที่ด่านเยี่ยนเหมินกันหมดแล้ว พวกเ้าทางนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
หัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวตอบ “พวกเราอุดรูที่ใช้เดินทางจากเหอซีให้แคบที่สุดแล้วขอรับ พวกเขาไม่มีทางเข้ามาได้ในทันที แม่นมลู่ ข้าได้เรียกคนของหมู่บ้านจางมาบนูเาแล้ว หากคนของเป่ยตี้มาพวกเราก็สามารถวิ่งเข้าไปในูเาได้”
แม่นมลู่เอ่ย “เ้าทำเช่นนี้ถูกต้องที่สุด การรับมือควรจะเป็เช่นนี้”
หัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวรีบเรียกคนไปทำกับข้าวมาให้กับพวกของแม่นมลู่ คนที่แบกแม่นมลู่ได้เรียกคนที่ชำนาญการขี่ม้าหนึ่งกลุ่มมาเตรียมตัวเพื่อไปรับองครักษ์อีกคนที่อยู่ด้านหลัง แล้วจัดการกับคนที่ไล่ตามมา
แม่นมลู่ตามมาส่งที่หน้าประตู “ทั้งหมดจะต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพวกเ้าเป็หลัก สู้ไม่ได้ก็หนี อยากจะทำลายพวกเขาก็ไม่ต้องรีบร้อนทำลายตอนนี้”
องครักษ์คนนั้นยิ้มพลางเอ่ย “ท่านแม่นม เมื่อครู่เพราะว่าจะปกป้องความปลอดภัยของท่าน พวกเราจึงไม่กล้าลงมือ ขอแค่มีพวกเราสองคน จะยังสามารถให้พวกเขาไล่ตามพวกเราเหมือนหมาบ้าเช่นนี้หรือ? ท่านวางใจ แล้วรอข่าวดีจากการกลับมาของพวกเราเถิด”
แม่นมลู่ยังอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ แต่ตอนนี้นางยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนั่งอยู่บนขอบประตู มองแผ่นหลังของบุรุษหนุ่มพวกนั้นที่มุ่งหน้าเข้าูเาไปด้วยความกังวล ในใจมีความรู้สึกเ็ปที่พูดไม่ออก คืนนี้แม่นมลู่ผ่านเื่ราวมามากมายจริงๆ นางไม่รู้ว่าต่อไปตนเองจะเจอกันเื่อะไร แต่ว่านางกลับรู้ดีมากว่า เมื่อมีคนวัยหนุ่มพวกนี้ ตลอดจนเด็กที่เพิ่งจะคลอดออกมาอยู่ในห่อผ้าเล็กๆ แคว้นนี้ก็มีความหวังแล้ว
คนในบ้านสวนต่างออกจากบ้านของตนเองแล้วมาซ่อนตัวอยู่ในบ้านบนูเา หัวหน้าหมู่บ้านจางเจียสองสามีภรรยาตามแม่นมลู่ออกมา เมื่อเห็นนางพิงขอบประตู ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจางเจียจึงเข้ามาพยุงแม่นมลู่ “ท่านแม่นม อากาศมันหนาวนะเ้าคะ พวกเราเข้าไปในเรือนกันเถิดเ้าค่ะ”
แม่นมลู่จับมือของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจางเจียแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าอายุมากปูนนี้แล้ว วิ่งวุ่นตลอดทั้งคืนเช่นนี้ก็รับไม่ไหวอยู่นะ”
หัวหน้าหมู่บ้านจางเจียกล่าว “แม่นมลู่ท่านก็พูดเกินจริงไปแล้วขอรับ ตั่งอุ่นของเรือนหลังได้จุดไฟเอาไว้แล้ว แม่นมไปพักก่อนเถิดขอรับ มีเื่อันใดแม่นมก็สั่งให้พวกเราไปทำ หนุ่มๆ ในหมู่บ้านของพวกเราต่างอยากจะไปฆ่าพวกคนเป่ยตี้ด้วยตัวเองเลยนะขอรับ”
แม่นมลู่ส่ายหน้า “หัวหน้าหมู่บ้านจางเจีย เ้าควบคุมคนในหมู่บ้านของเ้าให้ดี อย่าออกไปเจอกับคนเป่ยตี้ตรงๆ พวกนั้นล้วนเป็หัวกะทิของเป่ยตี้ พวกเราออกไปแล้วไม่แน่ว่าแม้แต่ชีวิตก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ ให้ทุกคนมาหลบที่นี่สักพัก หากคนเป่ยตี้จะมาที่นี่จริงๆ ก็รีบพาคนในหมู่บ้านไปในเขตต้าเหลียง”
