ในขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ สามารถดูดซับลมปราณให้หลอมเข้าไปในิัและกระดูก เพื่อให้ิัและกระดูกมีระดับที่แข็งแกร่งและทรหด จนสามารถต้านทานความร้อนจากไฟและความหนาวเย็นของน้ำแข็งได้
ดังนั้น ผู้ฝึกในขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าคนหนึ่งต่อให้จะเปลือยกายท่ามกลางหิมะในหน้าหนาว ก็ไม่รู้สึกว่าหนาวเหน็บแต่อย่างใด ต่อให้จะเจออากาศร้อนจนจะเป็ลม ก็ไม่ะเืิัเลยแม้แต่น้อย
เมื่อไปถึงขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ พลังของผู้ฝึกจะเทียบเท่ากับราชสีห์สองล้านตัว กระดูกและเอ็นในร่างกายจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน บรรลุขีดจำกัดใหม่ของความหมายอันลึกซึ้งของร่างกายมนุษย์!
ทว่า กระบวนท่าที่ห้าของเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงอย่างเกราะจักจั่นปีกบาง จะทำให้ิัและกระดูกมีความบอบบางราวกับจักจั่น แต่กลับมีความแข็งแกร่งดั่งเหล็กทองคำ ฟันแทงไม่เข้า ราวกับสวมใส่ชุดเกราะทำศึกปีกจักจั่นก็ไม่ปาน!
ิอวี่นั่งขัดสมาธิ ดูดซับลมปราณที่อยู่ในยาเม็ดจูหยวนตัน ในหัวของเขาก็ปรากฏเคล็ดวิชาเกราะจักจั่นปีกบางขึ้นมา
ิอวี่ปรับลมปราณบริสุทธิ์ให้กลายเป็ลมปราณในตัวของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้น ก็ปรับลมปราณที่หนาแน่นในร่างกายเ่าั้ให้ทะลวงไปตามเส้นชีพจรในร่างกาย
แล้วิัของิอวี่ ก็เริ่มดูดซับลมปราณจำนวนมากเ่าั้อย่างบ้าคลั่ง
“เอาอีก”
ิอวี่กินยาจูหยวนตันไปอีกสิบเม็ดในทีเดียวเลย ยาเม็ดจูหยวนตันถูกิอวี่หลอมเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
เพราะก่อนหน้านี้ิอวี่ต่อสู้แบบเสี่ยงเป็เสี่ยงตายหลายครั้ง ศักยภาพในร่างกายของเขาจึงถูกกระตุ้น ดังนั้น ิอวี่จึงรู้สึกว่าเขากำลังก้าวหน้า แต่ในเวลานี้พลังงานกับเืในร่างกายของเขาไม่เหลือแล้ว เขาจึง้าพลังงานอย่างมาก และในตอนนี้ก็เป็โอกาสที่ดีที่สุดในการทะลวงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ!
เฮยจีมองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ นางรู้สึกว่าเืที่ิอวี่เสียไปมากมายค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาจากการเสริมสร้างของยาจูหยวนตัน และดูเหมือนว่ามีพลังงานอันมหาศาลอยู่ในร่างกายของเขา แต่สัตว์ร้ายในกายของเขาถูกิัและกระดูกสกัดเอาไว้
“แม้แต่ตอนที่ข้ามีอาณาจักรพลังขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยนะ ...” เฮยจีบ่นพึมพำ สายตาที่มองไปที่ิอวี่นั้นเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
นางแค่อยากมองผู้ชายคนนี้ทะลวงระดับอย่างเงียบๆ หวังว่าในตอนที่เขาอยู่ใน่เวลาที่อ่อนแอที่สุด นางจะสามารถปกป้องเขาได้ เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งใช้เือุ่นๆ ของเขารักษาชีวิตของนางเอาไว้ ...
