ครั้นเผชิญหน้ากับวาจาแฝงความนัยของอวี๋เจียว อวี๋ฉี่เจ๋อถึงกับรับมือแทบไม่ไหว เขาเลิกคิ้วเอ่ย “เ้าเป็แม่นางผู้หนึ่ง ยามพูดจาควรจะสำรวมเสียบ้าง”
“ก็ข้าไม่ใช่แม่นางสำรวมตนเ่าั้” อวี๋เจียวเอ่ย “ไม่เช่นนั้นหากท่านไม่สบายเพราะอากาศเย็น ข้าจะไม่สนใจท่านแล้ว”
อวี๋ฉี่เจ๋อหัวเราะเสียงเบาหลังได้ฟัง คิ้วงามเลิกขึ้น ดวงตาดอกท้อทอประกายเ้าชู้ก่อนจะโน้มกายมาตรงหน้าอวี๋เจียว “อยากดูร่างกายของข้าหรือ? เ้ายังเด็ก รอให้ผ่านไปอีกไม่กี่ปี ไม่ต้องเปลืองแรงกายแรงใจหาข้ออ้างถึงเพียงนี้ข้าก็จะให้เ้าดู”
ใบหน้าหล่อเหลาดุจภาพวาดห่างเพียงหนึ่งคืบ ลมหายใจร้อนระอุรดลงมา ใบหน้าของอวี๋เจียวแดงระเรื่อเล็กน้อย เ้าหนุ่มน้อยผู้นี้ช่างรู้จักยั่วยวนผู้อื่นเสียจริง ยามทำตัวไร้สมบัติผู้ดีขึ้นมาถึงกับทำให้ผู้อื่นต้านทานไม่ไหว ใช้ความงามฆ่าผู้อื่นอย่างแท้จริง
นางยื่นนิ้วออกไปนิ้วหนึ่ง จิ้มลงบนอกของอวี๋ฉี่เจ๋อและออกแรงผลักไปข้างหลัง กระแอมไอเสียงเบาแล้วเอ่ยอย่างไว้ตัว “พูดจากันดีๆ ห้ามลวนลามข้า”
อวี๋ฉี่เจ๋อหัวเราะเสียงเบา ก้มหน้าลงมองนิ้วเรียวตรงหน้าอกของตน ถึงแม้เรี่ยวแรงไม่พอให้เอ่ยถึง ทว่าการกระทำเล็กน้อยเช่นนี้กลับทำให้จังหวะหัวใจของเขาปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย เขาพลันรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าเป็เพราะนั่งใกล้กองไฟมากเกินไป อวี๋ฉี่เจ๋อจึงกระถดกายถอยหลังเล็กน้อย
อวี๋เจียวถอดรองเท้าออก สวมถุงเท้าแล้วยื่นเข้าไปผิงไฟ ชิงเอ่ยเสียงดังขึ้นก่อนว่า “ห้ามพูดว่าข้าไม่รู้ธรรมเนียม”
อวี๋ฉี่เจ๋อหัวเราะแล้วเติมฟืนใส่ในกองไฟ “ไม่มีบุรุษอื่นอยู่ด้วย ไม่เป็ไร”
อวี๋เจียวปลดมวยผมออก นางสางผมยาวเปียกชุ่มเบาๆ เสียงฟืนที่กำลังเผาไหม้กับเสียงสายฝนที่ตกกระทบใบไม้นอกถ้ำผสมผสานเข้าด้วยกัน เสียงที่ไร้ซึ่งความโหวกเหวกเช่นนี้ทำให้จิตใจผู้คนรู้สึกสบาย
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่ได้ยินเสียงอวี๋เจียวพูดคุยเป็เวลานาน ครั้นเงยหน้าขึ้นพบว่านางนอนพิงกำแพงหินหลับไปเสียแล้ว มุมปากเขายกขึ้นเป็รอยยิ้มบาง เขาหยิบเสื้อคลุมที่ผิงไฟจนแห้งข้างกองไฟมาอย่างแ่เบาแล้วคลุมลงบนกายของอวี๋เจียว
เพราะนางหลับเร็ว อวี๋เจียวจึงตื่นขึ้นมากลางดึก นางมองออกไปนอกถ้ำ เห็นว่าท้องฟ้ายังไม่สว่าง ด้านนอกมีเสียงน้ำหยดแ่เบา กองฟืนตรงหน้าเหลือเพียงเปลวไฟดังประกายแสงดาว เสื้อผ้าของนางยังคงชื้นอยู่เล็กน้อย
