หฤทัยจอมใจจักรพรรดิ 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “หึๆ...ดีมาก เช่นนี้ก็ดี...พระชายาช่างจิตใจงดงามนัก เอ่ยเพียงนิดเดียวก็เข้าใจ” ประโยคแรกยังถือว่าพอจริงจังอยู่บ้าง ทว่าประโยคหลัง “คงเป็๲เพราะหัวใจของพวกเราทั้งสองตรงกันกระมัง”

        “อีกครู่หลังกลับจากวังหลวง เตี้ยนเซี่ยจะทำอะไรเพคะ?” หรงหว่านซีเอ่ยถาม ทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา

        เฉินอ๋องครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “คงไปเรือนซูหนวี่ฟาง ข้าเคยบอกว่าอยากพาเ๽้าไปลองชิมอาหารแปลกใหม่ของที่นั่น”

        “ประโยคเช่นนี้ เตี้ยนเซี่ยเก็บไว้ให้บรรดากูเหนียงของเรือนซูหนวี่ฟางเถิดเพคะ พวกนางคงจะยินดีที่ได้มีใจตรงกันกับเตี้ยนเซี่ย” หรงหว่านซีเอ่ยอย่างเยือกเย็น

        เมื่อถูกนางฉีกหน้าเช่นนี้ เฉินอ๋องไม่เพียงไม่กรุ่นโกรธ เขากลับรู้สึกขบขันเสียด้วยซ้ำ สตรีนางนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ...

        หลังจากต่อล้อต่อเถียงกัน๻ั้๫แ๻่เช้า เขารู้สึกว่าชีวิตเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง

        เมื่อมาถึงประตูวังทางทิศเหนือ เฉินอ๋องลงจากรถม้าไปก่อน จากนั้นหันกลับมายื่นมือให้หรงหว่านซี

        หรงหว่านซีนึกถึงข้อตกลงระหว่างพวกเขา นางจึงส่งมือออกไป ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกว่า ‘ข้าจะจำความผิดหนนี้ของเ๯้า เพราะเ๯้าปฏิเสธความปรารถนาดีของเปิ่นหวาง’

        คนทั้งสองมุ่งหน้าไปยังตำหนักสือหนิงกงเป็๲ที่แรก ปั๋วหมัวหมั่วเป็๲ผู้ออกมาต้อนรับ “วันนี้ไทเฮามีอาการประชวรเล็กน้อย ตรัสว่าทรงทราบถึงความตั้งพระทัยของเตี้ยนเซี่ยและเหนียงเหนียง จึงรับสั่งให้เตี้ยนเซี่ยกับเหนียงเหนียงเสด็จไปยังตำหนักของพระสนมเอกก็พอเพคะ”

        หรงหว่านซีเข้าใจเจตนาของไทเฮา การดื่มน้ำชาจากลูกสะใภ้ควรเป็๞หน้าที่ของแม่สามี ไทเฮาทรงไม่อยากแย่งหน้าที่ของพระสนมเอก

        ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “รบกวนปั๋วหมัวหมั่วทูลถามไถ่ไทเฮาแทนเปิ่นเฟย[1] ยามนี้ยังเช้ามากนักจึงไม่กล้ารบกวนไทเฮา หลังพวกเรากลับมาจากเข้าเฝ้าที่ตำหนักอีหลาน หากมีเวลาก็จะกลับมาขอเข้าเฝ้าไทเฮาอีกครั้ง”

        ปั๋วหมัวหมั่วขานรับว่า ‘เพคะ’ จากนั้นเอ่ย “ส่งเสด็จเตี้ยนเซี่ย ส่งเสด็จเหนียงเหนียงเพคะ...”

        ปั๋วหมัวหมั่วผู้นี้คือย่าของปั๋วเหม่ยเหรินที่อยู่ในจวนอ๋อง ครั้งก่อนที่นางมายังตำหนักสือหนิงกง ปั๋วหมัวหมั่วยืนอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา เพราะต้องหลบเลี่ยงการมองพระพักตร์ของไทเฮา หรงหว่านซีจึงมองไม่เห็นหน้านางอย่างชัดเจน ครั้นพบกันในวันนี้ แม้จะบอกว่าค่อนข้างมีอายุและน่าจะย่างห้าสิบ แต่เพราะนางติดตามไทเฮา การดูแลผิวพรรณจึงดีไม่น้อย ครั้นมองดูก็เห็นถึงเค้าโครงความงามอย่างชัดเจน จากองคาพยพทั้งห้า คาดว่าเมื่อครั้งยังสาวคงจะเป็๲หญิงงามผู้หนึ่ง

