หนิวต้าลี่พิจารณาใบสั่งซื้อที่หลันเยว่ยื่นให้เขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบข้อผิดพลาดใดๆ เขาก็วางใบสั่งซื้อลงแล้วประสานมือคารวะหลันเยว่อย่างเปิดเผย ทำท่าทางเหมือนกับนักเลงในยุทธภพ
"เสี่ยวหลันเยว่ ไม่ธรรมดาเลยนะ!"
"รู้ทั้งรู้ว่าเธอพูดแบบนั้นเพื่อจะขายเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงให้ฉันอีก แต่ฉันก็ต้านทานการรุกของเธอไม่ได้ าครั้งนี้ ฉันแพ้ราบคาบหมดรูปเลยทีเดียว กลเม็ดของเด็กสาวอย่างเธอ แม้แต่คนเก่าแก่อย่างฉันก็ยังต้องยอมศิโรราบ อนาคตของคนหนุ่มสาวนี่ช่างมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดจริงๆ"
หลันเยว่หน้าแดง เธอรีบโค้งตอบ
"โธ่ คุณลุงหนิวพูดเกินไปแล้ว ฉันแค่อยากจะช่วยคุณลุงจริงๆ ในเมื่อเราเป็คู่ค้ากัน ก็ย่อมหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันอยู่แล้ว ธุรกิจของคุณลุงดี ธุรกิจของเราก็จะดียิ่งขึ้นไปด้วยนี่คะ"
พอพูดออกไปแบบนี้ หลันเยว่เองก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง ไม่ต้องพูดถึงเื่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงที่หนิวต้าลี่พูดถึงก่อนหน้านี้ แค่เื่ที่ต้องให้เขามารับสินค้าสั่งทำพิเศษทุกครึ่งเดือน มันก็มีเลศนัยอยู่แล้ว ที่เป็เช่นนี้ก็เพราะว่าโกดังของเธอไม่พอใช้จริงๆ หลันเยว่เลยต้องใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ
การให้เขามารับสินค้าทุกครึ่งเดือน ก็จะช่วยลดแรงกดดันในส่วนของโกดังของเธอได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็การเพิ่มค่าใช้จ่ายให้เขาไปด้วย ลองคิดดูสิว่าสิ่งที่รถบรรทุกคันเดียวสามารถขนไปได้ กลับต้องแบ่งเป็สองคัน ค่าขนส่งไปกลับก็เพิ่มขึ้น หลันเยว่ทำได้แค่พูดจาหว่านล้อมถึงข้อดีของการนำสินค้าขึ้นวางขายก่อนกำหนดครึ่งเดือน โชคดีที่ลุงหนิวก็ไม่ได้เป็คนจู้จี้อะไร
"คุณลุงหนิวคะ ถ้าเกิดเื่ที่ทำให้ส่งสินค้าล่าช้า คุณลุงต้องเห็นใจด้วยนะคะ พวกเราจะเร่งมืออย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากเป็เพราะพวกเราเองที่ทำให้ส่งสินค้าล่าช้า พวกเราก็จะชดเชยให้ตามสัญญาค่ะ"
หลันเยว่พูดอย่างจริงจังอีกครั้งเพื่อยืนยันจุดยืนของตน
"ฉันรู้แล้ว พวกเธอไม่ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นหรอก ตราบใดที่เสื้อผ้าของเรายังขายได้ ขายช้าไปสักสองสามวันจะเป็อะไรไป เพียงแต่ว่าฉันชอบทัศนคติการทำงานที่จริงจังของพวกเธอมาก หวังว่าเราจะร่วมงานกันต่อไปได้นะ"
หนิวต้าลี่เซ็นชื่อลงในสัญญาหลายฉบับ จากนั้นก็ยื่นมือไปหาหลันเยว่
"หนูน้อย หวังว่าเราร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะ!"
"คุณลุงหนิว เราจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขค่ะ!"
