อูเสียนอ๋อง? หรือจะเป็องค์หญิงหงเยียน?
ทว่าสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เสด็จแม่เป็กังวลเช่นนี้!
ฉางไทเฮาสบตากับจ้าวเยี่ยน ไม่สนใจคำถามของเขา คนผู้นั้นมาเป่ยฉีอย่างเป็ความลับ ในเวลาเช่นนี้ เบาะแสเล็กน้อยเื่ตัวตนของเขาก็ยิ่งไม่อาจรั่วไหล นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฉางไทเฮาเดินไปหน้าโต๊ะหนังสือในห้องพระอย่างเร่งรีบ หยิบพู่กันขึ้นมาจรดเขียนถ้อยคำไม่กี่คำลงไปอย่างร้อนรน และยื่นกระดาษพร้อมกับจี้หยกใส่มือของจ้าวเยี่ยน
จี้หยกนั่น จ้าวเยี่ยนจำได้ มันเป็ของที่เสด็จแม่พกติดตัว ทว่ายามนี้เสด็จแม่...นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
“เ้าไปที่เขตพำนักตอนนี้เลย ไปหาอูเสียนอ๋อง และขอให้เขาส่งกระดาษข้อความนี้ให้กับบุคคลที่เขาควรให้” ฉางไทเฮากล่าวชัดถ้อยคำชัดคำ สีหน้าเข้มงวดจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “จำไว้ ต้องรีบไป!”
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว มอบให้กับคนที่เขาควรจะมอบให้?
อูเสียนอ๋องเป็ผู้นำราชทูตของแคว้นหนานเยวี่ยในครั้งนี้ และเื้ัเขายังมีใครอีกงั้นหรือ?
จ้าวเยี่ยนเหลือบมองฉางไทเฮา เหตุใดเขาถึงไม่รู้เื่เหล่านี้?
ดูเหมือนเสด็จแม่จะปกปิดเื่ราวมากมายจากข้า อย่างเช่น การลอบสังหารที่ประตูเมืองครานั้น และเื่ในตอนนี้อีก...
โทสะในหัวใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มือที่กำกระดาษและจี้หยกของจ้าวเยี่ยนกระชับขึ้นทันที เมื่อฉางไทเฮาเห็นว่าเขายังไม่ขยับเขยื้อน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังงงงันอันใดอยู่อีก รีบไปเร็ว!”
เสียงกระตุ้นของนางดึงสติของจ้าวเยี่ยนกลับมา เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จ้าวเยี่ยนกำของในมือ หันหลังกลับไป ทว่ายังไม่ทันออกจากห้องพระกลับมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากนอกห้องพระ...
“ไทเฮา... ไทเฮา ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”
ฉางไทเฮาจำได้เสียงนั้นได้ นั่นเป็คนสนิทของนางในวังแห่งนี้ ทว่าปกติต่อให้มีข่าวอันใดมา เขาก็จะใจเย็นสุขุม ทว่าวันนี้...
ฉางไทเฮาทรงตระหนักได้ถึงความผิดปกติ จึงไม่สนใจสิ่งอื่นใด นางรีบไปที่ประตูห้องพระด้วยตัวเอง ทันทีที่ขันทีผู้นั้นเข้ามา ฉางไทเฮาเอ่ยถามออกไปอย่างทนรอไม่ไหว “เกิดเื่อันใด? เ้าทำตัวเป็จุดสนใจเยี่ยงนี้ หากคนมาเห็นเข้าจะดีได้อย่างไร”
ขันทีคุกเข่าลงบนพื้นอย่างตื่นตระหนก “บ่าวสมควรตาย ทว่า...บ่าวได้ข่าวมาว่า ฮองเฮาอวี่เหวินจะพาคนไปที่เขตพำนักพ่ะย่ะค่ะ”
"นางไปทำอันใดที่เขตพำนัก?" ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี อวี่เหวินซิน นางสตรีชั่วช้าจะไปที่เขตพำนักโดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไร?
“บ่าว...บ่าวได้ยินว่า ราชทูตหนานเยวี่ยเองก็ตกเป็ที่ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางยาพิษกู่ในค่ายเสินเช่อครานี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสว่า ก่อนที่จะแน่ใจเื่พิษกู่ ก็ต้องดูแลราชทูตแคว้นหนานเยวี่ยให้ดีพ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีถวายรายงานตามความเป็จริง
ทันใดนั้น พระวรกายของฉางไทเฮาพลันสั่นเทิ้ม ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ดูแลให้ดีงั้นหรือ? นางจะดูแลให้ดีได้อย่างไร!