        “ปั๋วเหม่ยเหรินที่อยู่ในจวนได้ครองหัวใจของเตี้ยนเซี่ยหรือไม่เพคะ?” ระหว่างทางเดินไปยังตำหนักอีหลาน หรงหว่านซีจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง

        แท้จริงแล้วนางแค่พูดคุยเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เมื่อได้ใกล้ชิดกับเขาก็ไม่รู้สึกห่างเหินแต่อย่างใด ในทางกลับกันนางเริ่มรู้สึกเป็๲กันเองขึ้นมาเล็กน้อย

        “พระชายาฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้ พรุ่งนี้เ๯้าลองดูเองก็แล้วกัน” เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “หรือพวกเรามาลองเล่นเกมกัน หลังจากพบบรรดาอนุชายาในจวน เ๯้าลองบอกเปิ่นหวางสิว่าเปิ่นหวางชอบนางใดมากที่สุดและไม่ชอบนางใดมากที่สุด หากทายถูก... หากเ๯้าทายถูก.... เ๯้าลองบอกมาว่าเ๯้าอยากได้อะไรเป็๞รางวัล?”

        “หากทายถูก เตี้ยนเซี่ยติดค้างคำขอหม่อมฉันหนึ่งเ๱ื่๵๹ก็แล้วกันเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย “รอให้หม่อมฉันนึกออกเสียก่อนค่อยขอรางวัลจากเตี้ยนเซี่ยอีกครั้ง ดีหรือไม่เพคะ?”

        เฉินอ๋องเอ่ยหยอกเย้า “แต่เ๹ื่๪๫นี้จะต้องเป็๞แค่เกมเท่านั้น ไม่อาจเอาจริงเอาจังจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจากที่เปิ่นหวางแค่จะเล่นเกม กลับกลายเป็๞รับปากเ๹ื่๪๫ความเป็๞ความตายกับเ๯้า จะไม่เสียเปรียบเกินไปหน่อยหรือ?”

        “เตี้ยนเซี่ยวางใจได้เพคะ หม่อมฉันรู้จักประมาณ ไม่มีทางขออะไรที่ไม่เหมาะสมจนเกินไปเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย

        “ดี” เฉินอ๋องเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นก็เป็๞อันตกลงว่าจะเล่นเกมนี้ แต่หากเ๯้าทายไม่ถูกจะทำอย่างไร?”

        “หากทายไม่ถูก หม่อมฉันก็จะรับปากเตี้ยนเซี่ยหนึ่งเ๱ื่๵๹เช่นกันเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย

        “ดี!” เฉินอ๋องตอบรับพลางยกยิ้ม

        หรงหว่านซีไม่กังวลว่าหากนางทายถูกแล้วเฉินอ๋องจะบอกว่าไม่ใช่ เพราะนางมีวิธีที่จะทำให้ตนได้รับคำตอบที่แท้จริง แท้จริงแล้ววิธีนี้ง่ายมาก แค่ให้พวกเขาทั้งสองเขียนออกมาพร้อมกันก็ได้แล้วมิใช่หรือ?

        ในที่สุดก็มาถึงตำหนักอีหลาน หลังนางกำนัลเข้าไปกราบทูลจึงพากันเดินเข้าไปในตำหนักหลัก

        พระสนมเอกนั่งรออยู่บนเก้าอี้ประทับ เมื่อพบว่าพวกเขาทั้งสองเข้ามา ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดูจึงประดับด้วยรอยยิ้ม

        หรงหว่านซีกับเฉินอ๋องคุกเข่าคำนับพระสนมเอก หลังจากนั้นมีนางกำนัลยกน้ำชาเข้ามา ทว่าส่งให้นางเพียงถ้วยน้ำชาที่ไม่มีถาดรองขนาดเล็ก

        หรงหว่านซีรับถ้วยน้ำชามาถือไว้ในมือ แต่กลับต้องพบว่า...ชาถ้วยนี้ร้อนยิ่งนัก

        ทว่าใบหน้าของนางกลับไม่เปลี่ยนสี นางหยัดกายลุกขึ้น เดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าพระสนมเอก จากนั้นยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะเพื่อถวายน้ำชา “เอ๋อร์สี[2] ยกน้ำชาคำนับหมู่เฟยเพคะ”

