หลังจากได้ยินคำพูดใจป๋าของเฉินเฟิง เว่ยจงเม้าและผองเพื่อนร่วมชั้นปีหลายคนต่างปรบมือและะโอย่างตื่นเต้น
“สุดยอด! เฉินเฟิงคนนี้นี่คนจริง รวยแล้วก็ยังไม่ลืมเพื่อนที่เคยลำบากด้วยเลยเว้ย!”
เหล่าเพื่อนจึงได้นั่งดื่มกินอาหารในร้านมิชลินสามดาวจนอิ่มหมีพีมัน
พวกเขาหวนนึกถึงมิตรภาพสามปีที่ผ่านมาใน่ชีวิตมหาลัย
เพราะหลังจากนี้อีกสิบวันพวกเขาก็จะจบปีสาม และต้องแยกย้ายไปฝึกงานตามบริษัทต่างๆ
งานเลี้ยงในครั้งนี้จริงๆ ส่วนหนึ่งก็ถือเป็การฉลองไปในตัว
ทุกคนต่างเรียนการเงินมา ถ้าหากต้องกลายเป็เด็กฝึกงาน พวกเขาก็ไปได้แค่บริษัทเล็กๆ ทั่วไปในแผนกต้อนรับ หรือเป็เด็กวิ่งเอกสารแค่นั้น
เมื่อคำนึงถึงเื่นี้ เฉินเฟิงจึงวางแผนจะใช้เงินล้านก้อนสุดท้ายในการก่อตั้งบริษัททางการเงิน
จากนั้นค่อยเลือกรับสมัครเพื่อนในคณะมาฝึกงานที่บริษัทเขา อาจเสนอเงินเดือนเล็กๆ น้อยๆ ให้ส่วนหนึ่ง
เพราะถ้าต้องไปฝึกงานที่บริษัทอื่น ค่อนข้างจะแน่ชัดว่าพวกเขาคงไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็แค่จบจากที่ทำงานที่ทำงานเป็บ้าเป็หลังสายตัวแทบขาด โดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเป็ชิ้นเป็อันเลย
แล้วหลังจากนี้อีกหนึ่งปี หลังจากที่ทุกคนสำเร็จการศึกษาแล้ว ใครสนใจก็สามารถสมัครเข้าบริษัททางการเงินของเขาได้อย่างเป็ทางการ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขายังไม่ได้เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็จริงเป็จัง เขาจึงเริ่มด้วยการแบ่งปันความคิดเห็นนี้กับเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาอย่างเว่ยจงเม้ากับหลิ่วอีอีก่อนเป็อย่างแรก
หลิ่วอีอีเมื่อคืนวานหลังจบพิธี เธอก็ตรงกลับบ้านทันที เพราะพ่อแม่ของเธอกลับมาแล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รับชมฉากอันน่าตื่นเต้นที่เฉินเฟิงถูกฮูอวี่และจ้าวฉินเสวียตบหน้า แล้วเขาสามารถสวนกลับได้
เมื่อตอนนี้หลิ่วอีอีได้ฟังความคิดเห็นของเฉินเฟิงเกี่ยวกับการก่อตั้งบริษัท เธอจึงเป็คนแรกที่พยักหน้าออกปากรับว่า “ฉันมีเงินเก็บอยู่ประมาณสามแสนหยวน ให้ฉันร่วมแผนการนี้ด้วยเถอะ!”
“ความคิดนายค่อนข้างดี ฉันลงด้วยแสนหยวนแล้วกัน” หัวหน้าชั้นปีเว่ยจงเม้าตกลงร่วมลงทุนด้วย แต่ก็ให้คำแนะนำอย่างจริงจัง “ถึงฉันจะเอาด้วย แต่ใช่ว่าเพื่อนในคณะคนอื่นๆ จะเอาด้วยหรอกนะ”
“ต่างคนต่างมีความฝันและแนวทางของตัวเอง ฉันไม่ได้ว่าอะไรถึงพวกเขา ถึงจะไม่เอาด้วยก็เถอะ มีแค่นายกับหลิ่วอีอีสองคนก็พอแล้ว บุคคลภายนอกไม่ได้จำเป็ขนาดนั้น” เฉินเฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไหนๆ เราก็กินกันจนอื่มแล้ว งั้นบ่ายนี้ฉันจะไปสำนักงานบัญชีเพื่อทำเื่จดทะเบียนบริษัทเลยแล้วกัน” เว่ยจงเม้ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปล่อยเื่นี้ให้ฉันจัดการเถอะ ฉันคุ้นเคยเกี่ยวกับเื่พวกนี้มากกว่านาย นายเสียเวลาในมหาลัยตามจีบผู้หญิงมากไปแล้ว!”
