ตูม ตูม ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดบนลานประลองยิ่งผ่านไปนานก็ยิ่งดุเดือด
เสิ่นเซี่ยวตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง ทว่าทุกครั้งที่เขาะเิพลังอันรุนแรงออกไป ก็จะถูกเนี่ยหลีกดข่มเอาไว้ได้เสมอ เห็นเงาร่างคล่องแคล่วว่องไวนั้น ดวงตาของเสิ่นเซี่ยวฉายแววหวาดหวั่นขึ้นมาแล้ว แรงกดดันที่เนี่ยหลีสร้างให้เขานั้นมันมากมายเกินไป
“เสาศักดิ์สิทธิ์เพลิงั!” เสิ่นเซี่ยวคำรามลั่นขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว ัไฟตัวใหญ่มหึมาพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แปรเปลี่ยนเป็แท่งเสาขนาดใหญ่ พุ่งซัดลงมาอย่างต่อเนื่อง เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ
ผู้ชมบนอัฒจันทร์พากันอุทานออกมาเสียงดังลั่น
“ช่างเป็กระบวนท่าที่น่าสะพรึงกลัวนัก!” พวกเขาอดที่จะเป็ห่วงเนี่ยหลีมิได้
เห็นเสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งโหมเข้ามาที่ตน เนี่ยหลีไม่มีความตึงเครียดแม้แต่น้อย เพียงยิ้มอย่างสบายอารมณ์คราหนึ่ง
“ลูกเล่นจำพวกนี้ ถึงจะน่าดูทว่ากลับไร้ประโยชน์ หากต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับต่ำๆ ก็คงพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่หากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับสูงแล้วใช้กระบวนท่าเช่นนี้ ก็มีแต่จะสิ้นเปลืองพลังิญญาของตนโดยเปล่าประโยชน์!” เนี่ยหลีแอบคิดอยู่ในใจ เนี่ยหลีมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายในชีวิตชาติที่แล้ว กระบวนท่าเช่นนี้ย่อมไม่อยู่ในสายตาของเนี่ยหลี
สิ่งที่เนี่ยหลีไม่ทราบก็คือ ทักษะยุทธ์ทั้งหมดที่เสิ่นเซี่ยวมีอยู่ ล้วนถูกงัดออกมาใช้จนหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ยังไร้ผล จึงได้แต่ใช้กระบวนท่าเสาศักดิ์สิทธิ์เพลิงันี้ออกมา เสิ่นเซี่ยวมิได้คาดหวังว่ากระบวนท่านี้จะสามารถกำจัดเนี่ยหลีได้ เขาสิ้นหวังแล้ว เห็นท่าทางสุขุมและเชื่อมั่นของเนี่ยหลี เขาก็รู้ดีแล้วว่าเนี่ยหลียังซุกซ่อนกลเม็ดเอาไว้อีกมากมาย ยังไม่ได้งัดออกมาใช้
เนี่ยหลีกระโจนขึ้นไป ะโหลบจากเสาเพลิงอย่างต่อเนื่อง เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง เคลื่อนกายย้ายไปถึงด้านหลังของเสิ่นเซี่ยว
“ฝ่ามือฟ้าคำราม!”
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเนี่ยหลีฟาดผ่านท้องฟ้าลงมา บังเกิดเสียงอากาศถูกฉีกกรีดแหลมน่าหวาดกลัว เสียงตูมหนักหน่วงดังขึ้นคราหนึ่ง กระแทกลงบนแผ่นหลังของเสิ่นเซี่ยว
พริบตานั้น เสิ่นเซี่ยวดูราวกับดาวตกดวงหนึ่ง ร่วงลงกระแทกพื้น
ตูม!