อวี่เหวินซิน...เ้าจงใจเกี่ยวโยงเื่นี้ใช่หรือไม่?
ครุ่นคิดถึงคนในเขตพำนัก หากมีเพียงอูเสียนอ๋องและฉางหงเยียน นางคงจะไม่กังวล ทว่าคนผู้นั้น...คนผู้นั้นจะเป็อันใดไปไม่ได้เด็ดขาด!
ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตัดสินใจบางอย่าง
"เตรียมรถม้า เปิ่นกงจะต้องไปด้วยตัวเอง" ฉางไทเฮาตรัสเสียงทุ้ม ขันทีกำลังจะรับคำสั่งไปเตรียมการ ทว่าฉางไทเฮากลับตระหนักอะไรขึ้นได้ “ช้าก่อน ท่านปรมาจารย์เฉิงกวังโปรดดวงิญญาเสร็จหรือยัง?”
“ทูลไทเฮา เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี เปิ่นกงจะพาพวกเขาไปส่งนอกวังด้วยตัวเอง” ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง การออกไปส่งปรมาจารย์เฉิงกวังเป็เื่โกหก นางอยากใช้เื่ปรมาจารย์เฉิงกวังมาปิดบังที่จะลอบออกจากวังอย่างเงียบเชียบเพื่อไปที่เขตพำนัก
จ้าวเยี่ยนเข้าใจเจตนาของนาง แม้ในใจจะกรุ่นโกรธมารดาที่ปิดบังเื่ราวจากเขา ทว่าเขาเองก็รู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือ เื่ที่เขตพำนัก การที่สามารถทำให้เสด็จแม่ออกไปได้ด้วยตัวเอง ตัวตนของคนผู้นั้นก็ยิ่งดูน่าสงสัย!
ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่คิด จ้าวเยี่ยนก็ก้าวเท้ายาวออกจากห้องพระ ฉางไทเฮาเองก็มิได้รั้งอยู่นาน ตามออกไปนอกตำหนักฉางเล่อทันที
ด้านนอกประตูอันชิ่ง
ฮองเฮาอวี่เหวินนั่งอยู่บนรถม้าที่ออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจ้องมองอยู่ไกลๆ ก็เข้าไปทักทาย คารวะอยู่ด้านนอกรถม้า ฮองเฮาอวี่เหวินไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงสั่งให้รถม้าของตระกูลหนานกงตามมา
รถม้าเคลื่อนตัวอีกครั้ง ด้านหลังรถม้า เหนียนยวี่เดินตามเหล่านางกำนัลอย่างเงียบเชียบ
รอจนกระทั่งรถม้าของฮองเฮาอวี่เหวินเคลื่อนตัวออก รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพลันเลือนหายไป ั์ตามากประสบการณ์ดำมืด “เกรงว่าฮองเฮาอวี่เหวินคงจะมาด้วยเจตนาร้าย”
หนานกงฉี่ด้านข้างเองก็มองออก ทว่าเจตนาร้ายครานี้ พุ่งเป้ามาที่ตระกูลหนานกงหรือไม่?
ทั้งสองเงียบงันไปครู่หนึ่ง พวกเขารู้ดีว่า เหตุการณ์ในวันนี้ ตระกูลหนานกงขโมยไก่ไม่ได้ ซ้ำยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ดันตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอับอาย และฉู่ชิงผู้นั้น...
ในหัวของหนานกงฉี่ผุดภาพเงาร่างสูงโปร่งในชุดสีดำผู้นั้น ยามนี้ในห้องทรงพระอักษรมิรู้ว่าสถานการณ์จะเป็เช่นไร!
หนานกงฉี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประคองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขึ้นรถม้า ยามที่ตัวเขากำลังขึ้นรถ สายตาเหลือบเห็นรถม้าของฮองเฮาอวี่เหวินข้างหน้า ท่ามกลางฝูงชน แผ่นหลังของสตรีผู้หนึ่ง ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น
เหนียนยวี่?
นั่นเหนียนยวี่หรือ?
