เหยี่ยวสีนิลบินโฉบลงมาเกาะหน้าต่างห้องนอนยามอิ๋น[1] กระดาษใบเล็กบนข้อขาเป็สาส์นย้ำเตือนจากองค์รัชทายาท ไม่ให้นางเกียจคร้านในหน้าที่การงาน
แม่ทัพเจี้ยนหยู่รู้มาว่าทุกสามถึงห้าวัน นางต้องนำยาไปส่งที่กระโจมข้างกำแพงเมืองด้วย นางจะต้องจัดสรรยาไว้ให้เพียงพอสำหรับการเดินทางของเหล่าแม่ทัพซึ่งไม่ได้มีเพียงเขาผู้เดียว นางช่วยเหลืองานบิดา ปรุงยาให้ราชสำนัก บัณฑิต ขุนนาง ไหนจะผู้ยากไร้ ทั้งที่พวกเขาจะไปขอยาจากหมอคนอื่นก็ได้
“อย่าบอกข้านะว่า... ฮ่องเต้สั่งเ้าให้ลุกขึ้นมาต้มยา?” เขาหยิบยื่นมือช่วยเหลือนางด้วยการผลักมือเบา ๆ ลมอุ่นร้อนพัดลูกไฟสั่นไหว ทำให้มันไม่ต่างจากเตาไฟสมัยใหม่ เร่งเบาแรงได้ เขามองสีหน้าดีใจของนาง ก่อนที่นางจะกลับมาเมินเฉยเขา ถอนหายใจพลางถาม “ถ้าวันหนึ่งพวกาุโชั่วช้าในราชสำนัก ขอให้เ้าวางยาสังหารข้า เ้าจะทำหรือไม่?”
“ท่านรู้แก่ใจดี ข้าเคยบอกท่าน หน้าต่างมีหู ประตูมีตา ข้าพูดครั้งเดียว ท่านลองนึกดูให้ดีเ้าค่ะ”
“อ้อ...”
เจี้ยนอยู่ไม่ลืมแววตามาดมั่นของเด็กสาวตัวน้อยวัยสิบขวบ จะวางยาเขาหากว่าถูกบีบคั้นจนไร้หนทางรอดชีวิต นางค่อยวางยาตนเอง เพื่อที่นางจะได้ตายตามเขาไป นางอาจบอกลาบิดาเสียหน่อยว่านางจำเป็ต้องติดตามใต้เท้าเจี้ยนไปท่องเที่ยวปรภูมิด้วย ไม่ให้เขาหนีไปผู้เดียวไม่ชวนนาง
“ข้าอาจมีความคิดแตกต่างจากเยว่ฉีคนเก่า แต่รับรองเื่ความปลอดภัยของท่าน หากมีคนที่ต้องตายจริง ๆ ก็ต้องไม่ใช่ใต้เท้าเจี้ยน...”
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด เพียงคิดถึงความตายของนาง เขาเฝ้าติดตามนางเป็เงาตามตัวในโรงปรุงยา มองเหงื่อเปียกชื้นบนหน้าผากนาง ยกมือขึ้นปาดเหงื่อเป็ระยะ นางป้องกันกลิ่นควันจากเตาไฟด้วยผ้าปิดปาก นางยังมีอาการไอ ทว่านางก็ระวังไม่ให้ตนไอจามใส่เขา นางจะเดินไปทางอื่น นางเหลียวคอมองเขาที่มักสะดุ้งใ แค่ได้ยินเสียงไอจามของสตรีตัวเล็ก ๆ
“ท่านผู้ตรวจการฝากจดหมายรักให้เ้า ไยไม่อ่านเอาใจเขาหน่อย?”
