มู้เซวี่ยนที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน ข้าว่าเ้าาาวิหคสีเพลิงตัวนี้ก็เป็สิ่งที่พวกเราช่วยกันสังหารทั้งนั้นแหละเ้าคิดว่าไง?”
มู้เซวี่ยนพูดแบบนี้ยังพอฟังได้หน่อยอย่างน้อยก็ไม่ได้ข่มขู่อะไรทำนองนั้น
ข้าพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้น“มันเป็สิ่งที่พวกเราช่วยกันสังหารก็จริงแต่ไม่ว่าจะแบ่งยังไงข้าก็จะเอากระดูกชิ้นนี้ของมันอยู่ดีเพราะมันค่อนข้างเหมาะกับการหลอมอาวุธิญญาของซูเหยียนส่วนอย่างอื่นจะไม่แบ่งให้พวกข้าก็ไม่เป็ไร แบบนี้คงจะสมเหตุสมผลพอแล้วใช่ไหม?”
มู้เซวี่ยนชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูด“อืม แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน แล้วเ้าว่าไงล่ะฟางชิงยวน?”
คนที่ถูกเอ่ยถามขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูด“มันก็แค่าาวิหคสีเพลิงตัวหนึ่งเท่านั้น ใครจะเอาอะไรก็เอาไป ข้าไม่สนอยู่แล้ว”
ข้าขมวดคิ้วเข้มพลางบอก“หยู่เหวินชิง มู้หยิงหยิงพวกเ้าสองคนต่างก็ช่วยสังหาราาวิหคสีเพลิงตัวนี้หมือนกัน จะเอาอะไรก็ไปเอาเอง”
“เื่นั้น...”
หยู่เหวินชิงชะงักเล็กน้อยเหมือนไม่กล้าจะหน้าด้านเอาอะไรไปเยอะจึงพูดหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าขอขนปีกของมันหนึ่งร้อยเส้นก็แล้วกัน”
ดูเหมือนว่าเขาจะฉลาดไม่เบาเหมือนกันถึงได้เลือกขนปีกที่สามารถนำไปหลอมพลังให้กับอาวุธิญญาได้
ว่าแล้วทั้งสองก็เดินขึ้นไปดึงขนของมันออกมาหนึ่งร้อยเส้นแต่ถึงกระนั้นขนของมันก็ยังเหลือเยอะอยู่ดีพอเห็นว่าขนของมันยังเหลืออยู่นับพันเส้น ข้า ซูเหยียน และถังเชวียหรานจึงได้มาอีกคนละร้อยเส้นหลังจากนั้นฟางชิงยวน มู้เซวี่ยน ถังจั๋ว และคนอื่นๆต่างก็ไปหยิบเพิ่มมาอีกพอประมาณจากาาวิหคสีเพลิงที่เคยมีขนปกคลุมร่างกายอย่างแข็งแกร่งตอนนี้กลับกลายเป็เหมือนนกย่างที่ไม่มีขนเหลืออยู่เลยสักเส้นเดียว
ข้าขึ้นไปถอนขนาาวิหคสีเพลิงที่เหลือลงมาให้จวงเหิงซิ่งกับหวินยู่ก่อนจะพูดขึ้น“ข้าว่าพวกเ้ากลับออกไปข้างนอกเถอะ ตอนนี้ยังโชคดีที่ไม่เป็อะไรแต่ถ้าชั้นที่สี่...ข้าว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับพลังในตัวเ้าเท่าไรเพราะถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมันจะแย่เอาได้”
จวงเหิงซิ่งพยักหน้าอย่างตื้นตันใจเพราะขนของาาวิหคสีเพลิงเป็สิ่งที่หายากแม้ว่าจะมีเงินก็อาจจะซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำเขารับและนำมันใส่ลงไปในแหวนกระดูกจักรภพก่อนจะพูด “ปู้อี้เชวียนหลังจากนี้พวกเ้าต้องระวังตัวให้มาก...ถ้าอย่างนั้นข้ากับหวินยู่ออกไปข้างนอกก่อนแล้วกันขอให้เ้า ซูเหยียน และถังเชวียหรานได้เข้าไปเป็หนึ่งในสิบอันดับแล้วกัน!”
