ทางลงจากูเาเร็วกว่าทางขึ้นูเามาก เพียงแต่ตลอดการเดินทางนี้ ไม่ใช่ชิงอีที่สร้างปัญหา ทว่า กลับเป็ฉู่จุนหนิงเสียมากกว่า และความหยิ่งยโสโอหังของนางกับชิงอีก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า พวกเขาเพิ่งจะถึงเพียงครึ่งทางเท่านั้น
“ท่านอ๋อง ตอนกลางคืนเดินทางค่อนข้างลำบาก เกรงว่าคืนนี้คงต้องตั้งค่ายพักแรมพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่สือที่อยู่นอกรถม้าพูดขึ้นมา
ทว่า เมื่อม่านเปิดออก กลับเป็ชิงอีที่เดินออกมา แขนขาวๆ ของนางเหยียดออกมาบิดี้เี ได้นอนข้างๆ หนุ่มน้อยผู้นี้รู้สึกสบายจริงๆ ชิงอีหาววอดแล้วลงจากรถม้าโดยมีเถาเซียวช่วยพยุง
หลังจากเซียวเจวี๋ยลงจากรถม้า สายตาก็มองลงไปที่แขนเสื้อของตนเอง และขมวดคิ้ว
มีคราบน้ำอยู่บนนั้น
คงจะเป็ใครบางคนที่หลับสนิท แล้วน้ำลายไหลทิ้งไว้เป็แน่
ส่วนเ้าตัวร้ายที่เป็เ้าของน้ำลายนั้น ในตอนนี้กำลังเท้าสะเอวมองไปรอบๆ และรู้สึกว่าเมื่อมองไปแล้ว สถานที่นี้ค่อนข้างคุ้นเคย
เมื่อฉู่จุนหนิงเห็นเซียวเจวี๋ย นางก็เต้นรำวนไปวนมาราวกับแมลงวันที่ได้กลิ่นอาหาร ด้วยเหตุนี้ เซ่อเจิ้งอ๋องจึงเดินไปสองสามก้าวก็ถึงข้างกายของนางมารร้าย นางมารร้ายนั่นก็เหลือบมองมาที่นาง
ฉู่จุนหนิงหยุดลงที่เดิมในทันที ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า คำพูดที่จะอยากพูดก็กลืนลงกลับไปในทันทีเช่นกัน
ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา และหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ “เวลาที่ท่านอยู่ในสนามรบ สังหารศัตรูก็ซ่อนตัวอยู่หลังองครักษ์เช่นนี้หรือไร?”
“องค์หญิงใหญ่รับมือยากยิ่งกว่าศัตรูในสนามรบเสียอีก” เซ่อเจิ้งอ๋องที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นในสายลม ยังคงหล่อเหลายิ่งนัก และสีหน้าก็ไม่ได้มีความละอายเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน
ชิงอีกลอกตาและพูดเยาะเย้ย “แล้วค่าตอบแทน? ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ข้า?”
เซียวเจวี๋ยที่เห็นท่าทางการยั่วยุเช่นนั้นของนาง ก็อยากรู้จริงๆ ว่านาง้าจะทำอะไร
ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา มองไปยังพี่ใหญ่โง่เง่าที่รอคอยจนกลายเป็ก้อนหิน จึงกระดิกนิ้วเรียกนางมา
ฉู่จุนหนิงมองนางด้วยความสงสัย ตัดสินใจไปว่านางกำลังเรียกตัวเอง จึงเดินไปอย่างลังเล
“อืดอาดยืดยาดทำไมกัน? กลัวข้าจะกินท่านหรือไร?”
ฉู่จุนหนิงกล้าจะโกรธ แต่ไม่กล้าพูด นางอยากจะพูดออกไป ทว่า ก็กลัวว่ายาพิษจะออกฤทธิ์ แล้วทำให้นางตาย
ชิงอีก้าวไปข้างหน้าออกไปทันใด
“กูกู” มือขาวของชิงอีตบเบาๆ ร่างกายที่หนาของฉู่จุนหนิง พร้อมกับรอยยิ้มที่เมตตาอ่อนโยนที่ทำให้รู้สึกขนลุก ฉู่จุนหนิงคิดจะวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว ทว่า กลับถูกนางคว้ากระโปรงไว้ “ท่านจะวิ่งไปไหนล่ะ? คนรักในฝันอยู่ข้างๆ แล้ว ทำไมไม่รีบดูให้เต็มตาเล่า”
ฉู่จุนหนิงหยุดฝีเท้าลง และมองนางด้วยความสงสัย
นางสารเลวนี่ ้าอะไรกันแน่?