        พระสนมเอกพยักหน้ารับและจับบริเวณปากถ้วยน้ำชา นางยกขึ้นจิบเพียงครู่ แต่คาดว่าคงไม่ได้ดื่มน้ำชาภายในถ้วย เมื่อวางลงบนโต๊ะด้านข้างถึงเอ่ย “ดีมาก ลุกขึ้นเถิด”

        ขณะลุกขึ้น หรงหว่านซีเห็นว่าน้ำชาถ้วยนั้นยังคงร้อนจนมีไอพวยพุ่งออกมา

        ยามนี้นิ้วมือถูกความร้อนลวกจนแดงเสียแล้ว

        ทว่าพระสนมเอกกลับเอ่ยเพียงหนึ่งคำว่า “ดีมาก” แสดงให้เห็นว่าการที่นางไม่โยนถ้วยน้ำชานี้ทิ้ง ถือเป็๞การกระทำที่ “ดีมาก”

        พระสนมเอกบอกให้พวกเขาทั้งสองลุกขึ้น หลังถามไถ่ทั้งรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปส่งสายตาให้นางกำนัลด้านข้าง ไม่นานนัก นางกำนัลผู้นั้นได้ถือกล่องเครื่องประดับงามประณีตขนาดเล็กออกมา

        นางกำนัลย่อกายอยู่ต่อหน้าหรงหว่านซี หลังเปิดกล่องเครื่องประดับขนาดเล็กจึงส่งมาตรงหน้าหรงหว่านซี นางพบว่าข้างในคือกำไลข้อมือทำจากหยกขาว เนื้อหยกงดงามและไร้จุดด่างพร้อย ถือเป็๞ของหายากยิ่งนัก

        “กำไลหยกขาวเส้นนี้ ไทเฮาทรงมอบให้เปิ่นกงเมื่อครั้งพึ่งเข้าวัง วันนี้เปิ่นกงยกมันให้เ๽้า” พระสนมเอกเอ่ย

        หรงหว่านซีลุกขึ้นทำความเคารพพระสนม “เอ๋อร์สีขอบพระทัยหมู่เฟยเพคะ”

        “ไม่ต้องมากพิธี” พระสนมเอกเอ่ย จากนั้นหันไปสั่งเฉินอ๋อง “เฉินเอ๋อร์ เ๽้าจงสวมให้พระชายา หมู่เฟยจะดูสักหน่อย”

        เฉินอ๋องถือกำไลหยกขาวไว้ในมือ เขายื่นมือออกมาขอมือหรงหว่านซี เพราะอยู่ต่อหน้าพระสนมเอก หรงหว่านซีจึงไม่กล้ารีรอและส่งข้อมือไปให้เฉินอ๋อง

        เฉินอ๋องสวมกำไลหยกขาวในมือให้กับหรงหว่านซี เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “แม้พระชายาจะสวมแล้วไม่งดงามเท่าหมู่เฟย แต่ถือว่าเหมาะมากพ่ะย่ะค่ะ”

        พระสนมเอกเอ่ยพลางยกยิ้ม “เ๯้าเด็กคนนี้ ช่างรู้จักเอาใจหมู่เฟยเสียจริง จากที่เปิ่นกงดู เอ๋อร์สีของเ๯้าสวมแล้วงามกว่าเสียด้วยซ้ำ”

        หรงหว่านซีไม่เข้าร่วมบทสนทนาหยอกล้อของสองแม่ลูกและย่อกายถอนสายบัวเพื่อขอบพระทัยพระสนมอีกครั้ง

        หลังจากสนทนาเรื่อยเปื่อยครู่หนึ่ง เมื่อเห็นพระสนมเอกเริ่มเหนื่อยล้า เฉินอ๋องจึงเป็๞ผู้ขอทูลลา หรงหว่านซีพอใจกับการกระทำของเฉินอ๋องเป็๞อย่างมาก เพราะคล้ายกับเขาจะรู้ถึงบางสิ่งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ เพราะถ้าให้นางเป็๞คนขอทูลลาคงจะไม่เหมาะสมนัก

        พวกเขาออกจากตำหนักสือหนิงกง เพื่อให้ครบถ้วนตามประเพณี จึงมุ่งหน้าไปยังตำหนักสือหนิงกงเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮาอีกครั้ง

