่บ่ายหูฉางหลินและหูฉางกุ้ยลากหมูสองตัวกลับมา เชือดหมูสองตัวรวดเดียว ในมือคนทั้งสองบ้านรวมกับจางซื่อก็ยุ่งไม่ได้หยุดพักมาตลอด
ผ่านการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ [1] มา ไม่กี่วันก็ฝนเริ่มตก [2] พอผ่านฝนเริ่มตกมาอุณหภูมิของอากาศเริ่มกลับมาสูงขึ้นช้าๆ น้ำแข็งหิมะค่อยๆ ละลาย ฝนที่ตกลงมาก็จะมากขึ้น
เมื่อถึงตอนนั้นสภาพอากาศไม่เหมาะสมแล้ว อาหารหมักไม่เหมาะให้ทำอีก ดังนั้นไม่กี่วันมานี้จำเป็ต้องเร่งทำตามรายการสั่งซื้อทั้งหมดของสือหลี่เซียง ถือโอกาสก่อนที่ฝนจะตก ผึ่งแดดอาหารหมักทั้งหมดให้ทั่วถึงแล้วขึ้นแขวนตากลมให้แห้ง
ยามนี้หวังซื่อก็มาช่วยอยู่บ้างสักชั่วยามสองชั่วยาม เชือดหมูสองตัวไม่ใช่แค่ต้องหั่นเนื้อ ยังต้องกรอกไส้อั่วเื ทำความสะอาดเครื่องในจำพวกปอดหมู กระเพาะหมู หัวใจหมู ตับหมู ไส้เล็ก ไส้ใหญ่ด้วย พอทำความสะอาดเสร็จอันไหนควรหมักก็หมัก อันไหนควรพะโล้ก็ทำพะโล้ แค่งานเหล่านี้ถ้าไม่ได้สองคนออกแรงช่วยกันก่อนท้องฟ้าจะมืดก็ทำไม่เสร็จ
หวังซื่อกับชุ่ยจูอยู่ในห้องครัวยุ่งอยู่กับขั้นตอนที่จุกจิกเหล่านี้
ในห้องโถง บนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเก่าสองตัว เนื้อหมูชิ้นใหญ่กองซ้อนกันไว้อยู่ในกะละมังไม้ด้านข้าง ทางด้านนี้เป็หูฉางหลินกับหูฉางกุ้ยกำลังหั่นเนื้อหมูสามชั้นที่ต้องใช้ทำเนื้อตากแห้งก่อน แล้วค่อยเราะเอาหนังหมูบนเนื้อหมูที่เหลือออกไป สุดท้ายหั่นเนื้อเป็เส้นแบ่งใส่มือแต่ละคน
หลี่ซื่อ จางซื่อ เจินจูและหลัวจิ่งก็ยุ่งกับการหั่นเนื้อให้กลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขียงกับมีดทำกับข้าวที่หั่นเนื้อหมูในมือจางซื่อ ล้วนเป็ของที่ถือมาจากบ้านตนเอง วันนี้คนที่ใช้เขียงและมีดของสกุลหูมากเกินไป จางซื่อเลยกลับไปหยิบของที่บ้านตนเองมาใช้ให้สะดวกยิ่งขึ้น
เสียง “ฉึกๆๆ” ภายในห้องดังติดต่อกันเป็ระยะๆ เนื้อละเอียดในกะละมังไม้ค่อยๆ พูนมากขึ้น ปริมาณหมูสองตัวไม่ใช่เื่เล่นเลย ก่อนฟ้ามืดยังไม่รู้ว่าจะหั่นเสร็จหรือไม่
เจินจูหั่นเนื้อหมูอย่างใจลอยเล็กน้อย หั่นขึ้นลงราวกับเครื่องจักรก็ไม่ปาน การกระทำจึงช้าลงนิดหน่อย
“เจินจู เ้าเหนื่อยแล้วหรือ?” หลี่ซื่อที่มองอยู่ถามขึ้นด้วยความเป็ห่วง “หากเหนื่อยก็ไปพักก่อน พวกนี้เดี๋ยวแม่หั่นเอง”
พอกล่าวออกมา คนในห้องล้วนมองมาทางนาง
“อ่า… เปล่าเ้าค่ะ ข้าไม่เหนื่อยแค่คิดเื่ท่านอาหงยู่ ท่านอาหงยู่น่าสงสารเกินไปแล้ว ถูกตีจนกลายเป็เช่นนั้น ในหมู่บ้านก็ไม่มีผู้ใดกล้าไปโต้เถียงกับเหลียงหู่ผู้นั้น” ตอนเที่ยงแม้หัวหน้าหมู่บ้านจะไปเยี่ยมจ้าวหงยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บอกเื่ทวงความเป็ธรรมแทนนางออกมา แม้เหล่าชาวไร่ชาวนาในใจจะไม่ยอมและรู้สึกโมโห แต่ไม่มีเลยสักคนที่จะกล้าออกมาทำจริงๆ
