ข้ามีนามว่าซ่งฉียวน วันเกิดของข้าคือวันครบรอบการเสียชีวิตของคนทั้งตระกูล
วันนั้นจวนตระกูลซ่งจัดงานเฉลิมฉลอง ทั้งยังประดับประดาโคมไฟไว้อย่างสวยงาม ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ภายในจวนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ข้านั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมซึ่งมีอาหารจัดวางเอาไว้ด้วยความเรียบร้อย พลางเขย่าขาทั้งสองข้างอย่างเบื่อหน่าย
แอบเหลือบมองท่านแม่ผู้งดงามและใจดีที่อยู่ด้านซ้าย แล้วมองไปยังท่านพ่อที่นั่งหลังตรงอยู่บนที่นั่งหลัก ใบหน้าของท่านที่ปกติจะเคร่งขรึมมาโดยตลอดตอนนี้กลับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ที่ยากจะได้พบเห็น
ณ ตอนนี้ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองถูกยกย่องว่าเป็อัจฉริยะแห่งผู้บำเพ็ญเพียรเป็เซียนนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็เื่ที่ไม่ดีอะไร
แม้ว่าการฝึกตนในทุกๆ วันจะมีความยากลำบากและน่าเบื่อเป็อย่างมาก ทว่าแลกกับการได้รับการยอมรับจากท่านพ่อและรอยยิ้มจากท่านแม่ เช่นนั้นก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ครั้งนี้เป็วันเกิดที่ข้าอายุครบสิบปี ท่านพ่อรับปากว่าจะบอกความลับเกี่ยวกับตระกูลซ่งให้ข้าฟังในวันเกิดครั้งนี้และจะถ่ายทอดวิทยายุทธ์อันล้ำเลิศให้แก่ข้าซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองต่อไป
ข้ารู้สึกตื่นเต้นมาก นี่แสดงว่าข้าจะได้รับการยอมรับจากผู้าุโ ทั้งยังเริ่มช่วยแบ่งเบาภาระบางส่วนของท่านพ่อได้แล้ว!
แต่ในขณะที่ท่านพ่อประกาศเริ่มงานเฉลิมฉลองอยู่นั้น ฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็ได้เริ่มต้นขึ้น...
ไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นั้นเข้ามาในจวนได้อย่างไร
ตระกูลซ่งถือเป็หนึ่งในหกตระกูลใหญ่ งานวันนี้มียอดฝีมือมารวมตัวกันย่อมต้องมีการคุ้มกันอย่างแ่า ทว่าคนผู้นั้นกลับสามารถเข้ามาถึงห้องโถงหลักได้อย่างเงียบเชียบ แค่จุดนี้ก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาได้โดยไร้สาเหตุ...
ผู้มาสวมเสื้อคลุมยาวสีแดงสด ริมฝีปากเป็สีแดงโดยธรรมชาติ มุมปากยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ใบหน้างดงามปรากฏสู่สายตา ยามต้องแสงสีน้ำเงินเข้มในยามราตรีตอนที่อยู่ด้านนอกประตูนั้นช่างงดงามอย่างแปลกประหลาด
ข้าได้แต่มองอย่างใจลอย ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ เพียงแต่สังเกตได้ถึงสายตาของเขาซึ่งเพ่งมองมาที่ข้าโดยตรง ภายในนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร เมื่อเขาเปิดปาก น้ำเสียงที่เยือกเย็นก็ถูกเปล่งออกมา
“ในที่สุดก็พบเ้าแล้ว”
เสียงพูดยังไม่ทันหยุดลง กระแสจิตสังหารที่เยือกเย็นก็แผ่ไปทั่วทั้งห้องโถงหลักทันที
ทุกคนในตระกูลซ่งต่างตื่นตระหนก ท่านพ่อของข้าและเหล่าผู้าุโของตระกูลต่างเข้ามาช่วยกันปกป้องข้าที่อยู่ด้านหลังด้วยความกังวล สีหน้าของทุกคนนั้นดูเคร่งเครียดจนยากที่จะปกปิด ข้าได้ยินพวกเขาพูดว่าจอมปีศาจอะไรสักอย่างที่มีชื่อว่า อวี๋เคอ อีกทั้งคำถามมากมายที่ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดคลุ้มคลั่ง?
แต่ข้ารู้อย่างหนึ่งว่า คนผู้นี้ไม่เคยละสายตาไปจากข้าั้แ่ก้าวผ่านประตูเข้ามา ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับหนูตัวหนึ่งที่กำลังถูกงูพิษจ้องอยู่ ทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ผู้ที่เริ่มลงมือก่อนเป็ท่านพ่อของข้า ในฐานะเ้าบ้านของตระกูลซ่งแล้วท่านต้องเป็คนแรกที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้เพื่อเป็แบบอย่างที่ดี
ถึงแม้ว่า…
ท่านจะรู้ว่าผลลัพธ์ที่ทำไปนั้นจะออกมาเป็อย่างไร
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับเชื่องช้าอย่างน่ากลัวในความรู้สึก เมื่อข้าตั้งสติได้แล้วกลับพบว่าภายในห้องโถงตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ยังสามารถทรงตัวยืนได้อยู่
นั่นคือ ข้า เขา และบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขามาโดยตลอด
เสื้อคลุมยาวสีแดงสดของเขากลายเป็สีแดงเข้ม แทบจะเรียกได้ว่าถูกเืสาดกระเซ็นจนเปียกไปทั่วร่างกาย มีรอยแดงปรากฏอยู่บริเวณแก้มที่ซีดขาว มือทั้งสองข้าง ลำคอ ใบหน้าด้านข้าง และทั้งหมดนั้นคือเืสีแดงฉานที่พุ่งกระฉูดออกมาจากร่างกายของคู่ต่อสู้
ข้าเห็นกับตาว่าเขาใช้มือคู่นั้นจบชีวิตของท่านพ่อ ทั้งยังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ตุบ”
ในที่สุดเข่าที่สั่นก็รองรับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหวอีกต่อไป ข้าคุกเข่าลงบนพื้น โถมตัวลงกอดบนศพของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วร้องไห้เสียงดังลั่น
ปีศาจร้าย! เขาคือปีศาจร้ายในชุดสีแดง!
ขณะที่กำลังใจลอยอยู่นั้น ข้าก็ได้ยินเสียงของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายคนผู้นั้นเอ่ยถามขึ้น
“ท่านจอมปีศาจ จะให้ฆ่าทิ้งหรือว่าไว้ชีวิตไปก่อนขอรับ? ”
“อ้อ หากฆ่าเร็วไปก็คงน่าเบื่อแย่ กว่าจะหาตัวพบไม่ใช่ง่ายๆ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ยังอ่อนแอแบบนี้ จะเก็บไว้เล่นสนุกอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็ไร”
แท้จริงแล้วเขาผู้นั้นก็คือจอมปีศาจ เขาก็คืออวี๋เคอ
อวี๋เคอ อวี๋เคอ
สักวันหนึ่งข้าจะเปลี่ยนวันเกิดของตัวเองให้กลายเป็วันครบรอบการตายของเ้าให้ได้!!