มือใหญ่และมือเล็กสองข้างจับกันแน่น
หลันเยว่ถือสัญญาที่เซ็นชื่อแล้วไว้ในมือ รู้สึกไม่อยากจะปล่อยมันเลย เธอเก็บมันไว้อย่างดีในกระเป๋าสะพาย แต่ถึงจะตื่นเต้นแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมเื่สำคัญ
"คุณลุงหนิว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว"
มื้อนี้ต้องเลี้ยงให้ดี ธุรกิจกับคุณลุงหนิวครั้งนี้ ทำให้เธอได้เงินก้อนแรกในชีวิต หลันเยว่คิดว่าเงินก้อนแรกของตัวเองคงต้องรออีกนานกว่าจะได้มา ที่ไหนได้พอเปิดร้านได้แค่สองเดือน ความปรารถนาของเธอก็เป็จริงแล้ว ใบสั่งซื้อนี้จะต้องกลายเป็เป้าหมายสำคัญในชีวิตของเธอ
"ไม่ต้องหรอก หลันเยว่ พวกเธอยังเป็นักเรียนอยู่เลยนะ เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เื่ง่ายๆ ฉันจะเอาเปรียบพวกเธอได้ยังไง ตามจริงแล้วตามศักดิ์ ควรจะเป็ฉันที่ต้องเลี้ยงข้าวพวกเธอมากกว่า แต่ว่าพวกเธอยังเป็นักเรียนอยู่ ควรจะรีบกลับบ้านแต่หัววันจะดีกว่านะ"
"คืนนี้เราจะไม่กินข้าวกันแล้วนะ ฉันเห็นความตั้งใจของพวกเธอแล้ว ฉันรับไว้แล้วละ พวกเธอทุกคนกลับบ้านไปซะ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก ฉันเองก็จะพักผ่อนแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลับไปที่พัก พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเธอเลิกเรียนแล้ว ฉันจะมาจ่ายเงินแล้วก็ขนสินค้า"
หนิวต้าลี่เป็ห่วงเด็กๆ มาก เขาไม่ได้สนใจอาหารมื้อหนึ่ง แต่ความตั้งใจของเด็กๆ เขารับไว้ทั้งหมดแล้ว ผ่านการพูดคุยกับเด็กๆ ใน่ครึ่งวันที่ผ่านมา เขาชอบเด็กๆ เหล่านี้จากใจจริง ไม่ว่าจะเป็หลันเยว่ที่เป็หัวหน้า หรือหมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย หลิวเสี่ยวหว่านที่เป็ลูกน้อง ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็คนฉลาด
ในระหว่างการเจรจาต่อรองกับเขา บางคนก็เงียบ บางคนก็พูดประเด็นสำคัญออกมาได้เสมอ สามารถให้การสนับสนุนและช่วยเหลือหลันเยว่ได้อย่างแข็งขันที่สุดในเวลาที่สำคัญที่สุด สิ่งนี้ทำให้หนิวต้าลี่ต้องทบทวนและให้ความสนใจกับเด็กอายุสิบกว่าปีเหล่านี้อีกครั้ง
ลูกๆ ของเขาก็อายุเท่านี้ แต่เมื่อเทียบกับเด็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า แตกต่างกันไม่น้อยเลย ต้องยอมรับว่าสู้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่บ้าน แค่หนิวเถียจู้ หลานชายคนโตที่ติดตามเขามาตลอด ในรุ่นลูกหลานของครอบครัวหนิว ก็ถือว่าเก่งกาจที่สุดแล้ว ฉลาด หัวดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ไว้วางใจให้เขามาเป็คนประสานงาน
แต่พอถูกเปรียบเทียบกับเด็กๆ เหล่านี้แล้ว ก็เทียบกันไม่ติดจริงๆ เถียจู้ได้แต่คอยฟังคำสั่งอยู่ข้างหลังคนอื่น ดังนั้นหนิวต้าลี่จึงชอบเด็กสาวเด็กหนุ่มเหล่านี้จริงๆ ชอบมากๆ รักจนสุดหัวใจ อยากจะให้พวกเขาได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่อยากให้พวกเขาต้องลำบาก
"ไม่ได้นะคะคุณลุงหนิว คุณลุงอุตส่าห์เดินทางมาไกลขนาดนี้ จะไม่ทานข้าวด้วยกันได้ยังไงคะ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังต้องร่วมงานกันอีกนานนะคะ อาหารมื้อเดียว ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเท่าไหร่ พวกเราไม่ได้ดื่มเหล้า แค่มานั่งคุยเป็เพื่อนคุณลุงเฉยๆ พวกเราขออนุญาตที่บ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ"
ประโยคนี้ของหลันเยว่เป็เื่จริง ในเมื่อตอนเย็นจะต้องกลับบ้านช้า เธอก็ได้บอกกับเฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย และหนิวเถียจู้แล้ว ว่าจะต้องบอกทางบ้านให้รู้ จะได้ไม่ต้องกลับบ้านช้าโดยไม่มีเหตุผล ทำให้คนในบ้านเป็ห่วง พวกเขาก็เชื่อฟังและจัดคนกลับไปบอกที่บ้านเรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินว่าหลันเยว่ได้เตรียมการไว้เป็พิเศษเพื่อเลี้ยงข้าวเขา หนิวต้าลี่ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
"อย่างนั้นเหรอ..."
