ภายในโลกเร้นลับ เกิดลมพัดแรง ก้อนเมฆหมุนเคว้งคว้าง
เหล่าศิษย์ที่มาเข้าร่วมการฝึกนี้ต่างรู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้ามีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็โคมม้าวิ่ง ท่ามกลางแผ่นดินไหวและูเาสั่นะเืนี้ ทุกคนต่างก็สายตามืดบอดไปชั่วขณะ
จนเมื่อมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ทุกคนต่างก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตนเองและสหายร่วมกลุ่มได้มาอยู่กลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว
เมื่อก้าวขาออกไป หนึ่งในนั้นก็ต้องขมวดคิ้วทันที และก้าวขาออกไปอีกหนึ่งก้าว แล้วก็ร้องอุทานออกมา “ทะเลทรายนี้แปลกมาก แรงโน้มถ่วงมากกว่าโลกภายนอกอย่างน้อยห้าเท่าได้”
“จริงด้วย เดิมทีการเดินในทะเลทรายก็ยากกว่าบนพื้นปกติอยู่แล้ว แล้วแรงโน้มถ่วงยังมากขนาดนี้อีก ดูเหมือนว่าแค่จะเดินก็ต้องใช้เรี่ยวแรงมากเสียแล้ว”
“เอ๋ เ้าทะเลทรายบ้านี่ ไม่รู้ว่าเป็เพราะแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นมหาศาลหรือมีการวางอาคมห้ามบินกันแน่? แม้แต่ของวิเศษบินได้ก็ใช้การไม่ได้ด้วย”
“ศิษย์พี่ ดูนั่นสิ นั่นมันอะไรน่ะ?” จู่ๆ ก็มีคนหนึ่งชี้ไปยังที่ไกลๆ
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงต่างก็หันไปมองตามทิศทางที่เขาชี้ไป
จากไกลๆ มีวังแห่งหนึ่งที่สูงตระหง่านตั้งอยู่กลางทะเลทราย ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่รางๆ ที่ปลายสุดของสายตา
นั่นคือเมืองโบราณหลิงกุย!
ในขณะที่ทุกคนต่างก็ใจจดใจจ่ออยู่กับวังขนาดใหญ่จากไกลๆ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถือค้อนสีน้ำเงิน ทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาค่อยๆ ขยับ เขารู้สึกได้ถึงการสั่นะเืของพื้นทรายใต้เท้าจึงก้มหน้าลงไปมอง แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ะโหนี กิ้งก่าทรายสีน้ำตาลเหลืองตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากพื้นทรายใกล้ๆ เท้า อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันที่แหลมคม แล้วกัดเข้าที่ขาซ้ายของเขาทันที
“กร๊อบ!”
เสียงดังกร๊อบมาจากขาซ้ายของเด็กหนุ่ม!
“อ๊าก!” การโจมตีที่ไม่ทันคาดคิดนี้ทำให้เด็กหนุ่มต้องร้องออกมาด้วยความเ็ป
แทบจะทันทีที่เด็กหนุ่มร้องออกมา “หงับ!” กิ้งก่าทรายอีกตัวก็พุ่งออกมาจากพื้นทรายข้างๆ เขา พร้อมด้วยเสียงดัง ‘กร๊อบ!’ กัดข้อมือขวาที่ถือของวิเศษอยู่จนขาดทันที
ค้อนสีน้ำเงินที่กำลังจะเปล่งแสงขึ้นมาพร้อมกับข้อมือที่ขาดตกลงไปบนพื้นทราย แสงที่กำลังเปล่งดับมอดลง
การเคลื่อนที่ของกิ้งก่าทรายทั้งสองตัวนี้รวดเร็วมาก
ทั้งคู่พุ่งตัวขึ้นมา ตัวหนึ่งกัดไปที่หน้าท้องของเด็กหนุ่ม อีกตัวหนึ่งก็พุ่งขึ้นมากัดที่ศีรษะของเด็กหนุ่ม
“ซุนหัง!”
เมื่อสหายร่วมกลุ่มอีกสองคนที่อยู่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงร้องก็หันไปมองโดยพร้อมกันทันที และพบว่าหัวของเด็กหนุ่มถูกกัดขาดไปครึ่งแล้ว จึงโกรธจนตาแดงก่ำ กวัดแกว่งดาบสายน้ำ กับดาบสายลมใส่กิ้งก่าทรายทั้งสองตัว!
กิ้งก่าทรายตัวที่อยู่ด้านล่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างของมันก็จมหายวับไปในพื้นทราย!
