กวนฮุ่ยเอ๋ออยู่ในอาการตกตะลึง
พอหญิงวัยกลางคนข้างกายเธอเห็นหญิงสาวสวยขนาดนี้ออกมาจากบ้านโจว ก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ เหมือนกัน
“ดูฉันสิ ไม่ได้เจอคนในครอบครัวเธอตั้งหลายปีแล้ว นี่คือใครรึ?”
“คุณน้ากวน ฉันมาเยี่ยมคุณน้ากับคุณอาน่ะค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในท่าทางกำลังจะกลับ กวนฮุ่ยเอ๋อจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
คนเขายังรอให้เธอแนะนำนี่นา เธอต้องพูดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ใคร? ช่างเถอะ เดินทางมายังบ้านโจวด้วยตนเอง ชัดเจนว่ายังไม่ได้บอกเลิกโจวเฉิงสินะ
“ทำไมไม่กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับล่ะ? ซูอวี้ นี่คือเสี่ยวหลานคนรักของโจวเฉิงน่ะ เสี่ยวหลาน คุณคนนี้คือคุณน้าหร่าน”
“สวัสดีค่ะคุณน้าหร่าน”
เซี่ยเสี่ยวหลานโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ความสามารถในการควบคุมตนเองของมารดาโจวเฉิงดีเยี่ยมเสมอมา หากไม่ยอมรับสถานะของเธอในเวลาเช่นนี้ ประธานเซี่ยคงรู้สึกอับอายมากทีเดียว
หร่านซูอวี้?
ชื่อนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก
หร่านซูอวี้กำลังมองเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกัน หลังจากเพ่งพิศพินิจอยู่สักพัก จู่ๆ ก็หันไปพูดกับกวนฮุ่ยเอ๋อ “ฉันก็ว่าคุ้นตาเชียว เมื่อวานซืนเธอเข้าร่วมขบวนเกียรติยศในงานเฉลิมฉลองที่เทียนอันเหมินสินะ? ผู้หญิงที่ยืนแถวแรกคนนั้น ฉันกับก่วงผิงคุยกันว่าสาวเ้าคนนั้นหน้าตาสวยมากทีเดียว นึกไม่ถึงว่าโลกมันจะแคบเหลือเกิน เป็คนรักของโจวเฉิงเสียได้ โจวเฉิงของเธอเลือกเก่งจริงๆ !”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีปฏิกิริยาในทันที
หร่านซูอวี้กับหวังก่วงผิง?
มารดาของหวังเจี้ยนหัวนี่เอง!
โลกเรามันช่างแคบยิ่งนัก หร่านซูอวี้ดูอายุมากกว่ากวนฮุ่ยเอ๋อ อีกทั้งการแต่งกายก็ธรรมดา ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คิดไปทางนั้นเลย ทว่าเมื่อมองอีกครั้งในตอนนี้ เครื่องหน้าบางส่วนถูกถ่ายทอดให้หวังเจี้ยนหัวจริงๆ แม่ของ ‘อดีตแฟนหนุ่ม’ กับแม่ของแฟนหนุ่มปัจจุบันไม่เพียงแต่รู้จักกัน ทั้งยังกลับมาจากข้างนอกพร้อมกันด้วย แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะมากประสบการณ์และมีความรอบรู้ แต่ก็ไม่เคยเจอสถานการณ์ลักษณะนี้มาก่อน!
เมื่อเห็นเธอตะลึงงัน กวนฮุ่ยเอ๋อแค่ถือว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคิดถึงเื่ครั้งก่อน
ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา เซี่ยเสี่ยวหลานอาจไม่ค่อยเหมาะกับโจวเฉิงนัก แต่หญิงสาวคนนี้ไร้ซึ่งข้อบกพร่องใดๆ หน้าตาสะสวย และเป็ถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง อีกทั้งไม่หวั่นเกรงหรือเคอะเขิน แม้พบหร่านซูอวี้โดยบังเอิญแบบนี้ก็ไม่ทำให้บ้านโจวรู้สึกขายหน้า เมื่อหร่านซูอวี้กล่าวคำชื่นชมเหล่านี้ การมีอยู่ของเซี่ยเสี่ยวหลานได้สร้างสง่าราศีให้บ้านโจวนั่นเอง
น้ำเสียงของหร่านซูอวี้จริงใจเป็อย่างยิ่ง เธอคิดจริงๆ ว่าโจวเฉิงมีสายตาเฉียบคมในการเลือกคนรัก ดีกว่าเจี้ยนหัวของเธอมากโข!
