ตู้ิเจวียนไม่เคยได้ยินคำกล่าวเช่นนี้มาก่อน แต่่นี้ตนเองเ้าเนื้อขึ้นไม่น้อย
นางจงใจเอาสองมือเท้าสะเอวท่าทางดุ “ลั่วชีเหนียง เ้าโต้ตอบฮูหยินอย่างข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะไล่เ้าออกจากจวนหรือ?”
ชีเหนียงโน้มตัวเล็กน้อย “ฮูหยินมิใช่ผู้ที่ฟังวาจาซื่อสัตย์มิได้ นอกจากนี้สิ่งที่ข้าพูดนั้นมาจากใจจริง แม้ฮูหยินจะโกรธก็สมควรโกรธที่วิธีพูดของข้าเถรตรงเกินไป แต่ไม่มีทางหงุดหงิดข้าจริงๆ”
ตู้ิเจวียนถือผ้าเช็ดหน้าและหลุดขำ “คนอย่างเ้าน่าสนใจจริงๆ เหตุใดเ้าจึงดูออกว่าข้าไม่ได้โมโหจริง?”
“หากฮูหยินโกรธจริง แล้วดวงตาจะแฝงด้วยรอยยิ้มได้อย่างไรเ้าคะ…” ยังพูดไม่ทันจบ ชีเหนียงก็ถูกตู้ิเจวียนดึงไปอีกทาง
มองดูทั้งสองนั่งลงและพูดคุยหัวเราะกัน อย่าว่าแต่พี่หลิวที่ทำสีหน้าผิดคาด กระทั่งบ่าวคนสนิทของตู้ิเจวียนก็รู้สึกยากจะอธิบาย
ฮูหยินของพวกนางสายตาค่อนข้างสูงส่งนับั้แ่วัยเยาว์ คนทั่วไปไม่เข้าตานางด้วยซ้ำ แต่ลั่วชีเหนียงมีอะไรดีกันแน่ ถึงได้ทำให้ฮูหยินชื่นชอบเช่นนี้
“อ้า…ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!” ตู้ิเจวียนอุทาน ทันใดนั้นนางกลอกตา “ชีเหนียง ในเมื่อเ้าช่ำชองสิ่งนี้ มิสู้การแต่งกายวันนี้ เ้าช่วยข้าหน่อยเถอะ”
นางโอบแขนของชีเหนียงและส่ายไปมา จากนั้นก็รู้สึกว่าท่าทางของตนเองน่าขายหน้าเกินไป ชัดเจนว่าทุกคนต่างก็เป็วัยเดียวกัน แต่นางมักจะรู้สึกอยากพึ่งพาลั่วชีเหนียงผู้นี้อย่างน่าประหลาด
นานทีปีหนจะมีคนตอแยชีเหนียง เมื่อทนการอ้อนของนางไม่ไหว จึงล้างมือเพื่อแต่งหน้าให้นาง
ดีที่ก่อนหน้านี้ลั่วชีเหนียงเองก็เป็หญิงมีอายุที่ทันสมัยพอดู ทำให้การแต่งหน้านั้นง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก
วันนี้ตู้ิเจวียนเป็เ้าภาพ ความสง่างามและหรูหราโอ่อ่าต้องไม่ขาด เพียงแต่ว่าในสีชาดทาปากไม่มีสีถั่วแดง ลั่วชีเหนียงจึงได้แต่ถอยหนึ่งก้าวและเลือกสีชาดที่อ่อนลงมาอีกนิด หากแต่นำพู่กันขนคิ้วมาตวัดเป็ทรงจันทร์โค้ง
เพียงไม่นานก็มีความสง่าและไม่สูญเสียความโอบอ้อมใจกว้าง ในความน่าเกรงขามยังแฝงความเป็มิตร ตู้ิเจวียนััใบหน้าของตนและรู้สึกยากจะบรรยาย ใบหน้าของตู้ิเจวียนนั้นค่อนข้างดูเด็ก มักจะข่มบ่าวไม่อยู่ ดังนั้น นางจึงต้องทำให้ตนเองดูดุขึ้น เวลาไม่มีอะไรทำก็ขว้างปาถ้วยน้ำชาและลงโทษบ่าวทั้งหลาย นานวันเข้า คนรอบข้างจึงรู้สึกเพียงว่านางร้ายกาจ ไม่กล้าหยอกล้อนางเล่น
“ชีเหนียง เ้าช่างเก่งกาจนัก!” ตู้ิเจวียนส่องคันฉ่องโดยไม่อาจละสายตา ชีเหนียงเห็นนางพึงพอใจ จึงขอตัวไปโรงครัว
ตู้ิเจวียนมองดูตนเองในคันฉ่องและไม่ตอแยชีเหนียงอีก
คนในคันฉ่องเม้มปาก แม้ดูน่าเกรงขามแต่ไม่ได้ดูดุจนเกินไป หน้าตาตอนยิ้มแย้มดูอ่อนหวานน่าดูชม ตู้ิเจวียนรู้สึกว่าตนเองเก็บของล้ำค่ามาได้
เมื่อครู่ชีเหนียงยังบอกว่านางมีวิธีแต่งหน้าแบบอื่นอีก เพียงแค่การแต่งหน้าก็ยังเก่งกาจเช่นนี้ อย่างอื่นมิเก่งกาจกว่านี้หรือ
......