“เฮ้อ นั่นจะโทษทุกคนไม่ได้ เหลียงหู่ผู้นั้นเป็คนมุทะลุดุดันโหดร้ายและไร้เหตุผล แล้ววิธีการยังร้ายกาจอีกด้วย ไม่ใช่เพียงในหมู่บ้านพวกเราที่ไม่กล้าไปกวนโมโหเขา หมู่บ้านข้างๆ ก็มีคนที่โดนเขาเอาเปรียบไม่น้อย แต่ก็ล้วนไม่มีวิธีจัดการ” หวังซื่อหั่นเนื้อไปด้วยส่ายศีรษะไปด้วย
นี่เป็เื่ที่นางได้ยินเมื่อตอนกลางวัน เฮ้อ จะมีวิธีอะไรได้ ความหยาบคายของเหลียงหู่ก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว คนมากเท่าไรที่ถูกเขาเอาเปรียบ ผู้ที่เกลียดเขาเข้ากระดูกดำยิ่งมีจำนวนไม่น้อย คนมากมายเท่าไรอยากจะเก็บกวาดเขาทั้งในที่ลับและที่แจ้ง แต่สุดท้ายส่วนใหญ่ก็ล้มเหลวกลับมา
“เจินจูเอ๋ย ไม่ใช่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเราไม่อยากจัดการ เหลียงหู่เป็คนที่หาเื่ไม่ได้จริงๆ ตอนข้ากับพ่อเ้าไปรับหมูที่หมู่บ้านเหลียงผิง เคยได้ยินคนในหมู่บ้านกล่าวกันว่าเหลียงหู่ผู้นั้นจิตใจอำมหิต ลงมือโเี้เฉียบขาด คนในหมู่บ้านพวกเขาเองล้วนกลัวกันจนไม่รู้จะกลัวอย่างไรแล้ว พอเห็นเขาจากที่ไกลๆ ก็ล้วนพากันเดินอ้อมไป หลายปีมานี้ผู้ที่กล้าหาญไปหาและโต้เถียงถึงหน้าประตูได้ ก็มีร่างกายไม่สมบูรณ์ถอยกลับมา อย่างเบาถูกตีสักที อย่างหนักแขนขาหักถูกหามกลับไป” หูฉางหลินถอนหายใจ
ทันทีหลังจากนั้นก็กล่าวเสียงเบาอีกว่า “ข้ายังได้ยินมาอีก เพราะชาวบ้านหมู่บ้านข้างเคียงไปร้องแก่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงผิงที่นั่น หัวหน้าหมู่บ้านพวกเขากับผู้นำในตระกูลกลุ่มหนึ่งก็ไปบ้านเหลียงหู่พร้อมกัน คิดจะให้เหลียงหู่สำรวมขึ้นเสียหน่อย อย่าทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านเหลียงผิงเสื่อมเสีย แต่ผลสุดท้าย วันต่อมาบุตรชายคนเล็กของหัวหน้าหมู่บ้านก็ตกเนินเขาขาหัก ห่างจากนั้นไม่กี่วัน คนในบ้านของผู้นำตระกูลสองสามคนไม่ใช่ศีรษะกระแทกแตกก็เป็หกล้มลงไปมือหัก ั้แ่นั้นมาในหมู่บ้านเหลียงผิงก็ไม่มีคนกล้าไปกล่าวอะไรกับเหลียงหู่อีกเลย”
คำพูดของหูฉางหลินทำให้คนในบ้านฟังแล้วตกตะลึงตาค้างพูดอะไรไม่ออกเล็กน้อย
“มีครั้งหนึ่ง พวกเราลากหมูผ่านทางเข้าหมู่บ้านพวกเขา เดิมทีทางเข้าหมู่บ้านมีชาวบ้านอยู่บ้าง จู่ๆ ได้ยินคนะโเบาๆ หนึ่งเสียงว่าเหลียงหู่มาแล้ว ชาวบ้านเ่าั้กระจัดกระจายกันไปรอบทิศทันที ถนนกว้างโล่งเลยเหลือเกวียนวัวของพวกเราเล่มเดียว เห็นว่ามีเงาของคนร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่หนึ่งคนออกมาจากทางแยกอีกฝั่งหนึ่ง ตอนนั้นข้ากับพ่อเ้าใจนมือเท้าเย็นไปหมด โชคดีนักที่ท่านลุงของเ้าฉลาดเฉียบแหลม จูงเกวียนวัวเปลี่ยนทิศทางหลบอยู่หลังบ้านหนึ่งหลัง รอให้เ้าคนโเี้และใจดำอำมหิตนั่นไปไกลแล้ว พวกเราถึงเร่งรีบจากมา เฮ้อ... หลังจากครั้งนั้น พวกเรายอมวิ่งไปไกลสักหน่อยดีกว่า ไม่กล้าไปรับหมูเป็ๆ ในหมู่บ้านเหลียงผิงอีกเลย ดีที่ว่าครอบครัวป้าสะใภ้เ้าอยู่ห่างจากบ้านของเขาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะเลี่ยงไม่ไปข้องแวะกับคนจิตใจโเี้เช่นนี้เข้า” หูฉางหลินกล่าว ในใจยังคงมีความหวาดกลัวอยู่แม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้ว