อวี๋ฉี่เจ๋อยังคงนอนพิงกำแพงด้านข้าง อวี๋เจียวดึงเสื้อคลุมที่คลุมอยู่บนตัวออกแล้วห่มลงบนร่างของอวี๋ฉี่เจ๋อ นางััร่างของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผิวที่ร้อนจนลวกผู้อื่นทำให้อวี๋เจียวถึงกับนิ่งงัน นางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋อ นึกไม่ถึงว่าจะเป็ไข้เสียแล้ว
อวี๋เจียวยืนขึ้น หยิบหญ้าแห้งและฟืนจากด้านข้างมาก่อไฟอีกครั้ง แบกตะกร้าสมุนไพรออกจากถ้ำ ทำคบเพลิงแบบง่ายๆ เพื่อใช้ส่องทางภายนอก
ฝนหยุดลงแล้ว เสียงหยดน้ำดังแ่เบาก็คือเสียงหยดน้ำที่ร่วงหล่นจากใบไม้ภายในป่า อวี๋เจียวคลำทางหาสมุนไพรลดไข้และแก้หนาวสั่น เมื่อวานนางรีบร้อนขึ้นเขา บนกายไม่มีสมุนไพรติดตัว เพราะนางไม่คาดคิดสักนิดว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะตามนางขึ้นเขา
อวี๋เจียวพยายามปกป้องคบเพลิงอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มันดับลงพร้อมกับมองหาสมุนไพร แต่เนื่องจากคบเพลิงมีขนาดเล็กเกินไป แสงที่ส่องออกมาจึงมีจำกัด อวี๋เจียวแทบจะหมอบคลานลงไปกับพื้น นางเร่งขุดสมุนไพรสองสามต้นก็รีบกลับไปที่ถ้ำ
อวี๋ฉี่เจ๋อยังคงนอนพิงกำแพงถ้ำอย่างไม่รู้สึกตัว คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพราะรู้สึกไม่สบายตัว ใบหน้าใสสะอาดที่มักเ็าแดงระเรื่อเพราะความร้อน แสงไฟที่พลิ้วไหวเมื่อส่องกระทบใบหน้าของเขา ทำให้ทั้งตัวของชายหนุ่มดูอ่อนแอเพราะความเจ็บป่วย ดูต่างไปจากยามปกติอยู่บ้าง
อวี๋เจียวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ยามนี้ผู้ที่ปกติเ็าสูงส่งกลับแลดูอ่อนแอไร้ที่พึ่งอย่างชัดเจน
นางถือหม้อเหล็กใบเล็กเดินออกจากถ้ำอีกครั้ง หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่งจึงเห็นหินผาตรงมุมหนึ่งมีรูปร่างคล้ายแอ่งน้ำ ภายในมีน้ำฝนอยู่ไม่น้อย นางล้างสมุนไพรให้สะอาดแล้วใช้หม้อเหล็กตักน้ำก่อนจะเดินกลับเข้าไปในถ้ำ
นางใส่สมุนไพรลงในหม้อเหล็ก นำไปต้มเป็ยาต้มเข้มข้นหนึ่งชาม จากนั้นถึงปลุกอวี๋ฉี่เจ๋อที่นอนไข้ขึ้นสูงไม่รู้เื่ให้ตื่นขึ้นมา
หลังจากอวี๋ฉี่เจ๋อลืมตา เขายังสะลึมสะลืออยู่บ้าง เพราะมือเล็กของอวี๋เจียวมีไอเย็น เขาพลันแนบใบหน้าเข้าหาโดยสัญชาตญาณ ราวกับว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
อวี๋เจียวพยายามเกลี้ยกล่อมเขา “ท่านเป็ไข้แล้ว ข้าต้มยามาให้ ดื่มแล้วจะดีขึ้น”
อวี๋ฉี่เจ๋อตัวร้อนจนสมองเลอะเลือน ครั้นได้ยินเสียงของนางจึงพยายามบังคับให้ตนมีสติชัดเจนยิ่งขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “อวี๋เจียว ข้าไม่สบายแล้ว... ไม่สบาย เ้าอย่าโวยวาย ให้ข้านอนต่ออีกสักหน่อย...”