ตอนนี้เฮยจีก็เป็ผู้หญิงบอบบางไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่ง พอคิดว่าจากนี้อีกหลายวันนางจะต้องอยู่ข้างกายของผู้ชายคนนี้ อีกทั้งเขายังต้องถ่ายเืให้นางอีก เฮยจีก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
นางแอบมองไปที่ิอวี่ก็พบว่าตอนนี้เขากำลังหลับตาฝึก ไม่ได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของนางจึงค่อยโล่งใจ
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ิอวี่ก็กินยาจูหยวนตันเข้าไปแล้วถึงเก้าสิบเม็ด ลมปราณภายในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง แถมยังเหมือนมีเสียง “ปุดปุด” ดังขึ้นด้วย
ลมปราณที่บ้าคลั่งแบบนี้ คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรับได้แน่นอน แต่ร่างกายของิอวี่ช่างแปลกประหลาด เพราะมันสามารถต้านไว้ได้!
จากนั้น ิอวี่ก็กินยาจูหยวนตันเข้าไปอีกสิบเม็ด ทำให้ลมปราณภายในร่างกายวิ่งพล่านไปทั่ว และในวินาทีต่อมา ลมปราณทั้งหมดก็รวมตัวไปที่แขนขาทั้งสี่ และสุดท้ายก็หลอมพุ่งเข้าไปยังิัทั่วร่างกาย
“ทลาย!”
ิอวี่ะโเสียงดังออกมา คลื่นอากาศพุ่งออกมาจากทั่วร่างกาย แล้วม้วนใบไม้ที่อยู่รอบๆ เอาไว้
เมื่อเห็นเศษหญ้าเริ่มปลิว ิัของิอวี่ก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ จากนั้นก็สลายกลายเป็ผุยผงไปในอากาศ
จากนั้น ราวกับว่าิอวี่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ิัของเขามันปรากฏเป็สีแกมทอง!
เมื่อมองดูอย่างละเอียด ใบหน้า คอ และมือของเขาที่เปลือยเปล่าอยู่ภายนอกนั้น ดูเหมือนจะมีเืสีแดงผสมทองไหลเวียนอยู่ ซึ่งมันดูงดงามแปลกตาอย่างมาก
จากนั้น ิอวี่ก็ลืมตาขึ้นมา สีแดงแกมทองบนิัของเขาก็หายไป ทุกอย่างกลับมาเป็ปกติราวกับว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
แต่เฮยจีรู้ดีว่า ิอวี่ในเวลานี้ได้เข้าสู่ระดับใหม่อีกครั้งแล้ว แม้จะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในความเป็จริงแล้ว ลมปราณที่บ้าคลั่งนั้นได้แทรกซึมเข้าไปทั่วทุกอนูร่างกายของเขาแล้ว
หากไม่ขยับก็ยังไม่มีอะไร แต่ถ้าเคลื่อนไหวเมื่อใด พลังราวกับสายฟ้าฟาด!
เื่จริงก็เป็ไปตามนั้น ตอนนี้ิอวี่ลอกคราบตัวเองได้เป็ผลสำเร็จ เขาฝึกเกราะจักจั่นปีกบางได้แล้ว มีกำลังวังชาเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งพันตัว!
“ยินดีด้วยนะ เ้าทะลวงระดับได้อย่างราบรื่นเลย” เฮยจีหันไปยิ้มหวานให้กับิอวี่
ิอวี่สูดลมหายใจเข้าเพื่อคุมลมปราณที่ยังไหลเวียนอยู่ แล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้เ้าก็เห็นแล้วว่านักรบเืนั่นยังไม่ตาย มันจะต้องให้นักรบเืคนอื่นมาเล่นงานข้าอีกแน่ ภายในสองเดือน เกรงว่าเราคงกลับวังหลวงแบบเปิดเผยไม่ได้แน่”
“แต่ว่า เ้ายังไม่ได้เอาหลิงจือโลหิตแดงไปให้ท่านแม่ของเ้าเลยนะ” เฮยจีพูดอย่างร้อนใจ
หากทิ้งไปแบบนี้ หลังจากนี้สองเดือนหยางเสวี่ยหรงจะต้องป่วยตายแน่
“ดังนั้นเื่นี้จะรอช้าไม่ได้ จะต้องแอบเข้าวังเอาหลิงจือโลหิตแดงไปให้ก่อนที่ฟ้าจะสาง ไม่อย่างนั้นหากพวกเขารู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ตำหนักลั่วฮวาไม่สงบแน่!”