หูฉางกุ้ยที่ใบหน้าสีเหมือนดินนั่งอยู่ด้านข้างพยักหน้าคล้อยตามอยู่เป็ระยะๆ
บัดซบ! เหลียงหู่ผู้นี้ปะปนอยู่ในรังโจรมาหรือ? ไม่คิดเลยว่าเที่ยวใช้อำนาจระรานไปทั่วเช่นนี้ แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านกับผู้นำตระกูลก็ล้วนกล้าทำสิ่งเลวร้ายลับหลังอย่างเปิดเผย
“นี่ พ่อเ้า ห้ามไปหมู่บ้านเหลียงผิงนั่นอีกนะ หากชนเข้ากับเหลียงหู่ผู้นั้นอาจซวยเอาได้” หลี่ซื่อใจนใบหน้าซีดขาว รีบกล่าวกำชับหูฉางกุ้ยทันที
“ไม่ไปๆ ตอนนี้พวกข้าไปรับหมูทางฝั่งหมู่บ้านเกาเหยียน ห่างไปไกลมาก ไม่เป็ไรหรอก” หมู่บ้านเกาเหยียนห่างจากหมู่บ้านวั้งหลินเล็กน้อย แต่ด้วยร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงบึกบึนของวัวน้อยสกุลหู การเดินของมันเร็วกว่าเกวียนวัวทั่วไปไม่น้อย ดังนั้นไม่ทำให้เสียเวลามากเท่าไร
“เช่นนั้นก็ดี” หลี่ซื่อสีหน้าผ่อนคลายลง หลังจากนั้นถามขึ้นมาอีกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “บ้านของเหลียงหู่นั่น ไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่จัดการหรือ?”
“บิดาของเขาเสียไปนานแล้ว มารดาเขาเลี้ยงสองพี่น้องให้เติบโตขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว เหลียงหู่เป็คนตัดสินใจด้วยตัวเองั้แ่ยังเด็ก มารดาของเขาจะจัดการได้ที่ไหน น้องชายของเหลียงหู่ผู้นั้นก็กลัวเขาเช่นกัน ยามปกติสองแม่ลูกต่างก็ก้มหน้าก้มตาเอาแต่ดูแลที่นาไม่กี่ผืนนั่น ไม่มีผู้ใดกล้าจัดการเหลียงหู่” การกระทำในมือหูฉางหลินไม่ได้หยุดพัก ตัดเนื้อหมูกับหนังหมูแบ่งออกมาด้วยความคล่องแคล่ว
“ได้ยินคนในหมู่บ้านพวกเขากล่าวกันว่า ตอนหงยู่เพิ่งแต่งงานออกไป เหลียงหู่ยังดีกับนางอยู่มาก แต่หลังผ่านไปครึ่งปีก็ไม่ดีอย่างนั้นแล้ว หลังเริ่มดื่มจนเมาจะทั้งตีทั้งด่า ต่อมาตอนสร่างแล้วก็ยังทั้งตีทั้งด่าอยู่ มารดาทนดูไม่ได้ช่วยพูดอยู่สองสามประโยค แม้แต่มารดาเขาเองเหลียงหู่ก็ด่าไปด้วย” หูฉางหลินหยุดเล็กน้อยจึงกล่าวต่อ
“ภายหลังเหลียงหู่สร้างบ้านใหม่ มารดาเขากับน้องชายกลับไม่กล้าอยู่ร่วมกับเขา ยังคงอยู่บ้านเดิมของบรรพบุรุษที่ทั้งเก่าและโทรม ความเป็อยู่ของหงยู่ยิ่งเป็ทุกข์ขึ้นไปอีก คนในหมู่บ้านมักได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนาของหงยู่ แต่ผู้ใดก็ล้วนไม่กล้าเข้าไปช่วย” หูฉางหลินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ มือที่กำมีดอยู่ออกแรงหนักขึ้น “เฮ้อ บาปกรรมนัก เดิมทีหงยู่เป็เด็กสาวที่ดีตั้งเท่าไร ถูกชายโฉดผู้นั้นทรมานเกือบตายมากเพียงนั้น ปีก่อนก็ถูกตีจนนอนอยู่บนเตียงเดือนกว่า ตอนนี้เป็เช่นนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยชีวิตกลับมาได้หรือไม่”
