“หืม?” องค์จักรพรรดิเริ่มเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบื้องหน้าอีกครั้ง
ด้วยสายตาอันแสนเฉียบแหลมที่มี แน่นอน พระองค์ย่อมดูออกอยู่แล้วว่าเป่ยทงเสวียนกับหญิงโคมเขียวตรงหน้าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเขาไม่สนว่าทั้งสองคนเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งซาบซ่านเพียงใด สิ่งที่เขาปรารถนาคือการขัดขวางงานแต่งระหว่างเป่ยทงเสวียนกับลูกสาวของซือหม่าสวี่เท่านั้น
ทว่าท่าทีของเป่ยทงเสวียนช่างแน่วแน่เหลือเกินแน่วแน่จนเขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมา แน่วแน่จนยอมฆ่าหญิงที่ชื่อหรูเยี่ยนได้โดยไม่คิดเสียดาย
องค์จักรพรรดิรู้ดีว่า ตนและลูกชาย้าจะขัดขวางงานแต่งระหว่างเป่ยทงเสวียนกับลูกสาวของซือหม่าสวี่เช่นเดียวกันดังนั้น ในเมื่อเขากล้าเสนอให้ใช้การประลองครั้งนี้เป็การตัดสิน แสดงว่าเขามั่นใจว่าจะชนะในการประลองอย่างแน่นอนซึ่งองค์จักรพรรดิก็ไม่ทราบเช่นกัน ว่าการไว้ชีวิตหญิงผู้นี้มีประโยชน์หรือไม่อย่างไรแต่พระองค์อยากให้ลูกชายลองทำในสิ่งที่้าดู
ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าแล้วมองไปยังลูกชายอีกคนด้วยรอยยิ้ม
“ยิ่นเอ๋อร์ เ้าคิดว่าความคิดของเซวียนเอ๋อร์เป็อย่างไรบ้าง?”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเหลืองก้าวมาหยุดอยู่กลางตำหนัก ประสานมือคารวะพลางกล่าวตอบ“แล้วแต่เสด็จพ่อจะเห็นชอบพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” องค์จักรพรรดิพยักหน้าอย่างพอใจเขาชอบลูกชายคนนี้มาก แม้จะมีรูปลักษณ์ธรรมดา ไม่หล่อเหลา ความคิดความอ่านรวมไปถึงความสามารถด้านพลังก็ธรรมดามากเช่นกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็อย่างมากนั่นก็คือความกตัญญูที่ลูกชายคนนี้มี หรืออาจเรียกว่าเป็ความเชื่อฟังก็ได้
ถูกต้องแล้ว องค์รัชทายาท เซี่ยโหวยิ่นเป็ผู้มีนิสัยว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังจนใกล้เคียงกับคำว่าเขลาก็ว่าได้
แต่องค์จักรพรรดิหาได้ใส่ใจเื่นี้ไม่เพราะพระองค์เป็คนฉลาดมากอยู่แล้ว จึงไม่้าคนที่ฉลาดเกินไปอีก อย่างเช่นลูกชายคนที่สามที่ตายไปแล้วรวมไปถึงเซี่ยโหวเซวียนที่ยืนอยู่เบื้องล่างในตอนนี้ด้วย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็เริ่มการประลองขึ้นเถิด! ข้าอยากเห็นความสามารถของคนรุ่นใหม่ในแผ่นดินมากจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว!”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากองค์จักรพรรดิคนทั้งหลายจึงแยกออกไปยืนอยู่ที่สองข้างของตำหนัก ซูฉางอันประคองหรูเยี่ยนที่หมดสติไปยืนอยู่ข้างเซี่ยโหวฟ่งอวี้กับเซี่ยโหวเซวียนด้วยเช่นกันเขาจ้องมองไปที่หลงเซี่ยงจวินผู้กระพือพัดในมืออย่างสำราญใจด้วยความแค้นเคืองจากนั้นหันไปบอกกับเซี่ยโหวเซวียนข้างๆ “ขอบพระทัยองค์ชายห้า”
“คุณชายซูเกรงใจกันเกินไปแล้ว”เซี่ยโหวเซวียนตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นสั่งให้ขันทีข้างๆมารับหรูเยี่ยนไปจากซูฉางอัน และดูแลอย่างใกล้ชิดในจุดที่ไม่ไกลออกไป “คุณชายซูไม่ต้องห่วงแม่นางหรูเยี่ยนหรอก ข้าสั่งให้คนดูแลนางอย่างดีตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำคือเอาชนะการประลองให้ได้ มีเพียงทางนี้ ถึงจะช่วยแม่นางหรูเยี่ยนได้อย่างแท้จริง”