“อืม ขอบใจ”
“และอีกอย่างหนึ่ง...”
เขาลดเสียงต่ำลงก่อนจะพูด“ระวังฟางชิงยวนกับมู้หยิงหยิงด้วยล่ะ”
ข้ายิ้มพลางตอบกลับ“รู้แล้วน่า”
พอได้ยินแบบนั้นข้าก็พอจะดูออกว่าจวงเหิงซิ่งเห็นว่าข้าเป็เพื่อนจริงๆ แล้วล่ะไม่อย่างนั้นคงจะไม่ตักเตือนด้วยความหวังดีขนาดนี้เป็แน่เพียงชั่วพริบตาเดียวจวงเหิงซิ่งและหวินยู่ก็เป่าขลุ่ยกระดูกแล้วหายวับออกไปแม้ว่าคะแนนของเขาจะมีไม่มากพอที่จะเข้าไปอยู่ในสิบอันดับแต่การได้เข้ามาถึงชั้นที่สามก็สามารถไปคุยโอ้อวดได้อย่างไม่อายใครแล้วล่ะ
ฟางชิงยวนและมู้เซวี่ยนทิ้งคะแนนสะสมของตัวเองเอาไว้ที่หินาาสรรพสัตว์ก่อนจะลงไปยังชั้นต่อไป
ส่วนผู้เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยต่างก็ยืนรออยู่ข้างๆก้อนหินอย่างไม่รีบร้อนเพื่อรอดูการจัดอันดับที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงและอีกอย่างแต่ละคนก็ปล่อยให้พวกที่แข็งแกร่งลงไปจัดการกับสัตว์ิญญาก่อนเมื่อถึงเวลาที่ตัวเองลงไปจะได้ปลอดภัยกว่าเดิมและอีกอย่างก็ยังมีอีกหลายคนที่เอาแต่ชำแหละเนื้อและชิ้นส่วนของาาวิหคสีเพลิงเพื่อนำไปขายด้านนอกเพราะแต่ละส่วนของมันเป็สิ่งหายากที่มีราคาสูงเป็ล้านเหรียญพอพวกเขาเอาไปจนสาแก่ใจแล้ว จากนั้นก็เลือกเป่าขลุ่ยกระดูกกลับออกไปเลยแต่การทำแบบนั้นมันเหมือนกับพวกค้าขายมากกว่าผู้ฝึกฝนิญญาเสียอีก!
เพราะแบบนั้นจึงทำให้ข้าคิดถึงซ้งเชียนขึ้นมาถ้าเขาอยู่ด้วยข้าว่าแม้แต่หนังของมันก็ต้องถูกถลกออกด้วยเป็แน่เพราะถ้าไม่เอาไปจนหมดจดก็ไม่เรียกว่าซ้งเชียนแล้วล่ะ
ขณะนั้นข้าก็รู้สึกว่ามีพลังที่รุนแรงบางอย่างฝังตัวอยู่ในซากศพของาาวิหคสีเพลิงตัวนั้นจึงพูดขึ้น“ในร่างของาาวิหคสีเพลิงมีอะไรบางอย่าง!”
คนอื่นๆที่ชำแหละซากของมันกลับไม่มีใครพบสิ่งที่ก่อตัวขึ้นจากพลังไสยศาสตร์ของมันสักคนเพราะว่าเ้าของของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้น่ะสิ!