หัวหน้าหมู่บ้านฟังแล้วก็ถามด้วยความใ “แม่นม มันเลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “จะต้องระวังหน่อย ในเมื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เช่นนั้นจะต้องปกป้องตนเองให้ดี อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า ขอแค่รักษาชีวิตเอาไว้ได้ จะอย่างไรก็มีความหวัง” แม่นมลู่ไม่อยากให้คนที่ไม่มีอาวุธพวกนี้อาศัยความเืร้อนของตนเองไปตีกับคนเป่ยตี้ หากทำเช่นนั้นก็เป็การเสียสละที่ไม่มีความหมาย มีชีวิตอยู่ ปลูกพืชให้ได้หลายๆ ไร่ เก็บเกี่ยวอาหารให้มากหน่อย จากนั้นทำการบริจาคออกไปก็ถือว่าช่วยได้มากที่สุดแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านเดินออกไปเงียบๆ แม่นมลู่พิงพนักพิง ในใจกำลังคิดถึงจางจ้าวฉือและเด็กที่เพิ่งจะคลอดออกมา ก็มิรู้ว่าสองแม่ลูกจะไปถึงด่านเยี่ยนเหมินได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ พวกเขาจะได้รับการดูแลที่ดีหรือไม่ แล้วก็ผู้ปกครองสวี่ จะรู้หรือไม่ว่าตนเองได้เป็พ่อคนอีกแล้ว
สมองของแม่นมลู่ยุ่งเหยิงมาก มึนๆ เบลอๆ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปั้แ่เมื่อไหร่ รอจนกระทั่งได้ยินการเคลื่อนไหวจากเรือนด้านหลังจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางรู้สึกว่าทั่วทั้งตัวเหมือนถูกตีั้แ่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะที่ใดก็ปวดร้าวไปหมด
หัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวเดินเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นแม่นมลู่ตื่นแล้วก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แม่นม ข่าวดีขอรับ เหล่าพี่น้องของบ้านสวนของพวกเราทำลายพวกเป่ยตี้ที่ตามมาจนย่อยยับแล้ว มีเหลือรอดชีวิตอยู่ไม่กี่คนขอรับ”
แม่นมลู่ได้ยินแล้วก็รีบลุกขึ้นจากตั่งมายืนบนพื้น แต่กลับหน้ามืดรู้สึกว่าโลกมันหมุน จึงทำได้แค่เท้ามือกับโต๊ะข้างตั่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมาก่อนจะถาม “แล้วพวกเขาล่ะ?”
หัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลจ้าวเห็นท่าทางของแม่นมลู่ก็มีใจอยากจะเข้าไปพยุง แล้วก็คิดได้ว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงทำได้แค่ยืนกุมมืออยู่ด้านข้าง “กลับมากันแล้วขอรับ องครักษ์พวกนั้นกำลังสอบสวน ตอนนี้คาดว่าจะสามารถถามเื่ราวออกมาได้ความบ้างแล้วขอรับ”
แม่นมลู่รีบเดินไปด้านหน้า เรือนด้านหน้าจุดไฟสว่าง แม่นมลู่เดินมาถึงเรือนหลักด้านหน้าก็เห็นองครักษ์ที่แบกตนเองขึ้นหลังออกมาจากในห้องพอดี พอเขาเห็นแม่นมลู่ก็รีบทำความเคารพ “แม่นม พอดีเลยข้ากำลังจะไปหาท่าน สอบถามออกมาได้ความแล้วขอรับ”
แม่นมลู่รีบเข้าไปในเรือนหลัง แล้วเข้าไปยังห้องปีกตะวันตก ก่อนจะเรียกให้องครักษ์นั่งลง “เื่เป็มาอย่างไร?”
