เด็กชายจูงมือมารดาเดินเข้าไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังมุงดูบางสิ่งบางอย่าง เสียงจอแจและบทสนทนากำลังพูดถึงราชธิดาแห่งแคว้นจ้านหลิวทั้งสองพระองค์
“เขามีอะไรกันเหรอเฟยหลง” มารดาถามเด็กชายด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสา
“เหมือนมุงดูประกาศจากทางการ แม่รอข้าอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้าเข้าไปดูให้แน่ใจ” หญิงชราพยักหน้า แล้วหันมองตามเด็กชายที่พยายามฝ่าฝูงชนเข้าไปเพื่ออ่านประกาศ เด็กชายเบียดลำตัวเข้าไปให้ลึกที่สุดเพื่อจะได้อ่านประกาศให้แน่ใจ
“แคว้นจ้านหลิว ขอประกาศอย่างเป็ทางการว่า ราชธิดาซูเจินหมดอำนาจในการเป็ราชธิดานับจากนี้เป็ต้นไป นางถูกปลดให้เป็เพียงสามัญชนธรรมดาเทียบเท่าพลเมือง อันเนื่องจากความผิดใหญ่หลวงไม่สามารถให้อภัยได้ เพราะเป็ต้นเหตุแห่งการตของพระราชชายาซูลี่” เฟยหลงเบิกตากว้าง แม้เขาจะไม่เคยพบหน้าหรือรู้จักราชธิดาซูเจิน หากแต่ประกาศใบนี้ดูโหดร้ายเกินไปไม่น้อย
“ไม่น่าเชื่อ ว่าองค์หญิงจะเป็ต้นเหตุแห่งการตของพระชายา เหตุใดประกาศก่อนจึงแจ้งว่าพระชายาสิ้นเพราะอาการประชวร” เฟยหลงจูงมือมารดาเพื่อเดินหาซื้อของใช้จำเป็ หากแต่หญิงชรายังคงคร่ำครวญถึงประกาศเมื่อครู่อย่างไม่เข้าใจ
“บางทีเื่ราวภายในวังหลวงอาจมีปัจจัยหลายอย่าง ที่พวกเราคนธรรมดาอาจจะไม่เข้าใจ” เฟยหลงพูดพลางหันมองดูสินค้า ก่อนที่มารดาจะหยุดเดินแล้วหันกลับมายังเด็กชาย
“เ้ายังอยากเป็ทหารอยู่อีกฤาไม่”
“เหตุใดแม่ถามเช่นนั้น แม่ก็รู้ว่าข้าอยากเป็ทหาร และอีกไม่นานข้าจะทำตามความฝันให้สำเร็จ”
“เช่นนั้นเ้าต้องยิ่งระวังตัว”
“ข้าสัญญาว่าจักเป็ทหารที่ดี ยึดมั่นในความถูกต้อง เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องกลัวอันตราย” หญิงชราไม่พูดอะไร ได้แต่เก็บความหวาดหวั่นเอาไว้ภายใน
เรือขนาดกลางลอยลำอยู่บนแม่น้ำสายใหญ่ ที่ใกล้เข้าเขตแดนแคว้นเสี่ยนหลิวไปทุกขณะ หลังจากผ่านพ้นข้ามคืนอันแสนยาวนานแสงอาทิตย์ริมขอบฟ้าเริ่มทอแสงสีอ่อน กระทบกับสายน้ำเปล่งออกเป็สีส้มให้มองเห็นรำไร
“ตื่นแล้วฤา” หลังจากซูเจินลืมตาขึ้นมา พบกับสายตาอ่อนโยนที่กำลังมองตรงมา เพียงแค่ขยับกายลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มปริศนาที่ห่อหุ้มกายก็หล่นลง มือบางเอื้อมมาหยิบพลิกไปมา พลางขมวดคิ้วสงสัย
“เมื่อคืนอากาศค่อนข้างเย็น ข้าเห็นเ้านอนสั่น จึงเสกมันขึ้นมา”
“ในเวลานี้หัวใจของข้าหวั่นไหวเพราะเขาไปทุกขณะ ยิ่งท่านยอดฝีมือทำดีกับข้ามากเท่าไหร่ ข้ายิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น” ความคิดร้อยแปดลอดเข้ามา พร้อมกับดวงตากลมหลุบต่ำลงในทันที
“เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น ไม่ดีใจฤา อีกไม่นานเ้าก็จะออกจากแคว้นจ้านหลิวสำเร็จ” ซูเจินส่ายศีรษะไปมาพลางทำหน้ามุ่ย ก่อนร่างขององค์รัชทายาทจะขยับเข้ามาใกล้
“เจ็บตรงไหนฤาไม่” ซูเจินยังคงส่ายศีรษะ
“หากท่านพาข้าไปยังแคว้นเสี่ยนหลิวสำเร็จแล้ว ท่านจักเดินทางไปที่ใดต่อ”
“ออกตามหาท่านผู้เฒ่าหานตง ภารกิจข้ามีเพียงเท่านี้”
“ข้า...ข้า...อยาก”
