นางคือใคร? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน? นางทำอะไรลงไป?
ตอนนี้กู้เจิงกำลังสับสนไปหมดหลังจากนางทำร้ายตวนอ๋องนางก็วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตไม่รู้ว่าวิ่งมาถึงส่วนไหนของจวน วิ่งจนเหนื่อยจึงได้หยุดลงเพื่อหาที่นั่งพักหายใจหัวใจนางเต้นระรัวราวตีกลอง
ท่านอ๋องเข้ามากอดนางไว้ แถมยังเรียกนางว่าอนุรัก ช่างไร้ยางอายเสียจริง
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีคนเห็นเหตุการณ์หากเื่นี้แพร่งพรายออกไปเล่า? ชื่อเสียงนางคงป่นปี้หมด
กู้เจิงผลุดลุกขึ้นยืน นี่ไม่ใช่แค่เื่ชื่อเสียงของนางเท่านั้นแต่ยังเกี่ยวพันกับชื่อเสียงของท่านอ๋องด้วยพ่อบ้านว่านจะต้องจัดการเื่นี้อย่างแน่นอน
กู้เจิงพยายามสงบใจลง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตวนอ๋องผู้นี้เกิดเมาบ้าอะไร อนุรัก? อนุรักกับผีน่ะสิ อีกอย่างเหตุใดเขาถึงเรียกนางอย่างสนิทสนมขนาดนั้น?
‘เหตุใดสตรีเช่นเ้าถึงได้โง่นักนะ?’ นางนึกถึงประโยคที่เขาเอ่ยขึ้นมาสีหน้าแค้นเคืองและมีร่องรอยของความรู้สึกบางอย่างจางๆ กู้เจิงยังจำได้อย่างชัดเจน
เป็ไปได้ไหมว่าระหว่างเขากับนางคนก่อนเคยมีเื่อะไรมาก่อน? กู้เจิงส่ายหน้า ในความทรงจำที่นางพอนึกออกนั้นไม่มีเื่เกี่ยวกับท่านอ๋องอยู่ในหัวนางเลยกระทั่งก่อนที่จะเกิดเื่วางยาขึ้นนั้นกู้เจิงคนก่อนไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ
หรือเขาคิดว่านางเป็สตรีคนอื่น? กู้เจิงพยายามมองหาสาเหตุที่เป็ไปได้ แต่เขาเรียกนางว่าเจิงเอ๋อร์เจิงเอ๋อร์หรือ? ยังจะมีเจิงเอ๋อร์ไหนอีกนอกจากนาง หรือว่าท่านอ๋องจะชอบ...ไม่น่าเป็ไปได้
“อาเจิง เ้าก็อยู่ที่นี่เองหรือ?” น้ำเสียงเ็าดังมาจากด้านหลัง
กู้เจิงสะดุ้งเฮือก พอเห็นว่าเป็เสิ่นเยี่ยนสีหน้าที่แตกตื่นก็ผ่อนคลายลง
“เ้าเป็อะไรหรือเปล่า? ” เสิ่นเยี่ยนขมวดคิ้วมองใบหน้าซีดขาวไร้สีเืของภรรยา
“ข้าไม่เป็อะไรเ้าค่ะ แค่นั่งเพลินๆ จู่ๆท่านก็เรียกเลยทำให้ข้าใ” กู้เจิงพูดไม่ได้หรอกว่าศีรษะของท่านเกือบได้สวมหมวกเขียว[1] แล้ว หากไม่มีพ่อบ้านว่านอยู่ด้วย จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนางก็ไม่อยากจะคิดต่อ
“ในที่สุดก็หาฮูหยินน้อยเจอแล้ว” เสียงพ่อบ้านว่านดังขึ้น “ผิดที่ข้าน้อยเองขอรับ ฮูหยินน้อยเพิ่งมาจวนอ๋องครั้งแรกควรหาบ่าวมาติดตามดูแลจะได้ไม่หลงทาง ข้าน้อยเตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้ว คุณชายและฮูหยินกลับบ้านได้ตลอดเวลาขอรับ”
พ่อบ้านว่านแสดงออกได้เป็ปกติเมื่อเทียบกับกู้เจิงนางแสดงออกอย่างไม่เป็ธรรมชาติเอาเสียเลย จนเมื่อออกจากจวนอ๋องถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางค่อยๆ ผ่อนคลายลง เสิ่นเยี่ยนลอบมองนางอยู่
เมื่อคิดถึงท่าทางของพ่อบ้านว่านที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคิดว่าคงจัดการเรียบร้อยแล้ว นางคงไม่จำเป็ต้องกังวลอะไรอีกนางพยายามสงบใจให้เป็ปกติ และฉีกยิ้มให้เสิ่นเยี่ยน
“เ้าเป็อะไร?”
“ไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ”
เห็นภรรยากลับมามีท่าทีปกติอีกครั้ง เสิ่นเยี่ยนก็วางใจ
“จริงด้วย ตอนกินข้าว คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ข้านามว่าปาเม่ยนางบอกว่าสามีของนางชื่อจางหลี่หนาน” กู้เจิงชวนคุย
“ได้ยินหลี่หนานบอกว่าพาน้องแปดออกมาเปิดหูเปิดตา คิดไม่ถึงว่าพวกเ้าจะนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน” เสิ่นเยี่ยนกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบ “ข้าเคยช่วยชีวิตของหลี่หนานไว้ ต่อมาเขามาขอพึ่งพาข้า แต่ตอนนี้เขาได้คุมกองทหารในค่ายแล้ว”
“ปาเม่ยน่ารักมากเ้าค่ะ”
“ต่อไปถ้าเ้าเหงา จะเชิญปาเม่ยมาที่บ้านหรือจะไปเยี่ยมปาเม่ยก็ย่อมได้บ้านของเขาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง"
กู้เจิงพยักหน้ารับรู้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสิ่นเยี่ยนก็ขอตัวไปที่ห้องของท่านพ่อท่านแม่ก่อนกู้เจิงจึงเดินกลับห้องของตนตามลำพัง
ชุนหงเมื่อเห็นคุณหนูกลับมา ก็คอยปรนนิบัติเอาน้ำมาให้นางอาบ “คุณหนู งานวันนี้นายท่านกับนายหญิงบ้านนู้นไปด้วยหรือไม่เ้าคะ?”
“ข้าไม่เห็นท่านแม่ แต่ท่านพ่ออาจจะไป ข้ายังไม่ได้ถามท่านพี่เลย” กู้เจิงหยิบปิ่นไข่มุกออกจากมวยผม
“คุณหนู จวนตวนอ๋องใหญ่หรือไม่เ้าคะ?”
“ใหญ่สิ” กู้เจิงปลดเสื้อคลุมออกแล้ววางบนราวจากนั้นจึงผลัดเปลี่ยนเป็ชุดอาบน้ำ
“ในนั้นมีคนรับใช้เยอะมากเลยใช่ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “มีเยอะมากจริงๆ”
ชุนหงยกถังน้ำที่ใช้หมดแล้วออกมา แล้วยกถังใหม่เข้าไปแทน “คุณหนู นี่ก็ดึกมากแล้ววันนี้ท่านบุตรเขยคงไม่ไปอ่านหนังสือแล้วล่ะเ้าค่ะ ซู่เหนียงเคยกำชับไว้ว่าเื่ภายในห้องของสามีภรรยาบ่าวไม่ควรยุ่งเกี่ยวเ้าค่ะ” สิ้นคำก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้กู้เจิง
เื่ภายในห้องที่นางพูดถึง ก็คือการปรนนิบัติเสิ่นเยี่ยนให้ล้างหน้าบ้วนปากก่อนหน้านี้ยามที่เสิ่นเยี่ยน
กลับมาจากห้องหนังสือนางล้วนนอนหลับสนิทไปแล้ว เื่การดูแลปรนนิบัติเขาเหล่านี้ นางจึงไม่เคยทำมาก่อนนี่ก็ดึกมากแล้ว เขาต้องตรงมานอนเลยแน่ๆ
พอพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา[2]
เสิ่นเยี่ยนที่เพิ่งเข้ามาในห้องก็เห็นภรรยาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนางสวมชุดผ้าไหมบางเบา ใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามภายใต้แสงเทียนดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
ชุนหงเมื่อเห็นเสิ่นเยี่ยนกลับเข้าห้องแล้ว จึงถอยออกไปอย่างเงียบๆ
กู้เจิงรีบจุ่มผ้าเช็ดหน้าในอ่างแล้วยื่นให้เสิ่นเยี่ยน
เสิ่นเยี่ยนรับผ้าเช็ดหน้าที่ภรรยาส่งให้มาเช็ดหน้าเช็ดตา
เมื่อดูแลล้างหน้าสามีจนเสร็จสิ้น กู้เจิงก็ล้มตัวลงนอนชิดด้านในของเตียงเสิ่นเยี่ยนดับไฟ ยามเอนตัวลงได้เหลือบมองหน้าภรรยาเห็นนางผ่อนคลายขึ้นมากจนเกือบเป็ปกติ
“ท่านพี่ ท่านรู้ไหมเ้าคะ? ว่าปาเม่ยเป็ภรรยาเลี้ยงนางอายุห้าขวบก็แต่งงานกับจางหลี่หนานแล้ว” จู่ๆ กู้เจิงพูดขึ้น
เสิ่นเยี่ยนส่งเสียงอืมตอบเบาๆ
“ชีวิตของปาเม่ยคงน่าสงสารมาก”
“ตระกูลของปาเม่ยยากจน ได้เป็สะใภ้ของตระกูลจางนับว่าดีนักและตระกูลจางก็ปฏิบัติต่อปาเม่ยอย่างดีอีกด้วย”
“อือ” กู้เจิงสะลึมสะลือขยับตัวเข้าหาเสิ่นเยี่ยนนางหลับไปแล้ว
เสิ่นเยี่ยนยังติดใจ เกิดเื่อะไรขึ้นกับนางที่จวนตวนอ๋องกันแน่?
