ทำไมเจินจูชอบเดินเล่น?
นี่ยังต้องถามอีกหรือ? มีสตรีที่ไม่ชอบเดินเล่นด้วยหรือ?
สตรีชอบเดินเล่นซื้อของก็เหมือนบุรุษชอบอาวุธาและคนงาม
เจินจูเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนถนนของเมืองที่เป็อำเภออย่างมีความสุข
ชุดที่นางสวมวันนี้เป็เสื้อฤดูร้อนสีเหลืองอ่อนที่ทำขึ้นใหม่ สีสว่างสดใสงดงามมีชีวิตชีวา ผมแปรงมวยลายก้นหอยคู่ [1] ผูกเชือกรัดผมสีเขียวอ่อน ดวงตาดำเงา แก้มนุ่มอมชมพู เมื่อเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มชน อัตราเหลียวมองตามสูงมาก
“ร้านซิ่วจิ่น!” เจินจูมองไป ในเมืองที่เป็อำเภอก็มีร้านซิ่วจิ่นด้วย ดูแล้วการค้าขายผ้าร้านนี้ทำได้ใหญ่โตมากเลยนี่
ตกแต่งมีสง่าและระดับสูง คนหลั่งไหลเข้าออกในร้านค้าคึกคักอย่างมาก แสดงว่าร้านวัสดุผ้าร้านนี้ค่อนข้างได้รับความนิยม
พอดีเลยจะได้ซื้อผ้าให้คนในวัดเฉิงหวงเสียหน่อย
นางยกเท้าก้าวไปทางร้านค้า กำลังคิดจะก้าวเข้าธรณีประตู เด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีชมพูพุ่งตรงออกมาทางนางจากมุมประตูด้านใน
สายเกินกว่าที่เจินจูจะเลี่ยงได้ จึงอาศัยเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ
สุดท้ายการเคลื่อนไหวมือและเท้าของสองคนยังคงแตะชนกันเล็กน้อย ใต้ฝ่าเท้าเด็กสาวชุดชมพูซวนเซ หลังจากยืนได้ตรงแล้วจึงตวาดเสียงดังด้วยความโมโห “ผู้ใดไม่ดูตาม้าตาเรือกัน ยืนค้ำอยู่ปากประตูเป็เทพเฝ้าประตูหรือไร”
เจินจูขมวดหว่างคิ้วเล็กน้อย นี่เป็การออกจากบ้านมาเจอหมาบ้าเข้าแล้ว พอเห็นคนก็จะกัดเลย
“โอ๊ะ แม่นางเซียงหลัน ท่านไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม? ไม่ได้หกล้มใช่หรือไม่?” ลูกจ้างหนึ่งคนในร้านวิ่งเข้ามา โค้งตัวทักทายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบ
“เชอะ ธรณีร้านซิ่วจิ่นของพวกเ้าต่ำไปหน่อยแล้วหรือ เ้าดูสิ ตอนนี้พวกแมวพวกสุนัขอะไรล้วนกล้าเข้ามาข้างในแล้ว” เด็กสาวที่ถูกเรียกนามว่าเซียงหลันเชิดคางขึ้น เหลือบมองเจินจูหน้าประตู ยัยเด็กบ้านนอกมาจากไหนกัน สวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายทั้งตัวยังกล้าเดินเข้ามาในร้านซิ่วจิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตอำเภอ
พวกแมวพวกสุนัข? เจินจูได้ยินเช่นนั้นแล้วอดทนยิ้มออกมาด้วยความโมโห ลูกจ้างของร้านร้องเรียกนางว่าแม่นางเซียงหลัน ชื่อเรียกเช่นนี้ไม่มีทางเป็บุตรสาวทองคำ [2] ของครอบครัวร่ำรวยที่ไหนแน่ อายุประมาณสิบสี่สิบห้า แปรงมวยผมง่ามคู่ [3] เห็นได้ชัดมากว่าเป็คนรับใช้หญิงข้างกายของคุณหนูหรือฮูหยินสักคน