“ยาของท่าน ข้าจะให้ทหารนำไปนะเ้าคะ หรือท่านจะกินข้าวกินยาที่นี่ ท่านอย่าลืมนำติดตัวไปด้วยส่วนหนึ่ง ข้าบดเป็ผงไว้สำหรับการเดินทางไกล”
“ข้าถามเ้า” ทั้งน้ำเสียงและแววตากดดันนาง หญิงสาวก้มหน้าเร่งไฟ เอี้ยวตัวกลับมาคว้ามือหนา กดปลายนิ้วชี้ตรงข้อมือ นางจำเป็ต้องจับชีพจร[2] ก่อนจ่ายยาให้ผู้ป่วย หากว่าพวกเขาอยู่ตรงหน้านาง
“จดหมายของเขาให้ข้า เป็ของข้า ข้าจะเผาเป็เชื้อเพลิง ก่อไฟต้มสมุนไพรให้ผู้ยากไร้ ข้าจะโยนลงหม้อต้มแกง มันก็เื่ของข้า”
“เ้าพูดจริงหรือ? ทำไมเล่า... ทำไมเ้าไม่รับรักคุณชายสามสกุลจาง แลดูเขาเป็คนดี น่าจะเป็คู่ครองที่คู่ควร ข้าอยากฟังเหตุผลของเ้า”
“...”
ั์ตาแข็งกร้าวของนางอ่อนโยนลง ราวกับว่าภายในเป็แสงที่สั่นไหวของเปลวเทียน เจี้ยนหยู่พลิกมือคว้านางให้นั่งลงบนหน้าตัก นางร้องใ ยกมือปิดปากตนเองไว้ นางชะโงกคอมองไปทางประตู เกรงว่าบ่าวจะเข้ามาพบใต้เท้าเจี้ยนหยู่เข้า เขาชอบที่จะลักลอบมาหานาง
“เยว่ฉีไม่เคยหลบเลี่ยงสายตาข้า นางดื้อรั้น เ็า นาง... ไม่มองข้าด้วยแววตาเช่นนี้” ใบหน้าดุดันตรวจจับความผิดพลาดครั้งใหญ่ นางแก้มแดงซ่านไปจนถึงใบหู “ควรเป็สายตาที่นางมองคนรัก ท่านผู้ตรวจการของเ้า”
สองสายตาสบประสานใต้กลุ่มควันจากหม้อดินที่ลอยขึ้นฟ้า ช่องควันในเรือนปรุงยามีเกล็ดน้ำแข็งร่วงหล่นไม่ขาดสาย ตัดกับเรือนผมสีเงินสง่า
เหม่ยฉีพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาไปทุกส่วนสัด นางมิอาจต้านทานบุรุษผู้สว่างไสวดั่งแสงจันทรา บัดนี้แสงอรุณอ่อนตกกระทบลงั์ตาสีดำสนิท ใต้เท้าเจี้ยนหยู่ราวภาพวาดที่แสนงดงามจับตา นางพยายามควบคุมสติอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหว แม้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
“ผู้คนติดโรคร้ายในยามป่วยไข้ จำเป็ต้องหลีกเลี่ยงการสบตา การใกล้ชิด ป้องกันโรคติดต่อ...”
“งั้นหรือ?”
“เ้าค่ะ ข้าจึงปิดปากขณะทำอาหาร ระมัดระวังไม่ให้ไอหรือจาม แม่ครัวควรรวบผมเรียบร้อย ล้างมือสะอาด อาหารทุกอย่างต้องสะอาด”
เจี้ยนหยู่มองตามเส้นเืฝาดบริเวณลำคอ ผิวขาวละเอียดเนียนทำให้เห็นเม็ดเหงื่อชัดเจน ทั้งลมหายใจสั่นไหวของนาง อย่างไรก็มีพิรุธ นางเบี่ยงประเด็นสนทนา สรรหาถ้อยคำมากมายมาแก้ต่าง
“ในอนาคตข้างหน้ามีโรคร้ายมากมาย แม้ในกาลก่อน กาลใด โรคติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคัดหลั่งต่าง ๆ การไอจาม เสมหะ เป็ต้นเหตุของการแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่น ท่านเข้าใจไหมเ้าคะ? ใต้เท้าเจี้ยน”
แม่ทัพใหญ่ส่ายหน้าตอบชัดเจน “ไม่” เขาไม่สนใจสิ่งที่นางพูด แถมหัวเราะนาง “เ้ารู้จักข้าดี แต่ข้าไม่รู้จักเ้า จะให้ข้ากินอาหารของเ้าเข้าไปได้ยังไง”
“วันก่อนท่านกล่าวว่ารู้จักข้าเป็อย่างดี มีวิธีจัดการกับข้า ท่านลืมคำพูดตนเองแล้วรึไง?”
“ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เ้าเปลี่ยนไปมาก บางส่วนของเ้าก็ไม่เปลี่ยน”
“ข้าจะไปทำงาน... เ้าค่ะใต้เท้า” นางจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกดึงตัวให้นั่งลงบนตักแข็ง ๆ นางเบิกตากว้าง รับรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้มีมัดกล้ามเป็ส่วนประกอบหลักของร่างกาย แม้แต่มือที่จับข้อมือนาง ก่อนหน้านี้เย็นเฉียบ ไยร้อนขึ้นมาได้ นางพูดอึกอัก “ถ้า... ข้าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ เื่ถึงหูฮ่องเต้... ทรงไม่พอพระทัย ข้าจะถูกผู้ใหญ่ตำหนิเอานะเ้าคะ”
“ข้าแข็งแรงดี ไม่ป่วยไข้ เื่สมุนไพรเลิกฝิ่นนั่นข้าจัดการของข้าเอง” เขาเงียบไป ไม่ลืมเื่ที่นางพูด เขาก้มหน้าลงพ่นลมหายใจผ่านผ้าขาวบาง นางสะดุ้ง “ข้าต้องปิดปากไปกับเ้าด้วยไหมเล่า? ถ้าข้าดมลมหายใจของเ้า มันจะทำไม?”
“มัน... จะไม่งามเ้าค่ะ”
แม่ทัพเจี้ยนหยู่ผู้ซื่อตรงคิดเป็อีกอย่าง เขาสงสัยว่าตัวเองจะติดไข้จากนางหรือไม่ จึงพ่นลมหายใจใส่หน้านางอีก นางสั่นสะท้านไปทั่วกาย
“ใต้เท้าเจี้ยน... ขะ ข้า... คือ ๆ ประเดี๋ยวท่านจะติดไข้เอานะเ้าคะ”
เหม่ยฉีละทิ้งความกล้าหาญของนางไปโดยไม่รู้ตัว หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง เพียงััลมหายใจกลิ่นหอมเย็น คล้ายกับว่าจะมีพิษน้อย ๆ
นางนึกเื่พิษขึ้นได้ว่านางควรทำอะไรสักอย่าง ทั้งเื่อสรพิษมักทำให้สตรีลุ่มหลงในราคะด้วยการพ่นลมหายใจ ก่อนสูบกลืนพลังิญญา
ใต้เท้าเจี้ยนคงไม่กลืนนางลงท้องกระมัง! เขามีแต่จะผลักไสไล่ส่งนางให้ชายอื่น วันนี้เขาเป็อะไรกัน? เขาขยับปลายนิ้วกดลงบนข้อมือของนาง
“เยว่ฉี... เหม่ยฉี... เ้าเป็อะไร? ชีพจรเ้าเต้นแรง มากไปหลายส่วน หรือเ้า...” ถามพลางย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย แม้ว่าหญิงสาวจะขยับหนีเขาอย่างขลาดกลัว เขาว่า “เป็โรคหัวใจ!?”
เหม่ยฉีเม้มริมฝีปากสนิทแน่น ต่อว่าใต้เท้าเจี้ยนอยู่สารพัดในหัวนาง ต่อให้เขาไร้ประสบการณ์เื่ชายหญิงอย่างไร ก็ควรฉุกใจสักนิด นางจะเป็โรคหัวใจได้ยังไง!
[1] ยามอิ๋น 寅 03.00 – 04.59 น.
[2] การรักษาโรคของแพทย์แผนจีนจะใช้วิธีการ “แมะ” หรือที่เรียกว่าจับชีพจร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้