วันเกิดของหยางหนิงจัดขึ้นอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะอาหารเครื่องดื่มของใช้ สิ่งใดเล่ามิใช่หนึ่งเดียวในอำเภอเฉา กระทั่งหยางฮูหยินตู้ิเจวียนที่ยามปกติมักจะขึงขังเวลาอยู่ข้างนอก วันนี้ก็ได้รับความชื่นชอบจากเหล่าแขกสตรีในงานเลี้ยงเช่นกัน
หลังจบงานเลี้ยง เลี่ยวมามาคิดบัญชีให้พวกนาง นอกจากนี้ยังมีรางวัลเพิ่มให้อีกห้าสิบตำลึง
“ลั่วเหนียงจื่อ มีความสามารถพอตัว ฮูหยินของเราวันนี้มีหน้ามีตาไม่น้อย” เลี่ยวมามายื่นถุงเงินที่หนักอึ้งไปให้ ในส่วนของตนเองแน่นอนว่านางเก็บไว้เองแล้ว
ลั่วชีเหนียงมองนางและยิ้มรับของรางวัลไว้ “ก็เพราะพึ่งพาใบบุญของมามาทั้งนั้น หากมิใช่มามา เื่ดีเช่นนี้มีหรือจะตกถึงชีเหนียง” ขณะพูด ก็หยิบเงินหนึ่งก้อนออกมาจากถุงเงินและยัดใส่มือเลี่ยวมามา
“่ระหว่างนี้ลำบากมามาแล้ว มามาได้โปรดอย่ารังเกียจ”
เลี่ยวมามาปฏิเสธหลายครั้ง ก่อนจะเก็บเงินไว้
พี่หลิวรู้ว่านี่คือเงินที่ชีเหนียงหามาได้ จะใช้จ่ายอย่างไรก็ตามใจ แต่เมื่อครู่นางควักให้เลี่ยวมามาหนึ่งตำลึงเชียวนะ! นี่ซื้อเนื้อหมูได้ตั้งเท่าใดแล้ว!
“ชีเหนียง ตามหลักเ้าหาเงินมาได้ พี่ไม่ควรว่าเ้า แต่เงินนี่มิได้มากับสายลม เ้าให้นางไปเช่นนี้ หากคนผู้นี้ติดใจขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร?”
ชีเหนียงมองดูเงาของเลี่ยวมามาที่จากไปไกล จากนั้นยกยิ้มมุมปาก “ไม่มีทางหรอก”
เงินนี้เลี่ยวมามาจะได้จากนางเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น นี่เป็เพราะนางเห็นแก่น้ำใจจากการแนะนำของเลี่ยวมามา ต่อไปหากทั้งสองฝ่ายช่วยเหลือกันก็ยังพอเป็ไปได้ แต่ที่เลี่ยวมามามาหาวันนี้มิใช่แค่ส่งเงินให้นาง เกรงว่าคงมีความตั้งใจให้นางอย่ายุ่งให้มากต่างหาก
ทั้งสองกลับมาหมู่บ้านต้าสือโดยรถม้าสกุลหยาง เงินในกระเป๋ามากมายย่อมแผดเผา นางต้องรีบจัดการเงินให้ชัดเจน อะไรที่ควรสะสางก็สะสางให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ การสอบระดับจังหวัดใกล้เข้ามาแล้ว ลั่วชีเหนียงมีใจคิดอยากจะให้ลั่วจิ่งเฉินเข้าสอบและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เงินเหล่านี้สำคัญที่สุด
ลั่วชีเหนียงเองไม่ได้คิดจะหลบเลี่ยงพี่หลิว ก่อนอื่นคือแบ่งส่วนค่าช้อนหลอดดูดของช่างไม้หลี่ออกมาจำนวนหนึ่งตำลึง จากนั้นต่อด้วยนำเงินแก้วดินเผาของหลิวเหยียนจำนวนสิบตำลึงออกมาวางตรงหน้าพี่หลิว
แล้วก็หักค่านมแพะที่รับซื้อยี่สิบตำลึง รวมถึงถั่วแดงกับน้ำตาลทรายสิบตำลึง ครั้งนี้พวกนางได้เงินถึงหนึ่งร้อยสามสิบห้าตำลึง บวกกับเงินรางวัลอีกห้าสิบตำลึง พวกนางได้เงินมาทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบห้าตำลึง
พอหักเงินหนึ่งตำลึงที่ให้เลี่ยวมามาก็ยังเหลือหนึ่งร้อยแปดสิบสี่ตำลึง ปันผลสองส่วนจะเป็ยี่สิบแปดตำลึง
พี่หลิวมองดูกองเงินที่ปรากฏตรงหน้า ถึงกับไม่กล้าหยิบ
นางผลักเงินกลับไป “ชีเหนียง นี่มันมากเกินไปหรือไม่ เ้าคำนวณผิดหรือเปล่า?”