คนรับใช้หญิงหนึ่งคนล้วนเย่อหยิ่งใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ ดูท่านายท่านของนางก็คงไม่ใช่เ้านายที่นิสัยดีเช่นกัน
“นี่…” ลูกจ้างของร้านมองแม่นางน้อยสีหน้าสุขุมตรงหน้าด้วยความลังเลแวบหนึ่ง เสื้อฤดูร้อนสีเหลืองอ่อนชุดนั้น ชัดเจนว่าเป็ผ้าที่เข้ามาใหม่ปีนี้ของร้านซิ่วจิ่น เป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดชนิดหนึ่งที่แพงที่สุด สองฝ่ายต่างเป็ลูกค้าร้านซิ่วจิ่นของพวกเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าล้วนไม่สามารถล่วงเกินได้
กลับเห็นว่าเขากลอกตามองไปมาหนึ่งรอบ แล้วหยิบดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์สีสว่างสดใสหนึ่งดอกออกมาจากปลายกระบอกแขนเสื้อ ยิ้มแล้วกล่าวกับเซียงหลันผู้นั้น “โธ่เอ๋ย นี่ล้วนโทษเ้าของร้านของพวกข้า ประตูใหญ่สร้างได้เล็กไปแล้ว เกือบทำให้แม่นางเซียงหลันหกล้มเข้าได้ เป็พวกข้าที่ผิดเอง มา... แม่นางเซียงหลัน นี่เป็ทัดดอกไม้สีทองใหม่ล่าสุดบนชั้นของร้าน มอบให้แม่นางเป็ของขอขมายอมรับผิด หวังว่าแม่นางเซียงหลันโปรดให้อภัยด้วย”
สองตาเซียงหลันสว่างวาบ ดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่สุดของร้านซิ่วจิ่นที่บรรดาคุณหนูกับฮูหยินมากมายตั้งเท่าไรต่างต่อแถว้าซื้อ
รับทัดดอกไม้สีทองดอกนั้นมา มองพิจารณาอย่างละเอียดสองสามที หลังจากนั้นใส่เข้าไปในหน้าอกอย่างระมัดระวัง
“ในเมื่อพวกเ้าขอโทษด้วยความจริงใจ เช่นนั้นข้าก็จะรับไว้ ข้ายังต้องไปเรียกรถม้าให้คุณหนูอีก ต้องไปก่อนแล้ว” เซียงหลันเหลือบมองเด็กสาวตัวเล็กฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่งแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักประโยค เมื่อสักครู่นางไม่ทันระวังไปชั่วขณะ ผ้าที่เด็กสาวนั่นสวมชัดเจนว่าเป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดที่แพงที่สุดของร้านซิ่วจิ่น คนธรรมดาที่ไหนจะจ่ายเงินซื้อได้ไหว
อีกอย่างเด็กสาวผู้นี้สีหน้าสงบนิ่ง บุคลิกสุขุม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นคำพูดของนางอยู่ในสายตา อากัปกิริยาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจปานนี้ ลำดับศักดิ์ในวงศ์ตระกูลและพื้นเพต้องไม่ธรรมดาเป็แน่
เซียงหลันอดสำนึกผิดในใจไม่ได้ ทำไมตนเองไม่ควบคุมปากไว้นะ แต่ให้นางก้มหน้ายอมรับผิด นางก็ไม่ยอมเช่นกัน ด้วยเหตุนี้นางจึงแสร้งทำท่าทางเหมือนไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น เดินมุ่งตรงออกไปข้างหน้าอย่างเดียว