องครักษ์เอ่ย “สายสืบที่ปลอมตัวเข้ามาในเมืองรู้ว่าฮูหยินคลอดลูก จึงจับตามองอยู่ตลอด พอเห็นพวกเราตามพลทหารเหอไปที่บ้านไม้เล็กๆ บนูเา จึงแอบกลับไปรายงาน ตอนนี้ถึงได้ตามมาตลอดขอรับ”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็รีบร้อนถาม “เช่นนั้นพวกเขาได้ส่งคนให้ตามไปที่ด่านเยี่ยนเหมินอีกหรือไม่?”
องครักษ์เอ่ยตอบ “ไม่มีขอรับ ตอนนั้นเร่งรีบ จึงส่งแค่ทหารม้านี่ตามมา อีกทั้งฟังจากที่พวกเขาพูด คนข้างกายองค์ชายห้าของพวกเขาบอกว่าจะต้องจับฮูหยินแบบมีชีวิต ถ้าหากฮูหยินคลอดลูกแล้ว แม้จะจับฮูหยินไม่ได้ก็ต้องจับคุณชายน้อยกลับไปได้ก็ยังดีขอรับ”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็โกรธจนหน้าขาวซีด ก่อนจะต่อว่า “เดรัจฉานจริงๆ แม้แต่เด็กเพิ่งเกิดก็ไม่ปล่อยไป โชคดีที่พวกเราเตรียมตัวเอาไว้ ไม่ปล่อยให้พวกเขาทำได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นใต้เท้าสวี่กับคุณชายจะทำอย่างไร?”
องครักษ์พยักหน้า “ใช่ขอรับ ฮูหยินเป็หมอผู้จิตใจดีของเหอซีและด่านเยี่ยนเหมิน หากถูกคนเป่ยตี้จับไปจริงๆ ต่อไปมิรู้ว่าจะทำอย่างไรดี โชคดีที่พวกเราล่อคนมาทางนี้ แม่นม ท่านนี่เก่งจริงๆ นะขอรับ”
แม่นมถอนหายใจ “นี่ล้วนเป็ครอบครัวของข้า มีหรือข้าจะอยากให้พวกเขาได้รับาเ็ เ้ารีบส่งคนไปดูที่ด่านเยี่ยนเหมิน ว่าฮูหยินกับคุณชายน้อยอยู่หรือไม่ ปลอดภัยดีหรือไม่”
องครักษ์เอ่ยตอบ “แม่นม ท่านวางใจ ข้าได้ส่งคนไปแล้ว รอฟ้าสางแล้วก็จะมีจดหมายส่งกลับมาขอรับ ใน่เวลาที่ฟ้ายังไม่สว่าง ท่านก็ไปพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ตอนสายพวกเราก็ค่อยไปที่ด่านเยี่ยนเหมินกัน ตลอดทางยังทำให้ท่านเหนื่อยอยู่นะขอรับ”
แม่นมลู่เมื่อได้ฟังความแล้ว หลังจากขอบคุณองครักษ์อีกครั้ง ก็รีบกลับไปพักผ่อนที่เรือนหลัง
เป็เพราะเื่ราวในใจมีทางแก้แล้ว บวกกับนางเหนื่อยมามาก หลังจากแม่นมลู่ล้มตัวลงนอนก็สลบไปทันที
ตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าก็สว่างแล้ว แม่นมลู่รีบลุกขึ้น จัดการกับรอยยับย่นบนเสื้อผ้าของตนเองแล้วค่อยรีบร้อนออกจากห้อง
ในเรือนวางหม้อขนาดใหญ่เอาไว้หลายใบ หัวหน้าหมู่บ้านสกุลจางกำลังสั่งให้เหล่าสตรีในหมู่บ้านทำอาหาร เมื่อเห็นแม่นมลู่หัวหน้าหมู่บ้านก็เอ่ย “แม่นม อีกเดี๋ยวอาหารเช้าก็เสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวจะไปส่งให้ที่เรือนด้านหน้านะขอรับ”