พูดจบ ิอวี่ก็เดินขึ้นหน้าไปโอบเอวของเฮยจีราวกับหยิบลูกไก่ เฮยจีร้องกรี๊ด จากนั้นก็ถูกดึงให้ไปนั่งอยู่บนหลังม้า
จากนั้นิอวี่ก็ขึ้นม้า นั่งอยู่ด้านหน้าของเฮยจี แล้วหันกลับมาพูดว่า “กอดข้าแน่นๆ นะ”
“ ... อือ”
เฮยจีพยักหน้า แล้วเอามืออันเรียบเนียนโอบไปที่เอวของเขา แล้วิอวี่ก็ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว
เพราะเวลาที่มีจำกัด ิอวี่จึงจำเป็ต้องเร่งเดินทาง ม้าวิ่งเร็วและมีแรงสั่นะเืมากเฮยจีเลยต้องเกาะิอวี่แน่นมาก การอิงแผ่นหลังที่ใหญ่กว้างของิอวี่เอาไว้ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย
ิอวี่ควบม้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผ่านไปสองชั่วยามเขาก็ผูกม้าเอาไว้ตรงทางเข้าตรอกที่อยู่ห่างออกไปสามลี้ จากนั้นก็ลอบเข้าไปในวังหลวงพร้อมกับเฮยจี
เมื่อมาถึงตำหนักลั่วฮวา ก็เป็ยามเหมา*
(*เวลารุ่งเช้า 05.00 - 06.59 น.)
ิอวี่ค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนของหยางเสวี่ยหรง เขาพาเฮยจีเดินช้าๆ ไปที่เตียงของหยางเสวี่ยหรง ท่ามกลางแสงจันทร์ ิอวี่พบว่าสีหน้าของหยางเสวี่ยหรงอ่อนแรงมาก ริมฝีปากของนางไร้เืฝาด ขมวดคิ้วแน่น นางดูเหมือนนอนไม่ค่อยสบายเลย
ิอวี่รีบนำหลิงจือโลหิตแดงออกมาจากถุงเก็บของ กลิ่นหอมของตัวยาโชยไปทั่วห้อง
เขาใช้ลมปราณบดหลิงจือโลหิตแดงจนกลายเป็ผงสีทอง ิอวี่ใช้นิ้วแตะไปที่ผงสีทอง หลิงจือโลหิตแดงก็สลายกลายเป็แสงลอยเข้าปากของหยางเสวี่ยหรง
ในพริบตาเดียว ฤทธิ์ยาก็กระจายไปทั่วร่าง ิอวี่ััได้ว่าพลังชีวิตของหยางเสวี่ยหรงเหมือนจะกำลังพลิกฟื้นกลับมา ลมหายใจของนางดูสมดุลมากขึ้น ใบหน้าก็เริ่มมีเืฝาด คิ้วที่ขมวดก็เริ่มคลายออก
ิอวี่รู้สึกดีใจมาก ที่ความพยายามของเขาสามารถช่วยชีวิตของแม่เขาได้ “ท่านแม่ ...”
แต่พอเอ่ยปาก ิอวี่กลับชะงักไป
ิอวี่อยากจะบอกหยางเสวี่ยหรงมากว่าอาการป่วยของนางหายดีแล้ว อยากจะแบ่งปันข่าวดีเื่นี้กับนางมาก แต่หากหยางเสวี่ยหรงรู้ว่าิอวี่ยังมีชีวิตอยู่แล้วเกิดหลุดพิรุธออกมา นางจะต้องถูกทรมานอย่างหนักเพื่อถูกเค้นถามว่าิอวี่อยู่ที่ไหนแน่นอน
หากหยางเสวี่ยหรงไม่พูด คนที่ต้องได้รับาเ็ก็จะต้องเป็นางแน่นอน
ิอวี่กำหมัดแน่น วังหลวงนั้นมีแต่อันตราย ก่อนนี้เขาถูกคนบีบจนกลับวังไม่ได้ ตอนนี้แม้แต่จะบอกลาหยางเสวี่ยหรงเขายังทำไม่ได้เลย!