“นั่นคือแนวกำแพงแห่งแคว้นเสี่ยนหลิว” ยังไม่ทันที่ซูเจินจะพูดบางอย่าง ท่านยอดฝีมือชี้ให้นางดูแนวกำแพงที่ทอดตัวยาวเหยียดราวกับหนอนั์ กำแพงหนาขนาดนี้ไม่มีทางที่ใครจะฝ่าเข้าไปได้
“เหตุใดกำแพงเมืองนี้ใหญ่กว่ากำแพงแคว้นจ้านหลิวมากมายนัก”
“แคว้นนี้มีขนาดใหญ่กว่า ดังนั้นการป้องกันจึงแ่า หากแต่กฎยังคงเหมือนกันทุกแคว้นคือ คนที่เข้าไปได้ต้องเป็คนของแคว้นตน หรือบุคคลที่ได้รับการยกเว้นเท่านั้น”
“เช่นนั้นแล้วท่านสามารถข้ามไปได้ แล้วข้าล่ะ” องค์รัชทายาทแย้มยิ้มเล็กน้อย
“ทั้งหมดอยู่ที่เ้าจะร่วมมือกับข้าฤาไม่เท่านั้นเอง”
“อย่างไร” หญิงสาวเอียงศีรษะไปมาอย่างไม่เข้าใจ หากแต่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทยังคงเด่นชัด ในขณะที่เรือลอยลำใกล้เข้าฝั่งเต็มที ทำให้เริ่มเห็นทหารนับพันยืนเรียงกันพร้อมอาวุธครบมือตามแนวกำแพง ความหวาดหวั่นในใจของซูเจินแสดงออกทางสีหน้าด้วยเพราะกำลังตระหนกกับสิ่งที่เห็น
“เป็จริงดังที่ท่านว่า หากข้ามาเพียงลำพัง ไม่มีทางใดที่จะสามารถฝ่าแนวกำแพงนี้ไปได้”
“ดังนั้นเ้าพร้อมแล้วฤาไม่”
“ท่านจะทำอะไร” สิ้นเสียงของราชธิดาซูเจิน พลังเวทที่มือขององค์รัชทายาทส่องประกายออกมาวูบหนึ่ง นางเปลี่ยนร่างเป็กระต่ายน้อยสีขาวในพริบตา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ซูเจินหันมองรูปร่างที่เห็นเพียงขนขาวโพลน ขยับกายได้เพียงน้อยนิด รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หันไปทางใดก็มองเห็นว่าทุกสิ่งดูใหญ่โตไปหมด จากเรือลำเล็กกลายเป็เรือขนาดใหญ่ กระต่ายตัวน้อยเริ่มวิ่งพล่านไปมาเพราะไม่คุ้นชินกับร่างใหม่
“ไม่ใ ข้าเสกให้เ้าเป็กระต่ายเพียงครู่เดียวเท่านั้น” องค์รัชทายาทอุ้มซูเจินขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้
“ข้าไม่อยากอยู่ในร่างกระต่าย”
“ชู่ว!! อย่าโวยวาย เป็เ้าเองมิใช่ฤาที่บอกข้า ไม่ว่าจะข้ามไปด้วยวิธีใดล้วนยอมสิ้น เหตุนี้จงเชื่อฟังแล้วอยู่นิ่ง ๆ ดีไม่ดีข้าทำเ้าหลุดมือหล่นน้ำไปก็หาใช่ความผิดข้านะ” องค์รัชทายาทนึกอยากแกล้งจึงพูดขู่ ก่อนที่กระต่ายตัวน้อยจะหยุดดิ้นแล้วยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้เข้าอุ้มไว้แนบอกหนา
“ไม่เคยคิดเลย ว่าการเป็กระต่ายจะอึดอัดเช่นนี้” ซูเจินถอนหายใจแล้วมองดูเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบกาย
“เอ๊ะ! แต่จะว่าไปก็ดีไม่น้อย ข้าไม่ต้องปวดขา มีคนอุ้มอยู่ตลอดเวลา ข้อดีของการเป็กระต่ายดีเช่นนี้เอง” องค์รัชทายาทได้ยินความคิดของนางจึงปล่อยยิ้มออกมา ก่อนสองเท้าจะมุ่งตรงไปยังประตูใหญ่ซึ่งเป็ทางเข้าของแคว้นเสี่ยนหลิว วรกายอันสง่างามพร้อมด้วยชุดสีขาวเดินด้วยท่วงท่าสุขุมเข้าไปยังประตูเมือง ในขณะที่เหล่าทหารเล็งอาวุธตรงมายังเป้าหมายเป็จุดเดียวกัน
“ท่านเป็ใคร เหตุใดจึงเดินทางข้ามแม่น้ำมา เป็คนของแคว้นจ้านหลิวฤาไม่” องค์รัชทายาทส่ายศีรษะ พลางใช้พลังเวททำให้หูของกระต่ายน้อยซูเจินไม่ได้ยินไปชั่วขณะ
“เอ๊! ทำไมข้าไม่ยินอะไรเลยล่ะ” หญิงสาวพยายามฟังหากแต่เห็นเพียงริมฝีปากของทั้งสองขยับไปมาเท่านั้น
“ข้ามาจากนครใหญ่ ้าจะผ่านแคว้นเสี่ยนหลิว” ทหารหลายนายหัวเราะเสียงดัง