ครั้นเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย เขาไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าตนกำลังพูดอะไร มือทั้งสองข้างกอดแขนของอวี๋เจียว หน้าผากที่ร้อนผ่าวแนบลงกับคอของนาง
อวี๋เจียวขมวดคิ้ว ลมหายใจร้อนระอุกระทบซอกคอของนาง ทำให้นางตัวแข็งทื่อ นางผลักอวี๋ฉี่เจ๋อและเอ่ยโน้มน้าว “ดื่มยาก่อนแล้วค่อยนอน”
ผู้ที่นอนพิงอยู่บนตัวนางไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อวี๋เจียวกลัวว่ายาในมือของตนจะเย็น นางพยายามอย่างหนักเพื่อวางอวี๋ฉี่เจ๋อลงบนพื้น ตามด้วยยกหม้อเหล็กใบเล็กขึ้นจรดริมฝีปากของอวี๋ฉี่เจ๋อ
เขานอนหลับไปไม่ได้สติ ริมฝีปากและฟันปิดสนิทจนไม่อาจป้อนยา อวี๋เจียวยกมือขึ้นบีบแก้มทั้งสองข้างของเขาอย่างแรงถึงทำให้ปากของเขาเปิดออก มืออีกข้างถือหม้อเหล็กใบเล็กและกรอกยาต้มเข้าไปในปากของเขา
หลังจากกรอกยาเสร็จค่อยหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อออกมาซับยาที่ไหลออกจากมุมปากของอวี๋ฉี่เจ๋อ
ดูเหมือนอวี๋ฉี่เจ๋อจะดีขึ้นหลังจากดื่มยาต้มอุ่นร้อนเข้าไป คิ้วของเขาไม่ขมวดเข้าหากันแน่นเช่นก่อนหน้า อวี๋เจียวลุกออกไปตักน้ำเย็นด้านนอกอีกหนึ่งหม้อ ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นแล้วซับหน้าผากอันร้อนระอุของอวี๋ฉี่เจ๋อ
ไม่นานนัก ผ้าเช็ดหน้าเริ่มอุ่นเพราะความร้อนในร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อเสียแล้ว อวี๋เจียวไปตักน้ำเย็นและใช้ผ้าเย็นซับหน้าผากเขาอีกครั้ง หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จถึงพบว่าอาภรณ์บนร่างของอวี๋ฉี่เจ๋อยังครึ่งเปียกครึ่งแห้ง อาจเป็เพราะร่างกายของเขาทรุดโทรมมาแต่เดิม ภายในกายไร้ความร้อน ต่อให้นั่งผิงข้างกองไฟก็ยังไม่ทำให้อาภรณ์เหล่านี้แห้งได้
อวี๋เจียวไม่ลังเลแม้แต่นิด มือทั้งสองข้างของนางปลดอาภรณ์ท่อนบนของเขาออก เหลือไว้เพียงเสื้อตัวใน นางเอาเสื้อคลุมตัวนั้นที่ผิงไฟจนแห้งมาคลุมลงบนกายของเขา
อวี๋เจียวเอาหญ้าแห้งจำนวนหนึ่งมาปูรองใต้ร่างของอวี๋ฉี่เจ๋อ นำเสื้อเปียกที่ถอดออกมาจากตัวเขาไปตากไว้ข้างกองไฟ
หลังจัดการสิ่งเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย อวี๋เจียวนั่งลงหน้ากองไฟ ตอนนี้นางไม่รู้สึกง่วง ทว่าท้องกลับเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา นางลุกขึ้นถือหม้อเล็กออกไปตักน้ำกลับมา เมื่อต้มจนสุกจึงได้ดื่มจนเกือบอิ่ม
อวี๋ฉี่เจ๋อที่นอนอยู่บนกองหญ้าขยับเล็กน้อย อวี๋เจียวเห็นเขากอดเสื้อคลุมไว้แน่น คาดว่าคงเป็เพราะความร้อนและเย็นในร่างกายปะทะกัน อวี๋เจียวเติมฟืนลงในกองไฟ เอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋อ เมื่อรู้สึกว่าไม่ร้อนระอุเช่นก่อนหน้าจึงวางใจลงเล็กน้อย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หน้าปากถ้ำมีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามา แพขนตาของอวี๋ฉี่เจ๋อขยับเล็กน้อย ครั้นรู้สึกตัวและกำลังจะลุกขึ้น เขาจึงพบว่าอวี๋เจียวนอนฟุบอยู่บนร่างตนเองกำลังหลับสนิท
แสงอาทิตย์งามจับตาสาดส่องลงบนดวงหน้าเล็กของนาง ขับให้ใบหน้าหน้าแลดูพิสุทธ์อ่อนโยน
เขาคล้ายจะจำได้ว่าเมื่อคืนตนไข้ขึ้นสูง อวี๋เจียวเรียกให้เขาดื่มยา ทว่าหลังจากนั้นตนกลับหมดสติไป ตามไรฟันยังหลงเหลือความขมของรสยา เขารู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง ไม่รู้ว่านางออกไปหาสมุนไพรกลางดึกเช่นนั้นได้อย่างไร