เสียงตูมน่าสะพรึงกลัวดังเสียดหูจนแทบฉีกคราหนึ่ง ทั่วทั้งสนามประลองสั่นะเือย่างแรง มีหลุมลึกขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนลานประลอง เสิ่นเซี่ยวอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ใจกลางหลุมลึกนั้น นอนแผ่หลาหงายหน้าอยู่ในกลางหลุม ดวงตาค่อยๆ มืดมัว สติค่อยๆ พล่าเลือนไป
แพ้แล้ว เนี่ยหลีพอเริ่มลงมือก็กดดันเขาไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบโต้กลับแม้แต่น้อย ไม่เหลือทางให้เขาต่อสู้ได้เลย เนี่ยหลีทำให้เขาเกิดความรู้สึกลึกๆ อย่างหนึ่ง ความรู้สึกที่ว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามต่อสู้อย่างไร ล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยหลี
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหม่อลอย คิดไม่ถึงว่าตนกินยาเสริมพลังจิตอสูรไปถึงสองเม็ดก็ยังต้องพ่ายแพ้ ได้แต่บอกว่าเนี่ยหลีน่ากลัวยิ่งนักแล้ว
อีกฝ่ายเป็เพียงเด็กอายุสิบสามปี!
ความห่างชั้นมากมายเกินไปแล้ว!
‘ข้าคิดเสมอว่าตนเป็อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ที่แท้ข้าก็เป็แค่กบในกะลาตัวหนึ่งนี่เอง’
เมื่อได้เห็นภาพฉากนี้ ผู้ชมบนอัฒจันทร์เงียบสนิทไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เสียงะโโห่ร้องยินดีปานฟ้าถล่มแผ่นดินทะลายก็ดังขึ้น
“เนี่ยหลี! เนี่ยหลี! เนี่ยหลี!”
เสียงดังสนั่นลั่นเลื่อนราวกับจะผลักภูผาพลิกผืนทะเลได้แล้ว
พลังที่เนี่ยหลีแสดงออกมานี้สร้างความประทับใจให้แก่พวกเขายิ่ง ยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ใน่เวลารุ่งโรจน์ของตน ยามเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่อยู่ในอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ล้วนไม่คิดทำอะไรนอกไปจากการบดขยี้คู่ต่อสู้ ทว่าเวลานี้ คนที่เนี่ยหลีขยี้มิใช่คู่ต่อสู้ในวัยเดียวกัน แต่เป็อัจฉริยะอายุยี่สิบปีเศษผู้หนึ่ง!
อนาคตข้างหน้าเนี่ยหลีจะเติบโตถึงระดับไหน? ในใจของทุกคนไม่มีคำตอบ ทว่าที่พวกเขารู้ วันนี้พวกตนได้เป็ประจักษ์พยานของประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งแล้ว
ที่มุมหนึ่งบนอัฒจันทร์ เยี่ยจื่ออวิ๋นจ้องมองแผ่นหลังของเนี่ยหลี เวลานี้นางก็ตกตะลึงกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเนี่ยหลีเช่นกัน ช่างเป็ผู้มีพร์ที่แข็งแกร่งนัก ยังแข็งแกร่งกว่าท่านปู่เมื่อครั้งที่มีอายุเท่านี้เสียอีก! นางพลันบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา หรือว่าเนี่ยหลีจะสามารถกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานดังที่เขาเคยพูดเอาไว้ได้?
มีความเป็ไปได้สูงเลยทีเดียว!
เยี่ยจื่ออวิ๋นอดนึกถึงคำพูดเล่นๆ ที่ตนเคยพูดไว้กับเนี่ยหลีมิได้ เคยบอกว่าหากเนี่ยหลีก้าวขึ้นถึงระดับตำนาน นางจะยอมแต่งงานกับเนี่ยหลี นางต้องรักษาสัญญานั้นหรือไม่? จิตใจของนางก็อดที่จะรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมามิได้ นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยหลีกับเซียวหนิงเอ๋อ ซึ่งมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนอยู่หลายส่วน นางพลันส่งเสียงร้องฮึขึ้นมาสองคำ ตนจะไม่แต่งงานกับเนี่ยหลีคนเ้าชู้ผู้นี้แน่
เสียงโห่ร้องให้กำลังใจค่อยๆ เงียบเสียงลง ทว่าความตกตะลึงที่เกิดจากเนี่ยหลียังมิจางหายไปโดยง่าย ไม่นานข่าวก็แพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองกวงฮุย!