“ข้าจะให้พวกเ้าจ่ายค่าตอบแทนที่ทำให้ข้าโกรธ! หลังจากนี้อีกสองเดือน คอยดูแล้วกัน!”
ิอวี่พูดเสียงเบา จากนั้นเขาก็พาเฮยจีออกจากห้องนอนของหยางเสวี่ยหรง ปิดประตูห้องแล้วลอบออกจากวังหลวงไปก่อนที่ฟ้าจะสาง
เมื่อเดินออกมาสามลี้ ิอวี่ก็ให้เฮยจีขึ้นไปบนหลังม้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ออกเดินไป ิอวี่เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “เฮยจี ก่อนหน้านี้เ้าบอกว่าหากข้ามีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกข้าก็จะรักษาอาการของเ้าให้หายขาดได้ แล้วเ้ามีวิธีที่ไปถึงระดับนั้นให้ได้เร็วๆ ไหม?”
“อือ ... ข้ามีอยู่วิธีหนึ่งนะ” เฮยจีพูด
เฮยจีรู้เจตนาของิอวี่ดี ถึงแม้ตอนนี้เขาจะทะลวงไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบแล้ว แต่สำหรับงานประลองของราชสำนักในอีกสองเดือนแล้ว มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!
เพื่อสร้างชื่อให้ตัวเอง เพื่อกลับไปอยู่กับหยางเสวี่ยหรงอีกครั้ง ิอวี่จะต้องแข็งแกร่งขึ้น!
สายตาของิอวี่เป็ประกายแล้วพูดว่า “ไหนลองว่ามาสิ”
“ถึงแม้ระดับลอกคราบกับกระชากิญญาจะต่างกันอยู่หนึ่งระดับ แต่ว่ามันเหมือนูเาน้ำแข็งที่อยู่ในขอบเขตหลุดพ้นปุถุชน”
เฮยจีอธิบายอย่างตั้งใจแล้วพูดว่า “เพราะระดับลอกคราบเป็ระดับสูงสุดทางกายภาพ แต่ระดับกระชากิญญาเป็การเริ่มต้นกับการฝึกจิต หากเ้าคิดอยากจะไปให้ถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกภายในสองเดือน มันแทบเป็ไปไม่ได้เลย เว้นเสียแต่ว่าเ้าจะมีบัวหิมะน้ำแข็ง”
ิอวี่เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “อือ พูดต่อเลย”
เฮยจีพูดว่า “แต่ว่าเ้าก็อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก เพราะบัวหิมะน้ำแข็งเป็ยาล้ำค่าที่มีไว้ให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกระชากิญญาใช้ฝึกทะลวงระดับหลอมความเป็เทพ ซึ่งแน่นอนว่า ผู้แข็งแกร่งในระดับหลอมความเป็เทพเองใช้มันเพื่อเพิ่มพลังจิต เพิ่มพลังฝีมือ”
“หากเ้าสามารถแบกรับความหนาวเย็นของิญญาที่มาจากบัวหิมะน้ำแข็งได้ ไม่แน่ว่าเ้าอาจจะทำมันสำเร็จ”
“ข้อเสนอนี้ให้เต็มร้อยไปเลย” ิอวี่พูด
แม้ว่าเขาจะเข้าใจก็ตาม แต่การจะนำบัวหิมะน้ำแข็งที่มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกระชากิญญาเท่านั้นที่จะสามารถรองรับความหนาวเย็นของมันได้นั้น มาให้กับเขาที่เพิ่งจะทะลวงระดับลอกคราบมาเมื่อครู่ได้ใช้ นั่นก็หมายถึงการเล่นกับชีวิตอยู่
เฮยจีมองไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “อย่างอื่นข้าคิดไม่ออกแล้วนะ”
ิอวี่คิดแล้วพบทางออกทางหนึ่ง แล้วถามว่า “พี่สาวแสนสวยของข้า เ้ารู้ใช่ไหมว่าบัวหิมะน้ำแข็งมันอยู่ที่ไหน?”