ทางด้านเฉินเฟิงผู้เป็นักธุรกิจมากประสบการณ์จากปี 2021 ไม่ได้โต้แย้งอะไร ปล่อยให้เว่ยจงเม้าเป็คนจัดการเื่การจดทะเบียนบริษัท โดยพิจารณาเป็หนึ่งในการฝึกงาน
“เราจะตั้งชื่อบริษัทว่า ‘บริษัทการเงินการลงทุนเฟิงฮวาเจิงเม้าจำกัด’ เป็การเอาชื่อฉันกับพี่เม้ามารวมกัน แถมยังเป็การบรรยายความสวยของหลิ่วอีอี [1] ด้วย!”
เฉินเฟิงประกาศชื่อบริษัท ในขณะที่มองเว่ยจงเม้าและหลิ่วอีอีทั้งสองมองหน้ากันและเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เมื่อสรุปได้ดังนี้แล้ว หลังจากมื้ออาหารหนึ่งชั่วโมง เว่ยจงเม้ากับหลิ่วอีอีจึงขอตัวกลับก่อนเพื่อดำเนินการเื่จดทะเบียนบริษัท
ในฐานะเ้าของงานผู้เลี้ยงอาหารมิชลินให้กับเพื่อนร่วมชั้นปี เฉินเฟิงไม่สามารถขอตัวกลับไปก่อนได้ ต้องอยู่ดื่มรับคำอวยพรจากเพื่อนๆ ก่อน
สังคมมหาวิทยาลัยก็เปรียบได้ดั่งสังคมเล็กๆ สังคมหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปีสามที่ใกล้จะจบและต้องเตรียมตัวฝึกงาน
เพื่อนร่วมชั้นปีแต่ละคนที่เคยดูถูกเฉินเฟิง ต่างก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ ทุกคนต่างมีความคิดเป็ของตนเอง
เฉินเฟิงไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติของพวกเขามากนัก
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือความเป็จริง นี่คือสังคม นี่คือสัจธรรมของมนุษย์
จากเพื่อนร่วมชั้นห้าสิบหกคนนอกจากฮูอวี่แล้ว แม้แต่เพื่อนร่วมห้องพักที่พูดจาดูิ่เฉินเฟิงลับหลังเขาในหอพักก็มาด้วย
เฉินเฟิงคิดว่าเป็เื่น่าขบขัน เมื่อเพื่อนร่วมห้องเหล่านี้สังเกตเห็นว่าเว่ยจงเม้าแยกตัวกลับไปก่อน แล้วพวกเขาก็เดินเข้าหาเฉินเฟิงพร้อมรอยยิ้มเพื่ออวยพรให้เขา
“ฉันไม่ไหวแล้ว… ดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ… ฉันเริ่มมึนๆ หัวแล้ว”
เฉินเฟิงบอกปฏิเสธการดื่มอวยพร เพราะไม่สามารถทนฤทธิ์เหล้ามากกว่านี้ได้อีกแล้ว
แต่เฉินเฟิงกลับหันไปหาเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆ ที่เขาไม่เคยมีความขัดแย้งด้วย และดื่มเครื่องดื่มของพวกเขาในอึกเดียว
หน้าของเพื่อนร่วมห้องเ่าั้ก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันที!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องอยู่ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่นๆ พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะขุดหลุมเป็อะพาร์ตเมนต์สามห้องแล้วมุดลงไปซ่อนได้
พวกเขาจึงเดินออกจากร้านอาหารของโรงแรมอย่างเสียอกเสียใจ บางคนถึงกับวางแผนที่จะไม่กลับหอเลย และหาโรงแรมในคืนนี้แทน
เพราะถ้าเฉินเฟิงเมาอีกคืนนี้ และเพื่อนร่วมชั้นปีแบกเขากลับไปที่หอพัก พวกเขาไม่รู้จะสู้หน้าเฉินเฟิงอย่างไร!