หูฉางกุ้ยยืนอยู่ไม่ไกลจากเจินจู ตื่นใจนมือเย็นเท้าเย็นไปทั้งกาย ช่างอัตรายนัก แม่นางเซียงหลันอะไรผู้นั้นไม่รู้ว่าเป็สาวรับใช้ของครอบครัวไหน หยิ่งผยองเพียงนั้น หากนางหาเื่เจินจูไว้และก่อกวนไม่ปล่อย เช่นนั้นจะทำอย่างไร
“ฮ่าๆ แม่นาง ต้องขออภัยจริงๆ ล้วนเป็เพราะความสะเพร่าของร้านเรา ทำให้แม่นางต้องตื่นตระหนกแล้ว เอาเช่นนี้ ผ้าพับของร้านเราที่ท่านจะซื้อวันนี้ ล้วนลดให้ท่านร้อยละสิบ เพื่อเป็การแสดงความเสียใจและสำนึกผิดของร้านเรา” ลูกจ้างของร้านยิ้มบางๆ แล้วโก้งโค้ง ท่าทางดูจริงใจแต่ไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตน
มิน่าที่การค้าขายของร้านซิ่วจิ่นจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ ดูวิธีคนเขาจัดการปัญหาสิ สี่เหลียงปาดพันชั่ง [4] ก็สามารถแก้ไขการทะเลาะวิวาทที่อาจเกิดขึ้นหนึ่งฉากให้สลายไปได้ แล้วนี่ยังเป็เพียงลูกจ้างธรรมดาของร้านอีกต่างหาก
เจินจูหันไปพยักหน้าทางลูกจ้าง แล้วก้าวเข้าในร้านเดินไปพลางพิจารณาสภาพโดยรอบไปพลาง ราวกับบทแทรกเล็กๆ ที่หน้าประตูไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนผู้อื่น ผู้ที่ควรจะซื้อผ้าก็ซื้อผ้าไป ผู้ที่ควรแนะนำก็แนะนำไป บรรยากาศเป็ระเบียบเรียบร้อย
หูฉางกุ้ยใบหน้ากลัดกลุ้มเดินตามอยู่ข้างหลังด้วยความระมัดระวัง ทำไมความกล้าหาญของบุตรสาวถึงได้มากมายเพียงนี้ เปลี่ยนไปเป็แขกที่ร้านเล็กกว่านี้ไม่ได้หรือ?
“แม่นาง้าซื้อผ้าอย่างไรหรือ ผ้าของร้านซิ่วจิ่นพวกเรามีพร้อม ผ้าไหมผ้าแพรผ้าป่านผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดมีครบทุกอย่าง” ลูกจ้างของร้านพานางเดินมาถึงหน้าตู้สินค้าที่จัดเรียงผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดอยู่
ตามเนื้อผ้าที่อยู่บนตัวนาง จึงนำทางมาถึงส่วนที่เหมาะสม ชำนาญในการประจบจริงๆ รู้จักจัดการเื่ราวได้ตรงกับสถานการณ์นัก
สายตาเจินจูทอดไปยังผ้าบนตู้เสื้อผ้า ถามอย่างท่าทางเรื่อยเปื่อย “แม่นางเซียงหลันเมื่อสักครู่เป็คนรับใช้หญิงของบ้านใดหรือ ท่าทางโอหังปานนั้น?”
“เอ่อ…” ลูกจ้างของร้านค่อนข้างลังเลเล็กน้อย อธิบายเสียงเบา “เป็คนรับใช้หญิงของครอบครัวนายอำเภอโหยว คุณหนูโหยวสั่งทำเสื้อฤดูร้อนรุ่นใหม่ที่สุดของร้านเรา และกำลังเลือกผ้าไปทำเสื้ออยู่ภายในร้าน เวลานี้น่าจะเตรียมกลับไปแล้ว เลยส่งคนรับใช้หญิงไปเรียกรถม้า”
นายอำเภอนี่เอง นายอำเภอของอำเภอเจิ้นอัน มิน่าเล่าที่คนรับใช้หญิงอายุน้อยคนหนึ่งล้วนวางมาดใหญ่โตสบายใจเพียงนี้