เพราะความจริงใจของหร่านซูอวี้นี่เอง กวนฮุ่ยเอ๋อถึงเกิดความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนรักของโจวเฉิง โจวเฉิงย่อมเป็ที่นับหน้าถือตามากกว่าเดิม
“นี่คือเื่ของพวกหนุ่มสาวเขาทั้งนั้น ลูกเต้าโตแล้วพวกเรายังจะดูแลได้อีกหรือ? เสี่ยวหลานเป็คนเก่งมากจริงๆ เป็โจวเฉิงที่ยังต้องพยายามมากยิ่งขึ้น”
กวนฮุ่ยเอ๋อถ่อมตนเอง และการถ่อมตนนี้ให้เกียรติเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างสูงที่สุด
เธอส่งบันไดให้แล้วเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมต้องรีบรับไว้ กวนฮุ่ยเอ๋อขอ ‘พูดคุย’ กับเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นย่อมเป็เื่ส่วนตัว ทว่าตอนนี้เป็การร่วมใจรับหน้าคนนอก และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องสาธยายอย่างฉะฉาน เธอแค่ให้ความร่วมมือโดยการยิ้มแย้มน้อยๆ ก็พอแล้ว
เนื่องจากพบกวนฮุ่ยเอ๋อและหร่านซูอวี้กลับมาพอดี เซี่ยเสี่ยวหลานจึงถูก ‘เชิญ’ จากหน้าประตูให้กลับเข้าบ้านไปอีกรอบ
ป้าเจิงดีใจมาก “คุณกลับมาแล้ว เสี่ยวหลานนั่งอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง วางของฝากเสร็จก็จะกลับ ชวนเธอให้อยู่กินข้าวก็ไม่ยอม”
ของฝากไม่ได้มีค่าราคาแพง ทว่าสิ่งสำคัญคือมีน้ำใจส่วนนี้ให้
หร่านซูอวี้รู้สึกอิจฉาเหลือเกิน “เสี่ยวหลานเป็นักศึกษาหัวชิงสินะ เมื่อวานซืนถึงได้เดินขบวนเกียรติยศของหัวชิง”
“นักศึกษาหัวชิง เรียนสถาปัตยกรรมน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีกว่าเจี้ยนหัวของฉันเยอะเชียวล่ะ เด็กคนนั้นเสียเวลาเพราะฉันกับพ่อของเขา...”