แต่เขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ที่จะให้เด็กๆ สละเวลาพักผ่อนมาทานข้าวกับพวกรุ่นลุงอย่างเขา
"ไปกันเถอะค่ะ เมื่อกี้พี่หย่งจิ้นไปจองร้านอาหารไว้แล้ว ไม่ใช่ร้านใหญ่อะไร คุณลุงหนิวและคุณลุงท่านอื่นๆ ก็ให้เกียรติหน่อยนะคะ"
เมื่อเห็นว่าเด็กๆ กระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงหนิวต้าลี่ แม้แต่คนที่มากับเขาก็รู้สึกเกรงใจไปด้วย ถ้าไม่ไปก็จะดูเป็การเสแสร้งเกินไป
สุดท้ายก็ต้องถูกเด็กอายุสิบกว่าปีพาไปทานอาหารเย็นสุดหรู ระหว่างนั้นหนิวต้าลี่แอบออกไปข้างนอก เพื่อที่จะแอบจ่ายเงิน แต่คิดไม่ถึงว่าหลันเยว่ได้วางเงินมัดจำไว้แล้ว เขาจึงต้องผิดหวังกลับมา เด็กๆ คิดรอบคอบเกินไป
แต่ยิ่งเป็แบบนี้ เขาก็ยิ่งให้ความเคารพเด็กๆ เหล่านี้มากขึ้น แม้ว่าในใจจะชอบเด็กๆ เหล่านี้มาก แต่ในการพูดคุยและการจัดการเื่ต่างๆ เขาก็ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็ผู้ใหญ่ที่เท่าเทียมกัน สิ่งนี้ทำให้เด็กๆ รู้สึกภาคภูมิใจ การได้รับการเคารพเช่นนี้ ได้มาจากการทำงานอย่างหนักของพวกเขา จะมีอะไรที่ทำให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้อีกไหม
หลันเยว่ก็กลัวว่าคุณลุงๆ จะทานไม่ดี เธอสั่งเหล้าให้คุณลุงๆ จากนั้นพอทานกันได้ที่แล้ว ก็พาเด็กๆ ถอยทัพออกมาก่อน และบอกคุณลุงหนิว ให้ช่วยดูแลคุณลุงคนอื่นๆ ให้ดี
"คุณลุงหนิว พวกเรายังเด็กเกินไป ดื่มเหล้าเป็เพื่อนพวกคุณลุงไม่ได้ แถมยังจะทำให้เสียบรรยากาศอีกด้วย ยังมีเวลาอีกเยอะ พวกคุณลุงก็อยู่ที่นี่ดื่มต่อ คุยกันต่อ พวกเราจะกลับกันแล้ว ค่าอาหารจ่ายหมดแล้วนะคะ คุณลุงอย่าไปจ่ายซ้ำอีกรอบนะคะ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ขาดทุนแย่เลย"
หลันเยว่กลัวจริงๆ ว่าคนๆ นี้จะดื่มเหล้ามากเกินไปแล้วไปจ่ายเงินอีกรอบ แล้วเงินของเธอก็จะเสียเปล่า แถมยังเรียกคืนไม่ได้อีก เงินต้องใช้ให้เห็นผล ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะยืนกรานที่จะเลี้ยงข้าวคุณลุงหนิว แต่เงินจำนวนไม่น้อยเลยที่จ่ายออกไป ก็ทำให้เธอเ็ปอยู่ไม่น้อย ต้องทำเสื้อผ้ากี่ตัวถึงจะได้เงินคืนมากันนะ
"รู้แล้ว เสี่ยวหลันเยว่ พวกเธอรีบกลับบ้านไปเถอะ กลับบ้านเร็วๆ ก็จะได้ให้คนที่บ้านไม่ต้องเป็ห่วง พวกเราเป็ผู้ใหญ่แล้ว พวกเธอไม่ต้องเป็ห่วงหรอก"
เขาไปจ่ายเงินมาแล้ว แน่นอนว่าถูกหลันเยว่ชิงตัดหน้าไปแล้ว
"คุณลุงหนิว ที่พักข้างๆ ฉันจองห้องไว้ให้พวกคุณลุงแล้วนะคะ ทานเสร็จแล้วก็เข้าไปพักได้เลยค่ะ"
หลันเยว่คิดว่า อย่าได้สนใจกับอุปสรรคสุดท้ายแล้ว ทำให้เื่ราวมันสมบูรณ์แบบไปเลยจะดีกว่า
"ไม่ต้องๆ เธอนี่เป็ห่วงเป็ใยจริงๆ ตอนกลางวันตอนที่เรามา พวกเราจองที่พักไว้แล้ว พวกเธอรีบกลับบ้านไปเถอะ อย่าเป็ห่วงเื่ของพวกผู้ใหญ่เลย"
หนิวต้าลี่ลุกขึ้นดึงมือหลันเยว่และหลันหยาง พาคนทั้งสองไปส่งที่หน้าร้านอาหาร ส่วนเด็กคนอื่นๆ ก็ออกมาด้วยกัน
"รีบกลับไปเถอะ ฉันจะไม่ไปส่งพวกเธอแล้ว พรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันจะรอพวกเธออยู่ที่ร้านนะ ไว้เจอกัน"
หลันเยว่จึงพาลูกน้องทั้งหลาย โบกมือลาหนิวต้าลี่