หูฉางกุ้ยสั่นเทาอยู่ข้างใน คนรับใช้หญิงของครอบครัวนายอำเภอผู้ยิ่งใหญ่เลยนะ เขากระตุกแขนเสื้อของเจินจูคิดให้นางรีบไปจากที่นี่ อีกเดี๋ยวจะได้ไม่บังเอิญพบกับแม่นางเซียงหลันที่กลับมาจากไปเรียกรถม้า
เจินจูหันหน้ามา เห็นบิดาของนางใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ อดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ “ท่านพ่อ ไม่ต้องรีบร้อนเ้าค่ะ พวกเราซื้อผ้าได้ก็จะกลับไปแล้ว”
เป็แค่หญิงรับใช้เท่านั้นเอง แล้วก็เป็นางเองที่มาชน ไม่จำเป็ต้องหลีกเลี่ยงเลย นางเคยได้ยินมาว่าชื่อเสียงของนายอำเภอเจิ้นอันไม่เลว อย่างน้อยข่าวลือภายนอกที่ได้ยินมาก็ไม่ได้ใช้อำนาจในทางมิชอบทุจริตหรือรับสินบน
ลูกจ้างร้านมองหูฉางกุ้ยแวบหนึ่ง ที่แท้บุรุษผู้นี้คือบิดาของเด็กสาว ทำไมท่าทางบนกายถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้
เด็กสาวสงบนิ่งสุขุมบุคลิกใจเย็นมาโดยตลอด ผู้ชายค่อนข้างระมัดระวังตัวเกินไปและซื่อๆ ไม่รู้เื่รู้ราวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินเขากล่าวว่าเป็คนรับใช้หญิงของครอบครัวนายอำเภอ ยิ่งลุกลี้ลุกลนมากขึ้นไปอีก
เจินจูเห็นบิดาตนเองเต็มไปด้วยความไม่เป็ธรรมชาติ จึงเพิ่มความเร็วในการซื้อให้ไวขึ้น
ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดระดับกลางสี่พับ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีเขียวและสีเทาอย่างละพับ
ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบทนสำหรับการใช้งานหนักได้ผืนหนาสี่พับ สีเขียว สีม่วง สีแดงและสีดำอย่างละพับ
ทั้งหมดเป็เงินหกเหลียงสี่เหวิน ลูกจ้างลดให้ร้อยละสิบตามที่กล่าวไว้อย่างเชื่อถือได้
หูฉางกุ้ยรีบร้อนจ่ายเงินไป เพราะคิดจะออกจากที่นี่โดยเร็ว
ลูกจ้างร้านส่งพวกเขาออกนอกประตูร้านด้วยรอยยิ้ม แม้ผ้าที่แม่นางน้อยซื้อล้วนเป็ราคาไม่แพง แต่จำนวนรวมค่อนข้างมาก กำไรในนั้นย่อมไม่น้อยตามไปด้วยเป็ธรรมดา
“ขอบพระคุณที่มาอุดหนุน โอกาสหน้าเชิญมาใหม่”
เจินจูยิ้มแล้วพยักหน้า หมุนกายเตรียมจะจากไปพร้อมกับบิดาสกุลหู
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงเจี๊ยวจ๊าวข้างหลังก็ดังขึ้น
“คุณหนูโหยว ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย เสื้อฤดูร้อนที่ท่านสั่งทำร้านเราจะรีบนำไปส่งถึงในจวนท่านให้เร็วที่สุดเ้าค่ะ”
“อื้ม ขอบคุณภรรยาหลูแล้ว”
คุณหนูโหยว? บุตรสาวอันล้ำค่าของนายอำเภอ? เ้านายของแม่นางเซียงหลัน?