เสิ่นิตะลึงพรึงเพริดขวัญกระเจิงจนต้องถูกคนประคองพาจากไป หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงไม่อาจรักษาตำแหน่งผู้ช่วยของตระกูลเสินเซิ่งได้อีกแล้ว
เนี่ยหลีทำสำเร็จได้เงินมาอีกสามร้อยล้านเหรียญจิตอสูร การประลองเยาวชนผู้มีพร์ครั้งนี้เนี่ยหลีได้เงินที่ชนะพนันมาทั้งสิ้นสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญจิตอสูร แม้เนี่ยหลีมิได้ขาดเงิน ทว่าสามารถทำให้ตระกูลเสินเซิ่งตกอยู่ในสภาพหมดตัวได้ เขาก็สุขใจอย่างยิ่ง
แม้เงินเหล่านี้สำหรับเนี่ยหลีไม่นับว่าเป็มากมายอะไร ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเสินเซิ่งต้องปวดหัวไปอีกพักหนึ่งแล้ว
หยางซินจ้องมองเนี่ยหลี ดวงตาของนางแฝงแววกังวล นางพูดขึ้นว่า “เนี่ยหลี เ้าแสดงพลังออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจะมิใช่เื่ดีนัก หากถูกสมาคมมืดจับตามองอยู่...” ไม่ว่าอย่างไร เวลานี้เนี่ยหลีเจิดจ้าเกินไป หากรู้ถึงพร์ของเนี่ยหลีเข้า สมาคมมืดอาจจะคิดกำจัดเนี่ยหลีทุกวิถีทาง
ทว่าที่เห็นในเวลานี้ เนี่ยหลีเพียงยิ้มบางๆ ส่ายหน้าไหวๆ และพูดว่า “ข้ามีแผน”
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี หยางซินพยักหน้าน้อยๆ เนี่ยหลีคงมีแผนการของตนอยู่แล้วกระมัง? ทว่านางยังคงคิดเตรียมส่งผู้คุ้มกันอีกสักหลายคนไปให้เนี่ยหลี
“พี่สาวหยาง ที่ข้าเคยขอให้ท่านช่วยไปตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมมืดกับตระกูลเสินเซิ่ง เป็อย่างไรบ้าง?” เนี่ยหลีแอบถามหยางซิน
“ข้าตรวจพบว่าตระกูลเสินเซิ่งให้ที่หลบซ่อนแก่คนของสมาคมมืดผู้หนึ่ง ดูเหมือนจะชื่อหลี่อวิ๋นฮว๋าหรือชื่ออะไรสักอย่าง แต่ก็ได้มาเพียงเท่านี้ ยังไม่มีปัญญาทำอะไรตระกูลเสินเซิ่งได้” หยางซินส่ายหน้า ทอดถอนใจคำหนึ่ง ทว่าอย่างน้อยที่สุดก็สามารถยืนยันได้ ตระกูลเสินเซิ่งไม่สะอาดจริงๆ จะต้องระวังให้มาก นางได้ส่งข่าวนี้ไปให้ท่านประธานทราบเื่แล้ว ท่านประธานจะต้องรายงานเื่นี้ไปให้ท่านเ้าเมืองทราบอย่างแน่นอน
เนี่ยหลีพยักหน้า หากคิดว่าเพียงเท่านี้ก็จะสามารถโค่นล้มตระกูลเสินเซิ่งได้ เช่นนั้นก็คิดกับตระกูลเสินเซิ่งง่ายเกินไปแล้ว จะจัดการกับตระกูลเสินเซิ่ง ต้องค่อยเป็ค่อยไป
ในเมื่อตระกูลเสินเซิ่งแอบหนีกลับไปเงียบๆ ตระกูลเทียนเหินก็กลับเช่นกัน การประลองเยาวชนผู้มีพร์ยังคงดำเนินต่อไป ทว่าเป็เพียงการประลองระหว่างตระกูลอื่นๆ กันเองเท่านั้น
ที่มุมหนึ่งของสนาม เยี่ยจื่ออวิ๋นเห็นเหตุการณ์ นางเผยอยิ้มแล้วยิ้มอีก เนี่ยหลีคนบ้าผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก ครั้งนี้ผู้ช่วยเสิ่นิแห่งตระกูลเสินเซิ่งต้องลำบากแล้ว แต่นางก็มิใช่จะมีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลเสินเซิ่ง ตระกูลเสินเซิ่งโชคร้ายเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
ชั่วขณะที่เยี่ยจื่ออวิ๋นหมุนตัวคิดจากไป พลันมีเงาร่างคุ้นเคยถลันเข้าสู่สายตา เป็เนี่ยหลีกำลังจ้องมองนางพร้อมยิ้มแย้ม
“ข้าแค่มาร่วมชมงานประลองเยาวชนผู้มีพร์ของตระกูลต่างๆ เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย!” เยี่ยจื่ออวิ๋นสองแก้มแดงระเรื่อ ปากแข็งพูด
“ข้าพูดอะไรหรือยัง?” เนี่ยหลีแบสองมือ หยอกเย้าพูดอีกว่า “ในเมื่อเป็เช่นนั้น เหตุใดเ้าไม่อยู่ดูต่อ คิดจะจากไปแล้วหรือ?”