หร่านซูอวี้พูดถึงครึ่งหนึ่งก็ชะงัก กวนฮุ่ยเอ๋อไม่รู้เช่นกันว่าจะต่อบทสนทนานี้อย่างไรดี
หลังหวังก่วงผิงกลับมารับราชการ ทุกคนก็ไม่ได้อาศัยในที่เดียวกัน ทว่าเมื่อก่อนเคยเป็เพื่อนบ้าน ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกวนฮุ่ยเอ๋อกับหร่านซูอวี้ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร เหตุผลหลักนั้นมาจากโจวกั๋วปินและหวังก่วงผิงมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน เป็เหตุให้หวังก่วงผิงต้องลงชนบทหลายปี เมื่อเวลาผ่านไปกวนฮุ่ยเอ๋อได้พบหร่านซูอวี้ระหว่างทาง หร่านซูอวี้เรียกเธอไว้ แต่เธอจำหร่านซูอวี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
หร่านซูอวี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมากเหลือเกิน เดิมทีก็อายุมากกว่ากวนฮุ่ยเอ๋อสองสามปี อย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตในไร่ด้วยความยากลำบาก ปัจจุบันเธอจึงดูแก่กว่ากวนฮุ่ยเอ๋ออย่างน้อยสิบกว่าปี
แม้ความสัมพันธ์ในอดีตไม่ถือว่าสนิทสนม ทว่าเมื่อคนเคยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงพบหน้ากัน ย่อมต้องรำลึกความหลังบ้างอยู่ดี
กวนฮุ่ยเอ๋อชักชวนตามมารยาทไม่กี่ประโยค ให้หร่านซูอวี้มานั่งเล่นที่บ้าน คิดไม่ถึงว่าหร่านซูอวี้จะตามมาจริงๆ และด้วยเหตุนี้ถึงเจอกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
ขณะนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในสถานการณ์แสนกระอักกระอ่วนนั่นเอง
มารดา ‘อดีตคนรัก’ สรรเสริญเซี่ยเสี่ยวหลานต่างๆ นานา และเป็ไปไม่ได้ที่กวนฮุ่ยเอ๋อจะทำลายบรรยากาศต่อหน้าคนนอก เธอทำได้เพียงร่วมสนทนาประเด็นนี้กับหร่านซูอวี้เท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคิดว่าเธอควรพูดกับกวนฮุ่ยเอ๋อหรือไม่ เห็นท่าทางของหร่านซูอวี้แบบนี้ ดูเหมือน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์กับบ้านโจวมากสินะ
ใครก็ไม่ใช่คนโง่
เริ่มแรกก่อนหวังก่วงผิงจะถูกส่งตัวลงชนบท เขาอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับโจวกั๋วปิน หลังเสียเวลาปลายปีที่ผ่านมานี้ไป การกลับมารับราชการอีกครั้งย่อมยึดตามระดับดั้งเดิม
อย่างไรก็ตามหลายปีมานี้ โจวกั๋วปินไม่ได้ย่ำอยู่ที่เดิมนี่นา ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ตำแหน่งสูงกว่าหวังก่วงผิง หน่วยงานของเขายังมีน้ำหนักกว่าหวังห่วงผิงที่ทำงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วย... หร่านซูอวี้กระตือรือร้นอย่างมากที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคนสนิทในอดีต มิเช่นนั้นเธอจะหน้าด้านตามกวนฮุ่ยเอ๋อกลับบ้านเสียที่ไหน อีกทั้งยังยกยอปอปั้นเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยน่ะสิ
อาหารมื้อนี้รับประทานกันอย่าง ‘ทั้งแขกและเ้าบ้านเพลิดเพลิน’ ทว่าสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน นี่คือประสบการณ์ชีวิตเหนือจินตนาการสามอันดับแรกเลยทีเดียว
พอหร่านซูอวี้กล่าวลาในที่สุดแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานก็ต้องเผชิญหน้ากับกวนฮุ่ยเอ๋อตามลำพัง