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาแล้วกรีดลงไปยังขาขวาของมันจนเืสีทองร้อนๆไหลทะลักออกมาแต่เมื่อเืของมันไหลออกมาแล้วก็ทำให้รู้สึกถึงพลังไสยศาสตร์ที่ไหลออกมาด้วยแม้ว่าด้านในจะไม่มีอาวุธิญญาแต่ก็เป็ถึงอัญมณีไสยศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น!
มันคือก้อนอัญมณีที่ส่องแสงแวววาวอย่างสวยงามไร้ที่ติผิวนอกมีลวดลายของลายสักที่ส่องแสงสีทองประกายและเคลื่อนตัวไปตามก้อนอัญมณีเหมือนลายน้ำที่ไหลรินทำให้คนที่ดูอยู่ถึงกับตะลึงงัน
“อัญมณีไสยศาสตร์ที่เกิดจากเืของสัตว์ิญญาระดับแปดขั้นจักรพรรดิ...มันเป็สิ่งที่สามารถหลอมพลังให้กลายเป็อาวุธิญญาระดับทองได้เลยนะ!”
ถังเชวียหรานว่าพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “การสังเกตของเ้านี่สุดยอดจริงๆ เลยปู้อี้เชวียน!”
ข้ารีบโยนมันเข้าไปในแหวนกระดูกจักรภพก่อนจะพูด“ถ้าอย่างนั้นข้าเก็บไว้เองแล้วนะ?”
ซูเหยียนยิ้มก่อนจะพูดขึ้น“เ้าจะเก็บไว้เองก็ตามใจสิ ข้าว่าพวกเราไปดูการจัดอันดับกันเถอะข้าเห็นฟางชิงยวนใช้เพลงกระบี่โลกชิตสังหารวิหคสีเพลิงไปตั้งเยอะข้าว่าคะแนนของเขาจะต้องขึ้นนำเ้าไปแล้วแน่ๆ”
“ไม่เป็ไรเพราะถึงยังไงคะแนนจากการสังหาราาวิหคสีเพลิงก็เข้ามาในสายรัดผูกิญญาของข้าอยู่ดี”
ข้าเดินไปและทาบมือลงบนก้อนหินาาสรรพสัตว์ทันทีและก็เป็ไปตามคาดเมื่อรายชื่อของฟางชิงยวนที่เคยอยู่อันดับหนึ่งได้เลือนหายไปกลายเป็ลำดับที่สองทว่าลำดับที่หนึ่งกลับมีตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยพลังของผู้เป็บรรพบุรุษขึ้นมาใหม่มันเป็ตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘ปู้อี้เชวียน’สามตัวที่ซึ่งเขียนขึ้นมาด้วยความทรงพลังจนน่านับถือ
“รายชื่อของเ้าขึ้นมาแทนที่ฟางชิงยวนจริงๆ ด้วย”
ซูเหยียนว่าแล้วก็ทาบมือลงไปบ้างและชื่อของนางก็ขึ้นมาอยู่เป็ลำดับที่สามแทนมู้เซวี่ยนทันที
ส่วนถังเชวียหรานก็ขึ้นมาอยู่ลำดับที่สามและเขี่ยชื่อของมู้เซวี่ยนลงไปยังลำดับที่สี่เช่นกันคงจะเป็เพราะนางใช้ธนูคลื่นมรกตสังหารวิหคสีเพลิงมากกว่ามู้เซวี่ยนนั่นเอง
“เจอกันชั้นที่สี่”
“อืม แล้วเจอกัน!”
...
สวบ!