“สถานที่ที่มีอากาศหนาวมาก ยอดเขาที่รวบรวมพลังิญญาของฟ้าดินเอาไว้มาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่ดอกบัวหิมะน้ำแข็งจะเกิดขึ้น”
“แล้วคนปกติทั่วไปก็ไม่มีทางได้บัวหิมะน้ำแข็งด้วย เพราะที่ไหนก็ตามที่มีบัวหิมะน้ำแข็งขึ้น รอบๆ บริเวณก็จะมีอากาศที่หนาวเย็นมาก ต่อให้เป็ผู้แข็งแกร่งขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หก คิดอยากจะเข้าใกล้บัวหิมะน้ำแข็งยังยากเลย ยังไม่ทันได้มันมาก็ต้องถอยกันเกือบทุกราย”
“แต่เพราะดวงิญญาของข้าถือว่าเป็ธาตุหยิน ดังนั้น ข้าเลยไม่กลัวอากาศหนาว แต่ว่าสำหรับเ้าที่เป็ผู้ฝึกจะส่งผลอย่างมากเลย”
เฮยจีคิดแล้วพูดว่า “แต่ข้ายังจำได้ว่า มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหัวหยวนจือ หากกินมันเข้าไปแล้วจะสามารถต้านทานความหนาวได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น คิดอยากจะได้บัวหิมะน้ำแข็ง หัวหยวนจือก็เป็ของที่ขาดไม่ได้ ถึงเวลานั้นจะต้องมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ไปแย่งชิงบัวหิมะน้ำแข็ง เ้าอยากจะได้มันมาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”
เมื่อฟังเฮยจีพูดจบ ิอวี่ก็คิดหนัก
ตามที่เฮยจีพูดมา สถานที่ที่หนาวเย็นที่สุดของราชวงศ์ต้าิ จะต้องเป็ทิศเหนือที่อยู่ด้านหน้าวังหลวง เมืองเสวี่ยเยวี่ย!
ส่วนยอดเขาที่รวบรวมพลังิญญาของฟ้าดินเอาไว้มาก ก็มีแค่ยอดเขาเซิ่งหานที่อยู่ในเทือกเขาน้ำแข็งในเมืองเสวี่ยเยวี่ยเท่านั้น ถึงจะมีบัวหิมะน้ำแข็งได้
บัวหิมะน้ำแข็งกับหลิงจือโลหิตแดงนั้นเหมือนกันคือล้วนแต่เป็ยาสมุนไพรล้ำค่า หนึ่งพันปีถึงจะมีสักต้น แต่ว่ามูลค่าของมันต่างกันราวฟ้ากับดิน
หลิงจือโลหิตแดงมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการป่วยของคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่บัวหิมะน้ำแข็งมีสรรพคุณสามารถกระตุ้นศักยภาพทางจิติญญาของผู้ใช้ออกมาได้ในระดับสูงสุด และลอกคราบระดับกระชากิญญาไปยังระดับหลอมความเป็เทพได้
เพราะแบบนี้ ราคาของหลิงจือโลหิตแดงถึงอยู่ที่ห้าล้านเหรียญหยกดำ แต่บัวหิมะน้ำแข็งกลับมีมูลค่าถึงเก้าล้านเหรียญหยกดำ ราคาเกือบสองเท่าของหลิงจือโลหิตแดงเลย
แต่ในความเป็จริงแล้ว เพราะบัวหิมะน้ำแข็งมีมูลค่าสูงมาก จึงเป็ที่้าของกลุ่มอำนาจ สำนัก พรรค และตระกูลใหญ่ต่างๆ ที่อยู่รอบเมืองเสวี่ยเยวี่ย!
พูดกันตรงๆ ก็คือ คิดอยากจะได้บัวหิมะน้ำแข็ง มันยากยิ่งกว่าขึ้น์อีก