เมื่อหยวนอวี่ได้ยินคำของเตี๋ยอี ในดวงตาก็เปล่งประกายจางๆ
ถูกต้อง ข้าสามารถเข้าทางธิดาสายรองคนนั้นได้ ขอแค่ตนดีกับเด็กนั่นเสียหน่อย นางก็เชื่อว่าไม่ช้าไม่นานอีกฝ่ายจะต้องชอบตนแน่ และเมื่อเป็เช่นนั้นนางก็จะสามารถอาศัยเด็กคนนี้เพื่อเข้าใกล้พี่จวินเหยียนได้
ถึงกระนั้นสิ่งที่หยวนอวี่ยังไม่รู้ก็คือ ทุกๆ ถ้อยคำที่พวกนางพูดคุยกันในคืนนี้ เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้นความในก็แพร่ไปถึงหูจวินเหยียนแล้ว
ชายหนุ่มที่เพิ่งฝึกกระบี่เสร็จเมื่อได้ยินเื่เช่นนี้เข้าก็อดแค่นเสียงเ็าออกมาไม่ได้ “หยวนจวิ้นอ๋อง? ช่วยเหลือเปิ่นหวาง? ” หึหึ คนเ่าั้เห็นเขาโง่หรือไร หยวนจวิ้นอ๋องคนนั้นเปรียบได้ดั่งจิ้งจอกเฒ่า คำที่อีกฝ่ายพูดแปดเก้าส่วนในสิบส่วนนั้นไม่อาจเชื่อถือได้ หรือต่อให้จะเชื่อถือได้ เขาก็ไม่้า
จวินเหยียนมองไปยังเว่ยหลานที่ยืนอยู่ด้านข้างในอาภรณ์สีดำสนิทที่แลดูองอาจผ่าเผย ก่อนจะออกปากสั่ง “จับตาดูพวกนางต่อไป”
เว่ยหลานพยักหน้า “น้อมรับพระบัญชาเพคะ” นางเป็หนึ่งในองครักษ์หญิงที่มีเพียงไม่กี่คนจากหน่วยองครักษ์ัโลหิต ดังนั้น ภารกิจสังเกตการณ์หยวนอวี่นี้จึงจำเป็ต้องเป็หน้าที่ของนางแล้ว
จวินเหยียนเสมองนางไปทีหนึ่ง ขบคิดแล้วพูดต่อ “เื่นี้อย่าให้พระชายาทราบ” สตรีผู้นั้นคงคิดเพียงว่าหยวนอวี่จะต้องมาฟ้องเขาแน่ ทว่านางกลับไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้อื่นนั้นจะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ ถึงกระนั้นเขาเองก็อยากรู้จริงๆ ว่านางจะรับมือกับคนเยี่ยงหยวนอวี่อย่างไร
เว่ยหลานมองดูเงาหลังของจวินเหยียน มุมปากกระตุกเล็กน้อย นายท่าน แท้จริงแล้วท่านกับพระชายามีความแค้นอันยิ่งใหญ่ใดต่อกัน ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าหยวนอวี่เสี้ยนจู่ไม่หวังดีต่อพระชายา แต่ท่านกลับไม่ให้ข้าไปรายงาน หากว่าพระชายาทรงทราบเื่นี้ขึ้นมาในภายหลังละก็ มิใช่ท่านหรือที่ยากจะรอดตัวไปได้ เว่ยหลานได้แต่ลอบคิดอยู่เพียงในใจ
ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงระยะเวลาไม่กี่วันของคู่สามีภรรยาใหม่ คนในหน่วยองครักษ์ัโลหิตและคนในจวนอ๋องต่างก็รู้กันทั่วว่า ท่านอ๋องนั้นกลัวภรรยาเพียงใด ขอแค่เป็สถานที่ที่พระชายาอยู่ เขาเป็ต้องปรี่เข้าไปปรนนิบัติพัดวีราวกับนายแห่งจวนอ๋องนี้แท้จริงแล้วเป็ของอีกฝ่าย ส่วนท่านอ๋องเป็แค่ผู้ช่วย...