“มาวิธีนี้อีกแล้ว ท่านรู้ฤาไม่ ผู้ที่แอบอ้างว่ามาจากนครใหญ่นั้น จักมีโทษอย่างไร” เหล่าทหารที่ถืออาวุธพร้อมมือกำลังเล็งตรงมา รอเพียงแค่คำสั่งให้ยิงจากคนที่กำลังเจรจาอยู่เท่านั้น องค์รัชทายาทเงยหน้ามองดูเหล่าทหารกล้า ที่กำลังเล็งลูกธนูลงมาจากกำแพงเมือง ในใจมิได้หวาดกลัวกับเพียงแค่อาวุธธรรมดา หากเหตุการณ์บังคับให้ต้องใช้พลังเวทแค่พริบตาเดียวอาวุธเ่าั้ก็จะกลายเป็ธุลีผงในทันที
“ข้ามิรู้ได้ รู้เพียงแต่ว่านี้คือตราประจำตระกูลของข้า เช่นนี้แล้วจะผ่านไปได้ฤาไม่” ทหารเอื้อมมือมาหยิบดูตราหยกสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ แสดงถึงตำแหน่งของผู้ถือหยกนี้ได้ดีว่ามาจากนครใหญ่จริง ทว่าสิ่งที่ปรากฏเด่นหราอยู่นั้นทำให้ทหารรีบทรุดเข่าลงในทันที
“เพียงแค่เห็นสิ่งของชิ้นนี้ เหตุใดทุกคนจึงรีบคุกเข่าลนลานเช่นนั้น ข้าอยากรู้นักว่ามันสำคัญอย่างไร” ซูเจินเบิกตากว้าง มองดูตราหยกสีเขียวอย่างแปลกใจ พลางเอียงศีรษะไปมาอย่างเคย ดวงตากลมใสแจ๋วมองดูอย่างไม่เข้าใจ
“องค์รัชทายาทโจวอี้เฟย” ทหารผู้มากด้วยยศ รีบประกาศก้อง ให้เหล่าทหารน้อยใหญ่ได้ทราบอย่างทั่วถึง ก่อนทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นพากันก้มลงแล้วถวายความเคารพด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“พะ พวกนั้นทำอะไรกัน เหตุใดข้ามิรู้อะไรเลยพวกเขาพูดอะไรกัน” ซูเจินเห็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากแต่ไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างทหารและท่านยอดฝีมือ ทำให้นางรู้สึกอึดอัดด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงตากลมลุกวาวอยู่ไม่สุข พลางดิ้นหยุกหยิกไปมา
“ลดอาวุธลงเดี๋ยวนี้” ทหารทุกนายทำตามคำสั่งในทันที อย่างพร้อมเพรียง ตามด้วยประตูใหญ่ค่อย ๆ เปิดออกทีละน้อยจนสุด รอยยิ้มของโจวอี้เฟยเผยออกมาอย่างพอใจ ก่อนมือหนาจะยกลูบหัวของกระต่ายน้อยด้วยความเอ็นดู
“รบกวนเก็บเป็ความลับ ข้าไม่้าให้ผู้ใดรู้ว่าข้ามา แม้แต่องค์าาของเ้าเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารก้มรับคำ ก่อนวรกายขององค์รัชทายาทจะก้าวเข้าประตูแคว้นมาอย่างง่ายดาย
“เพียงแค่เห็นวรกายองค์รัชทายาทเดินเข้ามาก็พอดูออกว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา เหตุใดข้าจึงโง่เขลาเช่นนี้ หากแต่อย่างน้อยข้ายังพอมีบุญได้ยลพระพักตร์ขององค์รัชทายาทโจวอี้เฟย ชาตินี้ก็ตายตาหลับแล้ว” ทหารผู้มากด้วยยศถาหันมองดูร่างขององค์รัชทายาทที่เดินหายวับเข้าประตูเมืองไปด้วยหัวใจอันปลาบปลื้ม
“ตราหยกนั้นคืออะไรกันนะ เหตุใดเหล่าทหารจึงพากันกลัวตราหยกนั้น” เมื่อเดินออกมาได้สักระยะ ท่านยอดฝีมือจึงคลายเวทออกให้นางได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น
“สนใจหยกก้อนนี้อยู่ใช่ฤาไม่”
“เปล่าซะหน่อย”
“อย่าลืมว่าข้าได้ยินความคิดของเ้าทุกอย่างนะซูเจิน” หญิงสาวรีบเอามือปิดปาก หากแต่เมื่อนึกได้ว่าทุกอย่างล้วนมาจากความคิด นางจึงรีบปกปิดด้วยการร้องเพลงในทันที สองเท้าขององค์รัชทายาทหยุดเดินหลังจากได้ยินเสียงเพลงของนาง ก่อนคลายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วเร่งก้าวออกไปให้พ้นบริเวณนั้น เพื่อปล่อยนางเป็อิสระ