หลังจากแม่นมขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบเดินไปด้านหน้า
องครักษ์ที่อยู่ในเรือนหน้าจัดการกับการแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ใช่แค่องครักษ์สองคนที่พาแม่นมลู่มา เว่ยหลางยังทิ้งกลุ่มองครักษ์เอาไว้ที่นี่อีกหนึ่งกลุ่ม ซึ่งหัวหน้าองครักษ์แบ่งคนออกเป็สองกลุ่ม หนึ่งกลุ่มอยู่ปกป้องที่นี่ต่อ อีกกลุ่มหนึ่งตามพวกแม่นมลู่ลงจากเขากลับไปยังด่านเยี่ยนเหมิน พวกเขาถูกจวนจิ้งเป่ยโหวส่งมาที่นี่ ที่สำคัญที่สุดก็เพื่อปกป้องเว่ยหลาง ตอนนี้ด่านเยี่ยนเหมินสถานการณ์เป็อย่างไรก็ไม่รู้แน่ชัด พวกเขารออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว
หลังจากทานข้าวเช้าง่ายๆ แม่นมลู่ก็ตามเหล่าองครักษ์ไปที่ด่านเยี่ยนเหมิน ตลอดทางแม่นมลู่ถูกเหล่าองครักษ์พวกนี้แบก จนกระทั่งเดินทางมาถึงเวลาตอนเที่ยง ถึงได้เห็นสถานที่ครึกครื้นอยู่ไม่ไกลด่านเยี่ยนเหมิน เป็สถานที่ที่ทหารสองกองทัพมารวมตัวกัน
เว่ยหลางยืนอยู่ตรงหน้าค่าย เผชิญหน้ากับทหารม้าที่องค์ชายห้านำทัพมา ทหารของเป่ยตี้แข็งแกร่ง ชุดเกาะส่องแสงสะท้อนท่ามกลางแสงอาทิตย์ อุปกรณ์เช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทหารของต้าเหลียงจะสามารถรับมือได้
องค์ชายห้าอู่ลี่จี๋มองเว่ยหลางที่ขี่ม้าศึกสีขาวตัวหนึ่งะโออกมาเสียงดังว่า “เว่ยหลาง เ้าถูกเป่ยตี้ของพวกเราล้อมเอาไว้แล้ว ยอมแพ้เสียั้แ่ตอนนี้ แล้วเ้าจะไม่ตาย!”
เว่ยหลางฟังแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังออกมา “อู่ลี่จี๋ พวกเราต้าเหลียงแต่ไหนแต่ไรใช่จะผ่านไปได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น เ้าชอบวัฒนธรรมของต้าเหลียงของพวกเรามิใช่หรือ? ในเมื่อมาแล้วเช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”
อู่ลี่จี๋ฟังแล้วก็หัวเราะเสียงเย็น “วันนี้ข้าจะให้เ้าดู ด่านเยี่ยนเหมินที่พวกเ้าเรียกว่าแข็งแกร่งดั่งทองมันจะถูกข้าทำลายอย่างไร”
เว่ยหลางหัวเราะลั่นสองสามที ก่อนจะชักสีหน้า “อู่ลี่จี๋ เ้าคิดว่าองค์ชายใหญ่ของเ้าเหตุใดถึงรออยู่ด้านนอกหรือ เ้าคิดว่าองค์จักรพรรดิของเ้าทำการชั่วร้ายอย่างเปิดเผยนั้นดีต่อเ้า พี่ชายอีกหลายองค์ของเ้าคิดอย่างไร? เ้าคิดว่าพวกเ้าบุกเข้ามาในต้าเหลียงของพวกเราก็สามารถขังพวกเราเอาไว้ในนี้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ? อู่ลี่จี๋ เ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้