“ก็ไม่ใช่เพราะเช่นนั้นหรือ เพื่อบุตรสาวที่มีชีวิตอาภัพเช่นนี้ มารดาของหงยู่ร้องไห้เกือบจะดวงตาบอดอยู่แล้ว” จางซื่อดวงตาแดงน้ำตารื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเห็นใจ “ทำไมถึงได้มีบุรุษใจดำอำมหิตได้เช่นนี้กัน ปีนั้นหงยู่ของหมู่บ้านพวกเราเป็เด็กสาวรูปงามตั้งเท่าไร เขาลงมือกับนางได้อย่างไร ถึงได้ทุบตีคนจนกลายเป็เช่นนี้ได้”
นี่เหลียงหู่เป็ชายโฉดอันธพาลที่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านจริงๆ การกระทำในมือของเจินจูช้าลง “เช่นนั้น ไม่มีคนไปที่อำเภอเพื่อแจ้งทางการหรือเ้าคะ?”
คำพูดเพิ่งจบลง ภายในห้องเงียบไปชั่วขณะ สายตามองมาที่ร่างกายของนางเป็จุดเดียว
นางกล่าวอะไรผิดหรือ? ดวงตาเจินจูกวาดผ่านทุกคนด้วยความงงงวย
“เอ่อ แค่ก…” หูฉางหลินไอแห้งกลบเกลื่อนเล็กน้อย “ล้วนเป็ปัญหาการชกต่อยตีกันกรณีพิพาทในหมู่บ้าน ไม่สูงถึงขั้นต้องตีกลองร้องทุกข์ ยิ่งไปกว่านั้นเหลียงหู่ผู้นั้นฉลาดเฉียบแหลมมากนัก ตีคนล้วนไม่ตีให้พิการหรือาเ็ในที่โล่งแจ้ง แต่จะลงมืออย่างโเี้ในที่ลับ ไม่ได้จับให้คาหนังคาเขา ไม่มีพยานหลักฐานบอกว่าเขาเป็ผู้กระทำ จึงไม่มีผู้ใดวิ่งไปแจ้งคดีที่ศาลาว่าการของอำเภอจริงๆ”
“…”
กล่าวมาจนสุดท้ายแล้วก็เป็การแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจนของสังคมยุคโบราณ ชาวไร่ชาวนามีความหวาดกลัวต่อฝ่ายทางการ ส่วนใหญ่เป็ความหวาดกลัวการไปติดต่อเื่ต่างๆ ยินยอมเสียเปรียบหาทางออกกันเองและไม่ยอมไปฟ้องร้องที่ศาลาว่าการ
“ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเหลียงหู่รู้จักคนที่อยู่ศาลาว่าการอำเภอ” หูฉางหลินกล่าวเสียงเบา “บอกว่าสนิทสนมกับทหารบางนายในอำเภอมาก เลยไม่เกรงกลัวว่าผู้อื่นจะไปฟ้องร้องเขา”
นี่เป็การอาศัยเส้นสายอำนาจนี่ มิน่าเล่าถึงได้กำเริบเสิบสานเพียงนี้
เจินจูดวงตาทอประกายแวบหนึ่ง สมองคิดอะไรได้ทันที
“ท่านลุง เหลียงหู่ผู้นั้นทำงานอะไรหรือเ้าคะ?” นางเอ่ยถาม
“ช่วยบ่อนการพนันในเมืองเฝ้าพื้นที่และทำร้ายคน เขาต่อสู้เก่งแล้วก็ดูจะทำได้ดีมากด้วย มีลูกสมุนไม่น้อย นี่ก็เป็สาเหตุที่ทุกคนโดนเอาเปรียบและไม่กล้าเป็ศัตรูกับเขา ว่ากันว่าลูกน้องไม่กี่คนนั่นของเขาล้วนเป็อันธพาลชั้นกลางที่มีชื่อเสียงในเมือง ในมือไม่รู้ว่าทำผิดมากี่คดีแล้ว” หูฉางหลินกล่าวแล้วลดเสียงลง น้ำเสียงมีความหวาดกลัว “ได้ยินว่ายังมีคดีฆาตรกรรมคนมาด้วยนะ!”