“อืม” ซูฉางอันพยักหน้า
“ฉางอัน เ้าไปพักก่อนเถอะ การประลองยกแรกเ้ายังไม่ต้องเข้าร่วมหรอก”เซี่ยโหวฟ่งอวี้ที่อยู่ข้างกันยื่นแก้วใบหนึ่งมาให้ด้วยท่าทางเป็ห่วงเป็ใยในนั้นคือน้ำเปล่า... นางรู้ดีว่าศิษย์น้องผู้นี้ไม่ชอบดื่มสุรา
“อืม” ซูฉางอันพยักหน้า ส่งยิ้มไปให้เซี่ยโหวฟ่งอวี้แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดูเหมือนเซี่ยโหวฟ่งอวี้พยายามหลบตาเขาอยู่เสมอทว่าเพราะคิดถึงแต่เื่ของการประลอง ซูฉางอันจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
“การประลองเริ่มขึ้นได้!”ขันทีคนหนึ่งเดินไปหยุดอยู่กลางตำหนัก แล้วะโด้วยเสียงแหลมอันเป็เอกลักษณ์
ตัวแทนของฝ่ายขององค์รัชทายาทเป็ชายที่น่าจะมีอายุราวยี่สิบกว่าๆใบหน้าสะอาดสะอ้าน มือถือกระบี่ยาวเอาไว้เขาทะยานมายืนตระหง่านอยู่ข้างตำหนักอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายขององค์ชายห้าส่งตัวแทนเป็ชายร่างกำยำออกไปเช่นกัน เหมือนว่าชายคนนี้มีอายุมากขึ้นมาเสียหน่อยดูมีอายุราวยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี คนผู้นี้มีร่างกายสูงใหญ่ บึกบึน ก้าวออกมาพร้อมกับขวานขนาดใหญ่กว่าร่างของซูฉางอันเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีการทักทายใดๆ แม้เพียงคำเดียว ทั้งสองเข้าปะทะทันทีที่ได้พบหน้า
ทว่าบัดนั้น ซูฉางอันกลับหน้าถอดสี เดิมที เขาคิดว่าเป็เพียงการประลองแสนธรรมดาเท่านั้นแต่ ณ เวลานี้เขาถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เพราะคนทั้งสองโจมตีใส่กันอย่างรุนแรงและโหดร้าย ต่างใช้ท่าไม้ตายซึ่งเป็กระบวนพิฆาต และไม่แม้จะหลบเลี่ยงจุดสำคัญต่างๆ บนร่างของฝ่ายตรงข้ามราว้าจะเอาชีวิตอีกฝ่ายให้ได้เช่นนั้น
เพียงไม่ถึงสิบห้านาที ร่างของคนทั้งสองกลับอาบไปด้วยเืแล้ว
แต่ท้ายที่สุด ชายร่างกำยำเป็ฝ่ายพ่ายแพ้ลง ชายผู้เป็คู่ต่อสู้จับจุดอ่อนในกระบวนท่าของเขาได้จึงฉวยโอกาสตัดเส้นเอ็นข้อมือซ้ายของเขาด้วยกระบี่ ทำให้ชายร่างใหญ่พ่ายลงในที่สุด
แม้าแบนร่างกำยำไม่อันตรายจนถึงแก่ชีวิตแต่นั่นก็ทำให้มีเืหลั่งออกมาจนโชกร่างใหญ่ไปหมด
ซูฉางอันมองตามร่างใหญ่ที่ถูกยกออกจากตำหนัก จากนั้นหันไปมองเซี่ยโหวฟ่งอวี่อย่างไม่อยากจะเชื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าศิษย์พี่ไม่มีทางทำเื่ที่เป็อันตรายต่อตนแน่นอนเขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมศิษย์พี่ถึงไม่บอกให้ชัดเจนว่าเป็การประลองเช่นนี้? เขาจะได้เตรียมตัวั้แ่แรก
แต่บัดนี้ เซี่ยโหวฟ่งอวี่กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจงใจหลบตาเขาแค่คิดก็รู้แล้วว่าซูฉางอันในตอนนี้คิดและรู้สึกอย่างไรบ้าง และนางจินตนาการออกว่าสีหน้าของตนในตอนนี้ย่ำแย่เพียงไหนนางไม่อยากและไม่กล้ามองซูฉางอันเลยจริงๆ
“ศิษย์พี่ การประลองในครั้งนี้สำคัญกับท่านมากเลยรึ?” เสียงใสซื่อของซูฉางอันดังขึ้น