ทว่านั่นมันชุดของนางกำนัลชัดๆ!
เพียงพริบตา แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ทันสังเกต หนานกงฉี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ไล่ตามไป และพุ่งไปหาคนในฝูงชนอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือคว้าข้อมือของนางกำนัลคนนั้น
ผู้คนรอบข้างต่างประหลาดใจกับการกระทำนี้ จ้องมองท่าทีแปลกประหลาดของคุณชายรองหนานกงอย่างเ็า รวมถึง...นางกำนัลคนนั้นที่ถูกเขาคว้าไว้
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว หันหลังกลับไปสบตาดวงตาสำรวจคู่นั้น...
หนานกงฉี่?
เขาจับข้าเช่นนี้...จำข้าได้งั้นหรือ?
เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงการปลอมตัวของตัวเองในวันนี้ ยังคงสงบนิ่ง คำนับให้บุรุษผู้นั้นเล็กน้อย “คุณชาย...”
เสียงที่เอ่ยว่าคุณชาย ทำให้หนานกงฉี่ได้สติ เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของเหนียนยวี่ ใบหน้านี้...ไม่ใช่ของเหนียนยวี่เช่นกัน!
“ไม่ ไม่มีอะไร...” แสงสว่างในดวงตาของหนานกงฉี่พลันเลือนหาย ปล่อยมือออกจากข้อมือของนางกำนัล หันหลังกลับ แผ่นหลังนั้นดูเหงาหงอยขึ้นมาไม่น้อย
เขาได้ยินว่าเหนียนยวี่เองก็เสียชีวิตในค่ายเสินเช่อ ยามนี้ฉู่ชิงกลับมาอย่างปลอดภัย เช่นนั้นเหนียนยวี่มิใช่ว่าก็ยังมีชีวิตอยู่เหมือนกันหรอกหรือ?
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว ในใจของหนานกงฉี่มีสิ่งที่เรียกว่าไม่สบายใจวนเวียนอยู่อย่างยากจะบรรยาย ทว่าเพียงพริบตา หนานกงฉี่กลับขมวดคิ้ว ฉู่ชิงกับเหนียนยวี่...
ในหัวปรากฏภาพที่สองคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน มันช่างสะดุดตาเสียจริง!
เหนียนยวี่จ้องมองหนานกงฉี่ที่ขึ้นไปบนรถม้า แล้วจึงค่อยถอนสายตากลับ เร่งเดินตามฝูงชนไป
รถม้าทั้งสองคัน หนึ่งนำหน้า หนึ่งตามหลัง เคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้าอย่างยิ่ง เดิมทีเวลาหนึ่งก้านธูปก็มาถึงเขตพำนักได้แล้ว ทว่าเวลาผ่านไปแล้วหนึ่งก้านธูป รถม้ายังเคลื่อนที่ไปไม่ถึงครึ่งทาง
บนรถม้า ในใจของอวี่เหวินหรูเยียนรู้สึกสงสัย เหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน ในที่สุดจึงเอ่ยปากออกไป “ฮองเฮาเพคะ เหตุใดพวกเราไม่รีบหน่อยเล่าเพคะ? ยามนี้...”
อวี่เหวินหรูเยียนนึกถึงเวลาที่กำหนดไว้ในจดหมายเมื่อเช้า หากไปสายและพลาดบางอย่างเข้า เช่นนั้นจะดีอย่างไร?
"ไม่ต้องรีบ ท้ายที่สุดอย่างไรก็ต้องรอให้ทุกคนมาถึงก่อน งิ้วจึงจะเริ่ม!" ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยปาก ั้แ่ยามที่ฉู่ชิงปรากฏตัว ดูเหมือนนางจะอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
อวี่เหวินหรูเยียนเป็คนฉลาดผู้หนึ่ง ทว่านางไม่รู้ว่า ‘คน’ ในคำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินหมายถึงผู้ใด
และองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่อยู่ด้านข้าง เมื่อนางนึกถึงยามที่ฮองเฮาอวี่เหวินกระพือข่าวเป็จุดสนใจว่าจะออกไปนอกวังเมื่อครู่นี้ ั์ตาปราดเปรื่องพลันส่องสว่างเบาบาง “ยามนี้ไทเฮาน่าจะถึงเขตพำนักแล้วสินะ”