ตอนที่จวินเหยียนกลับไปถึงสวนชิงเฟิงนั้น เขาก็เห็นอวิ๋นซีและหวานหว่านกำลังกินข้าวเช้ากันอยู่พอดี ซึ่งเป็ฉากที่เขาเพิ่งมีโอกาสได้เห็นเป็ครั้งแรก เดิมทีเป็เพราะร่างกายของหวานหว่านไม่แข็งแรง ดังนั้น โดยปกติแล้วนอกจากแม่นมและสาวใช้ที่คอยดูแลใกล้ชิด หวานหว่านก็มักจะทำตัวราวกับมีกำแพงมาขวางกั้นผู้อื่นไว้เสมอ มิคาดเด็กคนนี้ได้เจออวิ๋นซีเพียงครั้งแรกก็ชมชอบและเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างไร้ข้อกังขาใดเช่นเดียวกับตัวเขาเอง
บางครั้งเขาเองก็เคยคิดว่า หรืออวิ๋นซีจะมีความสามารถในการล่อลวงใจคน เหตุใดทั้งตนและหวานหว่านจึงได้ถูกนางสยบอย่างไร้ที่มาที่ไป
หวานหว่านบังเอิญเห็นชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ไม่ไกลก็ร้องเรียกด้วยความตื่นเต้น “เสด็จพ่อ ทรงกลับมาแล้ว” เมื่อเด็กน้อยคิดว่าตนจะได้กินข้าวพร้อมหน้ากับทั้งบิดาและมารดา นางก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ
“อืม” เขาเดินเข้าไปลูบศีรษะเด็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วนั่งลงข้างกายอวิ๋นซี เมื่อพิศดูแล้วการกระทำทุกอย่างของเขาดูสบายๆ ราวกับทำเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
เขามองอาหารบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปทางอวิ๋นซี “นี่เ้าเข้าครัวเองหรือ? ”
พ่อครัวในจวนน่าจะไม่ทำอาหารในลักษณะนี้ ส่วนสาวใช้ข้างกายคนก่อนของอวิ๋นซีอย่างเตี๋ยชุ่ยก็ไม่ได้ติดตามนางมาด้วย ดังนั้น ความเป็ไปได้เดียวนี้ย่อมต้องเป็นางนี่แหละที่เข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง และเหตุผลที่สู้อุตส่าห์ลงแรงไปทำครัวเองก็คงเพราะบุตรสาวแสนน่ารักผู้นี้เป็แน่ มิคาดเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกราวกับกินน้ำส้มสายชูอยู่หน่อยๆ ต่อให้คนคนนั้นจะเป็บุตรสาวตนก็มิใช่ข้อยกเว้น
อวิ๋นซีกลอกตา “ใช่ ข้าเข้าครัวเอง ทว่า รสชาตินี้คงจะไม่ถูกปากหานอ๋องผู้ยิ่งใหญ่กระมัง ดังนั้นก็ให้ห้องเครื่องเตรียมสำรับแยกให้ท่านต่างหากเถิด” เมื่อเช้านางไปดูที่ห้องเครื่อง พบว่าในห้องเครื่องนั้นมีข้าวโพด และมันเทศอยู่ จึงได้ตัดสินใจต้มโจ๊กข้าวโพด และทำขนมเปี๊ยะมันเทศ กับเกี๊ยว
ทว่า ในตอนนั้นนางกลับทำมาเยอะเกินไป แม้แต่คนครัวบางคนก็ยังมีโอกาสได้ลองกิน และแน่นอนว่ายังมีส่วนของจวินเหยียนด้วย ถึงกระนั้นนางก็คิดไปเองว่า เขาน่าจะไม่ยอมกินของเหล่านี้ อย่างไรเสียคนก็เป็ถึงท่านอ๋องที่มักคุ้นกับอาหารเลิศรส เสื้อผ้าแพรพรรณงดงาม อีกทั้งในสายตาของพวกคนมีเงินมีฐานะสูงส่งเช่นเขา หากได้เห็นอาหารสำรับนี้ก็คงเป็แค่อาหารชั้นต่ำ
จวินเหยียนไม่ได้สนใจในคำพูดของนาง และคีบเกี๊ยวเข้าปากตน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “ชายารัก เ้าดูถูกเปิ่นหวางเกินไปแล้ว ระหว่างทางที่มายังหานโจวนั้น เปิ่นหวางถูกคนไล่ล่าตามสังหารมาโดยตลอดจนทำให้ครั้งหนึ่งขาดการติดต่อกับหน่วยองครักษ์ไป และต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังในป่าอยู่ตั้งหลายวัน ดังนั้น เพื่อจะประทังชีพในแต่ละวันก็ได้แต่ต้องอาศัยสัตว์ที่ตนล่ามาได้ หากว่าไม่มี วันคืนนั้นก็จำต้องทนหิวอยู่เช่นนั้น ในตอนที่ท้องหิวมากที่สุดนั้นอย่าว่าแต่มันเทศเลย ต่อให้มีคนเอาโจ๊กซีโจว [1] มาให้ข้ากินสักถ้วย ข้าก็คงซาบซึ้งในน้ำใจของคนผู้นั้นมาก”
ตอนที่เขาจากเมืองหลวงมายังหานโจวนั้นเพิ่งจะมีอายุได้สิบกว่าขวบเท่านั้น ทว่าระหว่างทางกลับเจอการดักซุ่มโจมตี ลอบสังหารอยู่ไม่น้อย และในระหว่างทางนี้เองในที่สุดเขาก็ได้ถอดเสื้อนอกของความเป็องค์ชายออกไปจนอาจเรียกได้ว่า ระหว่างทางมานี้เขาก็ราวกับได้เปลี่ยนกระดูกเกิดใหม่ก็ไม่ปาน หากคนเ่าั้รู้ว่าการไล่ฆ่าของพวกตนทำให้มีจวินเหยียนในวันนี้ พวกเขาคงต้องโกรธจนฆ่าตัวตายเป็แน่