ระหว่างทางกลับบ้าน หลันเยว่เอามือลูบกระเป๋าไม่หยุด ในนี้มีธุรกิจใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเธออยู่ ส่วนธุรกิจมันใหญ่แค่ไหน ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนแล้ว บางทีเมื่อเทียบกับธุรกิจใหญ่ที่เธอจะต้องทำในอนาคต มันอาจจะเป็แค่เศษเสี้ยว แต่สำหรับหลันเยว่ในตอนนี้ มันก็เพียงพอที่จะวางรากฐานได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
"หลันเยว่ ยอดขายสุดท้ายเท่าไหร่เหรอ"
หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการคำนวณเงินในตอนท้าย ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ายอดขายสุดท้ายเท่าไหร่ ในใจกำลังร้อนใจอยู่
"พี่คะ เป็จำนวนที่พี่คาดไม่ถึงแน่นอนค่ะ พี่ลองทายดูสิคะ"
หลันเยว่แสร้งทำเป็ลึกลับให้พี่ชายทายจำนวนเงิน จำนวนเงินนี้ ก่อนที่เธอจะคำนวณออกมา เธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่า สินค้าในโกดังมีจำนวนประมาณเท่าไหร่ แต่เงินจากฝั่งที่สั่งของมา มันเกินความคาดหมายจริงๆ
"ฉันคิดว่ายังไงก็ได้ห้าพันแล้วมั้ง สินค้าในคลังก็มีเยอะขนาดนั้น แถมยังมีชุดกันหนาวสั่งทำพิเศษอีก ยังไงก็ต้องมีจำนวนเท่านี้แหละ"
นี่คือขีดจำกัดที่หลันหยางคิดได้แล้ว ต้องรู้ว่าเงินสิบหยวนในตอนนี้ ถ้าประหยัดหน่อย ก็พอให้ครอบครัวใช้ได้ทั้งเดือนเลยนะ
"พี่คะ พี่ทายอีกสิคะ"
หลันเยว่ระงับความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่ได้
"ขึ้นไปหกพันแล้วเหรอ มีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ"
เมื่อเห็นว่าพี่ชายทายไม่ถูกจริงๆ หลันเยว่ก็เอาหัวเข้าไปใกล้หูของพี่ชาย
"พี่คะ เกินหมื่นแล้ว"
ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะมืดลงแล้ว รอบข้างก็ไม่มีคน แต่หลันเยว่ก็ยังอยากจะกระซิบบอกข่าวนี้ให้พี่ชายฟัง
"เธอ...เธอบอกว่า...เกิน เกิน..."
หลันหยางใจนพูดไม่ออกจริงๆ เป็ไปได้อย่างไร นี่เป็ใบสั่งซื้อครั้งแรกที่ห้องเสื้อหลันเยว่ ของน้องสาวที่ได้รับ เดิมทีก็เป็โชคลาภที่ไม่คาดฝันอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็โชคลาภที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
"ฮ่าๆ พี่คะ พวกเรามีเงินแล้ว"
หลันเยว่ระงับความตื่นเต้นของตัวเองไว้ แล้วโบกมือน้อยๆ จากนั้นก็คล้องแขนพี่ชาย เอาใบหน้าเล็กๆ ไปซบ เธอกลัวว่าพี่ชายจะเห็นน้ำตาของเธอ ในที่สุดเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอแล้ว
หลันหยางยังไม่ทันสังเกตความผิดปกติของน้องสาว เขาก็คิดแต่น้องสาวดีใจจนไม่รู้จะแสดงออกยังไง
"หลันเยว่ ดีจริงๆ พวกเราสามารถหาเงินได้เยอะขนาดนี้ แต่เราจะประมาทไม่ได้ ยังมีเื่อีกมากมายที่ต้องจัดการ"
"สินค้าที่จะวางขายในร้านของตัวเอง ชุดกันหนาวสั่งทำพิเศษให้คุณลุงหนิว ทั้งหมดนี้ต้องรีบจัดการแล้ว หลันเยว่ พอคิดถึงว่าพรุ่งนี้คุณลุงหนิวจะฝากเงินให้พวกเราเยอะขนาดนี้ ฉันถึงได้รู้ว่าพวกเรายังไม่รวยจริงๆ ความสามารถของเรายังห่างไกลจากคนอื่นมาก คุณลุงหนิวสามารถเอาเงินหมื่นออกมาได้ง่ายๆ เหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเราต้องพยายามให้มากขึ้น อย่าให้ถูกทิ้งห่างไปมากนัก!"