ร่างกายของข้าถูกพลังิญญาดูดลงมายังอีกโลกหนึ่งซึ่งก็เป็การตกลงมาจากความสูงสิบกว่าเมตรเหมือนเดิมข้าจึงเคลื่อนพลังของเพลงขาเมฆาหมอกเพื่อให้ตัวเองลงสู่พื้นโดยไม่ได้รับาเ็รอบๆ ตัวเป็ป่ารกที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และพืชพรรณที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและพวกก้อนหินที่มีกลิ่นอายที่ไม่เคยััมาก่อนหน้านี้เช่นกัน ตอนนี้ข้าจึงรู้ว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในโลกโบราณเข้าแล้ว
และนี่ก็คือชั้นที่สี่ของสนามประลองเซินยวนอย่าง‘โลกอำมหิต’ หนึ่งในสถานที่ที่สมาคมเทพศาสตราวุธสร้างขึ้นมา
ข้าไม่ได้รีบร้อนสำรวจพื้นที่รอบๆแต่กลับนั่งลงพลางหยิบเนื้อเสือัและปลาหลีฮื้อหลงหลิงออกมากินพร้อมกับดื่มน้ำแล้วพักผ่อนร่างกายกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้พละกำลังกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้งถึงได้ออกเดินทางต่อ
เมื่อเห็นว่าหนอนพิษสีสันสดใสตัวน้อยๆกำลังไต่อยู่บนกิ่งไม้ใหญ่้า ข้าก็รีบออกจากสถานที่ที่ไม่เป็มงคลแห่งนี้ทันทีหลังจากที่จัดการงูพิษสองสามตัวที่คอยรังควานข้าก็มาหยุดอยู่ตรงกิ่งไม้บนยอดเขาสูง บริเวณรอบๆเป็ป่าทึบซึ่งสามารถปกปิดสิ่งที่อยู่ด้านล่างได้เป็อย่างดีแต่เมื่อมองไปด้านหน้าก็เห็นว่ามีควันไฟลอยขึ้นมาเหนือยอดไม้ท่ามกลางเสียงนกร้องกันเจี๊ยวจ๊าว
นึกไม่ถึงเลยว่าที่แห่งนี้จะมีคนอาศัยอยู่!
ทว่าเมื่อมองไปยังเพิงพักที่สร้างเป็รูปสามเหลี่ยมก็ดูจะไม่ใช่คนรุ่นใหม่อย่างที่คิดไว้หรือจะเป็พวกชนเผ่าเหมือนกับชื่อโลกอำมหิตแห่งนี้อย่างนั้นเหรอ?
ซึ่งพวกเราต่างก็รู้ดีว่าด้านนอกกำแพงแห่งชีวิตมีผู้คนอาศัยอยู่ทว่าคนเ่าั้เป็พวกชนเผ่าโบราณชื่อว่าชนเผ่าอำมหิตที่ฝึกฝนวิชาโบราณและมีวัฒนธรรมต่างจากพวกเราถึงพันกว่าปี
และความแตกต่างทางวัฒนธรรมนี้เองที่ทำให้เกิดความแตกแยกซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่าชนเผ่าที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้จะมีการฝึกวิชาโบราณอย่างที่เล่าขานกันมาหรือเปล่า
เมื่อใช้พลังั์ตาเวทมองไปก็เห็นว่าภายในชั้นที่มีหมอกหนาทึบนั้นเป็หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งและมีก้อนหินใหญ่ส่องแสงเปล่งประกายตั้งอยู่ตรงกลางท่ามกลางแท่นหินรายล้อมอยู่ข้างๆ
นึกไม่ถึงเลยว่าหินาาสรรพสัตว์จะตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านแห่งนี้!
นี่ทางสมาคมคง้าให้พวกข้าสู้รบกับชนเผ่าอำมหิตก่อนถึงจะผ่านไปได้อย่างนั้นเหรอ?