และก็เป็เช่นนั้นจริงๆ เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นปีค่อนข้างกระตือรือร้นมาก เฉินเฟิงจึงเริ่มดื่มั้แ่เวลาบ่ายโมงจนกระทั่งหนึ่งทุ่ม
อย่างไรก็ตาม ั้แ่เขาเกิดใหม่ เฉินเฟิงสามารถควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ของเขาให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่หมดสติ แม้จะดื่มค่อนข้างมากก็ตาม
“ถ้าใครยังดื่มได้ก็ดื่มต่อเลยตามสบาย” เฉินเฟิงซึ่งเมาเล็กน้อยโบกมือและพึมพำว่า "ถ้าใครง่วง ห้องนอนของโรงแรมห้าดาวเปิดให้ใช้งานได้เลย แน่นอนว่าฟรี!"
เฉินเฟิงไม่ได้บอกเพื่อนๆ ว่าเขากว้านซื้อที่ดินทั้งหมดเจ็ดตารางกิโลเมตรรอบโรงแรมแห่งนี้หมดแล้ว
เพื่อนร่วมชั้นปีเข้าใจแค่ว่าเฉินเฟิงได้รับรางวัลห้าล้านหรือหลายสิบล้าน เขาจึงจองร้านอาหารระดับมิชลินสามดาวเลี้ยงทุกคนหนึ่งสัปดาห์
ปล่อยให้พวกเขามากินอาหารตามใจชอบเป็เวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วยขอเพียงแค่แสดงบัตรประจำตัวนักศึกษา เห็นได้ไม่ยากว่านี่เป็พฤติกรรมของมหาเศรษฐีหน้าใหม่
เฉินเฟิงไม่ได้บอกคนอื่นว่าหลังจากซื้อที่ดิน โรงแรม และร้านอาหารแล้ว เขามีเงินทุนเหลือเพียงหนึ่งล้านเท่านั้น
จะเป็การฉลาดกว่าถ้าไม่เปิดเผยความมั่งคั่งของตนเอง พูดง่ายๆ คืออย่าให้คนอื่นรู้ว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ย่อมดีกว่า!
หลักการนี้รวมถึงพี่น้องและคนรักด้วย
เฉินเฟิงจำบทเรียนจากการติดต่อทางธุรกิจในชาติก่อนได้ ตอนนี้กลับมาเกิดใหม่ในปี 1995 เขายังจำบทเรียนนี้ไว้ขึ้นใจ
ในชาติก่อน หนทางของเฉินเฟิงไม่ได้ราบรื่นนัก จากการเป็คนธรรมดาที่ถูกเพื่อนสนิทและรักแรกร่วมกันสวมเขา สู่กูรูตลาดหลักทรัพย์ผู้ร่ำรวยหลายพันล้าน
เขามีประสบการณ์การทรยศหักหลังและการต่อสู้อันมืดมนในโลกธุรกิจก่อนที่จะกลายเป็เ้าสัวนายทุน!
หลังจากดื่มจนเมา เฉินเฟิงถูกเพื่อนสาวสองคนซึ่งแอบชื่นชอบเขาพยุงไปที่ห้องพักระดับห้าดาวดูหรูหราที่สุดของโรงแรมแห่งนี้
แม้ว่าเฉินเฟิงจะไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็ค่อนข้างเมาหนักพอสมควร
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากสองสาวงาม เขาค่อยๆ ทิ้งสติให้หลุดลอยไปบนเตียงน้ำราคาแพง
“จางหลิงเจี๋ย...พวกเราก็ไปพักห้องรองกันเถอะ!”
สาวงามที่สุดในชั้นปี หลินชิวหยุน พูดอย่างอ่อนแรงกับจางหลินเจี๋ย
“เธออยากไปก็ไป คืนนี้ฉันอยากนอนเตียงใหญ่ๆ แบบเฉินเฟิงอะ” จางหลินเจี๋ยสาวงามหมายเลขสองพูดขึ้น
พร้อมทุบอกของเธออย่างภาคภูมิใจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงออกจะเขินอาย
“เตียงมันใหญ่มาก เราจะนอนกลิ้งขนาดไหนก็ได้นะ!”
เชิงอรรถ
[1] ชื่อบริษัท เฟิงฮวาเจิงเม้า เฟิงจากเฉินเฟิง มีความหมายว่า สายลม ฮวาหมายถึงงดงาม สวยงาม เฟิงฮวาจึงแปลได้ว่า งดงาม มีชีวิตชีวา
เจิงเม้า เจิงแปลว่าถูกต้อง ชอบธรรม ส่วนเม้า มาจากชื่อ จงเม้า มีความหมายว่าเจริญรุ่งเรือง
เฟิงฮวาเจิงเม้า จึงเป็ชื่อที่บรรยายนิสัยและรูปลักษณ์ของหลิ่วอีอีได้ (สวยงามมีชีวิตชีวา)