ในขณะที่กิ้งก่าทรายตัวที่กัดหัวของเด็กหนุ่มพลิกตัวกลางอากาศ หลบหลีกการโจมตีของดาบสายน้ำไปได้ แต่ไม่สามารถหลบการโจมตีของดาบสายลมได้
พร้อมด้วยเสียงดัง ‘ฉัวะ!’ หยดเืก็สาดกระเด็นออกมา
“กี๊ด!” กิ้งก่าทรายร้องออกมาด้วยความเ็ป ร่างกายที่ยาวเกือบสามฉื่อตกลงมา หัวที่แหลมคมก็มุดลงไปในพื้นทรายด้านล่าง
“ฟิ่วๆๆ! เปรี้ยง!” ในชั่วขณะต่อมา พลังิญญาทั้งสี่ก็พุ่งเข้าใส่กิ้งก่าทรายที่มุดลงไปในพื้นทราย ทำให้พื้นทรายที่แข็งกระด้างกลายเป็หลุมทรายลึกหลายฉื่อ
แต่ภายในหลุมทราย นอกจากคราบเืสีแดงฉานแล้ว กิ้งก่าทรายตัวนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบหมี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทุกคนระวังตัว ทะเลทรายแห่งนี้จะต้องมีสัตว์อสูรเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่มากเป็แน่ ั้แ่นี้ไปทุกคนจะต้องระวังตัวให้มาก! ฉินฮ่าว ว่านเหวย พวกเ้าสองคนเดินนำหน้า ข้ากับซินเฟิงจะระวังหลังเอง ส่วนคนอื่นๆ เดินตรงกลาง...”
...
ห่างออกไปสองร้อยสามสิบลี้
เซียวหลิงอวิ๋นดีดนิ้ว!
ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ‘ฉัวะ’ เืพุ่งออกมาจากด้านหลังของกิ้งก่าทรายที่กำลังมุดลงไปในพื้นทรายครึ่งตัว
ร่างของฉินหรูเยียนลอยขึ้นสูง
ตามด้วยหมัดหนึ่งที่กระแทกลงมา
“เปรี้ยง!” ทะเลทรายสั่นะเื มีหลุมทรายขนาดั์ปรากฏขึ้นมา ท่ามกลางฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว กิ้งก่าทรายตัวหนึ่งจมูกกับปากมีเืไหลออกมา พร้อมกับฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจาย
“ฉัวะ ฉึก!” ก่อนที่กิ้งก่าทรายที่จมูกกับปากมีเืไหลจะตกลงมา แสงดาบและลำแสงสีเขียวก็พุ่งเข้ามาจากกลางอากาศ เืสาดกระเซ็นไปทั่ว กิ้งก่าทรายที่ตกลงมาที่พื้นทรายนั้นถูกหั่นกลายเป็สามส่วนแล้ว
ขาดจ้าวหนีอิ่งไป สิบเอ็ดคนที่เหลือจึงแบ่งออกเป็สามกลุ่ม กลุ่มละสามคน
ถังเซียว ฉินหรูเยียน และหม่าิฮุ่ยอยู่ในขบวนรูปสามเหลี่ยมเดินนำหน้า
เซียวหลิงอวิ๋น เฉียนหม่านควง และโจวจวิน สามคนอยู่ด้านหลัง ส่วนอีกห้าคนที่เหลืออยู่ตรงกลาง นอกจากการเจอกับสัตว์อสูรในทะเลทรายอย่างกิ้งก่าทรายแล้ว พวกเขาก็ยังคงรักษารูปขบวนนี้เอาไว้ขณะเดินทาง แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือสิบเอ็ดคนก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงกันราวกับเป็หนึ่งเดียวกัน
ทุกย่างก้าวที่เดินออกไปคือระยะสามหมี่ ไม่มากไปกว่านี้ และไม่น้อยไปกว่านั้น
ในทะเลทรายแห่งแรงโน้มถ่วงนี้ การก้าวเดินในระยะนี้สำหรับสมาชิกทั้งหมดในทีมของเซียวหลิงอวิ๋นแล้วถือว่าประหยัดแรงและได้ความเร็วดีที่สุดแล้ว
กิ้งก่าทรายเอย แมงมุมทรายเอย หมาป่าทรายเอย รวมถึงแมงป่องทราย จัดเป็สัตว์อสูรระดับหนึ่ง ซึ่งสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาของพวกเซียวหลิงอวิ๋นเลย