“คดี คดีฆาตรกรรมคน?” หลี่ซื่อมือสั่น ใจนใบหน้าซีดเผือด “นั่นไม่ใช่ความผิดฐานฆ่า ฆ่าคนตายหรอกหรือ?”
“พี่ใหญ่!” หูฉางกุ้ยเห็นดังนั้น รีบร้อนเรียกหูฉางหลินหนึ่งที
“อ่า… เอ่อ… ฮ่าๆ นี่ล้วนเป็ได้ยินมา ไม่แน่ว่าจะเป็ความจริงหรอก” หูฉางหลินหัวเราะหน้าเหยเก สำนึกได้ว่าตนเองไม่ควรกล่าวเช่นนี้ออกมาต่อหน้าสตรีและเด็ก
เจินจูขมวดคิ้วทันที ในใจแอบวางแผนอย่างลับๆ หมู่บ้านเหลียงผิงห่างกับหมู่บ้านวั้งหลินใกล้เพียงนี้ ตอนนี้เ้าหงยู่ก็พักรักษาอาการาเ็อยู่บ้านบิดามารดาของนางอีก ไม่ช้าก็เร็วเหลียงหู่ผู้นี้ต้องมาเอาคนในหมู่บ้านกลับไป ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะใจดีไม่ได้แล้ว
หลัวจิ่งหั่นเนื้อด้วยสีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอด มีเพียงบางครั้งที่เงยหน้ามามองเจินจูที่การกระทำช้าลงและคิ้วขมวดแน่นขึ้น
ปริมาณหมูสองตัวทำให้สกุลหูทั้งบ้านยุ่งจนถึงยามที่ต้องจุดตะเกียงน้ำมัน
คลึงข้อมือที่ปวดเมื่อยเล็กน้อย เจินจูรับตะกร้าที่หวังซื่อยื่นส่งมา ในตะกร้ามีไส้อั่วเืหนึ่งถ้วยใหญ่ หนังหมูสองชิ้นใหญ่ ไขมันหมูหนึ่งชิ้นกับหางหมูหนึ่งท่อน วันนี้ปริมาณเนื้อหมูมีมาก ตอนก่อนที่จางซื่อจะทำงานเสร็จ หวังซื่อจึงมีใจอยากจะเพิ่มเติมให้นางเล็กน้อย
จางซื่อบ่ายเบี่ยงไม่ได้เลยรับตะกร้ามา โบกมือลาสกุลหูด้วยความเบิกบานใจ ไขมันหมูหนึ่งชิ้นใหญ่นี้สามารถเจียวเอาน้ำมันหมูออกมาได้ไม่น้อย ที่บ้านสามารถทานได้พักหนึ่งเลย ของมากมายหนึ่งตะกร้านี้อย่างน้อยก็มีค่าเป็เงินยี่สิบหรือสามสิบเหวิน มากกว่าเงินค่าแรงหนึ่งวันของนางอีก แค่ทำงานเกินเวลามาครึ่งชั่วยาม สกุลหูซื่อสัตย์จริงใจแล้วยังใจกว้างจริงๆ
หั่นเนื้อเสร็จ งานกลับยังไม่เสร็จ หลี่ซื่อยุ่งกับการทำอาหารมื้อเย็นของทั้งครอบครัว ส่วนหวังซื่อกับชุ่ยจูกลับบ้านเก่าไปก่อนแล้ว เหลือเพียงหูฉางหลินอยู่ช่วยทำการหมักคลุกเคล้าชิ้นเนื้อ เนื้อหลายกะละมังนี่เป็งานที่ต้องใช้กำลัง แรงน้อยนิดคนไม่ขยับเลยจริงๆ
ผิงอันเลิกเรียนกลับบ้านมานานแล้ว พอกลับถึงบ้านก็ไปยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดกระท่อมกระต่าย เปลี่ยนน้ำให้อาหาร ปล่อยกระต่ายออกมาเคลื่อนไหว
ตอนค่ำครอบครัวสกุลหูที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก็ผล็อยหลับไป
เชิงอรรถ
[1] การเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็ 1 ใน 24 สารทของจีน เริ่มวันที่ 3, 4 หรือ 5 ในเดือนที่สองของแต่ละปีไม่เหมือนกัน
[2] ฝนเริ่มตก เป็ 1 ใน 24 สารทของจีน เริ่มวันที่ 18, 19 หรือ 20 ในเดือนที่สองของแต่ละปีไม่เหมือนกัน