เจินจูรีบหันไปมอง
ชุดผ้าไหมสีสันสวยตระการตารูปร่างเพรียวบาง ลักษณะท่าทางสวยเพียบพร้อม น่าเสียดายบนศีรษะสวมหมวกมีม่านยาวคลุมอยู่ เห็นรูปโฉมไม่ชัด แสงทะลุผ่านเข้าไปเห็นเครื่องหน้าบนใบหน้าที่เรียบร้อยลางๆ
จุ๊ๆ เป็ครั้งแรกที่นางเห็นสตรีออกจากบ้านแล้วสวมหมวกม่านปิดบังใบหน้า
ประเพณีพื้นบ้านอาณาจักรต้าสยาค่อนข้างเปิดกว้าง ในบรรดาคนสัญจรไปมาบนถนนมีสตรีอายุน้อยสวยและสง่างามไม่ขาด ต่างพากันเดินรวมกลุ่มเล็กๆ น้อยๆ ไปทั่ว สตรีที่สวมหมวกม่านปิดบังใบหน้านั้นเป็จำนวนน้อยมากจริงๆ
เห็นเพียงเซียงหลันผู้นั้นยิ้มประจบ เดินไปข้างหน้าประคองคุณหนูโหยวไว้ คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างนางแล้วขึ้นรถม้าไป
“เจินจู พวกเรารีบกลับกันเถอะ พวกอาจารย์ฟางน่าจะรอแย่แล้ว” หูฉางกุ้ยเห็นบุตรสาวมองรถม้าของบุตรสาวแสนล้ำค่าของนายอำเภอโดยไม่ขยับตัว หน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา บุตรสาวของขุนนางไม่ใช่คนที่ระดับพวกเขาจะหาเื่ได้
เจินจูยิ้ม
“อื้ม พวกเรากลับเถอะ” นางก้าวไปข้างหน้า
หูฉางกุ้ยผ่อนลมหายใจ อุ้มผ้าพับรีบตามไป
...ในโรงหมอของท่านหมอจาง สภาพจิตใจของฟางเสิงกำลังพลุ่งพล่าน
สารพิษตกค้างถูกกำจัดได้อย่างราบรื่น ร่างกายของฟางเสิงฟื้นตัวได้ไม่เลว ท่านหมอจางอุทานใอย่างมาก สารพิษกล้ำกรายอวัยวะตันทั้งห้ากลวงทั้งหก ใช้เวลาไปแค่สิบวัน พิษตกค้างอวัยวะภายในช่องท้องไม่เพียงกำจัดออกไปมาก แต่ยังหยุดยั้งไว้ได้มั่นคงอีกด้วย พิษชนิดนี้รุนแรงนัก หากหนึ่งวันไม่กำจัดให้สะอาดก็จะกลับมารุนแรงขึ้นอีก
ท่านหมอจางชมฟางเสิงว่าวิชาการต่อสู้ยอดเยี่ยม อาศัยกำลังภายในกับเครื่องปรุงยาสมุนไพร ก็สกัดกั้นพิษตกค้างไว้ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้
เขาสั่งเครื่องปรุงยาสมุนไพรให้ต่อไปอีกสิบวัน และให้ฟางเสิงมาตรวจอีกครั้งหลังผ่านไปสิบวัน
คำพูดของท่านหมอจางทำให้ฟางเสิงจมดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด กำลังภายในของเขาค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาสองในสิบส่วน แต่เขาไม่ได้ใช้กำลังภายในเข้ามาช่วยขับพิษเลยสักนิด
เมื่อก่อนเขาลองอยู่หลายครั้ง กำลังภายในไม่ได้มีผลขับพิษในระดับที่ลึกลงไป
ความหมายของท่านหมอจางคือ เพียงใบสั่งยาที่เขาจัดให้ไม่เพียงพอที่จะทำให้มีประสิทธิภาพออกมาเป็เช่นนี้
เช่นนั้น... ที่ผ่านมาสิบวันยังมีแรงช่วยพิเศษอะไรอีกหรือ?
ฟางเสิงขมวดคิ้วนึกย้อนไป
ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสกุลหู นอกจากอาหารจะพิเศษมากแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่พิเศษอีกเลย
หรือว่าส่วนที่พิเศษจะเป็อาหารการกินของสกุลหู?
คิดได้ดังนี้ เขาอดกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้
อาหารการกินของสกุลหูพิเศษจริงๆ นี่!
เนื้อพะโล้ เนื้องู เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อกวาง แทบจะไม่มีสักมื้อที่ไม่มีเนื้ออยู่ด้วยเลย
บางครั้งอาหารเช้าที่ไม่มีเนื้อ ก็จะมีไข่ไก่ประเภทต่างๆ พะโล้บ้าง ทอดบ้าง นึ่งบ้าง ต้มบ้าง ท่าทางราวกับไข่ไก่ของสกุลหูไม่มีวันทานให้หมดได้ตลอดไปอย่างไรอย่างนั้น
พอดูเช่นนี้เหมือนว่าอาจเป็เพราะหลายปีมานี้เขาไร้ที่อยู่อาศัยเป็หลักแหล่ง ชีวิตตกอับจนบำรุงร่างกายไม่ดี สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงพอ ผลของการขับพิษเลยแย่?