นี่เป็ครั้งแรกที่อวิ๋นซีได้ยินจวินเหยียนพูดถึงเื่นี้ ตอนนั้นที่เขาถูกแต่งตั้งให้เป็หานอ๋องและเร่งรุดเดินทางมายังเขตพระราชทานของตนนั้นก็เพิ่งจะมีอายุได้สิบสี่สิบห้าปี มิคาดตลอดทางจะได้พบเจอกับอันตรายมากถึงเพียงนี้
เอาเถิด ในฐานะที่ชีวิตที่ผ่านมาของท่านนับว่าไม่ง่ายเลย เช่นนั้นข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่านก็แล้วกัน นางคิด ก่อนจะคีบขนมเปี๊ยะมันเทศให้เขาลูกหนึ่ง “ชิมดูสิ มีโอกาสไม่มากหรอกนะที่ข้าจะเข้าครัวเอง”
จวินเหยียนพยักหน้า จากนั้นก็หัวเราะเริงร่าแล้วกล่าวเสริม “ว่าแล้วว่าชายารักย่อมไม่มีทางปฏิบัติต่อเปิ่นหวางอย่างโหดร้ายเพียงนั้น” เนื้อแท้ของอวิ๋นซีเป็คนจิตใจดี และเป็สตรีที่เฉลียวฉลาด เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็หลัก ในจุดนี้เขาไม่เคยสงสัยเลย ทว่าตอนที่ได้เห็นนางคีบอาหารให้ตนด้วยตัวเองนั้น จิตใจเขาก็ยิ่งยินดีปรีดา
บรรดาสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ด้านหนึ่งเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็อดดีใจแทนท่านอ๋องไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า นับแต่ที่มีพระชายาเข้ามาในจวน ไม่ว่าจะเป็ท่านอ๋องหรือจวิ้นจู่น้อยก็ล้วนมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้ง จวนอ๋องแห่งนี้ก็เหมือนจะมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เมื่อก่อนจวนอ๋องมีเ้านายแค่สององค์ โดยจวิ้นจู่น้อยมักจะขลุกตัวอยู่แต่ในเรือนตนทั้งวัน และน้อยนักที่จะออกมาเดินเล่นด้านนอก ส่วนท่านอ๋องเองก็เป็คนที่ไม่ชอบเสียงดัง ดังนั้น ในจวนแห่งนี้จึงมักจะเงียบเชียบไร้เสียงอยู่เสมอ แต่ว่าเมื่อพระชายาแต่งเข้ามา ทุกสิ่งอย่างก็ดูจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในจวนนี้มักจะได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของเด็กน้อยอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่เสียงหัวเราะของท่านอ๋องก็ยังมีโอกาสให้ได้ยิน
เมื่อคนทั้งสามกินอาหารเช้าร่วมกันเสร็จ อวิ๋นซีก็ให้แม่นมพาเด็กน้อยไปเดินเล่น ส่วนนางกับจวินเหยียนนั้นไปที่ห้องหนังสือ
“บรรดาสาวใช้และองครักษ์ที่หยวนอวี่พามานั้นมีไม่น้อยเลยที่เป็สายของคนจากเมืองหลวง” เมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็พูดขึ้น คงเพราะความเชื่อใจในตัวอวิ๋นซีทำให้เขากล้าบอกหลายๆ เื่ที่นางไม่ควรรู้
อวิ๋นซีเม้มริมฝีปากครุ่นคิดเพียงครู่แล้วเสนอความเห็น “ในเมื่อเป็สายของผู้อื่น เช่นนั้นเราก็ควรจับมาสอบสวนเสียให้หมดทุกคน ไม่แน่ว่าท่านอาจได้รู้สถานการณ์ปัจจุบันของผู้อยู่เื้ัพวกเขาจากปากของพวกเขาเอง รวมถึงสาเหตุที่ต้องรุดหน้ามายังหานโจวนี้ด้วย”
“หากจะจับคนพวกนี้ก็ต้อง......”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกอวิ๋นซีขัดขึ้นก่อน “จวินเหยียน อย่าบอกนะว่า ข้างกายท่านไม่มียอดฝีมือการแปลงโฉม และตัวท่านเองก็ไม่รู้สถานะของคนพวกนี้มาก่อน” นางแค่นเสียงเ็า นางรับประกันได้เลยว่าบุรุษผู้นี้จะต้องสืบหาเบื้องลึกเื้ัของบุคคลเ่าั้มาก่อนแล้ว และต้องรู้แน่ว่าพวกเขาซื่อสัตย์ต่อคนเ่าั้ ถึงได้มาพูดเื่นี้กับตน
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ซีโจว(稀粥)เป็โจ๊กชนิดหนึ่งที่ใช้แป้งและน้ำเปล่าเป็ส่วนประกอบหลัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้