“คุณน้ากวน ฉันคุยกับโจวเฉิงแล้วค่ะ ความคิดเห็นที่คุณน้ากล่าวนั้นถูกต้องมาก แต่ฉันคิดว่าปัญหาพวกนี้ไม่ใช่จะไร้หนทางแก้ไขเสมอไป ฉันกับโจวเฉิงจะยังไม่เลิกกัน และวันนี้ฉันไม่ได้มาเพื่อท้าทายคุณ ทว่าโจวเฉิงนั้นอยู่ค่ายไม่ค่อยได้กลับมา ฉันจึงมาเพื่อเยี่ยมคุณน้าและคุณอาเท่านั้นค่ะ... ในอนาคตฉันอาจจะมาบ่อยๆ หากในบ้านขาดตกบกพร่องอะไร คุณน้าบอกฉันเถอะค่ะ อย่าเกรงใจฉันเกินไปเลย”
หนุ่มสาวซื้อข้าวของให้ครอบครัว เป็สิ่งที่โจวเฉิงสมควรทำ
ทว่าโจวเฉิงทุ่มเทกายใจเกือบทั้งหมดให้การงานแล้ว จึงไม่อาจใส่ใจครอบครัวไปพร้อมกันได้ เซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็คนรักย่อมต้องช่วยเขาดูแลไม่ใช่หรือ
เมื่อก่อนเธอคิดว่าไม่จำเป็ต้องสนิทกับครอบครัวของโจวเฉิงมากนัก แต่ตอนนี้หลังจากที่ใคร่ครวญอีกทีแล้วก็ถือว่านั่นเป็การหนีความรับผิดชอบ
เซี่ยเสี่ยวหลานมีท่าทีสบายๆ กวนอุ่ยเอ๋อย่อมไม่พูดอะไรระคายหูเช่นกัน
พอเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไป กวนฮุ่ยเอ๋อก็มองของที่เธอนำมาฝาก เป็แค่พวกผลไม้ ของราคาไม่สูง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดถูก ปกติโจวเฉิงกลับบ้านน้อยครั้งเหลือเกิน บ้านโจวนั้นช่างหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวจริงๆ
กวนฮุ่ยเอ๋อนึกว่าตนเองจะโกรธจัดเสียอีก
แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้โกรธมากมายขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานสงบนิ่งยิ่งนัก บอกว่าหารือกับโจวเฉิง ก็เป็เพียงการ ‘หารือ’ ไม่ใช่การไปร้องทุกข์ต่อโจวเฉิงอย่างแน่นอน
----------------------------------------
หลังจากหร่านซูอวี้ออกจากบ้านโจว พอตกเย็นหวังก่วงผิงกลับมา เธอก็บ่นกระปอดกระแปด
“เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านใกล้กัน ภรรยาของโจวกั๋วปินเขาคุณยังจำได้สินะ? ตอนนี้โจวกั๋วปินมีหน้าที่การงานก้าวหน้า กวนฮุ่ยเอ๋อภรรยาของเขาก็มีชีวิตชีวาเหมือนกัน เธอไม่ได้เป็หมอมาตั้งนานแล้ว ทว่าทำงานในกระทรวงสาธารณสุขแทน ลูกชายก็มีแฟนสาวเป็ถึงนักศึกษาหัวชิง... คุณยังจำงานเฉลิมฉลองเมื่อวานซืนได้ใช่ไหม คนในขบวนเกียรติยศหัวชิงที่ถูกจับภาพระยะใกล้นั่นน่ะ คือว่าที่ลูกสะใภ้ของโจวกั๋วปิน!”
ด้วยจุดเปลี่ยนหนเดียว ผู้หญิงสองคนที่เดิมทีมีสถานะเทียบเท่ากัน ปัจจุบันกล้บห่างกันไกลมากโข
หร่านซูอวี้จะยอมจำนนได้อย่างไร
โจวกั๋วปินเลื่อนขั้นแล้ว ลูกชายย่อมมีอนาคตสดใสอย่างแน่นอน กวนฮุ่ยเอ๋อเองก็กลายเป็ผู้บริหารระดับรองของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนลูกสะใภ้ที่ได้ก็ดูโดดเด่นไปเสียทุกด้าน
บ้านหวังเล่า?
แม้หวังก่วงผิงกลับมารับราชการ ทว่าได้ไปทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ
หวังเจี้ยนหัวสอบติดมหาวิทยาลัย ทว่าเป็เพียงสถาบันสำหรับฝึกอบรมครู
และแฟนสาวที่มีก็เป็ตัวถ่วงโดยสมบูรณ์... ก่อนหน้านี้หวังก่วงผิงต่อต้านอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้กลับดูยินดีปรีดามากทีเดียว หร่านซูอวี้รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ลูกชายเธอด้อยกว่าโจวเฉิงของโจวกั๋วปินตรงไหน ทำไมเจี้ยนหัวถึงหาได้แค่ผู้หญิงอย่างเซี่ยจื่ออวี้กัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้