เซี่ยโหวฟ่งอวี้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทันทีทันใดและเมื่อได้เห็นดวงตาคู่นั้น ดวงตาของเขาไม่มีความเคียดแค้นหรือโกรธเคืองแฝงแม้แต่น้อยใบหน้าตรงหน้า เป็ใบหน้าที่มีเพียงรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์และจริงใจจนไม่อาจสรรหาคำไหนมาอธิบายจากชายหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“อืม” เซี่ยโหวฟ่งอวี้พยักหน้าตามคำสั่งของสัญชาตญาณขณะที่ในหัวใจกลับรู้สึกเ็ปอย่างไม่อาจเอื้อนเอ่ย
“วางใจเถอะ ข้าจะเอาชัยชนะกลับมาให้ท่านเอง เพราะมันสำคัญกับท่านและสำคัญกับพี่หรูเยี่ยนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่มีทางแพ้เด็ดขาด”พูดไปพลาง ซูฉางอันก็ทะยานไปยืนตระหง่านอยู่กลางตำหนักไท่เหอ เขาดึงดาบออกจากฝัก กระชับเอาไว้ในมือขณะที่ดาบคมก็ส่องประกายสว่างไสวอยู่กลางตำหนัก
“ทึ่มได้น่ารักน่าชังเสียจริง”ในที่สุดหลงเซี่ยงจวินที่ยืนอยู่อีกด้านก็เดินมายืนอยู่ข้างเซี่ยโหวเซวียน
เซี่ยโหวฟ่งอวี้นิ่งเงียบไป นางจ้องไปยังร่างผอมกลางตำหนักก่อนบางอย่างจะรื้นออกมาจากดวงตา
“ด้วยนิสัยของเขาในตอนนี้ที่ยังอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เป็เพราะความช่วยเหลือจากอวี้เหิงล้วนๆ แต่อวี้เหิงกำลังจะตายแล้วต้องมีใครสอนระเบียบของเมืองฉางอันกับเขาบ้าง” บัดนี้ใบหน้าของเซี่ยโหวเซวียนไม่มีวี่แววความอบอุ่นอย่างที่เคยเป็หลงเหลืออยู่เลยมุมปากของเขาถูกยกขึ้นจนกลายเป็รอยยิ้มอำมหิตท่าทีของเขาในตอนนี้ช่างแลดูเย็นะเืเหลือเกิน
“เกมนี้ สหายหลงเดินหมากได้สมบูรณ์แบบจริงๆนอกจากจะทำลายชื่อเสียงของเป่ยทงเสวียนได้แล้ว ยังบีบให้เ้าเด็กทึ่มมาเป็พวกเดียวกับเราได้ด้วยเดิมทีข้ากังวลว่าหากพี่ใหญ่ควบคุมซีเหลียงได้แถมยังมีตระกูลกู่แห่งดินแดนทางเหนือคอยช่วยเหลือ สถานการณ์ของพวกเราจะยิ่งวิกฤติเสียอีกแต่บัดนี้ เมื่อมีมหาอำนาจอย่างสำนักเทียนหลานคอยหนุนหลังพวกเรากับพี่ใหญ่ก็มีคะแนนเสมอกันแล้ว” เซี่ยโหวเซวียนบอกเช่นนั้น
เป็จริงดังนั้น สำนักเทียนหลานทรงอำนาจมาก แม้สำนักเทียนหลานในตอนนี้ไม่อาจเทียบเคียงสำนักเทียนหลานในอดีตและแม้อวี้เหิงจะแก่ชรามากแล้วก็ตาม แต่เซี่ยโหวเซวียนไม่สนใจ เพราะเขารู้ว่าสำนักเทียนหลานยังมีนักรบแห่งดาราจักรอยู่อีกคนแม้คนผู้นั้นจากเมืองฉางอันไปนานมากแล้ว แต่ชีพดาราของเขายังคงสว่างไสวอยู่ดังนั้น เขาย่อมมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน และเพียงคนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่เซี่ยโหวเซวียนไม่เชื่อว่าเขาจะนิ่งดูดายกับศึกชิงอำนาจที่กำลังจะมาถึงได้เขาไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะทนเห็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสำนักเทียนหลาน ถูกฝูงหมาป่าในเมืองฉางอันฉีกทึ้งร่างโดยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้ลงคอ
“เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเป่ยทงเสวียนจะเืเย็นได้ถึงขนาดนี้ เขาฆ่าผู้หญิงที่รอเขามานานถึงสิบปีได้อย่างไม่ลังเลเลยสักนิดดูท่าก่อนหน้านี้ ข้าคงประเมินเขาต่ำเกินไป” เซี่ยโหวเซวียนพูดขึ้น
“เืเย็นงั้นรึ?” หลงเซี่ยงจวินส่ายหน้า ประกายรอยยิ้มบางๆขึ้นอย่างทรงเสน่ห์ “ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