“ฮิฮิฮิ ฝ่าาทรงหน้ามืดตามัวเป็แน่ ที่ให้ข้ามาแต่งงานกับเขา ดูสิ ท่านกับเซ่อเจิ้งอ๋องยืนด้วยกันแล้วราวกับคู่์สร้างแหนะ!”
ฉู่จุนหนิงไม่ใอยู่ไม่น้อย จนถึงกับลืมเื่ยาพิษไปครู่หนึ่ง “เ้า...เ้าพูดจริงๆ หรือ?”
“ก็ต้องเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว” ชิงอีที่เมินเฉยต่อใบหน้าที่มืดมิดของเซียวเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ นางยิ้มพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “หญิงจีบชายนั้นง่ายเหมือนเดินผ่านฉากกั้น แค่เปิดฉากกั้นก็ได้ผู้ชายมาแล้ว ท่านอย่ามองหนุ่มน้อยผู้นี้...โอ๊ะ ตอนนี้ที่เซ่อเจิ้งอ๋องกำลังหลบหน้าท่านอยู่ เพราะเขาขี้อายน่ะ เช่นนั้นแล้ว หลังจากนี้เรามาเปลี่ยนรถม้ากันเถอะ ท่านก็จะได้อยู่กับเขาสองต่อสอง แล้วก็...”
ยังไม่ทันที่ชิงอีจะได้พูดจบ นางก็ถูกคนลากไปเสียก่อน
รอยยิ้มของเซียวเจวี๋ยที่เต็มไปด้วยความสับสน แขนยาวโอบเอวเรียวของนางเอาไว้ ฉากนี้ หากคนภายนอกดูแล้วก็คงจะเหมือนเป็ความใกล้ชิดสนิทสนมกัน มีเพียงจากมุมของชิงอีเท่านั้นที่มองเห็นแววตาที่ล้ำลึกปกคลุมไปด้วยขนตายาว “ซนอีกแล้วนะ เหตุใดท่านถึงได้ชอบหยอกล้อคนอื่นนัก?”
ชิงอีกระตุกมุมปาก แล้วไง?
ฉู่จุนหนิงนิ่งที่พยายามควบคุมลมหายใจ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็โกรธอย่างมาก “ฉู่ชิงอี เ้ากล้าหลอกข้าหรือ!”
พี่ใหญ่คนโง่ ท่านควรจะมีสมองกว่านี้สักนิดนะ
เซียวเจวี๋ยก้าวไปข้างหน้า และพาชิงอีมาอยู่ข้างหลัง โดยจับเอวของนางไว้แน่นไม่ให้โอกาสนางหลุดออกไปได้ เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่จุนหนิง เขาก็เผยแสดงความรู้สึกผิดอีกครั้ง “อีเอ๋อร์ยังเด็ก ในฐานะที่องค์หญิงใหญ่เป็ผู้าุโ ก็ไม่ควรที่จะโกรธนาง หาก้าตำหนิจริงๆ ก็โทษที่ข้าได้เลย”
มาดูกันสิ ว่าอะไรที่เรียกสัตว์เลี้ยงในมือ?
และอะไรที่เรียกว่าความเสน่หา?
เมื่อเหล่าองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ มองมา ทุกคนก็ต่างถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้ท่านอ๋องคงเข้าไปในกับดักแล้วจริงๆ!
ใบหน้าของหลิงเฟิงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปากพูดพึมพำต่อไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเรากลับไปเมืองหลวงคราวนี้ต้องไปเตรียมงานแต่งของท่านอ๋องใช่หรือไม่?”
นางก็รู้สึกเจ็บเท้าทันทีหลังจากที่พูดจบ
“โอ๊ย เหล่าฉู่เ้าเหยียบเท้าข้าทำไม?”
“โอ๊ะ ที่เหยียบไปคือเท้าของเ้าเหรอ ไม่ว่าจะพูดยังไง ข้าว่ามันเหมือนกับก้อนกลมกลิ่นเหม็นในส้วมหลุม”
หลิงเฟิง : “...”
กรงเล็บของชิงอีบิดไปบิดมาอยู่ข้างหลังเอวของชายหนุ่ม ทว่า เซียวเจวี๋ยกลับไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
ฉู่จุนหนิงที่ถูกบังคับให้เห็นฉากคนรักกัน บวกกับเซ่อเจิ้งอ๋องที่พูดแทงใจ นางจึงร้องไห้ออกมา และเสียงร้องนั้นราวกับเสียงแมวป่าตัวหนึ่งกำลังถูกทำหมัน
“หุบปาก!” ชิงอีหงุดหงิด เพราะเสียงร้องไห้ของนาง ก็จ้องมองตรงไหนที่นาง
ฉู่จุนหนิงกัดฟันและหันไปหาเซียวเจวี๋ย ด้วยท่าทางที่ยังคงไม่ยอมแพ้ “พี่เซียว ข้าจะต้องให้ท่านเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างเรา!”
ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าเกรงว่าความนี้สัมพันธ์นี้ คงจะเป็ท่านที่คิดไปเองเพียงฝ่ายเดียวกระมัง?
หลังจากที่นางพูดจบก็หันหน้าไปเผชิญกับชิงอี พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ฉู่ชิงอี ข้าจะจำความอัปยศอดสูของวันนี้เอาไว้ เ้าคอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เ้าต้องชดใช้แน่นอน!”
ชิงอีกลอกตาด้วยความรังเกียจ เื่ความชั่วร้าย นางไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว! “ลองกดลงไปล่างใต้สะดือสามนิ้วสิ เจ็บหรือไม่?”
ใจของฉู่จุนหนิงกระตุกไปครั้งหนึ่งหนึ่ง นางเอื้อมมือไปกดใต้สะดือ ทันใดนั้น นางก็กรีดร้องออกมา นางเ็ปจนแทบจะคุกเข่าลงไป
“พูดต่อสิ? ข้าจะรอให้ท่านตายตรงนี้แหละดีไหม” ชิงอีหัวเราะชั่วร้ายออกมา
เมื่อทุกคนมองไปที่ท่าทางเช่นนั้นของนาง ก็รู้สึกกลัวจนขนหัวลุกขึ้นมาทันใด เดิมทีพวกเขาคิดว่า ชิงอีบอกกับฉู่จุนหนิงว่านางวางยาพิษ เพียงเพื่อหลอกองค์หญิงใหญ่ผู้นี้ ถึงแม้ว่านางจะนอกลู่นอกทาง อย่างไรก็ตาม ฉู่จุนหนิงก็เป็กูกูของนางเช่นกัน!
แต่ดูตอนนี้แล้ว...นางคงจะวางยาจริงๆ แล้วล่ะ!
เมื่อเหล่าองครักษ์ของฉู่จุนหนิงเห็นเช่นนี้วิ่งเข้ามา “องค์หญิงชิงอี การสังหารราชวงศ์เป็อาชญากรรมร้ายแรง! เหตุใดท่านถึงได้ทำร้ายองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ได้ นางเป็กูกูของท่านนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะให้ยาแก้พิษแก่นาง แล้วเ้าก็มาตายแทนนางได้ไหม?” ชิงอีเหลือบตามอง
หัวหน้าองครักษ์นั่นถึงกับพูดไม่ออก ตายเพื่อเ้านาย...เขาเองก็ไม่กล้าพอถึงขั้นนั้น
ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา ฉู่จุนหนิงกระทืบเท้าด้วยความร้อนรน นางรู้สึกกลัวจริงๆ อยากจะขอความช่วยเหลือ แต่ก็กลัวพิษจะออกฤทธิ์อีกครั้ง ขนาดร้องไห้ยังไม่กล้า แม้แต่จะส่งเสียงออกมา ทำได้แค่เพียงส่งสายตาไปให้เซียวเจวี๋ยด้วยความหวัง...
ทว่า เซ่อเจิ้งอ๋องจะมีใจเมตตาเช่นนั้นหรือ?
“ยังไม่รีบพาองค์หญิงใหญ่กลับไปที่รถม้าอีกหรือไร?” เซียวเจวี๋ยพูดอย่างเ็า
เสียงร้องของฉู่จุนหนิงติดอยู่ในลำคอของนาง หัวหน้าองครักษ์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง ทะ...ท่านจะตามใจองค์หญิงชิงอีเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?!”
“ไม่ให้ข้าตามใจหวังเฟยของตนเอง จะให้ข้าตามใจเ้าหรือไง?”
หัวหน้าองครักษ์ที่ถูกทำให้อับอาย ไม่ทันที่พวกเขาจะได้โวยวาย ฉู่สือก็พาคนมา ท่าทางเช่นนั้นหมายความว่าหากพวกเ้าพูดไร้สาระอีก พวกเ้าโดนตีแน่!
หัวหน้าองครักษ์จึงทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธเอาไว้ และชักชวนฉู่จุนหนิงให้รีบกลับไปที่รถม้าโดยเร็วที่สุด
ทันทีที่พวกเขาจากไป ชิงอีและเซียวเจวี๋ยก็แยกจากกันทันที พร้อมกับความรังเกียจบนใบหน้าของกันและกัน
“ในป่าที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เช่นนี้ จะไปอยู่ได้อย่างไรกัน?” ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา และชี้ไปที่ชิวอวี่ “นำทางไปข้างหน้า มีหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของชิวอวี่และคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันใด
หมู่บ้านที่องค์หญิงพูดมานั้น...
คงไม่ใช่หมู่บ้านผีที่พวกเขาเจอตอนมาหรอกใช่ไหม?!