ฟางเสิงไตร่ตรองจนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็เช่นนี้
แต่... รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เมื่อหูฉางกุ้ยหอบผ้าพับกองใหญ่เข้ามาในโรงหมอ ทำเอาอาชิงกับฟางเสิงล้วนใกันทั้งสิ้น
ซื้อผ้ามากมายเช่นนี้ พวกเขาจะเอาไปทำอะไร?
“ท่านอาฉางกุ้ย ท่านซื้อผ้ามากมายเช่นนี้มาทำอะไรหรือขอรับ?” อาชิงเดินไปข้างหน้าแล้วช่วยรับมา
“อืม... ไม่รู้สิ ล้วนเป็เจินจูซื้อ” หูฉางกุ้ยวางผ้าพับลง สลัดแขนที่ปวดเมื่อยเล็กน้อย
“…”
หมู่นี้ฟางเสิงเพิ่งจะค้นพบว่าหลายเื่ของสกุลหู ราวกับล้วนเป็บุตรสาวตัวเล็กของพวกเขาที่มีสิทธิ์ขาดในการกระทำต่างๆ
เช่นปัญหาของการวางแผนบ้าน การก่อสร้าง วัสดุ... หลิ่วฉางผิงผู้รับเหมาสถานที่ก่อสร้างผู้นั้น ส่วนใหญ่มาหาบุตรสาวของพวกเขาแล้วทำการปรึกษาหารือเป็หลัก
เ้าของบ้านผู้ชายอย่างหูฉางกุ้ยมักจะยิ้มซื่อๆ ไปขอปรึกษาความคิดเห็นกับบุตรสาวตนเองบ่อยๆ เช่น รั้วล้อมต้องสร้างสูงเท่าไร ทางอิฐสีฟ้าต้องปูยาวแค่ไหน โต๊ะกับเก้าอี้ของโรงเรียนต้องสั่งทำกี่ตัว…
บุตรสาวซื้อผ้าพับมามากมายเช่นนี้ ผู้เป็บิดากลับไม่รู้ประโยชน์ใช้สอย จ่ายเงินไปแล้วหอบกลับมาโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
รูปแบบความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกคู่นี้กลับกันแล้วหรือไม่?
เชิงอรรถ
[1] ผมมวยลายก้นหอยคู่ (双螺髻) รูปแบบเหมือนกับผมมวยลายก้นหอยคู่ในสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว สาวๆ ในเมืองเจียงหนานนิยมทำกัน เนื่องจากเป็รูปแบบทรงผมที่ทำได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสาวใช้จะนิยมทำกันเยอะ รูปแบบของมวยผมก็มีความหลากหลาย สามารถกล่าวได้ว่าเป็รูปแบบทรงผมของชาวบ้านสมัยิ ลักษณะขดขึ้นเป็ชั้นๆ แล้วถักให้มีลักษณะคล้ายก้นหอย
[2] บุตรสาวทองคำ (千金小姐) หมายถึง คำเรียกลูกสาวของบ้านที่มีฐานะร่ำรวยที่ยังไม่ได้แต่งงาน
[3] มวยผมง่ามคู่ (双丫髻) ทรงผมยอดนิยมสำหรับสตรีที่อายุยังน้อย ว่ากันว่าในสมัยของฉินซีฮ่องเต้ ราชสำนักได้ออกกฎให้หญิงรับใช้ทุกคนทำทรงผม ‘มวยผมง่ามคู่’ รูปแบบทรงผมของสาวรับใช้ในราชสำนักเป็เช่นนี้เรื่อยมา กระทั่งถึงสมัยราชวงศ์ชิงก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกันก็เป็ที่นิยมของหญิงสาววัยรุ่นชาวบ้านทั่วไป ลักษณะของผมทรงนี้คล้ายๆ กับผมแกละ โดยแบ่งผมเป็สองข้าง แล้วหวีให้เป็มวยวางที่้าของศีรษะทั้ง 2 ข้าง อาจประดับด้วยเครื่องประดับ เช่น ปิ่นปักผม หรือดอกไม้
[4] สี่เหลียงปาดทองพันชั่ง (四两拨千斤) หรือสี่ตำลึงปาดทองพันชั่ง หมายถึง การสลายแรงหรือปัญหาลงโดยไม่ต้องปะทะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้