ในบรรดาสิบเอ็ดคน มีเซียวหลิงอวิ๋นที่มีประสาทััไวมาก มีฉินหรูเยียนที่มีพลังการต่อสู้ที่สูงมาก ส่วนหม่าิฮุ่ย อูเสี่ยวหมิน และคนอื่นๆ ต่างก็มีความเชี่ยวชาญด้านวิชาิญญาในด้านต่างๆ ทั้งการโจมตีระยะไกลและระยะประชิด! ตลอดทางที่ผ่านมาจึงมีแต่ความตื่นเต้น ไม่มีอันตราย หรือมีใครได้รับาเ็อะไร
ไม่นานนักก็ผ่านไปห้าวันในทะเลทรายแห่งนี้
จากตอนแรกที่มองไปสุดสายตาจะเห็นวังที่สูงตระหง่านได้อย่างรางๆ ตอนนี้เริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้นแล้ว ทะเลทรายที่ราบเรียบก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีเนินขึ้นเนินลง! เป็เนินทรายสูงต่ำสลับไปมาเรื่อยๆ จนถึงวังสูงตระหง่านจากไกลๆ
“ด้วยความเร็วของเราในเวลานี้ น่าจะถึงเมืองโบราณหลิงกุยได้ภายในอีกสองสามวัน!” หม่าิฮุ่ยกล่าว “ได้ยินจากรุ่นพี่ที่เคยเข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อเข้าไปในเขตเนินทรายที่ทอดยาว ก็จะเริ่มเจอหุ่นเชิดิญญาที่เฝ้าเมืองแล้ว”
“ก็แค่หุ่นเชิดไม้เส็งเคร็ง ต่อให้มีหุ่นเชิดเหล็กมาหนึ่งตัว ข้าก็จะฆ่าหนึ่งตัว มาสองตัวข้าก็จะฆ่าสองตัว” ถังเซียวพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส
“แล้วถ้าหากเป็หุ่นเชิดิญญาทองแดงล่ะ?” ถานหย่าพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
“หุ่นเชิดิญญาทองแดง? หุ่นเชิดิญญาทองแดงก็ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าหากข้าจัดการคนเดียวไม่ได้ ก็ยังมีทั้งศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่หญิง และเหล่าศิษย์น้องอีก”
“พวกเราเดินทางมาห้าวันแล้ว ทางเข้าเขตเมืองโบราณหลิงกุยอยู่ข้างหน้า พวกเราพักผ่อนกันที่เนินทรายข้างหน้านี้สักสองถึงสามชั่วยามกันเถอะ แล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ!” เซียวหลิงอวิ๋นกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน
ที่เนินทรายเล็กๆ สูงไม่ถึงร้อยหมี่ ทุกคนก็เริ่มพักผ่อนกัน
เซียวหลิงอวิ๋นนั่งลงและทำจิตใจให้สงบลงอย่างรวดเร็ว
ตัวเขารู้สึกได้แล้วว่ากำลังจะบรรลุในไม่ช้า!
แต่หลังจากที่หมุนเวียนพลังได้สองรอบเล็กๆ เซียวหลิงอวิ๋นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หืม นี่มัน...? เขาหลับตาลงแล้วตรวจสอบใหม่อีกครั้ง! ก่อนจะลืมตาขึ้นมา หันไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“ข้าขอไปเดินเล่นแถวนั้นหน่อย”
“ข้าก็จะไปเดินเล่นด้วย” ฉินหรูเยียนลุกขึ้นยืนด้วย
“อาจจะใช้เวลาสักสี่ถึงห้าชั่วยาม ศิษย์พี่ฮุ่ย เสี่ยวหมิน พวกเ้าพักผ่อนให้เต็มที่นะ” เซียวหลิงอวิ๋นกล่าวเสริม
เดินห่างออกไปไกลหลายสิบหมี่ เซียวหลิงอวิ๋นก็หันไปมองใบหน้าอันงดงามที่อยู่ข้างๆ “ศิษย์พี่หญิง ท่านจะไปเดินเล่นกับข้าด้วยจริงๆ หรือ?”
“ทำไมล่ะ เ้าไม่ยินดีหรือ?” ฉินหรูเยียนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อะแฮ่ม ยินดิสิ ยินดี! ยินดีแน่นอน” เซียวหลิงอวิ๋นเกาจมูกแล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ
หลังจากที่ทั้งคู่เดินเงียบๆ อีกหลายร้อยหมี่ เซียวหลิงอวิ๋นก็ยื่นมือซ้ายออกไป แสงสีเขียวสว่างวาบ กล่องหยกสีเขียวปรากฏอยู่ในมือเขา