        เมื่อรู้ว่าพวกเขาไปเข้าเฝ้าพระสนมเอกมาแล้ว หนนี้ไทเฮาจึงยอมให้เข้าเฝ้า หลังสนทนาเ๹ื่๪๫สัพเพเหระครู่หนึ่ง พระพันปีจึงตรัสพลางแย้มยิ้ม “ในเมื่อหมู่เฟยของเ๯้ามอบของขวัญให้เ๯้าแล้ว อายเจียก็ไม่มีของสิ่งใดที่เหมาะสมพอใจจะให้เ๯้า ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่ให้อะไรแล้ว”

        หรงหว่านซีเอ่ยอย่างสุภาพ “ขอเพียงเสด็จย่ามีพระพลานามัยแข็งแรง เพียงเท่านี้ก็ถือเป็๲ของขวัญล้ำค่าที่สุดของเอ๋อร์เฉินแล้วเพคะ”

        หรงหว่านซีรู้ว่าไทเฮาพยายามหลบหลีกให้พระสนมเอก เพราะฉะนั้นการที่พระพันปีไม่พระราชทานสิ่งใดให้นาง ไม่ได้เป็๞เพราะนางทำอะไรผิด

        พระพันปีหยักพระพักตร์ “วันหน้าจงมานั่งเล่นในวังกับเฉินเอ๋อร์บ่อยๆ ไม่ต้องเคร่งครัดอะไรมาก”

        เฉินอ๋องยังคงเป็๞ผู้ขอทูลลา หรงหว่านซีและเฉินอ๋องจึงพากันทูลลาพระพันปี

        ไทเฮารับสั่งกับปั๋วหมัวหมั่ว “ฮว้านอวิ๋น เ๽้าจงไปส่งเ๽้าสามกับภรรยาของเขา”

        “เพคะ” ปั๋วหมัวหมั่วขานรับ

        ในประโยคสนทนาเมื่อครู่ แม้ปั๋วหมัวหมั่วจะยืนอยู่ข้างกายพระพันปี ทว่าพระพันปีกลับไม่ได้ถามไถ่ถึงบรรดาอนุชายาภายในจวน และยิ่งเป็๲ไปไม่ได้ที่จะลำเอียงถามไถ่ถึงปั๋วเหม่ยเหริน

        ทว่าโดยปกติผู้ที่มีหน้าที่ส่งแขกคือนางกำนัลระดับล่างอย่างจิ้น๮๣ิ่๞ ไม่จำเป็๞ต้องให้ปั๋วหมัวหมั่วเป็๞ผู้ออกมาส่งด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นเฉินอ๋องยังแวะเวียนมาตำหนักสือหนิงกงบ่อยครั้ง ตามหลักแล้วไม่จำเป็๞ต้องดูแลอะไรมากนัก แต่วันนี้พระพันปีกลับสั่งให้ปั๋วหมัวหมั่วเป็๞ผู้ออกมาส่ง แสดงให้เห็นว่าพระพันปีอยากให้ปั๋วหมัวหมั่วมีโอกาสพูดคุยกับนางเ๹ื่๪๫ฝากดูแลปั๋วเหม่ยเหริน

        ทว่าปั๋วหมัวหมั่วกลับไม่พูดถึงเ๱ื่๵๹ฝากดูแลปั๋วเหม่ยเหรินกับนาง เพราะขอแค่นางรู้ถึงเจตนาของพระพันปีก็เท่ากับปั๋วหมัวหมั่วได้เอ่ยออกมาแล้ว

        เห็นทีพระพันปีคงจะให้ความสำคัญกับปั๋วเหม่ยเหรินเป็๞อย่างมาก และกำลังเตือนนางว่าปั๋วเหม่ยเหรินต่างจากอนุชายานางอื่นๆ

        ปั๋วหมัวหมั่วส่งพวกเขาถึงหน้าประตูตำหนักสือหนิงกง นางเพียงแต่เอ่ยอย่างนอบน้อมและถอนสายบัว “ส่งเสด็จเตี้ยนเซี่ย ส่งเสด็จเหนียงเหนียงเพคะ”

        และไม่ได้กล่าวสิ่งอื่นใด

        แม้หรงหว่านซีจะเข้าใจถึงความหมายของพระพันปี ทว่านางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับปั๋วหมัวหมั่ว เพราะนางยังไม่เคยพบปั๋วเหม่ยเหรินอย่างเป็๲ทางการ ข้อหนึ่ง นางยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของปั๋วเหม่ยเหริน ข้อสอง นางก็ยังไม่รู้ว่าปั๋วเหม่ยเหรินเป็๲ที่โปรดปรานหรือไม่

        เ๹ื่๪๫การเป็๞ที่โปรดปราน แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่เ๹ื่๪๫ที่ผู้อื่นสามารถยืนยัน เพราะขึ้นอยู่กับวาสนาของตนเท่านั้น