“เ้า...” เยี่ยจื่ออวิ๋นกระทืบเท้าเร่าๆ คิดจะให้นางยอมรับต่อหน้าเนี่ยหลีว่านางเป็ห่วงเขา ย่อมเป็ไปไม่ได้แน่ นางส่งเสียงร้องฮึๆ พูด่า “ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่มีอันใดน่าสนใจเลยสักนิด จึงคิดจะกลับ ไม่ได้หรือ?”
เห็นท่าทางน่ารักชวนมองของเยี่ยจื่ออวิ๋น เนี่ยหลียิ้มน้อยๆ หยิบหินผนึกจิตอสูรออกมาชิ้นหนึ่งจากแหวนมิติ จากนั้นมือซ้ายฉวยคว้ามือขาวนุ่มน้อยๆ ของเยี่ยจื่ออวิ๋นเอาไว้ ยัดหินผนึกจิตอสูรใส่มือของเยี่ยจื่ออวิ๋นและยิ้มแย้มพูด “มอบของสิ่งนี้ให้เ้า!”
รับรู้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเนี่ยหลี เวลานั้นเยี่ยจื่ออวิ๋นกลับมิได้ผลักไสมือของเนี่ยหลีออกไป ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หัวใจก็เริ่มเต้นระรัวขึ้นมา
“นี่คืออะไร?” เยี่ยจื่ออวิ๋นก้มศีรษะลงมอง ท่าทางเขินอายตรึงใจคนจนไม่อาจบรรยายได้
ท่วงทีท่าทางของเยี่ยจื่ออวิ๋น ผนวกกับกลิ่นกายหอมกรุ่นที่กำจายออกมาจากตัวของเด็กสาว ทำเอาจิตใจของเนี่ยหลีหวั่นไหวไม่รู้จบ เขายิ้มแย้มพูดว่า “นี่คือจิตอสูรที่มีคุณลักษณะวายุเหมันต์ ราชินีวายุเหมันต์!”
“ราชินีวายุเหมันต์ระดับทองดำหรือ? เ้าไปได้จิตอสูรตนนี้มาจากไหน?” เยี่ยจื่ออวิ๋นเอ่ยถามขึ้นด้วยความอัศจรรย์ใจ ราชินีวายุเหมันต์เป็จิตอสูรที่แข็งแกร่งทรงพลังหาได้ยากยิ่ง
“ราชินีวายุเหมันต์ตนนี้มิใช่ราชินีวายุเหมันต์ธรรมดา ทว่าเป็ราชินีวายุเหมันต์ที่มีอัตราการเจริญเติบโตระดับเทพ เ้าจะรู้เองหลังจากหลอมรวมกับมัน มันมีความแข็งแกร่งเป็อันมาก หลังจากที่หลอมรวมกับมันแล้วจะต้องเลี้ยงดูมันให้ดี อย่าไปกินอะไรจำพวกยาเสริมพลังจิตอสูรเป็อันขาด!” เนี่ยหลีกระตุ้นเตือน เพื่อจะให้ได้มาซึ่งราชินีวายุเหมันต์ตนนี้ เขาต้องลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้