อีกด้าน ซูฉางอันขับเคลื่อนปราณดาราในร่างขึ้นพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเกินกว่านักรบระดับหลอมจิตจะะเิออกมาจากร่างผอมเขามองไปทางฝั่งขององค์รัชทายาทด้วยสีหน้าเย็นะเื รอให้คู่ต่อสู้ปรากฏตัวขึ้นนั่นเอง
และแล้ว เขาก็สมปรารถนา
ร่างหนึ่งพุ่งแทรกออกมาจากฝูงคน
เป็ร่างของสตรีนางหนึ่ง
นางมีคิ้วคมได้รูป ใบหน้างดงามราวกับบุปผา ในมือถือกระบี่ยาวสามฉื่อเอาไว้ขณะที่อาภรณ์สีขาวบนร่างปลิวขึ้นอย่างพลิ้วไหว
นางยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ช่างแลดูงดงามเหลือเกินงดงามมากกว่าสิ่งใด ไม่ต่างไปจากเทพธิดาเลย
“เซี่ยนจวิน?” ซูฉางอันชะงักนิ่งไป เขามองไปยังสตรีที่ปรากฏตัวขึ้นแล้วครางชื่อของนางออกมาอย่างอดไม่ได้ “เ้าเองรึ!”
“ข้าเอง” กู่เซี่ยนจวินพยักหน้า แล้วพูดขึ้นอย่างขมขื่น
ซูฉางอันมองไปยังสตรีผู้เพิ่งฝึกกระบี่ร่วมกับตนเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนอย่างไม่เข้าใจเขารู้ว่ากู่เซี่ยนจวินจะมาร่วมงานในฐานะตัวแทนของตระกูลกู่แต่นางกลับไม่เคยบอกเลยว่าจะร่วมประลองด้วย
ซูฉางอันรู้สึกว่าเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ชักประหลาดขึ้นไปทุกที
การพบกันของคู่รักพรากจากกันไปนานกลับถูกแทนที่ด้วยการเหวี่ยงดาบสังหาร
การประลองที่ควรจะเป็การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือธรรมดาๆกลับกลายเป็การฟาดฟันหวังเอาชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น คู่ต่อสู้ของเขากลับเป็สตรีที่อยู่ร่วมกันเป็คนที่ตนได้เห็นหน้าทุกวันเสียอย่างนั้น
เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นอย่างประหลาด เขาพลันรู้สึกเสียใจที่ตนมาร่วมงานในครั้งนี้เหลือเกิน
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้วเขาไม่อยากทนเห็นหรูเยี่ยนต้องมาตายแบบนี้
นางเป็ซุ่ยอวี้ในความคิดของซูฉางอันแม้เป่ยทงเสวียนจะไม่ใช่หนานเยวียนของนาง แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ควรต้องมาตายอยู่ที่นี่
เขาคิดแบบนั้น จากนั้นจึงสลัดความคิดต่างๆและอารมณ์โกรธในใจออกไปจนหมด
เขาเงยหน้ามองกู่เซี่ยนจวิน ดวงตาของเขายังคงใสสะอาดดังเดิม
“การประลองในครั้งนี้ ข้าจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด”ซูฉางอันบอกแบบนั้น
นี่ไม่ใช่การประกาศาและเขาก็ไม่้าจะเผยความเด็ดเดี่ยว หรือประกาศตัดขาดกับกู่เซี่ยนจวินแต่อย่างใดเขาเพียงแค่อยากบอกกับนางว่าตนไม่อยากแพ้ เขาหวังว่ากู่เซี่ยนจวินจะยอมถอยให้เพราะสำหรับเขาแล้ว การประลองในครั้งนี้เป็เพียงการแสดงที่ถูกจัดขึ้นเพื่อตบตาองค์จักรพรรดิเท่านั้น
กู่เซี่ยนจวินไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องมาสู้อย่างเอาเป็เอาตายกับเขาซึ่งแตกต่างไปจากเขา! เขาจำเป็ต้องชนะให้ได้และเขาไม่อยากทำร้ายนาง เพียงเท่านั้นจริงๆ
แต่คำตอบที่เขาได้รับ กลับเป็คมกระบี่ทอประกายเย็นะเื
“คุณชายซู เ้าที่เป็เช่นนี้เอาชีวิตรอดในเมืองฉางอันไม่ได้หรอก”กู่เซี่ยนจวินเอ่ยขึ้นในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้