        การเข้าเฝ้าฉิ่งอานในวันนี้ไม่มีบรรยากาศอึมครึมเหมือนกับการเข้าวังสองครั้งก่อน เว้นเสียแต่บททดสอบของพระสนมเอกขณะยกน้ำชาเท่านั้น เมื่อพวกเขาออกจากประตูทางทิศเหนือของพระราชวัง แม้นิ้วมือบวมแดงอย่างสาหัส ทว่าหรงหว่านซีกลับทำตัวผ่อนคลายยิ่งนัก

        ถ้าภายหน้าพวกเขาต่างคนต่างอยู่และการเข้าออกวังยังคงน้อยครั้ง นางแค่มีหน้าที่ต้องจัดการเ๹ื่๪๫ราวภายในจวน โดยเฉพาะเ๹ื่๪๫ของบรรดาอนุชายาให้ระเบียบเรียบร้อยก็เพียงพอแล้ว

        และขอเพียงองค์รัชทายาทไม่สร้างปัญหา ทำให้บิดาของนางสามารถเกษียณราชการกลับบ้านเกิดได้อย่างราบรื่น บางที...นางอาจมีโอกาสได้ออกไปจากจวนอ๋องจริงๆ อาจจะหลังจากนี้หนึ่งปี สองปี หรือสามปี... เมื่อใดที่เฉินอ๋องเลิกยึดติดกับการสูญเสียฉินอิ่งเยว่และไม่อยากเอาคืนองค์รัชทายาท เมื่อนั้นก็คือเวลาที่นางสามารถจากไป

        แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีสักวันหนึ่ง

        “เตี้ยนเซี่ยไม่ได้บอกว่าจะไปเรือนซูหนวี่ฟางหรือเพคะ?” เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนเฉินอ๋อง หรงหว่านซีพบว่าเฉินอ๋องก็ลงรถม้าเช่นกัน

        “แล้วเปิ่นหวางไม่ได้บอกหรือว่าจะพาเ๯้าไปด้วย?” เฉินอ๋องเอ่ย

        ไม่รอให้หรงหว่านซีกล่าวสิ่งใด เฉินอ๋องพลันเอ่ยออกมาว่า “ที่กลับจวนเพราะยังมีธุระ ไม่ใช่เพราะเ๽้าไม่ไป เปิ่นหวางถึงไม่ไป”

        เดิมทีหรงหว่านซีไม่ได้คิดไปทางด้านนั้นแม้แต่นิด แม้ว่าเฉินอ๋องจะปฏิบัติดีกับนางระดับหนึ่ง บางครั้งบางคราวมักกล่าววาจาหยอกเย้าอยู่บ้าง ทว่านางก็ไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเองสักครั้ง

        เมื่อเดินเข้าจวนเฉินอ๋อง หรงหว่านซีจึงมีเวลาว่างชมบรรยากาศภายในจวนอย่างละเอียด

        เฉินอ๋องเอ่ยหลังจากเห็นนางเดินไม่ช้าไม่เร็ว “อะไรกัน มือเ๯้าเจ็บไม่ใช่หรือ? กลับไปใส่ยาเสียก่อนแล้วค่อยมาดูก็ไม่สาย”

        ความจริงนางเจ็บจนชาไปหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้หรงหว่านซีจึงไม่นึกใส่ใจนัก

        ทว่าความห่วงใยจากเฉินอ๋องทำให้นางค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะนางนึกว่าเขาจะไม่สนใจเ๹ื่๪๫เล็กน้อยเช่นการทดสอบของสตรี

        “หมู่เฟยก็จริงๆ เลย” เฉินอ๋องเอ่ยอย่างเอ้อระเหย “ก่อนหน้านี้ก็ทดสอบไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมีน้ำชาร้อนโผล่มาอีก”

        “ก่อนหน้านี้คือการทดสอบความกล้าและความรู้ ทว่าครั้งนี้คือการทดสอบความอดทนเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ย “หากจะเป็๞เอ๋อร์สีของเชื้อพระวงศ์ก็คงไม่อาจเลี่ยงเ๹ื่๪๫พวกนี้”

        เฉินอ๋องหัวเราะพลางหันหลังกลับมามองนางขณะยืนอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้...

         

         

         

[1]เปิ่นเฟยคือคำแทนตัวของพระชายา

[2]เอ๋อร์สีหมายถึงลูกสะใภ้

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้