ชีวิตของนางอยู่ๆ ก็พลิกผันจากหน้ามือเป็หลังมือสิ่งเดียวที่เดียวที่นางสามารถยึดเป็หลักไว้ได้ในยามนี้มีเพียงเสิ่นเยี่ยน
เช้าวันรุ่งขึ้นที่จวนตวนอ๋อง
ท่านอ๋องจ้าวหยวนเช่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเขารู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง เขาไม่ได้ดื่มสุรามานานแล้ว เมื่อคืนเขาเลี่ยงไม่ได้จึงดื่มไปแค่จอกเดียว คิดไม่ถึงว่าจะเมาขนาดนี้
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”
เหล่าคนใช้ถือของใช้สำหรับล้างหน้าเข้ามา
พ่อบ้านว่านยกน้ำแกงเดินเข้ามาด้วย “ท่านอ๋อง นี่คือน้ำแกงสร่างเมา ท่านดื่มสักหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหยวนเช่อซดน้ำแกงจนหมดถ้วย “ในสุราที่ข้าดื่มเมื่อคืน ได้หมักอวี้จู๋มาก่อนหรือไม่?”
พ่อบ้านว่านครุ่นคิด “มีพ่ะย่ะค่ะ สุรานั้นมาจากเซี่ยกงเจวี๋ยบอกว่ามีสรรพคุณในการบำรุงตับ ไต เสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อขุนนางทั้งหลายได้ยินแล้วบอกว่าต้องลองดื่มให้ได้ พวกบ่าวจึงรินมาถวายท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“จับบ่าวนั่นไปโบยยี่สิบไม้” สีหน้าของจ้าวหยวนเช่อบึ้งตึงอวี้จู๋เป็สมุนไพรที่มักถูกหมักในสุราแต่เขาแพ้อวี้จู๋จิบได้เพียงอึกเดียวก็จะเมาทันที เขาเองก็เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้
พ่อบ้านว่านอึ้งไป “น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องทรงวางใจได้ต่อไปสุราทั้งหมดในจวนจะต้องถูกตรวจสอบอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อคืน หลังจากที่ข้าเมาแล้ว เ้าก็พาข้ามาพักผ่อนเลยหรือ?” จ้าวหยวนเช่อรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นเขาพยายามนึกแต่นึกไม่ออก
พ่อบ้านว่านลังเล ว่าจะบอกดีไหม? หรือจะไม่บอกดี? หากกล่าวออกไปท่านอ๋องจะเป็อย่างไร?
“เมื่อคืนเปิ่นหวังได้กอดสตรีผู้หนึ่งใช่หรือไม่?” จ้าวหยวนเช่อหันมองเตียงที่ว่างเปล่า แสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนเขานอนอยู่ที่นี่คนเดียว
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“นางเป็ใครกัน?”
“กลับบ้านไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านว่านก้มหน้าตอบ
จ้าวหยวนเช่อมองพ่อบ้านด้วยสายตาเย็นเยียบ “กลับบ้านไปแล้ว? สตรีที่เปิ่นหวังกอดไม่ใช่สาวใช้ในจวนอ๋องอย่างนั้นหรือ?”
พ่อบ้านว่านมีสีหน้าลำบากใจ “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
----------------------------------------------
[1] สวมหมวกเขียว หมายถึง ชายที่ถูกภรรยานอกใจหรือไปคบชู้กับชายอื่น
[2] พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เป็การเปรียบเปรยว่า บังเอิญใช้พูดในกรณีที่เรากำลังคุยถึงใครคนหนึ่งอยู่แล้วคนๆ นั้นก็บังเอิญมาพอดี