ข้าขมวดคิ้วเข้มและรอเวลาเพื่อให้ท้องฟ้ามืดลงเสียก่อนจากนั้นค่อยเข้าไปโจมตีซึ่งน่าจะเป็วิธีที่ดีที่สุดเพราะถึงอย่างไรข้าก็ค่อนข้างถนัดการโจมตีตอนกลางคืนอยู่แล้ว
ขณะนั้นเงาของคนที่อยู่ไกลออกไปกว่าสองพันเมตรอย่างหยู่เหวินชิงก็เหาะลงมาจากูเาแล้วมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของชนเผ่าอำมหิตโบราณทันทีหยู่เหวินชิงเป็พวกใจร้อนเมื่อเจอกับคนของชนเผ่าอำมหิตโบราณจะไม่มีทางไว้ชีวิตอย่างแน่นอนแต่บางที...บางทีการสังหารพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณอาจจะเป็วิธีการฝึกฝนอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนของการประลองก็เป็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นข้าก็ถอนหายใจออกมายาวๆชนเผ่าอำมหิตโบราณคงจะเป็มนุษย์กลุ่มหนึ่งเหมือนกับเราซึ่งถูกจับมาขังไว้ในกรงเหมือนกับสัตว์ที่รอวันถูกเชือดสินะ...
ขณะที่ข้ากำลังครุ่นคิดอยู่ก็มีเสียงของของแหลมพุ่งทะลุอากาศเข้ามา
ลูกธนู!
ข้ารีบเอนหลังลงแล้วใช้มือยันพื้นดินเพื่อให้ร่างกายถอยหลบไปหลายสิบเมตรขณะที่ข้าเบนตัวหลบอยู่นั้นลูกธนูก็พุ่งเข้าไปชนกับต้นไม้ที่หนากว่าหนึ่งเมตรจนแตกออกมันเป็ลูกธนูที่ร้ายกาจรุนแรงและยังมีพลังไสยศาสตร์ปกคลุมอยู่อีกด้วย
“ใครกัน!?”
ข้าปล่อยจิตให้สงบและพยายามตามหาคนที่ยิงธนูลูกนี้เข้ามาด้วยการจับความร้อนของร่างกายไม่นานข้าก็รู้ทันทีว่าเขาคือคนที่สวมชุดหนังสัตว์อยู่ในป่าใหญ่ถึงแม้ในมือของเขาจะถือหอกยาวอยู่ ทว่าก็ยังมีธนูห้อยไว้ด้านหลังคนที่อายุประมาณยี่สิบปียืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้วยแววตาดุร้ายและหายใจอย่างแ่เบาดุจเหยี่ยวที่กำลังล่าเหยื่อในยามค่ำคืนก็ไม่ปาน
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังหลายอย่างที่ก่อตัวรวมกันเป็พลังของไสยศาสตร์และการที่เขาสามารถยิงธนูได้อย่างรุนแรงก็เป็เพราะพลังไสยศาสตร์ที่ว่านี่เอง!
เพียงชั่วพริบตาเมื่อเขารู้ว่าถูกจับตำแหน่งของตัวเองได้ก็ร้องออกมาเสียงแหลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าอกของข้าด้วยหอกปลายแหลมที่มีเืติดอยู่ช่างเป็การโจมตีที่ร้ายกาจจริงๆ!
ไม่มีคำว่ากฎเกณฑ์ในสนามเซินยวนดังนั้นข้าก็ไม่จำเป็ต้องใจอ่อน ฆ่าได้ก็ฆ่า!
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาไว้ในมือก่อนจะใช้พลังของมหาัั์และพลังของสี่พลังรวมเป็หนึ่งที่เปล่งประกายแสงสีเงินแล้วฟันตรงไปยังหอกยาวของเขาอย่างแรง
ปั้ง!
ข้าโจมตีไปแค่ครั้งเดียวเขาก็ถึงกับลอยปลิวไปตกบนต้นไม้ใหญ่ใบหน้าของเขามีความอำมหิตและเคียดแค้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมทั้งยังพูดบางอย่างด้วยภาษาที่ข้าฟังไม่รู้เื่
อยู่ๆก็มีพลังไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบๆ หอกยาวเล่มนั้นจากนั้นก็ะเิเป็สนามพลังที่แข็งแกร่ง นึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้วิธีการใช้วรยุทธ์และยังเป็วรยุทธ์โบราณอีกต่างหาก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้