ชีเหนียงมีหรือจะไม่ทราบว่านางไม่กล้าเชื่อ หากเปลี่ยนเป็ตนเองที่มีเงินมากมายเช่นนี้ก็คงสับสนมึนงงเช่นกัน เพราะรู้กันดีว่าหลายเดือนก่อนหน้านี้นางไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว
“มากที่ไหนกัน! สิ่งเหล่านี้สมควรเป็ของท่าน! ครั้งนี้เราทำการค้าใหญ่โต ไหนเลยจะผิดพลาด” ชีเหนียงยัดเงินใส่อ้อมอกของนาง “พี่สาวแสนดี ท่านรับไว้อย่างสบายใจเถอะ บัญชีนี้ไม่มีทางคำนวณพลาดแน่”
“ต่อไปคงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องหาเงินมากกว่านี้ นี่เพิ่งจะถึงไหนกัน”
ขณะพูดนางก็เก็บเงินในมือเช่นกัน พี่หลิวหอบเงินมากมายเช่นนี้ไว้ในถุงเงินย่อมไม่กล้าอยู่นาน ชีเหนียงมองดูหนึ่งร้อยตำลึงที่เหลือ หลังจากพินิจก็ไปเคาะประตูห้องหลิงชางไห่
หลิงชางไห่ได้ยินเสียงก็รู้ว่านางกลับมาแล้ว เด็กหลายคนในบ้าน้าไปตามหาชีเหนียง แต่ถูกเขาไล่ให้ไปนอน หลังจากยุ่งทั้งวันก็ควรพักผ่อนให้ดี มีอะไรค่อยคุยกันวันรุ่งขึ้น
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ชีเหนียงจะมาเคาะประตู เดาว่าคงมีอะไรอยากคุยกับตน
เพียงแต่พอประตูเปิดออก ดวงตาของจ้าวจือชิงก็ลืมขึ้นมา หลิงชางไห่จึงตัดสินใจออกไปและปิดประตูเสียงดังปัง
ฮึ่ม ข้าหรือจะเอาเ้าไม่อยู่! คิดหมายปองลูกสาวข้าก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากข้าก่อน
“…” ลั่วชีเหนียงเกือบโดนชนล้ม จึงรีบถอยหลังสองก้าวเพื่อยืนให้มั่นคงกว่าเดิม
“ตาเฒ่า ดึกดื่นค่อนคืนท่านโมโหอะไรใหญ่โตกัน? หรือเด็กที่บ้านทำให้ท่านโมโห?”
“เ้าเด็กคนนี้ หลานทุกคนเชื่อฟังคำพูดข้ายิ่งนัก ใครเล่าจะทำให้ข้าโกรธ” หลิงชางไห่ลูบเคราและชำเลืองมองเงาที่แนบกับขอบประตู จากนั้นดึงลั่วชีเหนียงไปอีกทาง
ชีเหนียงปรึกษาหลิงชางไห่ในสิ่งที่ตนเองคิดและค่อนข้างแน่ใจเป็อย่างมากเกี่ยวกับลั่วจิ่งเฉิน
หลิงชางไห่จ้องพื้นสีหน้าตึงเครียด แม้ว่าเด็กอย่างลั่วจิ่งเฉินจะบอกว่าไม่อยากเรียน แต่ตำราใหม่ที่ชีเหนียงจัดไว้ในห้องให้เขาล้วนถูกพลิกอ่านนับครั้งไม่ถ้วน เห็นทีอย่างไรลั่วจิ่งเฉินก็คงยังอยากเรียนต่อ
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้